[CR] "Leh Ladakh" Diary - - Episode 4 : Hate & Love

11 กรกฎาคม 2560

มหกรรมความทรมาน อันสุดแสนบันเทิง...เริ่มต้น ณ บัดนี้

…Just enjoy the show…



ตามแพลนเดิม วันนี้พวกเราต้องเก็บกระเป๋าเตรียมไปค้างคืนนอกเมืองเลห์ 2 คืน คือ คืนวันนี้ที่นูบร้าวัลเล่ย์ และคืนพรุ่งนี้ที่ทะเลสาบปันกอง
เราจัดแจงแพ็คกระเป๋าเล็กเตรียมไว้ แล้วเก็บของที่เหลือในกระเป๋าใหญ่...จากนั้นต้องเอากระเป๋าใหญ่ไปฝากไว้ในห้องเก็บของของที่พัก...สองคืนที่เราจะออกนอกเมืองนี้พวกเราต้องคืนห้องให้ทางที่พักไปก่อน
ถึงแม้จะเก็บกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เรากับเต้ จะได้เดินทางไปต่อกับคนอื่นด้วย เพราะยังหวั่นๆกับสุขภาพของเต้อยู่ คนที่จะอนุมัติให้ไปได้ก็คือ...แซม

แซมมาหาเราตั้งแต่เช้าพร้อมด้วยเครื่องตรวจวัดออกซิเจนในเลือด...ผลตรวจของเต้ ออกซิเจนในเลือดต่ำกว่าปกติ แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยสำหรับการเดินทาง แซมให้ความอุ่นใจเพิ่มว่า ถ้ามีเหตุฉุกเฉิน ที่นูบร้าวัลเล่ย์ก็มีโรงพยาบาลเหมือนในเมืองเลห์ ... เรากับเต้เลยได้ตั๋วไปต่อ
เราแอบขอแซมเช็คระดับออกซิเจนในเลือดด้วย...แน่นอนว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่เราลืมไปว่าสำหรับทริปนี้...ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน

เข็มนาฬิกาเลย 8 โมงไปนิดนึง...พวกเราก็ออกเดินทาง


ในรถช่วงเช้า สภาพทุกคนยังยิ้มได้


แวะถ่ายภาพรวมระหว่างทาง สภาพยังโอเคทั้ง 10 คน

หลังจากผ่านไปไม่กี่วัน ประโยคฮิตที่มักจะแทรกอยู่ในบทสนทนาของพวกเราคือ “เป็นไงบ้าง ยังไหวอยู่มั้ย โอเคอยู่หรือเปล่า” .... ประโยคถามไถ่สุขภาพเหล่านี้เข้ามาแทนที่ประโยคอย่าง “ไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว ต้องไปให้สุด” แบบมีนัยยะ

นอกจากนั้นพวกเรายังคอยเตือนเรื่องดูแลสุขภาพกันมากขึ้น เช่น อย่าลืมกินยา Diamox (ยาป้องกันอาการแพ้ที่สูง) หรือ จิบน้ำกันได้แล้ว...ที่เราต้องจิบน้ำกันบ่อยๆ เพราะเวลาอยู่ที่สูงมากๆ เลือดเราจะข้นกว่าปกติ และนั่นอาจทำให้มีอาการไม่สบายต่างๆตามมา วิธีแก้คือจิบน้ำ เป็นระยะ เพื่อลดความหนืดของเลือด ช่วยให้การจับออกซิเจนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
และเมื่อจิบน้ำบ่อย ผลที่ตามมาก็คือ...ปวดฉี่บ่อยตามไปด้วย

ณ...โค้งฟ้า ขอบเหว ริมถนน “มุกมาดา” ได้เข้าห้องน้ำกลางแจ้งเป็นครั้งแรกในชีวิต

ตอนแรกพวกเราเตรียมผ้าถุงยางยืดมาสำหรับการณ์นี้โดยเฉพาะ แต่หลังจากลองใช้แล้ว พบว่ามันไม่เวิร์ค เพราะช้าและเลอะเทอะง่าย
....กลยุทธ์ใหม่ก็คือ “ปฏิบัติการณ์กระโจม”...
การสร้างกระโจมง่ายมาก เพียงแค่รวบรวมเพื่อนๆ ล้อมวงหันหน้าเข้าหากัน แต่ละคนถือผ้าในมือทั้งสองข้าง ขึงผ้าเป็นวงกลม...และพื้นที่ในวงกลมนั้น ก็คือ ห้องน้ำกลางแจ้งของพวกเรา...
จากนั้นพวกเราก็จะสลับกันเข้าไปนั่งทำธุระข้างใน ทีละคน ทีละคน จนครบสมาชิก...เป็นการสร้างความสนิทสนมกันไปในตัว และใครที่ได้ทำธุระเป็นคนสุดท้าย เท่ากับ เป็นหัวหน้าเผ่า....ซึ่งหัวหน้าเผ่าของพวกเราจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ><


หลังรถ...สาวๆกำลังสร้างกระโจมกันอยู่


ระหว่างสาวๆสร้างกระโจม หนุ่มๆก็ถ่ายรูปเล่น

ทางไปนูบร้าวัลเล่ย์ต้องผ่านถนนการ์ดุง ลา (Khardung La) ถนนที่สูงที่สุดในโลก ด้วยความสูงถึง 18,380 ฟุต หรือประมาณ 5,359 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล

...ก่อนจะมาแซมให้คำแนะนำกึ่งเตือนพวกเราว่า ให้ใช้เวลาอยู่ที่การ์ดุง ลา ไม่เกิน 15 นาที และก่อนที่จะแวะลงไปถ่ายรูปหรือเช็คอิน ให้เช็คสมาชิกกันก่อน ว่าทุกคนอยู่ในสภาพโอเคมั้ย ถ้ามีแค่คนเดียวรู้สึกไม่โอเค ห้ามแวะ...ให้ขับรถผ่านไปเลย...

เส้นทางไปการ์ดุง ลา สวยมากและน่าตื่นตาตื่นใจ แต่สภาพถนนก็ชวนละเหี่ยใจตามไปด้วย...เพราะทั้งสั่นสะเทือน เหมือนอวัยวะภายในพร้อมจะมากองรวมกัน และยังต้องเผชิญกับโค้ง 180 องศาอีกนับไม่ถ้วน แถมข้างทางยังเป็นขอบเหวชวนระทึก


เส้นยึกยือตรงหน้า คือหนึ่งในถนนที่พวกเราต้องผ่าน


สวย สูง..และเสียว

...ยิ่งสูง ยิ่งหนาว ออกซิเจนยิ่งน้อย...

แน่นอนว่าคนที่มีออกซิเจนในเลือดต่ำอยู่แล้วอย่างเต้ เริ่มมีอาการไม่สบาย...เราจึงมีโอกาสใช้ออกซิเจนถังที่แบกมาด้วย ลูลู่สอนวิธีใช้ว่า ให้ใช้เมื่อเริ่มรู้สึกไม่สบาย และใช้ครั้งละ 15 นาที ถ้ามีอาการไม่สบายอีกก็เอามาใช้ได้เรื่อยๆ (วันนั้นเต้ใช้ไป 3 – 4 รอบ)


ใกล้ถึงการ์ดุง ลา อากาศหนาวขึ้นเรื่อยๆ หิมะเริ่มปกคลุม ระหว่างนั้น “โดลเช” หันมากำชับให้พวกเราทุกคนสวมแจ็คเก็ต

เมื่อถึงการ์ดุง ลา เราหันไปถามทุกคนว่าโอเคมั้ย ทุกคนพร้อมใจกันตอบว่าโอเค แม้แต่ “เต้” ... เพียงแต่เต้ขอนอนรออยู่ในรถให้ออกซิเจนไปพลางๆ
หลังจากที่เราเช็คอาการของเต้พร้อมกับจับเวลาการให้ออกซิเจนรอบใหม่แล้ว ก็ตามไปสมทบกับเพื่อนๆ พร้อมสัมผัสกับอากาศหนาวติดลบ...ด้วยความมุ่งมั่นจะปีนเนินหิมะ

แต่...แค่ปีนขึ้นไปได้นิดเดียว พอเราเห็นทางที่จะต้องไปต่อ หิมะล้วนๆ...เนินเน้นๆ...ลื่นแน่ๆ เราก็สมัครใจถอยกลับลงมาที่จุดเริ่มต้น ก่อนจะเดินจ๋อยๆเข้าไปนั่งรอในรถกับเต้


มันก็จะมีความลำบากประมาณนี้ ถูลู่ถูกังกันไป


แต่วิวที่ได้ก็สวยคุ้มค่า...ประมาณนี้


มองลงไปจากข้างบน...อย่างเสียว



โฉมหน้าผู้พิชิตเนินหิมะ...ซึ่งไม่มีเรากับเต้ (อีกหนึ่งคนคือพูม เป็นตากล้อง)

เรานั่งรอในรถสักพัก พร้อมกับดูนาฬิกา...แม่เจ้า!!! เราอยู่ที่นี่จะ 40 นาทีแล้ว เสียงแซมดังหลอนอยู่ในหัว..อย่าอยู่เกิน 15 นาที...อยากจะเดินขึ้นไปตามเพื่อนๆ ใจจะขาด แต่จนปัญญา ได้แต่ส่งกระแสจิตไป...ลงมาเถอะทุกคน พลีสสสสสส

นั่งภาวนาอยู่แป๊ปเดียว ท่าจะได้ผล...กระแสจิตเราไม่ได้ส่งไปถึงเพื่อนๆหรอก...แต่ส่งไปถึง “โดลเช” นี่ล่ะ

จากนอนๆอยู่ โดลเชก็เด้งตัวขึ้นมา แล้วสปีดตัวเองขึ้นเนินหิมะ ด้วยท่วงท่าสบายๆเหมือนเดินเล่นในทุ่งหญ้า ต่างกับท่าทางทุลักทุเลของเพื่อนเรายิ่งนัก...ไม่นานก็พาเพื่อนๆเราลงมาได้ ทุกคนลงมาในสภาพก้นเปียกหิมะ เพิ่มความหนาวเข้าไปอีก

เพิ่งจะมารู้ความจริงว่าเพื่อนเราไม่ได้ลืมเวลา...แต่ไม่รู้ว่าจะลงมาได้ยังไง

“ต้องขอบคุณโดลเชอีกครั้ง”

หลังจากนั้นเราก็ออกเดินทางต่อ จุดหมายปลายทางคือนูบร้าวัลเล่ย์เหมือนเดิม...ที่ไม่เหมือนเดิมคือสภาพสมาชิก...โดยเฉพาะเรา เราเริ่มมีอาการเวียนหัว คลื่นไส้เบาๆ ไม่รู้ว่าเกิดจากการอยู่ที่การ์ดุง ลา นานไปหรือเปล่า

ระหว่างทางพวกเราแวะทานข้าวกลางวัน เป็นมื้อที่เพื่อนๆหลายคนโหวตว่าอาหารไม่ถูกปากที่สุด ไม่รู้ว่าเพราะอาหารไม่อร่อยหรือสภาพร่างกายเราเอง ที่ทำให้เรากินไปได้แค่ 2-3 คำ หลังจากนั้นก็วางช้อนยอมแพ้ นั่งกุมขมับอย่างเดียว...ตอนนั้นเราหันไปบอกแต๊กกับพูมว่าฝากดูเต้ด้วย เพราะลำพังตัวเองก็เอาตัวไม่รอดแล้ว...ป่วยแพ็คคู่


ระหว่างเพื่อนๆ ไปยืนตากแดดผึ่งก้นให้แห้ง...เราก็นั่งกุมขมับ หน้าตาไม่ไหวแล้ว

พอขึ้นรถได้ไม่นาน อาการที่แย่อยู่แล้ว ก็แย่ลงแบบทวีคูณ...ทั้งเวียนหัว คลื่นไส้ อยากอาเจียน หน้ามืด จะเป็นลม...ตอนนั้นเราไม่รู้หรอกว่าหน้าตาหรือท่าทางเราเป็นยังไง แย่แค่ไหน ...แต่มันคงส่งสัญญาณบางอย่างบอกสิตูนได้...

เราจำไม่ได้ว่าสิตูนถามเราว่าอะไร แล้วเราตอบอะไรกลับไป...รู้ตัวอีกทีถุงพลาสติกก็ถูกยื่นมาให้ตรงหน้า เรารับมาพร้อมกับรู้ตัวว่าได้ใช้งานถุงใบนี้แน่ ...หลังจากนั้นไม่น่าจะเกินนาที สิ่งที่เรากินไปทั้งหมดตั้งแต่เช้าผสมกับน้ำย่อยก็ถูกลำเลียงมาอยู่ในถุงใบนี้ ถึง 3 รอบ เรียกว่าหมดกระเพาะจริงๆ...

ขอบคุณสิตูน แต๊ก พูม สุดยอดทีมเวิร์คผู้รวดเร็วในการหาถุงพลาสติกและเสียงห่วงใยที่คอยถามไถ่...โดยเฉพาะสิตูนที่ดูแลเราเป็นอย่างดี ทั้งสังเกตเห็นความผิดปกติ ไปจนถึงเอาถุงใบนั้นลงไปทิ้งข้างทางให้...ซึ้งใจจนวันนี้

ถ้ามีใครอยู่เบื้องหลังยุทธการช่วยเหลือเราวันนั้น ขอขอบคุณมาตรงนี้อีกที...ตอนนั้นสติเหลือน้อยจำอะไรไม่ค่อยได้ รู้อย่างเดียว คือ “อยากกลับกรุงเทพฯ”

...หลังจากนั้นก็ถึงคราวเราบ้าง ที่ต้องใช้งานถังออกซิเจน...

นี่ไงความแน่นอนที่ไม่แน่นอน...ดอกไม้บานยามเช้า เริ่มร่วงโรยอีกแล้ว...

ตลอดทางที่เหลือเราพยายามจะหลับเพื่อให้ผ่านพ้นความทรมาน แต่ดูจะไม่ได้ผล...เราหลับตาตลอดทาง ไม่สนใจวิวระหว่างทางเลย สนใจแต่นาฬิกา นั่งนับเวลาว่าเหลืออีกเท่าไหร่จะถึงที่หมาย

ในใจตอนนั้นคิดแต่ว่า...ทำไมเราต้องมาทรมานที่นี่ อยากกลับกรุงเทพฯ ...วนเวียนอยู่แบบนี้
ตั้งใจว่าพอถึงโรงแรมเราจะนอนพักอย่างเดียว ไม่ไปเที่ยวต่อแล้ว ไม่ไปเล่นกับอูฐด้วย...ทั้งๆที่การขี่อูฐคือสิ่งที่เราอยากทำมากที่สุดในทริป
ชื่อสินค้า:   เลห์ ดาลักห์ อินเดีย
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่