ประเด็นการลงมติ ไม่ใช่เรื่องหลัก

เพราะเสียงในสภา ประยุทธมีมากกว่าอยู่แล้ว

สาระสำคัญ คือ
ทุกวันที่ผ่านมา
ชาวบ้านจะได้ฟังการวิจารณ์ หรือ ด่าทอรัฐบาล
ก็โดยการ....
สนทนากันเอง
คุยกันในวงกาแฟ
Line FB IG เว็บบอร์ด เว็บไซต์
วิทยุ โทรทัศน์

แต่ก็นั่นแหละ
อะไรที่เป็นสื่อสาธารณะ หรือ พวก FB Line IG Twitter
มันก็แค่ได้ด่า ได้วิจารณ์ ได้ชำแหละ ... แค่ระดับหนึ่ง
“เพราะไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง”
ความจริง/ความไม่จริง หลายๆ เรื่อง จึงไม่ออกมาสู่ชาวบ้านในวงกว้าง

การพูดสับแหลกรัฐบาล โดยในที่ประชุมสภา
จะเป็นการลากไส้ สาวไส้ กระชากไส้ (อะไรก็ว่ากันไป)
จึงเป็นเรื่องที่ (คราวนี้) ชาวบ้านยิ่งจรดจ่อ รอคอย
ว่า “รัฐบาลเลวจริง ชั่วจริง” หรือไม่ ?
ความจริง/ความไม่จริง หลายๆ เรื่อง จะโผล่ออกมาสู่ชาวบ้านในวงกว้าง

อะไรที่แม้จะเป็นข้อมูลที่เคยกล่าวถึงกันในสื่อที่ทำข่าวบ้าง โซเชียลบ้าง
ก็จะถูกนำมารีเพลย์ซ้ำ และตอกย้ำ โดยไม่ต้องกลัวอะไร
เพราะ ส.ส. มีเอกสิทธิ์คุ้มครองเมื่อกล่าวหาคนในรัฐบาล

ความสั่นสะเทือน และผลของการสับแหลกรัฐบาลจึงอยู่ที่ตรงนี้
ไม่ใช่การลงคะแนน
เพราะในที่สุดตอนลงคะแนน เสียงรัฐบาลมากกว่าอยู่แล้ว

หาก “รัฐบาลเลวจริง ชั่วจริง”
นี่ก็คือ การถ่างขยาย เปิดแผลที่เคยถูกปกปิด 
มันจะกลายเป็นแผลที่ต่อจากนั้นไป จะเป็นแผลที่ปรากฎต่อสาธารณะ
ทุกวันๆ จะเสมือนถูกแมลงวันไต่ตอม
จนเน่า เละเฟะในที่สุด

นี่คือ ส่วนหนึ่ง เสี้ยวเดียว เล็กๆ
ที่เป็นสิ่งยืนยันให้เห็นว่า
...สภา ...การซักฟอกในสภา...
ซึ่งเป็นแต่ฟังก์ชั่นหนึ่งของขบวนการในระบบประชาธิปไตย ดีอย่างไร
คือ... ดี...ที่มีการเปิดแผลของความผิดออกมาให้ประชาชนเห็นได้
อย่างโจ่งแจ้ง กลางสาธารณะ
ต่างจาก ระบบเผด็จการ ที่ใช้ความเป็นรัฐาธิปัตย์
ที่สร้างกฏหมายขึ้นมาเอง เพื่อคุ้มครองตนเอง
ชาวบ้านถูกปิดหูปิดตา ถูกเข้าค่าย ปรับทัศนคติ

ก็ให้คิดดู
หากไม่มี ส.ส. ไม่มีสภา
ชาวบ้านจะได้มีโอกาสรู้ไหม ว่า
รัฐบาลเลวจริง ชั่วจริง หรือไม่

ใครที่ออกมาเยาะเย้ย ถากถาง กล่าวหาว่า
คนที่ยึดมั่นในระบบประชาธิปไตยเต็มที่ เป็นพวกมีปัญหานั้น
หากว่าพวกเขายังพอมีสติ ไม่หลงหลอกตัวเอง
ก็น่าจะฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้บ้าง

ยกเว้น บัวบางเหล่า ในกลุ่มบัวสี่เหล่า

.
..
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่