อย่าดีแต่เปลือก(:))

ในปัจจุบันสังคมไทย มีผู้คนมากมาย มากหน้าหลายตาและมีบุคลิกที่แตกต่างกันไป ซึ่งที่เห็นได้ชัดเจนมากที่สุดก็คือรูปร่างหน้าตา รูปลักษณ์ภายนอกของเรานั่นเอง สิ่งนี้เป็นสิ่งที่คนอื่นสามารถมองเห็นและรู้จักเราได้ด้วยภายนอก แค่ใช้ตามองก็รู้และสัมผัสได้ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่คนอื่นไม่สามารถมองเห็นได้จากรูปลักษณ์ภายนอกและไม่สามารถรับรู้ได้ถ้าเราไม่แสดงมันออกมา ก็คือ จิตใจและการแสดงกิริยาท่าทางซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการมีมารยาทที่ดีหรือไม่ดี เหมือนกับสุภาษิตที่กล่าวไว้ว่า “สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล”
มารยาทกับเพื่อนร่วมชั้นเรียน

           ในความเข้าใจของใครหลายคน อาจคิดว่า การที่เราจะเคารพใครสักคน ต้องเป็นคนที่มีอายุมากกว่า ซึ่งในบางครั้งมันไม่จำเป็นต้องเจาะจงแค่คนที่มีอายุมากกว่าหรือโตกว่า เพราะสำหรับแค่เพื่อนร่วมห้องก็ต้องมีความเกรงใจและเคารพสิทธิซึ่งกันและกันบ้าง อย่าคิดแค่ว่านั่นคือเพื่อน เราจะแสดงกิริยาใส่เขาอย่างไรก็ได้ ไม่ต้องไปแคร์ ไม่ต้องไปสนใจ อยากบอกไว้เลยว่า การกระทำแบบนี้จะทำให้คนรอบข้างรังเกียจได้

           จากที่เราเคยประสบพบเจอมา สำหรับพฤติกรรมที่ดูไม่แพงของเพื่อนร่วมห้องและเป็นการแสดงมารยาทที่ไม่งามเหมือนหน้าตา ไม่สมควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ก็คือ ในกลุ่มเรามีเพื่อนอยู่ร่วมกัน 3 คน ในตอนนั้นทุกอย่างไปได้ดี แต่มีวันหนึ่ง เพื่อนในกลุ่มเราได้มีการตีเนียนไปอยู่กับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่แต่ละคนล้วนมีประวัติที่ดีงาม ได้เป็นตัวแทนประกวดดาวเดือน เราก็คิดว่า เขาจะมีมารยาทดี พูดดี ทำดี เหมือนหน้าตาของพวกเขา แต่ไม่ใช่เลย มันกลับตรงกันข้าม ถึงว่าคนอื่นชอบพูดกันเยอะว่า “ดูคนอย่าดูแค่หน้า ให้ดูข้างในด้วย”ก็เลยจะขอเรียกกลุ่มนั้นว่า “แก๊งค์นางฟ้า”    

           หลังจากนั้นไม่นานมากนัก อาจารย์ได้สั่งงานกลุ่ม 5 คน แต่กลุ่มเราอยากอยู่แค่ 3 คน เราก็ตกลงกันไว้ดิบดี จนกลุ่มเราได้ทำงานนั้นสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ด้วยความใจดีของเรา เมื่อมีเพื่อนมาขอดูตัวอย่างงานกลุ่ม เราก็ใจดีเลยส่งให้เพื่อนดู แล้วบังเอิญเพื่อนในกลุ่มเรารู้ว่า เราส่งงานให้เพื่อนคนอื่นดู เราก็เลยโดนเพื่อนดุนิดหน่อย แต่มันก็ไม่ผิดที่เพื่อนกลุ่มเดียวกันจะดุจะว่า แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่า เพื่อนกลุ่มเราไปบอกพวกแก๊งค์นางฟ้า เรื่องที่เราส่งงานให้เพื่อนในห้องดู ซึ่งมันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขาเลย งานก็งานกลุ่มเรา เนื้อหางานส่วนใหญ่เราก็คนทำ แล้วพอเราเดินเข้าห้องเรียนมา พวกแก๊งค์นางฟ้าทำกิริยาท่าทางอย่างเห็นได้ชัดว่า อยากจะซัดหน้าเรามากเสียเหลือเกิน แล้วพวกแก๊งค์นางฟ้าก็พูดด้วยน้ำเสียงแว๊ดๆ ขึ้นมาว่า “หญิงหันมานี่สิ เรามีเรื่องต้องคุยกัน” เราก็ไม่สนใจอะไร นั่งเรียนต่อไป ในหัวตอนนั้นคิดแค่ว่า ทำไมเราต้องไปสนใจกับคนที่มีมารยาททรามแบบนั้น เพราะเราก็ไม่อยากลดตัวไปยุ่งกับคนประเภทนั้น ซึ่งเมื่อเราเจอเหตุการณ์แบบนี้ เราจึงจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการอยู่ร่วมกันในกลุ่มกับสังคมเพื่อนแบบนั้น โดยการที่เราแยกออกมาจากกลุ่มเดิมเพื่อให้พวกเขาได้เรียนรู้กันเอาเอง และอยากจะบอกใครหลายคนว่า “การที่เราปฏิบัติกับคนรอบข้างเช่นไร เราก็จะได้รับผลเช่นนั้น”  ถ้าเรายังไม่ปรับ ไม่เปลี่ยนพฤติกรรมของตนเอง คนอื่นจะมองว่า เราเป็นคนไม่มีมารยาท พ่อแม่ไม่สั่งสอน คงไม่มีใครอยากโดนกล่าวหาแบบนั้นแน่นอน หลายคนอาจสงสัยว่า ตอนนี้เราได้กลุ่มเพื่อนๆ กลุ่มใหม่หรือยัง แน่นอนว่า มีแล้วและดีมาก ดีกว่าเก่าเยอะมากๆ เพื่อนกลุ่มใหม่ เคารพสิทธิของเรามาก ถ้าอะไรที่มันไม่ดีก็แค่เตือนๆ กัน ผิดพลาดอะไรมันก็เป็นแค่เรื่องของคนในกลุ่มเรา ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็พอ

มารยาทกับสังคมบนรถโดยสารประจำทาง

           นี่เป็นอีกส่วนสำคัญที่รองมาจากมารยาทกับเพื่อนร่วมชั้น เนื่องจากการที่เราจะแสดงกิริยา มารยาทที่ดีกับคนในสังคมนั้น เราต้องฝึกมารยาทที่ดีกับคนรอบข้างก่อน โดยเริ่มจากเพื่อน เมื่อผ่านเพื่อนมาแล้ว ตอนนี้ก็มาถึงคราวมารยาทกับคนในสังคมกับที่เราไม่รู้จักกันบ้าง ซึ่งเราจะไม่รู้เลยว่า คนๆ นั้นเป็นคนแบบไหน เพราะเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนและเราก็ต้องเลือกปฏิบัติตัวกับเขาให้ดีเช่นกัน

           บนรถโดยสารประจำทาง มีผู้คนมากมายที่เราไม่รู้จัก ถ้าเป็นเรา เวลาขึ้นรถเมล์หรือรถตู้ เราก็คงวางตัวให้ดูดี และไม่ส่งเสียงดังโวยวายบนรถ ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน แต่มันก็ไม่ใช่สำหรับทุกคนที่อยู่บนรถโดยสารที่จะเป็นแบบนั้น

           จากประสบการณ์ที่พบเจอมาโดยตรง ซึ่งหลายๆ คนคงรู้อยู่แล้วว่า บนรถโดยสารไม่ได้มีแค่เราคนเดียวแต่จะมีผู้โดยสารคนอื่นๆ อีกมากมาย มีอยู่วันหนึ่ง แต่มันก็นานกลายปีแล้ว เราจะกลับบ้านที่ต่างจังหวัด เราต้องไปขึ้นรถตู้โดยสารที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เราต้องนั่งรถเมล์สายหนึ่ง จากกรุงเทพนนท์ไปถึงอนุสาวรีย์ฯ เมื่อเราขึ้นรถเมล์คันนั้นไป สิ่งแรกที่เราพบเจอคือ กระเป๋ารถเมล์ที่ทำสีหน้า ดูไม่พอใจอะไรมาสักอย่าง ซึ่งพอผ่านไปอีกป้ายหนึ่งมีคุณตาคนหนึ่งขึ้นรถเมล์มา แล้วคุณตาบอกกับกระเป๋ารถเมล์ด้วยคำพูดช้าๆว่า “จะไปอนุสาวรีย์ฯ ถึงแล้วบอกตาด้วยนะ” แต่กระเป๋ารถเมล์คนนั้น แสดงสีหน้าเหมือนไม่เต็มใจจะมาทำงาน สีหน้าไม่รับแขกเลย แล้วกระเป๋ารถเมล์ก็บอกกับคุณตาด้วยเสียงห้วนๆ แข็งๆ ว่า “เดี๋ยวบอก” เสียงกระแทก-ดันมาก เราได้เห็นแล้วแบบคือ สงสารคุณตามากที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ 

           หลังจากเหตุการณ์บนรถเมล์จบลง เราก็มาถึงท่ารถตู้อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เราก็ไปซื้อตั๋ว จองตั๋ว รอพนักงานเรียกขึ้นรถ ปกติเวลาเรานั่งรถตู้เราจะจองหรือเลือกนั่งที่มีที่นั่งคนเดียว เพื่อไม่ให้ไปเบียดกับคนอื่น จะได้นอนหลับบนรถสบายๆ แต่พอเราจะขึ้นรถ ก็มีคนวางกระเป๋าจองเอาไว้ให้เพื่อน แต่คือเพื่อนยังไม่ได้ซื้อตั๋วเลย เราก็ไม่อยากมีปากเสียงก็เลยไปนั่งตรงที่นั่งคู่ ที่เขามีให้นั่ง 2 คน เราก็ไปนั่งแต่เราไม่ได้นั่งริมหน้าต่างเพราะว่า มีคนนั่งแล้วก่อนหน้านี้ เราก็เลยได้นั่งฝั่งด้านในแต่ก็นั่งลำบากมาก เพราะว่า คนข้างๆเราของเยอะมาก แล้ววางเกยที่เรามา จนเรายืดขาจะไม่ได้เลย เราก็เลยต้องทนๆนั่งไป ในใจแอบคิดว่า “นี่วันซวยอะไรของเราเนี่ย เจอแต่อะไรไม่รู้ ปวดกะบาลสุด”

           เมื่อนั่งรถตู้มาได้สักพัก ถึงประมาณราชบุรี เราก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะว่า คนข้างๆทำตื่นนั่นเอง ก่อนหน้านี้ที่กำลังจะตื่น เราได้ยินเสียงโทรศัพท์คนข้างๆดัง เราก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่พอเขารับสายเท่านั้นแหละ ตื่นเลย เขาคุยโทรศัพท์เสียงดังมาก ดังจนคนในรถหันมามองที่เขาหมดเลย เราคิดว่าคนอื่นๆ บนรถน่าจะคิดแบบที่เราคิดนะ คือบางทีมารยาทบนรถโดยสารมันก็จำเป็นนะ ก็อย่างที่บอกไป บนรถไม่ได้มีแค่เรา เราต้องพึงคำนึง นึกคิดว่า มีคนอยู่บนรถกันหลายคน ต้องมีความเกรงใจกันบ้าง

            หลังจากที่เราลงจากรถตู้แล้ว เราได้ยินแต่เสียงกระซิบกระซาบ นินทาคนที่นั่งข้างๆ เรา ว่าคุยโทรศัพท์กันเสียงดังมาก เห็นไหมว่าการมีมารยาทบนรถโดยสารก็สำคัญนะ ถ้าเราเกิดทำพฤติกรรมแบบนั้นบ่อยๆคนจะมองเหยียดหยามเราได้ ว่าเป็นคนไม่มีมารยาท เราคิดว่าคนที่มีพฤติกรรมเหมือนคนที่นั่งข้างๆ เราบนรถตู้ไม่ได้มีแค่คนเดียวแน่นอน แค่เขาเลือกที่จะไม่ปฏิบัติแบบนั้นกับคนในสังคม ก็เพื่อที่จะป้องกันตัวเองจากการโดนนินทา เพราะว่าเดี๋ยวนี้สื่อโซเชียลก็รวดเร็วมาก แค่กดถ่ายคลิปแล้วแชร์ แค่นี้ก็ดังภายในข้ามคืนแล้ว ประมาณว่า ทำผิดครั้งหนึ่ง ดังกระหึ่มทั้งโซเชียลแน่นอน
มารยาทกับอาจารย์ในชั้นเรียน

            มารยาทในชั้นเรียนหรือในห้องเรียน ก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง การที่เราจะมีมารยาทและเคารพอาจารย์ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกแต่เป็นสิ่งที่พึงกระทำมากที่สุด เพราะอาจารย์คือผู้ให้วิชาความรู้และเป็นผู้ให้เกรดเรา เราจึงต้องพึงปฏิบัติกับอาจารย์เหมือนปฏิบัติกับพ่อแม่ เจอทุกครั้งต้องไหว้และทักทายตามมารยาท

            จากประสบการณ์ที่เคยพบเจอมาโดยตรงเลย รุ่นน้องนักศึกษากลุ่มหนึ่ง หน้าตาดีมาก เข้าไปหาอาจารย์คนหนึ่งในห้องหลักสูตร พวกเขาเดินเข้าไปและผ่านอาจารย์โต๊ะอื่นๆ ไปโดยไม่ทักทายอะไรเลย จนอาจารย์ต้องเดินไปบอกรุ่นพี่ของน้องๆ ว่าให้ดูแลพฤติกรรมของน้องด้วย แล้วรุ่นพี่กลุ่มนั้นก็ไปบอกน้อง แต่น้องกลับพูดว่า “จะไหว้ทำไม ขนาดแม่ยังไม่ไหว้เลย” จากพฤติกรรมนี้คือ บอกได้เลยว่าน้องเป็นคนแบบไหน ถึงหน้าตาจะดูสวย ดูดีแต่มันก็แค่ภายนอก แต่คือภายในจิตใจน้องแย่มากๆเลย ถึงอาจารย์จะไม่ใช่พ่อไม่ใช่แม่ ก็ควรมีมารยาทนิดหนึ่ง ถ้ามารยาทดีแล้วหน้าตาดีด้วย คนก็จะยิ่งชมเชยในตัวเราและอาจารย์จะได้เอ็นดูเรา มีอะไรอาจารย์จะได้อยากให้ความช่วยเหลือเรา

           อีกประสบการณ์หนึ่งที่พบเจอมาจากคนใกล้ตัว เมื่อช่วงหลังประกาศผลสอบแล้ว ก็เป็นช่วงเปิดเทอมนั่นแหละ เมื่อถึงคาบเรียนวิชาวิจัย จะมีเพื่อนกลุ่มหนึ่ง ไม่พอใจก็คะแนนสอบที่ตัวเองได้ แล้วเหมือนคิดว่าตัวเองทำคะแนนได้ดีแล้ว คิดว่าอาจารย์ลำเอียงให้คะแนนคนอื่นเยอะ ซึ่งเพื่อนกลุ่มนั้นทำสีหน้าไม่พอใจใส่อาจารย์อย่างเห็นได้ชัดเลย ขนาดอาจารย์ยังดูออกว่านักศึกษากลุ่มนั้น ไม่พอใจอาจารย์ ยิ่งทำพฤติกรรมแบบนั้นยิ่งดูไม่ดีและดูไม่น่าสงสารเลยสักนิด

           หลังอาจารย์ได้ประกาศผลคะแนนของคนที่ได้ท็อปห้อง เพื่อนๆ หลายๆ คนก็อยากรู้กันมากๆ แต่เพื่อนบางส่วนก็รู้อยู่แล้วว่าใครได้ ก็เลยเลือกที่จะบอกอาจารย์ไม่ให้แจ้งคะแนน เพราะว่าเดี๋ยวจะโดนแซะ โดนนินทา เป็นความโชคดีของเพื่อนคนที่ได้คะแนนท็อป ที่อาจารย์ได้เคารพสิทธิของเพื่อนเราด้วยการไม่บอกคะแนนให้ใครรู้  

           โดยรวมๆ แล้วจากการที่สังคมไทยเรามีผู้คนที่มากหน้าหลายตา ใช่ว่าจะดี ทุกคนล้วนมีข้อดีและข้อเสีย หน้าตาดี แต่งตัวดี บุคลิกดี ก็ไม่ได้แปลว่าจะดีไปเสียทุกอย่าง มารยาทก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่คนส่วนใหญ่ต้องพึงกระทำ มารยาทดีมีชัยไปกว่าครึ่งจริงๆ เพราะถ้าเรามีมารยาทที่ดี พูดดี คิดดี ทำดี กับคนที่เขาดีกับเราแล้ว ถือเป็นสิ่งที่เราควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง

            จากสถานการณ์ที่เราประสบพบเจอมานั้น ส่วนใหญ่มีพฤติกรรมที่ไม่ดี และไม่ควรทำเยี่ยงอย่าง ไม่ควรปฏิบัติตาม ซึ่งทุกคนรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ดีและเราเชื่อว่า คนที่เรามองว่าภายนอกเขาดูดี แต่พอเราไม่สัมผัสและได้พบเจอมันจริงๆ มันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดไว้และทำให้เราได้รู้ว่า การที่เรามีการแสดงออกที่ดี ทั้งคำพูดและการกระทำ หรือมารยาทที่ดีนั้น ทำให้สามารถเปลี่ยนคนที่ภายนอกมองว่าเขาบุคลิกไม่ดี แต่เมื่อเขามีมารยาทที่ดีและอ่อนน้อมถ่อมตน ก็จะดูเป็นคนน่าเคารพขึ้นมา ซึ่งไม่จำเป็นต้องไปสนใจสิ่งที่มันอยู่ภายนอกเลย 

             อยากจะฝากไว้ว่า “มารยาทไม่ใช่ทางเลือกแต่เป็นสิ่งที่เราต้องมี” เหมือนคำคมจากหนัง เรื่อง Kingman 2015 ได้กล่าวเอาไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่