JJNY : โพลสวนดุสิตชี้คนห่วงศก./สุดารัตน์เสนอ"เปิดเมืองอย่างปลอดภัย"/แจกถุงยังชีพคิวตี4!/โพสต์ถามเห็นไหม?/ติดเชื้อเพิ่ม15

โพลสวนดุสิต ชี้คนไทยห่วงเรื่องเศรษฐกิจที่สุด ในช่วงอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ
 
 
สวนดุสิตโพล โดยมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,479 คน (สำรวจทางออนไลน์) ระหว่างวันที่ 21-24 เมษายน ในหัวข้อเรื่อง “คนไทย” ห่วงใยเรื่องอะไร? ณ วันนี้
 
ทั้งนี้ได้แบ่งหัวข้อย่อยเป็น 15 อันดับ เรื่องที่คนไทยห่วงใย ณ วันนี้ จากมาตรการ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” ปรากฏว่า
 
ผู้ตอบแบบสำรวจคิดเป็น 
93.48% ตอบว่า เรื่องเศรษฐกิจไทยในภาพรวม 
89.91% ห่วงใยการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ 
87.29 % ห่วงพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ลูกหลาน 
86.36% ห่วงการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 
85.99% ห่วงเรื่องการช่วยเหลือขงภาครัฐ
83.94% ห่วงเรื่องรายจ่าย 
82.00% เรื่องสุขภาพ 
81.51% คือเรื่องรายได้ 
81.36% เรื่องการเมืองในภาพรวม 
78.77% เรื่องโรคภัยไข้เจ็บ ยารักษาโรค 
76.91% ห่วงเรื่องหนี้สิน 
74.19% เรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 
72.36% ห่วงเรื่องการเดินทาง 
71.50% ห่วงเรื่องอาหารการกิน 
และ 69.27% ห่วงเรื่องงาน กลัวตกงาน
  

 
สุดารัตน์ จี้รัฐบาล เสนอ "เปิดเมืองอย่างปลอดภัย"
https://www.thansettakij.com/content/politics/431585
 
คุณหญิงสุดารัตน์ จี้รัฐบาลเปิดเมือง ฟื้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เสนอ 5 ข้อจัดการ "เปิดเมืองอย่างปลอดภัย" ย้ำรัฐบาลต้องเตรียมการอย่างรอบคอบ 
 
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โพสต์ผ่านแฟนเพจ "คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ Sudarat Keyuraphan" ระบุ 
แสดงความเป็นห่วงต่อสภาพเศรษฐกิจไทย จากการประกาศปิดเมืองของรัฐบาลเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยมีใจความสำคัญดังนี้
 
รัฐบาลต้องเตรียมแผนงานให้รัดกุมรอบคอบ เพื่อการ “REOPENING เปิดเมืองที่ปลอดภัย” คือให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ ก่อนที่สภาพเศรษฐกิจจะสาหัสมากไปกว่านี้ พร้อมกับมาตรการการควบคุมโรคที่มีประสิทธิภาพ  ดิฉันจึงมีข้อเสนอ 5 ข้อ เพื่อการ “เปิดเมืองอย่างปลอดภัย” เพราะการ “ปิดเมือง” เราพลาดมาแล้ว การ “เปิดเมืองอย่างปลอดภัย” ยิ่งยากกว่า  รัฐบาลจึงต้องรีบเตรียมการอย่างรอบคอบ
 
ส่วนการที่สมช.เสนอต่อ พ.ร.บ. ฉุกเฉิน “ปิดเมือง” ดิฉันว่ารัฐบาลต้องฟังความเห็นจากทีมแพทย์ และสาธารณสุข มากกว่า สมช.
เพราะขณะนี้ศัตรูต่อความมั่นคงของประเทศไทยคือ เชื้อโรคตัวเล็กๆ  ที่มีแพทย์, พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเป็นผู้ปราบ ไม่ใช่ศัตรูที่หน่วยงานความมั่นคงจะปราบได้
 
....................................................................................
 
ขณะนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อของไทยลดลงตามลำดับ  เนื่องจากมาตรการปิดเมืองที่ยาวมากกว่า 1 เดือน  บวกกับความสามารถของสาธารณสุขไทย แพทย์, พยาบาล, เจ้าหน้าที่สาธารณสุข, อสม. ที่ทุ่มเทเต็มที่ 
 
ปัญหาที่คนไทยและรัฐบาลจะต้องร่วมคิดต่อไปคือ เราจะสร้างสมดุลที่เหมาะสมระหว่างมาตรการการควบคุมการระบาดของโรค อย่างมาตรการปิดเมือง เคอร์ฟิว กับต้นทุนทางเศรษฐกิจที่เราต้องเสียไปมหาศาลนี้อย่างไร 
ทำอย่างไรที่คนไทยจะรอดทั้งการไม่ป่วยติดเชื้อ  และรอดจากการอดตายเพราะพิษเศรษฐกิจ
 
โดยเฉพาะสภาพเศรษฐกิจไทย ก่อนหน้า COVID-19 ก็ไม่ได้ดีนัก ทุก Sector ทั้งส่งออก, เกษตร, SMEs 
ที่พอดูดีหน่อย คือท่องเที่ยว แต่พอเจอ COVID-19 ก็จบกันหมดจริงๆ ค่ะ
 
พ.ร.ก. ฉุกเฉินจะครบในวันที่ 30 เม.ย.นี้ ผู้คนส่วนใหญ่จึงคาดหวังว่า จะมีโอกาสกลับมาทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ แต่ สมช. กลับเตรียมเสนอต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก  
 
ซึ่งดิฉันเห็นด้วยกับบรรดาแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน  และข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุขที่ว่า  เราสามารถผ่อนคลายการ Lock Down ได้  ให้ผู้คนกลับมาทำมาหากิน  ก่อนที่อาการป่วยทางเศรษฐกิจจะโคม่ามากกว่านี้  ซี่งขณะนี้ตัวเลขผู้ฆ่าตัวตายจากพิษเศรษฐกิจ ที่สกสว. ทำวิจัย เริ่มสูงกว่าผู้เสียชีวิตจาก COVID-19แล้ว 
 
แต่สิ่งที่รัฐบาลควรเร่งทำด่วนขณะนี้ คือ เริ่มวางแผนงาน และเตรียมมาตรการในการ Reopening   “เปิดเมืองอย่างปลอดภัย” ได้แล้ว โดยควรเริ่มเปิดเป็นรายจังหวัด ยึดเกณฑ์ที่ WHO แนะนำทั้ง 6 ประการ  ที่สำคัญ ขณะนี้เรามี 9 จังหวัดที่ไม่มีผู้ป่วยแม้แต่รายเดียว และอีก 41 จังหวัดที่ไม่มีผู้ป่วยใหม่มาแล้ว ครบ 14 วัน กลุ่มนี้จึงเป็นกลุ่มแรกที่ควรเริ่มเปิดให้คนกลับมาทำมาหากินภายในจังหวัดได้  แล้วค่อยขยับข้ามจังหวัด  เมื่อมั่นใจว่าเราคุมการระบาดได้
 
“Reopening เปิดเมืองแบบปลอดภัย” รัฐบาลควรดำเนินการดังต่อไปนี้
  
1. “Reopening แบบมีข้อบังคับด้านสาธารณสุข”  ให้ธุรกิจที่สามารถจะเปิดให้บริการได้ เช่น ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด ร้านทำผม เป็นต้น ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ด้านสาธารณสุข ที่รัฐบาลกำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อคงความปลอดภัยให้ประชาชน เช่น ร้านอาหารต้องมีกฎเกณฑ์ด้านสุขอนามัยเพิ่มเติม  มีการจัดที่นั่งให้มีระยะห่างอย่างน้อย 1.5-2 เมตร ตามหลักการ Social Distancing สำหรับผู้ประกอบอาหาร พนักงานเสิร์ฟต้องสวม Face Shield  และหน้ากากอนามัย สวมถุงมือ มีการตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าร้าน เป็นต้น
 
-รวมทั้งแต่ละจังหวัดต้องมีมาตรการสร้างความปลอดภัย ปลอดเชื้อในที่สาธารณะ และขนส่งสาธารณะ ด้วยการทำความสะอาดฆ่าเชื้อสม่ำเสมอ
 
2. รัฐบาลต้องสนับสนุนให้ทุกจังหวัดที่จะเปิดเมืองให้มีความสามารถในการตรวจหาเชื้อผู้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง หรือมีอาการได้ทุกคน  และต้องมีศักยภาพในการนำตัวผู้ติดเชื้อมาแยกตัวเข้าระบบดูแล 
 
รวมทั้งต้องมีการ  X-Ray ตรวจพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อระวังอย่างสูงสุด ไม่ให้มีการกลับมาระบาดใหม่
 
3. รัฐบาลยังคงต้องเข้มงวดในการป้องกันผู้ติดเชื้อใหม่ไม่ให้เดินทางเข้าประเทศด้วยมาตรการ State Quarantine 14 วัน อย่างเคร่งครัดต่อเนื่องต่อไป
 
4. รัฐบาลยังต้องสนับสนุนงบประมาณให้โรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง ให้มีเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างเพียงพอ  เพื่อเตรียมพร้อมรับมือ หากมีการระบาดในรอบใหม่
 
5. สำหรับประชาชนต้องปรับตัวให้เข้ากับ New Normal โดยให้ความร่วมมือในการสวมหน้ากาก, Social Distancing,  รักษาสุขภาพอนามัย, หมั่นล้างมือ และในองค์กรที่มีความสามารถทำได้ รัฐบาลต้องสนับสนุนให้ Work From Home หรือการเรียน On-Line อีกสักระยะ
 
การปิดเมืองไม่ง่าย  แล้วเราก็พลาดมาแล้ว ที่ไม่มีมาตรการรองรับ ทำให้คนเรือนแสนแห่กลับต่างจังหวัด จนเชื้อกระจายไปทั่วประเทศ
 
การเปิดเมือง หรือการ #Reopening ยิ่งยากกว่า  และยิ่งต้องระมัดระวังมากกว่า  จึงต้องอาศัยการวางแผนที่รอบคอบ และการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ เราจึงจะประสพความสำเร็จ โดยโรคไม่กลับมาระบาดใหม่และเศรษฐกิจไม่ทรุดไปมากกว่านี้
 
และนั่นจึงจะเป็น #ชัยชนะของประเทศไทยอย่างแท้จริง
 
https://www.facebook.com/sudaratofficial/photos/a.484034281675370/2883502908395150/


 
เจ้าของร้านสังฆฑาน แจกถุงยังชีพ ประชาชนเข้าคิวยาวตั้งแต่ตี 4!
https://www.matichon.co.th/region/news_2157593
 
เมื่อวันที่ 26 เมษายน ร้านบ้านช้างทองขอนแก่น สังฆภัณฑ์ รับเลี้ยงเพลพระ ถนนกลางเมือง หน้าวัดหนองแวงพระอารามหลวง จังหวัดขอนแก่น ประชาชนมากกว่า 3 พันคน เข้าแถวเรียงคิดเพื่อที่จะมารับถุงยังชีพและเงินสดที่ทางเจ้าของร้าน ร้านบ้านช้างทองขอนแก่น สังฆภัณฑ์ รับเลี้ยงเพลพระ และทางวัดป่าพระยิ้ม เจดีย์ทองคำ อำเภอบ้านแฮด จังหวัดขอนแก่น และผู้มีจิตศรัทธา ที่ได้นำสิ่งของมาร่วมแจก ซึ่งมีประชาชนเข้าแถวยาวกว่า 2 กิโลเมตร เพื่อรอรับสิ่งของบริจาคร รวมทั้งเงินสดจำนวน 3 แสนบาท โดยมีเจ้าหน้าที่จากเทศบาลนครขอนแก่น ตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น และทหารจากหมณฑลทหารบกที่ 23 มาคอยจัดระเบียบและตรวจวัดอุณหภูมิและใช้เจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดผู้ที่มารับสิ่งของ
 
นายศิริชัย รัตนสงคราม บอกว่า ตนเองเป็นลูกศิษย์ที่วัดป่าพระยิ้ม เจดีย์ทองคำ และยังเป็นหมอดู ตนได้ปรึกษากับทางวัดรวมทั้งญาติและลูกศิษย์ว่าต้องการจะทำบุญแจกโรงทานประจำปี 2563 จากนั้นจึงได้มีการบอกบุญผ่านเพจของตนเอง ทำให้มีผู้มีจิตศรัทธานำสิ่งของมาร่วมบริจาคจำนวนมาก จนได้กว่า 3 พันชุด และเงินสดอีก 3 แสนบาท ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวจะนำไปแจกให้กับคนตกงานรายละ 500 บาท โดยก่อนการแกในวันนี้ได้มีการทำเรื่องของแจกสิ่งของไปยังทางจังหวัด จนกระทั่งเทศบาลนครขอนแก่นและตำรวจได้มาคอยอำนวยความสะดวก โดยกำหนดเริ่มแจก ตั้งแต่เวลา 08.00น. แต่ต้องเลื่อนมาแจกในเวลา 06.30น. เพราะประชาชนมาเข้าแถวรอตั้งแต่ตี 4
 

 
ปชช.ต่อคิวตั้งแต่ตี 4 รอรับของบริจาค 9 โมง โพสต์ถามนายกฯ เห็นความเดือดร้อนบ้างไหม?
https://www.amarintv.com/news/detail/28138
 
ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์เรื่องราวความทุกข์ร้อน ลงในกลุ่มเฟซบุ๊ก "พัทยา(Pattaya)" ระบุว่า 
 
"ฝากถึง พณ​ ท่านนายก ท่านเห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชนบ้างมั๊ย 
ผู้คนต้องมานั่งเข้าแถว รอรับของบริจาค 9 โมงเช้า 
มานั่งรอตั้งแต่ตี4 
บอกตามตรงเห็นแล้วน้ำตาซึม เมืองไทยเรามาถึงจุดนี้ได้ไง"
 
 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่