สุทินชี้ ถึงเวลาเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว กม.ปกติเอาอยู่ หรือที่ไม่เลิกเพราะกลัวแฟลชม็อบ?
https://www.matichon.co.th/politics/news_2180964
‘สุทิน’ จ้วง รบ.ปมให้ กอ.รมน.ทำโพลคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ คำตอบชัดอยู่แล้ว ถาม ทำไมไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามทำโพล
เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม นาย
สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกระแสข่าวที่รัฐบาลจะมอบหมายให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ทำโพลสำรวจความคิดเห็นประชาชนว่าจะให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ ว่า มองว่ารัฐบาลกำลังสร้างความชอบธรรมให้กับตนเองในการตัดสินใจที่จะคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไป และที่จะให้ กอ.รมน.เป็นฝ่ายที่ทำโพลยิ่งเห็นชัดเจนว่าคำตอบจะออกมาเป็นอย่างไร ถามว่าทำไมรัฐบาลไม่ให้ฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามเป็นคนทำโพลให้ หรือจะสอบถามประชาชนผ่านทางโซเชียลต่างๆ ก็ได้ แบบนี้น่าจะได้คำตอบที่ตรงกว่า ทั้งนี้ ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลควรยกเลิกการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วหันมาใช้ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อในการดูแลสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตามที่หลายฝ่ายเสนอ อย่างไรก็ตาม ขอตั้งข้อสังเกตว่าที่รัฐบาลอยากคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้ เพราะกังวลว่า Mob from home จะออกมาเป็นแฟลชม็อบเคลื่อนไหวต่อต้านใช่หรือไม่
ก้าวไกล อัดรัฐไร้สติปัญญา สั่งห้ามนายจ้างปิดงาน-ลูกจ้างนัดชุมนุม แต่ไม่มีมาตรการรองรับ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4108750
“วิโรจน์” โฆษกก้าวไกล จวกยับคำสั่งกระทรวงแรงงาน ห้ามนายจ้างปิดงาน ลูกจ้างห้ามชุมนุม ออกคำสั่งแต่ไม่มีมาตรการรองรับ
จากกรณีประกาศกระทรวงแรงงาน เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 63 เรื่องให้ข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้เข้าสู่การชี้ขาดของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ และห้ามนายจ้างปิดงานหรือลูกจ้างนัดหยุดงานในระหว่างประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน นั้น
เมื่อวันที่ 11 พ.ค. นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า รัฐบาลควรทำหน้าที่ดูแลประชาชน แต่คิดกลับเป็นยักษ์ที่ถือกระบอง สั่งห้ามนายจ้างปิดงาน รวมทั้งห้ามลูกจ้างนัดหยุดงาน หากผู้ประกอบการหรือโรงงานขาดทุน ไม่คุ้มกับต้นทุน ค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไป เปิดไปก็มีแต่ขาดทุน ก็อาจต้องมีการลดเงินเดือน ลดการทำงาน แต่ถ้าลูกจ้างไม่ยอมจะทำอย่างไร คำสั่งที่ออกมาไม่คำนึงถึงสภาพความเป็นอยู่ของธุรกิจหรือผู้ประกอบการหรือแม้แต่ตัวลูกจ้างเอง รัฐบาลมองเห็นปัญหาแต่เป็นการแก้ปัญหาที่ไม่มีสติปัญญา และเป็นวิธีของ [เผล่ะจัง] โดยแท้
นาย
วิโรจน์ กล่าวอีกว่า ตนเข้าใจว่าระหว่างการประกาศใช้คำสั่งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รัฐบาลต้องการสร้างความสงบเรียบร้อย หากสถานประกอบการมีการเลย์ออฟ นายจ้างไม่เปิดงาน ไม่จ่ายค่าจ้าง แรงงานอาจมีการชุมนุมเพื่อปากท้อง นี่คือสิ่งที่รัฐบาลออกคำสั่งเพื่อไม่ให้มีเหตุการณ์วุ่นวาย เพราะรัฐบาลคงรู้ว่าต่อไปคงมีแรงงานในระบบตกงานแน่ๆ กว่า 3 ล้านคน และยังไม่รวมแรงงานที่อยู่นอกระบบอีก ซึ่งรวมๆ แล้วน่าจะ 7 ล้านคน แทนที่รัฐบาลจะคิดว่าจะอุดหนุนนายจ้างอย่างไร ให้เงินกู้โดยใช้การจ้างงานเป็นกุศโลบายอย่างที่สหรัฐอเมริกาและหลายๆ ประเทศทำ เราให้เงินกู้แก่นายจ้างแต่ยังต้องมีการจ้างงาน รัฐบาลที่มีประสิทธิภาพเขาจะคิดเช่นนี้
นาย
วิโรจน์ ระบุว่า รัฐบาลไทยกลับไม่คิดแบบนี้ อาจไม่รู้จะสนับสนุนอย่างไร เลยออกคำสั่งว่าห้ามปิดงาน และคนงานห้ามชุมนุม เข้าใจว่ารัฐบาลยังคงเสพติดมาตรา 44 อยู่ ใช้แค่กระดาษเอ4 ในการออกคำสั่ง โดยไม่สนใจอะไร เสมือนรัฐบาลมีกรอบคิดเพียงมิติเดียวเท่านั้น และคาดว่าอีก 2-3 ปี เศรษฐกิจคงไม่ได้ฟื้นตัวอย่างเก่าได้ ทั้งเรื่องการส่งออก การท่องเที่ยว สถานการณ์โควิด-19 ได้ทำลายเศรษฐกิจ แต่หากรัฐบาลไทยมีสติ จะเป็นผู้นำประเทศ ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป ต้องออกนโยบายหนุนเอสเอ็มอีในการลดดอกเบี้ย ยืดการชำระเบี้ย หรืออุดหนุนค่าแรงบางส่วน หรือนโยบายการลงทุนบางอย่าง เพื่อให้มีการจ้างงานต่อไปได้
“คำสั่งกระทรวงแรงงงาน สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลมองว่าตัวเองเป็นผู้ปกครอง เป็นขุนนางที่ปกครองไพร่ ไม่ได้มองว่าประชาชนเป็นเจ้าของประเทศ เพราะตัวเองจะออกคำสั่งอะไรก็ได้ โดยไม่สนประชาชนกลุ่มไหนจะได้รับผลกระทบบ้าง หรือมีข้อจำกัดว่ามีอะไรที่ทำได้ หรือทำไม่ได้บ้าง ดังนั้นรัฐบาลควรมีมาตรการรองรับผู้ประกอบการเพื่อให้ลูกจ้างอยู่รอดได้ด้วย ไม่ใช่ลอยตัวเช่นนี้” โฆษกพรรคก้าวไกล ย้ำ
JJNY : 4in1 สุทินชี้ถึงเวลาเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว/ก้าวไกลอัดรัฐไร้สติปัญญา/ก้าวไกลแถลงค้านอุ้มบินไทย/เชื่อมั่นเอกชนวูบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_2180964
เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกระแสข่าวที่รัฐบาลจะมอบหมายให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ทำโพลสำรวจความคิดเห็นประชาชนว่าจะให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ ว่า มองว่ารัฐบาลกำลังสร้างความชอบธรรมให้กับตนเองในการตัดสินใจที่จะคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไป และที่จะให้ กอ.รมน.เป็นฝ่ายที่ทำโพลยิ่งเห็นชัดเจนว่าคำตอบจะออกมาเป็นอย่างไร ถามว่าทำไมรัฐบาลไม่ให้ฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามเป็นคนทำโพลให้ หรือจะสอบถามประชาชนผ่านทางโซเชียลต่างๆ ก็ได้ แบบนี้น่าจะได้คำตอบที่ตรงกว่า ทั้งนี้ ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลควรยกเลิกการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วหันมาใช้ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อในการดูแลสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตามที่หลายฝ่ายเสนอ อย่างไรก็ตาม ขอตั้งข้อสังเกตว่าที่รัฐบาลอยากคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้ เพราะกังวลว่า Mob from home จะออกมาเป็นแฟลชม็อบเคลื่อนไหวต่อต้านใช่หรือไม่
ก้าวไกล อัดรัฐไร้สติปัญญา สั่งห้ามนายจ้างปิดงาน-ลูกจ้างนัดชุมนุม แต่ไม่มีมาตรการรองรับ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4108750
“วิโรจน์” โฆษกก้าวไกล จวกยับคำสั่งกระทรวงแรงงาน ห้ามนายจ้างปิดงาน ลูกจ้างห้ามชุมนุม ออกคำสั่งแต่ไม่มีมาตรการรองรับ
จากกรณีประกาศกระทรวงแรงงาน เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 63 เรื่องให้ข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้เข้าสู่การชี้ขาดของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ และห้ามนายจ้างปิดงานหรือลูกจ้างนัดหยุดงานในระหว่างประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน นั้น
เมื่อวันที่ 11 พ.ค. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า รัฐบาลควรทำหน้าที่ดูแลประชาชน แต่คิดกลับเป็นยักษ์ที่ถือกระบอง สั่งห้ามนายจ้างปิดงาน รวมทั้งห้ามลูกจ้างนัดหยุดงาน หากผู้ประกอบการหรือโรงงานขาดทุน ไม่คุ้มกับต้นทุน ค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไป เปิดไปก็มีแต่ขาดทุน ก็อาจต้องมีการลดเงินเดือน ลดการทำงาน แต่ถ้าลูกจ้างไม่ยอมจะทำอย่างไร คำสั่งที่ออกมาไม่คำนึงถึงสภาพความเป็นอยู่ของธุรกิจหรือผู้ประกอบการหรือแม้แต่ตัวลูกจ้างเอง รัฐบาลมองเห็นปัญหาแต่เป็นการแก้ปัญหาที่ไม่มีสติปัญญา และเป็นวิธีของ [เผล่ะจัง] โดยแท้
นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า ตนเข้าใจว่าระหว่างการประกาศใช้คำสั่งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รัฐบาลต้องการสร้างความสงบเรียบร้อย หากสถานประกอบการมีการเลย์ออฟ นายจ้างไม่เปิดงาน ไม่จ่ายค่าจ้าง แรงงานอาจมีการชุมนุมเพื่อปากท้อง นี่คือสิ่งที่รัฐบาลออกคำสั่งเพื่อไม่ให้มีเหตุการณ์วุ่นวาย เพราะรัฐบาลคงรู้ว่าต่อไปคงมีแรงงานในระบบตกงานแน่ๆ กว่า 3 ล้านคน และยังไม่รวมแรงงานที่อยู่นอกระบบอีก ซึ่งรวมๆ แล้วน่าจะ 7 ล้านคน แทนที่รัฐบาลจะคิดว่าจะอุดหนุนนายจ้างอย่างไร ให้เงินกู้โดยใช้การจ้างงานเป็นกุศโลบายอย่างที่สหรัฐอเมริกาและหลายๆ ประเทศทำ เราให้เงินกู้แก่นายจ้างแต่ยังต้องมีการจ้างงาน รัฐบาลที่มีประสิทธิภาพเขาจะคิดเช่นนี้
นายวิโรจน์ ระบุว่า รัฐบาลไทยกลับไม่คิดแบบนี้ อาจไม่รู้จะสนับสนุนอย่างไร เลยออกคำสั่งว่าห้ามปิดงาน และคนงานห้ามชุมนุม เข้าใจว่ารัฐบาลยังคงเสพติดมาตรา 44 อยู่ ใช้แค่กระดาษเอ4 ในการออกคำสั่ง โดยไม่สนใจอะไร เสมือนรัฐบาลมีกรอบคิดเพียงมิติเดียวเท่านั้น และคาดว่าอีก 2-3 ปี เศรษฐกิจคงไม่ได้ฟื้นตัวอย่างเก่าได้ ทั้งเรื่องการส่งออก การท่องเที่ยว สถานการณ์โควิด-19 ได้ทำลายเศรษฐกิจ แต่หากรัฐบาลไทยมีสติ จะเป็นผู้นำประเทศ ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป ต้องออกนโยบายหนุนเอสเอ็มอีในการลดดอกเบี้ย ยืดการชำระเบี้ย หรืออุดหนุนค่าแรงบางส่วน หรือนโยบายการลงทุนบางอย่าง เพื่อให้มีการจ้างงานต่อไปได้
“คำสั่งกระทรวงแรงงงาน สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลมองว่าตัวเองเป็นผู้ปกครอง เป็นขุนนางที่ปกครองไพร่ ไม่ได้มองว่าประชาชนเป็นเจ้าของประเทศ เพราะตัวเองจะออกคำสั่งอะไรก็ได้ โดยไม่สนประชาชนกลุ่มไหนจะได้รับผลกระทบบ้าง หรือมีข้อจำกัดว่ามีอะไรที่ทำได้ หรือทำไม่ได้บ้าง ดังนั้นรัฐบาลควรมีมาตรการรองรับผู้ประกอบการเพื่อให้ลูกจ้างอยู่รอดได้ด้วย ไม่ใช่ลอยตัวเช่นนี้” โฆษกพรรคก้าวไกล ย้ำ