[CR] เมื่อร้านติดดาวมิชลิน ส่งตรงความอร่อยถึงบ้าน (รีวิวรวม 11 ร้าน) ครับ

สวัสดีครับ นับตั้งแต่ที่ร้านอาหารต่าง ๆ เริ่มปรับการให้บริการเป็นแบบนำกลับบ้านตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา และได้มีการปรับเวลาการให้บริการให้สอดคล้องกับข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ก็เลยเป็นเหตุให้ผมซึ่งเคยมีนัดรับประทานอาหารนอกบ้านอย่างน้อยสัปดาห์ละหน ต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเกือบทั้งหมด หันมาปรุงอาหารรับประทานเองบ้าง แต่โชคยังเข้าข้าง ที่ร้านอาหารส่วนใหญ่ก็มีการปรับพฤติกรรม ทำให้การรับประทานอาหารแบบ fine dining หรือไม่ก็การรับประทานอาหารที่การันตีด้วยดาวมิชลินยังไม่ใช่เรื่องยากเกินไปนักครับ

เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ผมขอรีวิวร้านอาหารติดดาวมิชลินที่เปลี่ยนแปลงมาให้บริการแบบนำกลับบ้านหรือส่งถึงบ้าน โดยเป็นการรีวิวแบบรับประทานจริง จ่ายเงินจริง ชมจริง วิจารณ์จริง ตามรายละเอียดดังนี้ครับ 
...................
1. R.HAAN (อาหาร) two michelin starred restaurant
....................
น่าจะเป็นร้านสองดาวมิชลินแห่งเดียวที่เปิดขายแบบส่งถึงบ้านอย่างจริงจังราวกับอุตสาหกรรม (ส่วนร้านที่เปรียบมวยกันประจำอย่างศรณ์ก็ยังเปิดแบบจำกัดจำเขี่ย และก็จองได้ยาก(กว่าเดิม) ขณะที่ร้านตะวันตกสองดาวคือ นอร์มังดี ชูห์ริง และเมซซาลูนาคือปิดชั่วคราวไปเลย) ผมตั้งใจจะสั่งร้าน R.HAAN มาลองนานแล้ว แต่เปลี่ยนใจไปมา ตอนแรกจะสั่งมาวันเกิดแต่เจ๊ไฝได้สิทธิ์ผมไปก่อน ขณะที่ตอนสงกรานต์จะสั่งข้าวแช่เพราะเห็นแก่ไอศกรีมของแถมที่อร่อยก็ลืม เลยได้ยกยอดมาสั่งในวันที่ว่างแทนครับ


..............
ส่วนที่ 1 รับประทานที่ร้าน
ขออนุญาตนำภาพบางส่วนมาเปรียบเทียบก่อน นอกจากเมนูแบบสำรับมื้อค่ำที่อลังการ แต่ยังราคาถูกที่สุด (หรือแพงน้อยที่สุดดี)เมื่อเทียบกับร้านสองดาวแห่งอื่น ๆ คือ 2,912 ++ แล้ว ช่วงหน้าร้อนเชฟชุมพลท่านจะเปิดร้านช่วงเที่ยงเป็นเมนูตามสั่งง่าย ๆ จำพวกข้าวแช่ ขนมจีน แต่ที่ผมว่ารสชาติดีจริง ๆ จะเป็นแกงเขียวหวานซี่โครงเนื้อวากิว อร่อยมาก ๆ ส่วนไข่พะโล้คุณย่ารสชาติคือกำลังดีเลย และที่ดีสุด ๆ คือของหวาน (ปีนี้อยู่บ้านก็มีให้สั่งกลับบ้านนะครับ) ได้แก่ ไอศกรีมกะทิกล้วยไข่เชื่อม แต่เข้าใจว่าของที่สั่งกลับบ้าน จะไม่ได้อลังการเท่ากับแบบที่ร้านครับ (สังเกตจากรูปได้ มาเต็มทั้งกะลามะพร้าวและน้ำแข็งแห้ง) ราคานั่งรับประทานที่ร้านปีก่อนเท่ากับราคาที่สั่งกลับบ้านในปีนี้ แต่สั่งกลับบ้านจะไม่มีบวกค่าบริการครับ


...........................
ส่วนที่ 2 รับประทานที่บ้าน
ร้านบริการดีมากครับ ตอบไลน์มีประสิทธิภาพ ตอนส่งก็อลังการเพราะมาเป็นรถปิคอัปหลังคาสูงแบบที่เข้าบ้านผมไม่ได้ ต้องเดินไปรับกลางซอย กล่องแพคมาดี แบบเดียวกับกล่องกระดาษ A4 ขนาด 5 รีม ข้างในแยกกันเกือบทุกคอร์ส มีสติกเกอร์ติดลำดับคอร์สกันกินผิด มีรายละเอียดอาการพร้อมชื่อคนสี่งแยกมา ช้อนส้อมพร้อม เจลล้างมือขนาด 50 ml ก็อภินันทนาการมานะครับ ที่ผมแปลกใจคือเดิมสำหรับหลักจะได้ต้ม 2 อย่าง แกง 2 อย่าง น้ำพริก 2 อย่าง แต่ตอนนี้ต้องเลือกเอาเพียงประเภทละอย่าง ถ้าอยากได้หมดต้องจ่ายเพิ่มอีก 1,000+ ซึ่งผมไม่จ่าย และเลือกเอาแบบนี้ในราคา 1,712 สุทธิ มีค่าส่งในรัศมี 20 กิโลเมตรในอัตราเดียวคือ 100 บาทถ้วนซึ่งนับว่าคุ้มค่าคุ้มราคาครับ


.......................
อาหารจะกินเป็นคอร์ส แพคมาดีจริง คอร์สแรกแยกมาสองถ้วย เป็นม้าฮ่อหนึ่งคำ อร่อยดีเลยโดยเฉพาะส่วนหน้าที่เป็นถั่ว ส่วนสับปะรดก็จัดรูปมาคล้ายช้อนทำให้หยิบเข้าปากง่าย ปลาแห้งแตงโม แตงโมฉ่ำดี ปลาแห้งสิงห์บุรีอร่อยตามมาตรฐาน นับเป็นอะมุซบุชที่เข้าท่าเข้าทางและเวอร์วังสำหรับการรับประทานที่บ้านครับ


............................
จบจากนี้จะเริ่มเรียกน้ำย่อยจริงจังด้วยอาหารสี่อย่าง อย่างแรกพล่าส้มโอทับทิมสยาม ชอบความหวานฉ่ำของวัตถุดิบ ขนาดขนส่งไกลกลีบยังสวยคงรูปไม่ช้ำ กุ้งลวกมาเด้งอร่อยสุกกำลังดี ที่อร่อยอีกอย่างคือน้ำราดยำครับ ถ้านึกไม่ออกให้นึกถึงน้ำจิ้มคอหมูย่าง แต่อร่อยกว่า เข้มข้นกว่า และเคลือบตัวกุ้งและชิ้นส้มโอได้ดีกว่าครับ จานเรียกน้ำย่อยที่สอง เส้นปลาทะเลผัดใบบัวบก ผมค่อนข้างเฉย ๆ กับจานนี้ ไม่ว้าวแต่ไม่แย่ คิดว่ายังชอบผัดไทยเส้นแซลมอนของอิษยาโดยเชฟเอียนมากกว่าอยู่หน่อย ๆ ครับ จานสามปลาร้าทรงเครื่องหมัก 18 เดือนกับชีสเสธฟ้า กินกับข้าวเกรียบ ผมไม่สันทัดปลาร้า ร้านก็กรุณาเปลี่ยนให้เป็นปลาสลิด ซึ่งอร่อยมากเมื่อรับประทานกับชีส เป็นความเค็มและกลิ่นเค็มอ่อน ๆ คนละแบบที่ผสานกันลงตัว กินกับข้าวเกรียบกุ้งหนา ๆ กรอบ ๆ ลืมแครกเกอร์หรู ๆ ไปได้เลยครับ


....................
จานสุดท้ายในอาหารเรียกน้ำย่อยคือ เนื้อแองกัสบุรีรัมย์เอาไปดรายเอจ 30 วันให้นุ่มและมีรสชาติย่างมาแบบที่ผมคิดว่าแรร์ แต่ถ้าเรามาอุ่นในไมโครเวฟอีกนิดก็จะได้มีเดียมแรร์สวย ๆ ครับ เนื้อหอมมาก เพราะย่างมากับเกลือ น้ำปลาและพริกไทยดำ มีกลิ่นเนื้อแค่อ่อน ๆ ส่วนแจ่วพริกหัวเรือ ถ้าชอบรสชาติจัด ๆ เข้มข้น ๆ ก็ทานคู่กันได้ แต่กินเนื้อเปล่า ๆ ก็อร่อย นับว่าเรียกน้ำย่อยสี่จาน คะแนนดีมาก ๆ ถึงสามจาน ปิดท้ายล้างปากก่อนเข้าจานหลักด้วยเชอร์เบตมะยงชิดจากนครนายกและส้มซ่า (โดยมีน้ำแข็งแห้งหล่อมาเสร็จสรรพ) สั้น ๆ โคตรดี แต่ปริมาณแอบเยอะเกินกว่าจะล้างปาก เรียกว่าแทบจะแบ่งเป็นของหวานได้ครับ


......................
จานหลัก คู่แรกให้เลือกต้มยำกุ้งกับไก่เบตงต้มขมิ้น ผมเลือกอย่างแรก กุ้งอร่อย เด้งกรอบให้มาสองตัว เห็ดก็รสดี มันกุ้งลอยในน้ำต้มยำหอมอร่อย แต่การปรุงที่หนักรสเค็มจนนำมากไป ผมรู้สึกว่ามันกลมกล่อมน้อยลง ถ้าเปรี้ยว เผ็ด เจือหวานตามมาได้จะดีกว่านี้ กินแล้วนึกว่าลอกการบ้านเชฟพิมแห่งร้านน้ำ 1 ดาวมิชลินตรงสาทรมาเพราะเค็มวายป่วงพอกันครับ จานหลักที่สอง เลือกระหว่างแกงขี้เหล็กปลาเก๋ากับแกงเขียวหวานเนื้อโคราชวากิว ผมเลือกอย่างหลังเพราะเคยกินแบบตามสั่งที่นี่แล้ว อร่อยเหมือนเดิม ชอบมาก เนื้อนุ่มแต่ยังสู้ฟัน เครื่องแกงหอมอร่อย รสชาติน้ำแกงเขียวหวานเข้าไปแทบจะทุกอณูของเนื้อซี่โครง พริกขี้หนูสวนคือดีงาม เพื่อนผมเคยวิจารณ์ว่าติดเค็มแต่ผมว่ารสกำลังดี หรือเพราะต้มยำเค็มไปแล้วก็ไม่ทราบครับ


.....................................
จานหลักที่สาม เลือกระหว่างน้ำพริกมะม่วงกุ้งย่างหรือกะปิคั่ว ผมเลือกอย่างหลัง จานนี้ผมได้กินนิดเดียว แต่ให้คะแนนเกินร้อย เพราะคุณแม่ผมรับไปจนหมด ท่านบอกว่าผักเคียงลวกมาดีมากทุกอย่าง และการมีฝรั่งกับชมพู่มากินแกล้มคือสิ่งที่วิเศษสุด กะปิคั่วนี่หอมจรุง รสเหมือนแกงคั่วปนกับน้ำพริขนมจีนและห่อหมกแบบริช ๆ มันหนักทุกรส เค็ม เปรี้ยว เผ็ด หวานแต่ยังสมดุลได้อยู่ และที่ดีสุด ๆ คือท้องปลาเก๋าแดดเดียวทอดดอกเกลือบ้านดุงของจังหวัดอุดรธานี  ปลาสดหวานธรรมชาติเจือกับดอกเกลือเค็ม ๆ ละเอียด ๆ ครับ จานสุดท้ายบังคับกิน มาพร้อมน้ำปลาพริก (ที่อร่อยมาก) คือผัดเผ็ดหมูป่าหน่อกระวานจันทบุรี จานนี้ผมว่าพอใช้ เพราะคิดว่าเค็มไป และกลิ่นเครื่องเทศทั้งกระชายกับกะเพราหนักไปนิดครับ แต่หมูป่าเนื้อแน่นดีอยู่ครับ ทั้งหมดนี้รับประทานกับข้าวสองแบบ ดีทั้งคู่ คือ ข้าวหอมมะลิอินทรีย์ และข้าวกาบาจากอุบลราชธานีครับ


.........................................
จบจานหลัก เป็นของหวาน มีสามอย่าง สังขยาไข่ฟักทอง 110 วัน อร่อย รสหวานนวลของน้ำตาลแต่เข้มด้วยไข่แดง ไปด้วยกันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อครับ ส่วนจานสอง ไอศกรีมกระเทียมดำลำพูนนมสด ตอนแรกกลัวกินไม่ได้ กินไปกินมาหอมนมกลมกล่อม กระเทียมกลิ่นอ่อน ๆ ออกไปทางคาราเมล ไม่ฉุนเฉียว นับว่าเชฟเก่งที่สร้างสรรค์ของที่ดูไปด้วยกันไม่ได้ให้ออกมาสมบูรณ์ครับ สุดท้าย   ข้าวเหนียวมะ่มวงปิ้ง ซอสอกร่องมหาชนก ลืมข้าวเหนียวปิ้งร้านดังหลังที่ทำงานผมไปเลย ข้าวเหนียมนุ่มมากแต่ยังเป็นเม็ด ซอสมะม่วงนั้นหวานก็จริง แต่เป็นหวานหอมไม่ได้หวานแหลมทำให้ออกมาอร่อย จะบอกว่าเอาไปกินคู่กับเชอร์เบตมะยงชิตหรือไอศกรีมกระเทียมก็รอดทั้งสองแบบครับ

......................
ปิดท้ายมีเพตติเฟอร์ในกล่องกระดาษดำมะเมื่อมมาอีก 4 ชิ้น อาลัวกุหลาบหอมอร่อย ช็อกโกแลตกระชายดำ เข้มข้นและรสชาติรอดอย่างไม่น่าเชื่อ ลูกชุบรูปมังคุดที่มีสารสกัดจากรางจืดดูรสชาติตกและธรรมดาสุดในสี่อย่าง สุดท้ายขนมตาลโตนด ชอบมากเพราะเนื้อสัมผัสเหมือนเค้กหนึบรสหวานอร่อย และยอมใจความครีเอทของเชฟครับ

...........................
Verdict หลายคนอาจรู้สึกว่าร้านนี้มีความเป็นเซเลบริตีเชฟสูง และกังวลเรื่องรสชาติ แต่ส่วนตัวผมชอบมากอยู่นะครับ ไปหลายครั้งจานที่สมหวังอยู่ในสัดส่วนสูงมาก มากกว่าจานที่ผิดหวัง หลาย ๆ จานเป็นรสที่บ้านผมกินจริง ๆ และคิดว่าความคุ้มอาจจะไม่มากเพราะเป็นสำรับหลายอย่างหลายคอร์ส ขนาดก็ออกจะจิ๋ว ๆ แต่ถ้าดูบรรจุภัณฑ์ ดูวัตถุดิบ และให้ราคาของสองดาวเสียหน่อย ผมว่าราคานี้ก็ถือว่าสักครั้งในมื้อพิเศษยังพอรับได้ ถ้าไม่ถูกจริตกับคอร์สยาว ๆ ก็มีเมนูอาลาคาร์ตที่เชฟมักจะเอามาทำขายในหน้าร้อนไว้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกครับ
.........
ข้อมูลจำเพาะ ร้านอาหาร (R.HAAN) สุขุมวิท 53 บริการอาหารสำหรับส่งถึงบ้าน แบบ a la carte เมนูฤดูร้อนประมาณ 10 อย่างตั้งแต่ 11.00 – 20.00 น. และบริการอาหารแบบคอร์สหรือสำรับตั้งแต่เวลา 18.00 – 20.00 น. ค่าส่ง 100 บาทสำหรับ 20 กิโลเมตรแรก กิโลเมตรถัดไป ราคากิโลเมตรละ 20 บาทครับ
ชื่อสินค้า:   ร้านอาหาร
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่