○ ในมุมของส.ธ.
มีหน้าที่ต้องควบคุม ดูแล รักษา ป้องกัน
แน่นอนที่ว่า...ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ก็มีความเสี่ยงสูง ตามที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่เนืองๆ
ทั้งๆที่มีความรู้ ความเข้าใจ มีอุปกรณ์ แบะมีการป้อวกันอย่างดีที่สุดแล้วก็ตาม
การชุมนุมของคนจำนวนมาก...แม้จะใส่หน้ากากอนามัยป้องกันเบื้องต้นก็ตาม ก็ใช่จะปลอดภัย ๑๐๐ %
หากแต่น่าจะมีความเสี่ยงมากกว่าบุคลากรฯ ดังกล่าวด้วยซ้ำ เพราะอาจไม่แสดงอาการใดๆให้ปรากฏ
การไม่อยากให้มีการชุมนุมของ ส.ธ. หรือใครก็ตามที่รู้ถึงความเสี่ยงดังกล่าว
ก็เป็นเรื่องที่มีเหตุผลรับฟังได้ และเป็นเรื่องที่สมควรทำเป็นอย่างยิ่ง
ผู้ที่ไม่สนใจในความปลอดภัยของผู้ชุมนุม
ที่สนใจแต่ประโยชน์ที่ตนและพวกพ้องจะได้รับ
และปลุกปั่นอาศัยผู้ร่วมชุมนุมเป็นเครื่องมือในการได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ
จึงเป็นผู้ที่สมควรแบกรับความรับผิดชอบทั้งหมด
หากพิสูจน์ชัดว่า...พบผู้ติดเชื้อจากการชุมนุม
แน่นอนที่ว่า...บรรดาครอบครัว คนรอบตัว ของผู้ชุมนุมนั้น
ย่อมมีความเสี่ยงตามไปด้วย
ผู้ชุมนุมที่มีอุดมการณ์นั้รเป็นสิ่งที่ดี
แต่ก็พึงตระหนักถึงคนรอบตัวด้วย
จึงจะเป็นการใข้ปัญญาในการดำเนินชีวิตและแสดงออกที่เหมาะสม
ตอนนี้ยังไม่มีพบว่าเหตุการณ์ติดเขื้อจากการชุมนุมเกิดขึ้น
แต่หากพบเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อใด
คำถามคือ...
๑. จะตามไปคุมผู้ร่วมชุมนุมทั้งหมดและคนรอบตัวของผู้ชุมนุมเหล่านั้นได้อย่างไร ?
เพราะไม่ทราบว่ามีกี่คน ใครบ้าง เพราะไม่มีรายชื่อเป็นหลักฐาน
๒. ใครควรเป็นผู้รับผิดขอบต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ?
ผู้จัดการประชุม ควรรับผิดชอบ ?
ผู้ปลุกปั่นล่ะ ?
ผู้ปลุกปั่นที่ถูกห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ก็ลอยตัวไป ไม่ต้องมาเสี่ยงติดเชื้อด้วย เพราะมีข้ออ้างชั้นดีให้ใช้
ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงสาธารณสุข...
ย่อมมีโอกาสที่จะประมาทได้สูงกว่าคนในวงการ
หากพบผู้ติดเขื้อจากการชุมนุมเพียง ๑ ราย...
วิกฤตคงคืบคลานครอบคลุมทุกคนได้รวดเร็ว
และรุนแรงกว่าวิกฤตทางการเมืองมากมายนัก...
เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ
พุทธศาสนาสอนให้...ไม่ประมาท...คือมีสติ
แต่ในทางปฏิบัติ...
ทั้งนกม. ผู้หวังผลประโยชน์ทางการเมือง และนักเลงคีย์บอร์ด
กลับเลือกที่จะเพิกเฉยต่อการป้องกันก่อนที่วัวจะหาย
แล้วเร่งเร้าปลุกคนอื่นให้ไปเสี่ยงในการชุมนุมแทน
เราเลือกที่จะทำอย่างนี้...จริงๆหรือ ?
ป.ล. ไม่ได้คัดค้านการชุมนุมของ น.ศ.
แต่คัดค้านการเอาคนไปเป็นอุปกรณ์การเมืองเพื่อประโยขน์ตนและพวกพ้อง...
●● หากพิสูจน์พบคนติด Covid จากการชุมนุม...จะตามไปคุมคนอื่นที่ร่วมชุมนุมได้ยังไง?...ใครควรเป็นผู้รับผิดชอบ ? ●●
มีหน้าที่ต้องควบคุม ดูแล รักษา ป้องกัน
แน่นอนที่ว่า...ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ก็มีความเสี่ยงสูง ตามที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่เนืองๆ
ทั้งๆที่มีความรู้ ความเข้าใจ มีอุปกรณ์ แบะมีการป้อวกันอย่างดีที่สุดแล้วก็ตาม
การชุมนุมของคนจำนวนมาก...แม้จะใส่หน้ากากอนามัยป้องกันเบื้องต้นก็ตาม ก็ใช่จะปลอดภัย ๑๐๐ %
หากแต่น่าจะมีความเสี่ยงมากกว่าบุคลากรฯ ดังกล่าวด้วยซ้ำ เพราะอาจไม่แสดงอาการใดๆให้ปรากฏ
การไม่อยากให้มีการชุมนุมของ ส.ธ. หรือใครก็ตามที่รู้ถึงความเสี่ยงดังกล่าว
ก็เป็นเรื่องที่มีเหตุผลรับฟังได้ และเป็นเรื่องที่สมควรทำเป็นอย่างยิ่ง
ผู้ที่ไม่สนใจในความปลอดภัยของผู้ชุมนุม
ที่สนใจแต่ประโยชน์ที่ตนและพวกพ้องจะได้รับ
และปลุกปั่นอาศัยผู้ร่วมชุมนุมเป็นเครื่องมือในการได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ
จึงเป็นผู้ที่สมควรแบกรับความรับผิดชอบทั้งหมด
หากพิสูจน์ชัดว่า...พบผู้ติดเชื้อจากการชุมนุม
แน่นอนที่ว่า...บรรดาครอบครัว คนรอบตัว ของผู้ชุมนุมนั้น
ย่อมมีความเสี่ยงตามไปด้วย
ผู้ชุมนุมที่มีอุดมการณ์นั้รเป็นสิ่งที่ดี
แต่ก็พึงตระหนักถึงคนรอบตัวด้วย
จึงจะเป็นการใข้ปัญญาในการดำเนินชีวิตและแสดงออกที่เหมาะสม
ตอนนี้ยังไม่มีพบว่าเหตุการณ์ติดเขื้อจากการชุมนุมเกิดขึ้น
แต่หากพบเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อใด
คำถามคือ...
๑. จะตามไปคุมผู้ร่วมชุมนุมทั้งหมดและคนรอบตัวของผู้ชุมนุมเหล่านั้นได้อย่างไร ?
เพราะไม่ทราบว่ามีกี่คน ใครบ้าง เพราะไม่มีรายชื่อเป็นหลักฐาน
๒. ใครควรเป็นผู้รับผิดขอบต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ?
ผู้จัดการประชุม ควรรับผิดชอบ ?
ผู้ปลุกปั่นล่ะ ?
ผู้ปลุกปั่นที่ถูกห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ก็ลอยตัวไป ไม่ต้องมาเสี่ยงติดเชื้อด้วย เพราะมีข้ออ้างชั้นดีให้ใช้
ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงสาธารณสุข...
ย่อมมีโอกาสที่จะประมาทได้สูงกว่าคนในวงการ
หากพบผู้ติดเขื้อจากการชุมนุมเพียง ๑ ราย...
วิกฤตคงคืบคลานครอบคลุมทุกคนได้รวดเร็ว
และรุนแรงกว่าวิกฤตทางการเมืองมากมายนัก...
เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ
พุทธศาสนาสอนให้...ไม่ประมาท...คือมีสติ
แต่ในทางปฏิบัติ...
ทั้งนกม. ผู้หวังผลประโยชน์ทางการเมือง และนักเลงคีย์บอร์ด
กลับเลือกที่จะเพิกเฉยต่อการป้องกันก่อนที่วัวจะหาย
แล้วเร่งเร้าปลุกคนอื่นให้ไปเสี่ยงในการชุมนุมแทน
เราเลือกที่จะทำอย่างนี้...จริงๆหรือ ?
ป.ล. ไม่ได้คัดค้านการชุมนุมของ น.ศ.
แต่คัดค้านการเอาคนไปเป็นอุปกรณ์การเมืองเพื่อประโยขน์ตนและพวกพ้อง...