ลิ้งค์ย้อนหลังตอนที่แล้วค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บทที่ 1+2
บทที่ 3+4
บทที่ 5+6+7
บทที่ 8+9
บทที่ 10+11
บทที่ -12-
หนังสือเล่มหนากองโตถูกนำมาวางไว้เป็นภูเขาโดยฝีมือของเจ้าสามเขา
“อ่านเข้าไปเจ้าอ้วน อยากเป็นอัศวินก็ต้องฉลาด ๆ ”
เสียงเจ้ากี้เจ้าการของสามเขาทำเอาข้าไม่มีโอกาสได้เปิดปาก เจ้าอ้วนก้มหน้างุดอ่านหนังสือที่โดนยัดเยียดให้ สีหน้ามันในตอนนี้ดูเคร่งขรึมแปลกตาไปมาก เจ้าสามเขาเองก็พล่ามสอนอะไรไม่รู้ จนข้าแอบสงสัยว่ามันไปเอาความรู้ของพวกมนุษย์มาจากไหน
...หรือมันอ่านหนังสือพวกนี้หมดแล้ว
ข้าตัดสินใจลองหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมา หากแต่ความเล็กช่างเป็นอุปสรรคนัก ข้าต้องใช้เพียงสองนิ้วคีบ หรี่ตามองตัวอักษรยึกยือด้วยความยากลำบาก
- การเป็นอัศวินที่ดี
อัศวินที่ดีต้องคอยปกป้องผู้ที่อ่อนแอกว่า...ข้าหันไปมองเจ้าอ้วนทีหนึ่ง อ่อนแอกว่างั้นหรือ จะมีใครอ่อนแอกว่ามันอีก
อัศวินที่ดีต้องเชื่อฟังหัวหน้า...อ้า ข้อนี้ข้าเชื่อว่าเจ้าอ้วนต้องผ่านฉลุย
อัศวินที่ดีต้องตื่นตัวพร้อมรับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน
ว๊าก !
เสียงเจ้าอ้วนร้องตกใจทำเอาข้าอ่านสะดุด เจ้าสามเขาแกล้งเอาตัวอะไรไม่รู้หย่อนลงหน้าหนังสือที่มันกำลังอ่านอยู่ แบบนี้ ข้อนี้ก็คงไม่รอดเช่นกัน
อัศวินที่ดีต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย...ข้านึกไปถึงวันแรกที่ได้เจอเจ้าอ้วน ถ้าหน้าที่ที่มันเคยได้คือการกำจัดข้าล่ะก็ มันก็ขาดคุณสมบัติเช่นเคย
อัศวินที่ดีต้องไม่ผูกมิตรกับศัตรู
ฮ่าฮ่าฮ่า !
เสียงหัวเราะของเจ้าอ้วนดังขึ้น ตอนนี้เจ้าสามเขากำลังแกล้งจั๊กกะจี้มันอยู่ ดูแล้วเป็นช่วงเวลาเล่นที่สนุกสนานน่าดู อืม...มังกรกับมนุษย์งั้นเหรอ นึกแล้วอดถอนใจไม่ได้ ดูเหมือนเจ้าอ้วนจะไม่มีคำว่าศัตรูอยู่ในพจนานุกรมสมอง
ข้าตัดสินใจปิดหนังสือลงเมื่อยิ่งอ่านก็ยิ่งท้อต่อเป้าหมาย เจ้าอ้วนไร้คุณสมบัติการเป็นอัศวินโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือความนึกคิด บางทีให้มันเป็นช่างทำขนมปังต่อไปยังเหมาะกว่า
“ท่านมังกรขอรับ ดูนี่สิขอรับ”
เสียงใสของเจ้าอ้วนแทรกเข้ามาในความคิด มันกำลังกางหน้าหนังสือเล่มหนึ่งให้ข้าดู
“จะให้ดูอะไร” ข้าแยกเขี้ยวถามไม่ใส่ใจ
“หนังสือเล่มนี้โกหกขอรับ ดูสิขอรับมีแต่ภาพมังกรน่ากลัวเต็มไปหมด แถมเนื้อหาข้างในก็หลอกลวง บอกว่ามังกรดุร้าย มังกรกินคน มังกรป่าเถื่อนไม่มีการศึกษา”
“ในเมื่อแกว่ามันโกหกจะไปอ่านทำไมฟะ โยนทิ้งไปก็สิ้นเรื่อง” ข้าขึ้นเสียงรำคาญใส่
“โยนทิ้งไม่ได้ขอรับ ข้าต้องเก็บไว้”
“จะเก็บไว้ทำไมอีก”
“ข้าคิดว่าข้าจะเขียนหนังสือแก้ต่างให้ท่านมังกรขอรับ”
“ว่าไงนะ”
ข้าอดไม่ได้ที่จะหูผึ่ง เจ้าสามเขาเองก็เหมือนจะสนใจแนวคิดของเจ้าอ้วนไม่น้อย เจ้าอ้วนพยักหน้ายืนยันแนวคิดเดิมไม่เปลี่ยน
ข้าและเจ้าสามเขารู้สึกสนับสนุนเต็มที่ รีบหากระดาษจำนวนมากมาให้เจ้าอ้วนเขียน ก่อนจะปล่อยให้มันลงมือเพียงลำพัง
การเขียนหนังสือของเจ้าอ้วนใช้เวลาถึงหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม ๆ ข้ายังนึกแปลกใจกับความอึด ทนอดหลับอดนอนของมัน
เจ้าอ้วนหลับเป็นตายทันทีเมื่องานของมันเสร็จ ข้าหยิบงานของเจ้าอ้วนขึ้นมาดู น่าแปลกที่กองกระดาษที่เคยให้ไปนั่นยังขาวสะอาด มีเพียงบางแผ่นเท่านั้นที่ขีดฆ่าขยำทิ้ง
...สรุปแล้วมันเขียนอะไรตั้งเป็นวันฟะ
ข้าเริ่มหงุดหงิด รื้อหาแผ่นกระดาษที่มีลายมือของมันมารวมกันทั้งหมด ซึ่งมีแค่แผ่นเดียวเท่านั้น ตาหรี่มองอ่านข้อความอย่างตั้งใจ เนื้อความช่างสั้นนัก
‘สิ่งที่คนเข้าใจเกี่ยวกับมังกรนั้นผิด จริง ๆ แล้วมังกรไม่ได้เป็นอย่างที่หนังสือทั่วไปว่าไว้เลย ข้าพเจ้าผู้ซึ่งคลุกคลีกับมังกรมานาน ขอให้คำนิยามเกี่ยวกับมังกรว่า
...สุนัขติดปีก...’
บทที่ -13-
“เลิกกินเสียทีได้ไหม”
ข้าบ่นหงุดหงิดเมื่อเจ้าอ้วนยังกินขนมปังไม่หยุดราวกับท้องของมันกำลังเกิดหลุมอากาศขนาดใหญ่ ตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ข้างกำแพงเมือง เฝ้ารอบางสิ่ง
“ไม่ได้หรอกขอรับ ข้าตื่นเต้นเกินจะหยุดกิน”
“ตื่นเต้นแค่ไหนก็ต้องระงับอารมณ์ไว้ ข้าไม่ได้พาแกมาเพื่อกินนะเฟ้ย”
อุ้งเท้าตบหัวเจ้าอ้วนจนหน้าคว่ำ กลิ้งขลุกไปกับพื้นดินที่เพิ่งฟื้นตัวจากฤดูหนาว ข้าเร่งบินข้ามวันข้ามคืนกลับมาถิ่นฐานเดิมเพื่อวันนี้โดยเฉพาะ วันที่เจ้าอ้วนขอร้องไว้ วันที่มันต้องไปงานแต่งงานของนาง
“รีบลุกขึ้นซะ ! ข้าไม่อยากอยู่ใกล้เมืองมนุษย์นานนัก”
เจ้าอ้วนยันตัวเองยืนขึ้น พลางปัดเศษขนมปังที่โดนบดขยี้ด้วยพุงนิ่ม ๆ ของมัน ข้าเห็นแล้วรู้สึกหดหู่ โปรแกรมลดความอ้วนล้มเหลว แม้เจ้าสามเขาจะช่วยยัดเยียดความรู้เพิ่ม มันก็เท่านั้น เจ้าอ้วนยังจำแต่สิ่งที่มันใช้ในชีวิตประจำวันเช่นเคย
“พร้อมหรือยัง ถ้าพร้อมก็เข้าไปซะ ข้าจะได้ไป”
ข้าไล่เจ้าอ้วนให้เข้าเมือง หากแต่มันกลับทำตาเว้าวอนใส่
“ท่านมังกรจะไม่อยู่เป็นเพื่อนข้าหรือขอรับ”
“มนุษย์ต้องการเลือดข้า แกอยากให้พวกมันหยุดงานแต่งแล้วหันมาล่าข้าหรือไงฟะ”
ข้าแยกเขี้ยวตอบ เจ้าอ้วนหน้าสลด
“ก็ได้ขอรับเมื่อท่านมังกรว่าเช่นนั้น ข้าก็คงต้องไปเพียงลำพัง ดูแลตัวด้วยนะขอรับ”
เจ้าอ้วนหันหลังเดินเข้าเมืองไปพร้อมกับเศษขนมปังที่หล่นตามหลัง ดูเหมือนในตัวมันยังซ่อนขนมปังไว้อีก ข้าได้แต่ส่ายหน้ามองตามไป พอแผ่นหลังของมันลับตาก็เตรียมกางปีกจากที่แห่งนี้
แต่เสียงแตรกลับดังขึ้นก่อน
ข้าหุบปีกกลับ ตัดสินใจใช้กำแพงเมืองเป็นที่กำบังแล้วมองผ่านช่องลมดูงานในเมืองแทน
ขบวนรถม้ายาวตั้งแต่หัวเมืองยันท้ายเมือง ผู้คนออแน่นเต็มสองข้างทาง ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้แต่งกับอัศวินหน้าหล่อธรรมดาเสียแล้ว แต่เป็นเจ้าชายหน้าหล่อต่างหาก
ดีแล้วที่ข้าไม่ได้รู้ความจริงก่อนหน้า ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องจับเจ้าอ้วนเข้าโปรแกรมเพาะบ่มเป็นเจ้าชาย แทนจะเป็นอัศวิน ซึ่งเป็นเรื่องยากกว่าเดิมหลายหมื่นพันเท่า
เจ้าอ้วนช่างโดดเด่นในฝูงชน ข้าจึงไม่ต้องเสียเวลาค้นหา มันกำลังยิ้มแต่เป็นยิ้มที่ฝืนชอบกล ข้ารู้สึกเห็นใจมันขึ้นมาตะหงิด นางอันเป็นที่รักโบกมือยิ้มผ่านหน้ามันแบบไม่ได้รู้สึกถึงสิ่งที่เจ้าอ้วนอยากสื่อ
ความรักหนอความรัก ช่างเจ็บปวดเสียจริง
ข้าทนดูงานแต่งจนจบเช่นเดียวกับเจ้าอ้วนที่ฝืนยิ้มได้ตลอดงาน ผู้คนเริ่มทยอยกลับ โชคดีที่ไม่มีใครคิดพิเรนเดินออกนอกเมืองในเวลานี้ ข้าจึงสามารถอยู่ที่เดิมได้โดยปลอดภัย แต่ก็ถึงเวลาที่ข้าควรกลับถ้ำแล้วเช่นกัน
“อ๊ะ ท่านมังกรยังอยู่อีกเหรอขอรับ”
เจ้าอ้วนเดินออกมานอกเมืองเพียงลำพัง ข้ายักไหล่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“บังเอิญเผลอหลับ อย่าลืมสิว่าข้าต้องบินข้ามวันข้ามคืนพาแกกลับมาให้ทันงาน มันเหนื่อย”
“นั่นสิขอรับ ข้าต้องขอโทษท่านมังกรด้วยขอรับที่ถามอะไรโง่ ๆ อีกแล้ว”
เจ้าอ้วนก้มหน้าสลด คำว่าโง่ที่หลุดออกจากปากมันช่างให้ความรู้สึกดูถูกตัวเองเป็นที่สุด ข้าแอบรู้สึกแย่ตามไปทันที
“แล้วทำไมแกถึงไม่กลับเข้าบ้านเหมือนคนอื่น ๆ ออกมาเดินนอกเมืองทำไม”
“คือว่าข้า...”
เจ้าอ้วนเอาแต่มองหน้าข้าไม่ยอมพูดต่อ แต่ข้าก็พอเข้าใจความหมายที่สายตามันสื่อ...มันคงอยากเจอข้า ทุกครั้งที่มันเศร้า สิ่งที่มันทำมีเพียงสองอย่าง กินขนมปัง และมาหาข้า
“จะไปบ้านข้าไหม”
ข้าหลุดปากชวนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เจ้าอ้วนเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะฉีกยิ้มสดใสที่สุดในรอบวัน
“ไปสิขอรับ”
“ถ้างั้นก็ขึ้นหลังมาเลย”
ข้ากางปีกพาดพื้นเป็นทางให้เจ้าอ้วนปีนขึ้นมา ก่อนจะเริ่มกระพือพามันกลับสู่ถ้ำอันเป็นที่รัก ระหว่างทาง เจ้าอ้วนเริ่มชวนคุยเรื่อยเปื่อย ซึ่งข้าก็คุยเล่นกับมันอย่างไม่ถือตัว
...บางทีข้าควรยกระดับเจ้าอ้วนจากขี้ข้าเป็นอย่างอื่นได้แล้ว
“ท่านมังกรขอรับ ท่านมังกรเคยมีความรักไหมขอรับ”
คำถามเจาะลึกทำเอาข้าสะอึกจนเกือบหยุดกระพือปีก เจ้าอ้วนก้าวเข้ามาในโลกของข้าเกินไปแล้ว
“ขี้ข้าอย่างแก อย่ามาสอดรู้สอดเห็นน่ะ”
“ขอโทษขอรับ ข้าลืมไปว่าข้าเป็นเพียงขี้ข้าของท่านมังกรเท่านั้น” เจ้าอ้วนแนบตัวลงบนหลังข้า น้ำเสียงฟังแล้วรู้เลยว่ามันกำลังน้อยใจ
...โธ่เว๊ย ทำไมข้าต้องรู้สึกผิดด้วยฟะ !
แต่ข้าก็ไม่พูดอะไรต่อ ศักดิ์ศรีกำลังอุดปากข้าไม่ให้ง้อเจ้าอ้วน ทว่าเจ้าอ้วนกลับพูดต่อก่อน
“ท่านมังกรขอรับ ท่านมังกรคิดว่าท่านสามเขาเป็นยังไงขอรับ”
“แกจะพูดถึงมันทำไม ข้ากับเจ้าสามเขาก็แค่มังกรเหมือนกัน”
“ไม่มีอะไรหรอกขอรับ ข้าเพียงแต่คิดว่าท่านมังกรอยู่ลำพังมานาน ปีนึงถึงจะได้เจอท่านสามเขาทีหนึ่ง ดูเหงานะขอรับ ถ้าท่านมังกรกับท่านสามเขาอยู่ด้วยกัน คงจะไม่เหงา”
“ข้าไม่เคยเหงา ! อย่ามายัดเยียดความรู้สึกของแกมาให้ข้านะ ! ”
ข้าเริ่มหงุดหงิด...ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าตัวเองโปร่งใสราวกับหินแก้วเมื่ออยู่กับเจ้าอ้วน มันกำลังเห็นสิ่งที่ข้าไม่อยากเปิดเผยให้ใครรู้ ข้าควรทำอย่างไรดี
“ขอโทษขอรับ ข้าแค่คิดว่าถ้าท่านทั้งสองอยู่ด้วยกันจะดีกว่านี้ เพราะข้ามักทำให้ท่านมังกรโกรธอยู่เสมอ”
“ก็บอกว่าอย่ามายัดเยียดว่าข้าต้องอยู่กับใคร ! ”
“แต่ว่า...”
“อย่ามาเถียง ! ”
ข้าตะคอกตัดบท ก่อนจะบินลงพื้นทันที ทั้งที่อีกไม่เท่าไหร่ก็จะถึงถ้ำอันเป็นที่รัก
“ลงไปซะ แล้วรีบกลับเมืองไป ข้าเปลี่ยนใจไม่ให้แกไปด้วยแล้ว”
ข้าสั่งด้วยร่างกายเดือดพล่าน เจ้าอ้วนรีบลงจากหลังข้าตามคำสั่ง หน้าตามันตอนนี้แย่ยิ่งกว่าครั้งไหน แต่ข้าไม่ใส่ใจ
“ไปซะ แล้วไม่ต้องมายุ่งกับข้าอีก กลับไปทำขนมปังที่แกถนัด เลิกฝันถึงการเป็นอัศวินลม ๆ แร้ง ๆ ด้วย มันทำให้ข้าเสียเวลา”
เจ้าอ้วนตัวสั่นน้ำตาไหล ข้าเห็นแล้วรู้สึกหน้าชาแน่นหน้าอกจนแทบหายใจไม่ออก ปากที่กำลังจะอ้าของเจ้าอ้วน ทำให้ข้าต้องรีบเมินหน้าหนีบินขึ้นฟ้าก่อนจะรับรู้อะไร สายลมพัดแรงปะทะหน้าจนตาข้าแห้งแสบน้ำตาเริ่มเอ่อล้นคลอเบ้า
...ใครก็ได้ช่วยบอกที นี่ข้ากำลังทำอะไรอยู่
(มีต่อ)
Dragon ข้าขอรั่ว! บทที่ 12 - 15
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บทที่ -12-
หนังสือเล่มหนากองโตถูกนำมาวางไว้เป็นภูเขาโดยฝีมือของเจ้าสามเขา
“อ่านเข้าไปเจ้าอ้วน อยากเป็นอัศวินก็ต้องฉลาด ๆ ”
เสียงเจ้ากี้เจ้าการของสามเขาทำเอาข้าไม่มีโอกาสได้เปิดปาก เจ้าอ้วนก้มหน้างุดอ่านหนังสือที่โดนยัดเยียดให้ สีหน้ามันในตอนนี้ดูเคร่งขรึมแปลกตาไปมาก เจ้าสามเขาเองก็พล่ามสอนอะไรไม่รู้ จนข้าแอบสงสัยว่ามันไปเอาความรู้ของพวกมนุษย์มาจากไหน
...หรือมันอ่านหนังสือพวกนี้หมดแล้ว
ข้าตัดสินใจลองหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมา หากแต่ความเล็กช่างเป็นอุปสรรคนัก ข้าต้องใช้เพียงสองนิ้วคีบ หรี่ตามองตัวอักษรยึกยือด้วยความยากลำบาก
- การเป็นอัศวินที่ดี
อัศวินที่ดีต้องคอยปกป้องผู้ที่อ่อนแอกว่า...ข้าหันไปมองเจ้าอ้วนทีหนึ่ง อ่อนแอกว่างั้นหรือ จะมีใครอ่อนแอกว่ามันอีก
อัศวินที่ดีต้องเชื่อฟังหัวหน้า...อ้า ข้อนี้ข้าเชื่อว่าเจ้าอ้วนต้องผ่านฉลุย
อัศวินที่ดีต้องตื่นตัวพร้อมรับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน
ว๊าก !
เสียงเจ้าอ้วนร้องตกใจทำเอาข้าอ่านสะดุด เจ้าสามเขาแกล้งเอาตัวอะไรไม่รู้หย่อนลงหน้าหนังสือที่มันกำลังอ่านอยู่ แบบนี้ ข้อนี้ก็คงไม่รอดเช่นกัน
อัศวินที่ดีต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย...ข้านึกไปถึงวันแรกที่ได้เจอเจ้าอ้วน ถ้าหน้าที่ที่มันเคยได้คือการกำจัดข้าล่ะก็ มันก็ขาดคุณสมบัติเช่นเคย
อัศวินที่ดีต้องไม่ผูกมิตรกับศัตรู
ฮ่าฮ่าฮ่า !
เสียงหัวเราะของเจ้าอ้วนดังขึ้น ตอนนี้เจ้าสามเขากำลังแกล้งจั๊กกะจี้มันอยู่ ดูแล้วเป็นช่วงเวลาเล่นที่สนุกสนานน่าดู อืม...มังกรกับมนุษย์งั้นเหรอ นึกแล้วอดถอนใจไม่ได้ ดูเหมือนเจ้าอ้วนจะไม่มีคำว่าศัตรูอยู่ในพจนานุกรมสมอง
ข้าตัดสินใจปิดหนังสือลงเมื่อยิ่งอ่านก็ยิ่งท้อต่อเป้าหมาย เจ้าอ้วนไร้คุณสมบัติการเป็นอัศวินโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือความนึกคิด บางทีให้มันเป็นช่างทำขนมปังต่อไปยังเหมาะกว่า
“ท่านมังกรขอรับ ดูนี่สิขอรับ”
เสียงใสของเจ้าอ้วนแทรกเข้ามาในความคิด มันกำลังกางหน้าหนังสือเล่มหนึ่งให้ข้าดู
“จะให้ดูอะไร” ข้าแยกเขี้ยวถามไม่ใส่ใจ
“หนังสือเล่มนี้โกหกขอรับ ดูสิขอรับมีแต่ภาพมังกรน่ากลัวเต็มไปหมด แถมเนื้อหาข้างในก็หลอกลวง บอกว่ามังกรดุร้าย มังกรกินคน มังกรป่าเถื่อนไม่มีการศึกษา”
“ในเมื่อแกว่ามันโกหกจะไปอ่านทำไมฟะ โยนทิ้งไปก็สิ้นเรื่อง” ข้าขึ้นเสียงรำคาญใส่
“โยนทิ้งไม่ได้ขอรับ ข้าต้องเก็บไว้”
“จะเก็บไว้ทำไมอีก”
“ข้าคิดว่าข้าจะเขียนหนังสือแก้ต่างให้ท่านมังกรขอรับ”
“ว่าไงนะ”
ข้าอดไม่ได้ที่จะหูผึ่ง เจ้าสามเขาเองก็เหมือนจะสนใจแนวคิดของเจ้าอ้วนไม่น้อย เจ้าอ้วนพยักหน้ายืนยันแนวคิดเดิมไม่เปลี่ยน
ข้าและเจ้าสามเขารู้สึกสนับสนุนเต็มที่ รีบหากระดาษจำนวนมากมาให้เจ้าอ้วนเขียน ก่อนจะปล่อยให้มันลงมือเพียงลำพัง
การเขียนหนังสือของเจ้าอ้วนใช้เวลาถึงหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม ๆ ข้ายังนึกแปลกใจกับความอึด ทนอดหลับอดนอนของมัน
เจ้าอ้วนหลับเป็นตายทันทีเมื่องานของมันเสร็จ ข้าหยิบงานของเจ้าอ้วนขึ้นมาดู น่าแปลกที่กองกระดาษที่เคยให้ไปนั่นยังขาวสะอาด มีเพียงบางแผ่นเท่านั้นที่ขีดฆ่าขยำทิ้ง
...สรุปแล้วมันเขียนอะไรตั้งเป็นวันฟะ
ข้าเริ่มหงุดหงิด รื้อหาแผ่นกระดาษที่มีลายมือของมันมารวมกันทั้งหมด ซึ่งมีแค่แผ่นเดียวเท่านั้น ตาหรี่มองอ่านข้อความอย่างตั้งใจ เนื้อความช่างสั้นนัก
‘สิ่งที่คนเข้าใจเกี่ยวกับมังกรนั้นผิด จริง ๆ แล้วมังกรไม่ได้เป็นอย่างที่หนังสือทั่วไปว่าไว้เลย ข้าพเจ้าผู้ซึ่งคลุกคลีกับมังกรมานาน ขอให้คำนิยามเกี่ยวกับมังกรว่า
...สุนัขติดปีก...’
บทที่ -13-
“เลิกกินเสียทีได้ไหม”
ข้าบ่นหงุดหงิดเมื่อเจ้าอ้วนยังกินขนมปังไม่หยุดราวกับท้องของมันกำลังเกิดหลุมอากาศขนาดใหญ่ ตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ข้างกำแพงเมือง เฝ้ารอบางสิ่ง
“ไม่ได้หรอกขอรับ ข้าตื่นเต้นเกินจะหยุดกิน”
“ตื่นเต้นแค่ไหนก็ต้องระงับอารมณ์ไว้ ข้าไม่ได้พาแกมาเพื่อกินนะเฟ้ย”
อุ้งเท้าตบหัวเจ้าอ้วนจนหน้าคว่ำ กลิ้งขลุกไปกับพื้นดินที่เพิ่งฟื้นตัวจากฤดูหนาว ข้าเร่งบินข้ามวันข้ามคืนกลับมาถิ่นฐานเดิมเพื่อวันนี้โดยเฉพาะ วันที่เจ้าอ้วนขอร้องไว้ วันที่มันต้องไปงานแต่งงานของนาง
“รีบลุกขึ้นซะ ! ข้าไม่อยากอยู่ใกล้เมืองมนุษย์นานนัก”
เจ้าอ้วนยันตัวเองยืนขึ้น พลางปัดเศษขนมปังที่โดนบดขยี้ด้วยพุงนิ่ม ๆ ของมัน ข้าเห็นแล้วรู้สึกหดหู่ โปรแกรมลดความอ้วนล้มเหลว แม้เจ้าสามเขาจะช่วยยัดเยียดความรู้เพิ่ม มันก็เท่านั้น เจ้าอ้วนยังจำแต่สิ่งที่มันใช้ในชีวิตประจำวันเช่นเคย
“พร้อมหรือยัง ถ้าพร้อมก็เข้าไปซะ ข้าจะได้ไป”
ข้าไล่เจ้าอ้วนให้เข้าเมือง หากแต่มันกลับทำตาเว้าวอนใส่
“ท่านมังกรจะไม่อยู่เป็นเพื่อนข้าหรือขอรับ”
“มนุษย์ต้องการเลือดข้า แกอยากให้พวกมันหยุดงานแต่งแล้วหันมาล่าข้าหรือไงฟะ”
ข้าแยกเขี้ยวตอบ เจ้าอ้วนหน้าสลด
“ก็ได้ขอรับเมื่อท่านมังกรว่าเช่นนั้น ข้าก็คงต้องไปเพียงลำพัง ดูแลตัวด้วยนะขอรับ”
เจ้าอ้วนหันหลังเดินเข้าเมืองไปพร้อมกับเศษขนมปังที่หล่นตามหลัง ดูเหมือนในตัวมันยังซ่อนขนมปังไว้อีก ข้าได้แต่ส่ายหน้ามองตามไป พอแผ่นหลังของมันลับตาก็เตรียมกางปีกจากที่แห่งนี้
แต่เสียงแตรกลับดังขึ้นก่อน
ข้าหุบปีกกลับ ตัดสินใจใช้กำแพงเมืองเป็นที่กำบังแล้วมองผ่านช่องลมดูงานในเมืองแทน
ขบวนรถม้ายาวตั้งแต่หัวเมืองยันท้ายเมือง ผู้คนออแน่นเต็มสองข้างทาง ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้แต่งกับอัศวินหน้าหล่อธรรมดาเสียแล้ว แต่เป็นเจ้าชายหน้าหล่อต่างหาก
ดีแล้วที่ข้าไม่ได้รู้ความจริงก่อนหน้า ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องจับเจ้าอ้วนเข้าโปรแกรมเพาะบ่มเป็นเจ้าชาย แทนจะเป็นอัศวิน ซึ่งเป็นเรื่องยากกว่าเดิมหลายหมื่นพันเท่า
เจ้าอ้วนช่างโดดเด่นในฝูงชน ข้าจึงไม่ต้องเสียเวลาค้นหา มันกำลังยิ้มแต่เป็นยิ้มที่ฝืนชอบกล ข้ารู้สึกเห็นใจมันขึ้นมาตะหงิด นางอันเป็นที่รักโบกมือยิ้มผ่านหน้ามันแบบไม่ได้รู้สึกถึงสิ่งที่เจ้าอ้วนอยากสื่อ
ความรักหนอความรัก ช่างเจ็บปวดเสียจริง
ข้าทนดูงานแต่งจนจบเช่นเดียวกับเจ้าอ้วนที่ฝืนยิ้มได้ตลอดงาน ผู้คนเริ่มทยอยกลับ โชคดีที่ไม่มีใครคิดพิเรนเดินออกนอกเมืองในเวลานี้ ข้าจึงสามารถอยู่ที่เดิมได้โดยปลอดภัย แต่ก็ถึงเวลาที่ข้าควรกลับถ้ำแล้วเช่นกัน
“อ๊ะ ท่านมังกรยังอยู่อีกเหรอขอรับ”
เจ้าอ้วนเดินออกมานอกเมืองเพียงลำพัง ข้ายักไหล่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“บังเอิญเผลอหลับ อย่าลืมสิว่าข้าต้องบินข้ามวันข้ามคืนพาแกกลับมาให้ทันงาน มันเหนื่อย”
“นั่นสิขอรับ ข้าต้องขอโทษท่านมังกรด้วยขอรับที่ถามอะไรโง่ ๆ อีกแล้ว”
เจ้าอ้วนก้มหน้าสลด คำว่าโง่ที่หลุดออกจากปากมันช่างให้ความรู้สึกดูถูกตัวเองเป็นที่สุด ข้าแอบรู้สึกแย่ตามไปทันที
“แล้วทำไมแกถึงไม่กลับเข้าบ้านเหมือนคนอื่น ๆ ออกมาเดินนอกเมืองทำไม”
“คือว่าข้า...”
เจ้าอ้วนเอาแต่มองหน้าข้าไม่ยอมพูดต่อ แต่ข้าก็พอเข้าใจความหมายที่สายตามันสื่อ...มันคงอยากเจอข้า ทุกครั้งที่มันเศร้า สิ่งที่มันทำมีเพียงสองอย่าง กินขนมปัง และมาหาข้า
“จะไปบ้านข้าไหม”
ข้าหลุดปากชวนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เจ้าอ้วนเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะฉีกยิ้มสดใสที่สุดในรอบวัน
“ไปสิขอรับ”
“ถ้างั้นก็ขึ้นหลังมาเลย”
ข้ากางปีกพาดพื้นเป็นทางให้เจ้าอ้วนปีนขึ้นมา ก่อนจะเริ่มกระพือพามันกลับสู่ถ้ำอันเป็นที่รัก ระหว่างทาง เจ้าอ้วนเริ่มชวนคุยเรื่อยเปื่อย ซึ่งข้าก็คุยเล่นกับมันอย่างไม่ถือตัว
...บางทีข้าควรยกระดับเจ้าอ้วนจากขี้ข้าเป็นอย่างอื่นได้แล้ว
“ท่านมังกรขอรับ ท่านมังกรเคยมีความรักไหมขอรับ”
คำถามเจาะลึกทำเอาข้าสะอึกจนเกือบหยุดกระพือปีก เจ้าอ้วนก้าวเข้ามาในโลกของข้าเกินไปแล้ว
“ขี้ข้าอย่างแก อย่ามาสอดรู้สอดเห็นน่ะ”
“ขอโทษขอรับ ข้าลืมไปว่าข้าเป็นเพียงขี้ข้าของท่านมังกรเท่านั้น” เจ้าอ้วนแนบตัวลงบนหลังข้า น้ำเสียงฟังแล้วรู้เลยว่ามันกำลังน้อยใจ
...โธ่เว๊ย ทำไมข้าต้องรู้สึกผิดด้วยฟะ !
แต่ข้าก็ไม่พูดอะไรต่อ ศักดิ์ศรีกำลังอุดปากข้าไม่ให้ง้อเจ้าอ้วน ทว่าเจ้าอ้วนกลับพูดต่อก่อน
“ท่านมังกรขอรับ ท่านมังกรคิดว่าท่านสามเขาเป็นยังไงขอรับ”
“แกจะพูดถึงมันทำไม ข้ากับเจ้าสามเขาก็แค่มังกรเหมือนกัน”
“ไม่มีอะไรหรอกขอรับ ข้าเพียงแต่คิดว่าท่านมังกรอยู่ลำพังมานาน ปีนึงถึงจะได้เจอท่านสามเขาทีหนึ่ง ดูเหงานะขอรับ ถ้าท่านมังกรกับท่านสามเขาอยู่ด้วยกัน คงจะไม่เหงา”
“ข้าไม่เคยเหงา ! อย่ามายัดเยียดความรู้สึกของแกมาให้ข้านะ ! ”
ข้าเริ่มหงุดหงิด...ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าตัวเองโปร่งใสราวกับหินแก้วเมื่ออยู่กับเจ้าอ้วน มันกำลังเห็นสิ่งที่ข้าไม่อยากเปิดเผยให้ใครรู้ ข้าควรทำอย่างไรดี
“ขอโทษขอรับ ข้าแค่คิดว่าถ้าท่านทั้งสองอยู่ด้วยกันจะดีกว่านี้ เพราะข้ามักทำให้ท่านมังกรโกรธอยู่เสมอ”
“ก็บอกว่าอย่ามายัดเยียดว่าข้าต้องอยู่กับใคร ! ”
“แต่ว่า...”
“อย่ามาเถียง ! ”
ข้าตะคอกตัดบท ก่อนจะบินลงพื้นทันที ทั้งที่อีกไม่เท่าไหร่ก็จะถึงถ้ำอันเป็นที่รัก
“ลงไปซะ แล้วรีบกลับเมืองไป ข้าเปลี่ยนใจไม่ให้แกไปด้วยแล้ว”
ข้าสั่งด้วยร่างกายเดือดพล่าน เจ้าอ้วนรีบลงจากหลังข้าตามคำสั่ง หน้าตามันตอนนี้แย่ยิ่งกว่าครั้งไหน แต่ข้าไม่ใส่ใจ
“ไปซะ แล้วไม่ต้องมายุ่งกับข้าอีก กลับไปทำขนมปังที่แกถนัด เลิกฝันถึงการเป็นอัศวินลม ๆ แร้ง ๆ ด้วย มันทำให้ข้าเสียเวลา”
เจ้าอ้วนตัวสั่นน้ำตาไหล ข้าเห็นแล้วรู้สึกหน้าชาแน่นหน้าอกจนแทบหายใจไม่ออก ปากที่กำลังจะอ้าของเจ้าอ้วน ทำให้ข้าต้องรีบเมินหน้าหนีบินขึ้นฟ้าก่อนจะรับรู้อะไร สายลมพัดแรงปะทะหน้าจนตาข้าแห้งแสบน้ำตาเริ่มเอ่อล้นคลอเบ้า
...ใครก็ได้ช่วยบอกที นี่ข้ากำลังทำอะไรอยู่
(มีต่อ)