อัพเดตข่าวจากกระทู้: https://ppantip.com/topic/43079296?sc=5Xh70fM
ผู้สื่อข่าว อี ซอน-มยอง รายงานว่า คำร้องที่ขอให้ตรวจสอบกรณีที่คิม จูยอง CEO คนปัจจุบันของ ADOR และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (CHRO) ของ HYBE ถูกกล่าวหาว่าให้ปากคำต่อหน้าสมัชชาฯ ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จนั้น จะได้รับการพิจารณาโดยคณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อมและแรงงานของสมัชชาแห่งชาติในเร็วๆ นี้
โดยเมื่อวานนี้ (22 พฤศจิกายน) ทางสมัชชาแห่งชาติได้แจ้งว่า “คำร้องที่มีชื่อว่า ‘คำร้องขอให้คณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อมและแรงงานมีการพิจารณากรณีการให้ปากคำด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จของคิมจูยอง CEO ของ ADOR’ ซึ่งยื่นเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้ถูกส่งให้กับทางคณะกรรมาธิการฯ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการสอบสวนแล้ว”
ผลจากการนี้ ทำให้ “คำร้องขอให้มีการพิจารณากรณีการให้ปากคำด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จของคิมจูยอง CEO ของ ADOR” กับ “คำร้องสาธารณะที่มีการเรียกร้องให้เพิกถอนสถานะบริษัทสร้างงานชั้นนำของ HYBE ที่ได้รับจากกระทรวงการจ้างงานและแรงงาน” จะได้รับการพิจารณาไปพร้อมๆ กันทั้ง 2 ฉบับ
ต้องย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น มีผู้ยื่นคำร้องซึ่งใช้นามสมมติว่า “A” ได้ยื่นคำร้องกล่าวหาว่า คิมจูยองได้ให้การเท็จในฐานะพยานระหว่างการสอบสวนของคณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อมและแรงงานของสมัชชาแห่งชาติ เกี่ยวกับกรณีของการที่ฮันนิ (หนึ่งในสมาชิกวง NewJeans) ร้องเรียนว่าถูกกลั่นแกล้งในที่ทำงาน โดยมีฮันนิเข้าร่วมในฐานะพยานเช่นกัน ซึ่งทางผู้ยื่นคำร้องได้เรียกร้องให้สมัชชาแห่งชาติดำเนินการทางกฎหมาย ตามกฎหมายว่าด้วยการให้ปากคำในฐานะพยานต่อสมัชชาฯ อีกทั้งยังได้ชี้แจงอีกว่า “ตนไม่ใช่สมาชิกของกลุ่มแฟนคลับวง NewJeans แต่อย่างใด”
ข้อกล่าวหาเรื่องการให้ปากคำด้วข้อมูลอันเป็นเท็จนั้น มีความเกี่ยวข้องกับเอกสารภายในของ HYBE ที่ชื่อว่า "รายงานอุตสาหกรรมบันเทิงรายสัปดาห์" ซึ่งถูกเปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้ และกลายเป็นประเด็นถกเถียง โดยผู้ยื่นคำร้องกล่าวว่า "เอกสารฉบับนี้ก็ถูกส่งถึงคิมจูยอง ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลของ HYBE ด้วย แต่คิมกลับเพิกเฉยต่อหน้าที่ และมีการให้ปากคำด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จในระหว่างการสอบสวน โดยเน้นย้ำถึงแนวทางปฏิบัติที่เรียกว่า ‘แนวทางปฏิบัติที่เคารพซึ่งกันและกัน’ และ ‘การป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชน’ ซึ่งนี่ถือเป็นการให้การเท็จอย่างชัดเจน"
นอกจากนี้ ยังมีคำร้องสาธารณะอีกฉบับที่เรียกร้องให้กระทรวงการจ้างงานและแรงงานมีการเพิกถอนสถานะ “บริษัทสร้างงานชั้นนำของ HYBE” ซึ่งได้รับการเสนอชื่อครบ 50,000 รายชื่อ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ส่งผลให้คำร้องฉบับนี้ถูกส่งต่อไปยังคณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อมและแรงงานในฐานะวาระแห่งชาติทันที
โพสต์ภาษาอังกฤษที่นำมาแปล:
https://x.com/juantokki/status/1860229083650752711?t=sTUB-XjW5Ygqva6kFKMTCA&s=19
แหล่งข่าวอ้างอิงฉบับภาษาเกาหลี:
https://m.entertain.naver.com/article/144/0001002760
Fun fact:
ที่เกาหลีใต้ การให้ปากคำด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จในระหว่างการตรวจสอบหรือการสอบสวนของสมัชชาแห่งชาตินั้น มีบทลงโทษที่รุนแรงแตกต่างไปจากการให้ปากคำด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จในศาลทั่วไป โดยกฎหมายว่าด้วยการให้ปากคำในฐานะพยานต่อสมัชชาแห่งชาตินั้น มีการระบุไว้ว่า ผู้ใดก็ตามถูกตัดสินว่ามีความผิดในการให้ปากคำด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จในระหว่างการตรวจสอบหรือการสอบสวนของสมัชชาฯ
จะต้องโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 100 ล้านวอน (ประมาณ 75,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ, ประมาณ 2.4 ล้านบาทไทย)
โดยในกฎหมายฉบับนี้มีการกำหนดบทลงโทษที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เพื่อรักษาความซื่อสัตย์สุจริตของการให้ปากคำในฐานะพยานต่อสมัชชาแห่งชาติ เนื่องจากมีผลโดยตรงต่อความไว้วางใจของประชาชน และความรับผิดชอบต่อกระบวนการดำเนินการทางกฎหมายของรัฐบาล
อ้างอิงจาก:
https://x.com/juantokki/status/1860309256744108139?t=36Q3kEvy6Yh4yKOjkdAe9Q&s=19
[อัพเดต] สภาฯ เกาหลีใต้ เตรียมตรวจสอบ CEO ADOR ปมถูกกล่าวหาว่าให้การเท็จ
ผู้สื่อข่าว อี ซอน-มยอง รายงานว่า คำร้องที่ขอให้ตรวจสอบกรณีที่คิม จูยอง CEO คนปัจจุบันของ ADOR และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (CHRO) ของ HYBE ถูกกล่าวหาว่าให้ปากคำต่อหน้าสมัชชาฯ ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จนั้น จะได้รับการพิจารณาโดยคณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อมและแรงงานของสมัชชาแห่งชาติในเร็วๆ นี้
โดยเมื่อวานนี้ (22 พฤศจิกายน) ทางสมัชชาแห่งชาติได้แจ้งว่า “คำร้องที่มีชื่อว่า ‘คำร้องขอให้คณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อมและแรงงานมีการพิจารณากรณีการให้ปากคำด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จของคิมจูยอง CEO ของ ADOR’ ซึ่งยื่นเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้ถูกส่งให้กับทางคณะกรรมาธิการฯ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการสอบสวนแล้ว”
ผลจากการนี้ ทำให้ “คำร้องขอให้มีการพิจารณากรณีการให้ปากคำด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จของคิมจูยอง CEO ของ ADOR” กับ “คำร้องสาธารณะที่มีการเรียกร้องให้เพิกถอนสถานะบริษัทสร้างงานชั้นนำของ HYBE ที่ได้รับจากกระทรวงการจ้างงานและแรงงาน” จะได้รับการพิจารณาไปพร้อมๆ กันทั้ง 2 ฉบับ
ต้องย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น มีผู้ยื่นคำร้องซึ่งใช้นามสมมติว่า “A” ได้ยื่นคำร้องกล่าวหาว่า คิมจูยองได้ให้การเท็จในฐานะพยานระหว่างการสอบสวนของคณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อมและแรงงานของสมัชชาแห่งชาติ เกี่ยวกับกรณีของการที่ฮันนิ (หนึ่งในสมาชิกวง NewJeans) ร้องเรียนว่าถูกกลั่นแกล้งในที่ทำงาน โดยมีฮันนิเข้าร่วมในฐานะพยานเช่นกัน ซึ่งทางผู้ยื่นคำร้องได้เรียกร้องให้สมัชชาแห่งชาติดำเนินการทางกฎหมาย ตามกฎหมายว่าด้วยการให้ปากคำในฐานะพยานต่อสมัชชาฯ อีกทั้งยังได้ชี้แจงอีกว่า “ตนไม่ใช่สมาชิกของกลุ่มแฟนคลับวง NewJeans แต่อย่างใด”
ข้อกล่าวหาเรื่องการให้ปากคำด้วข้อมูลอันเป็นเท็จนั้น มีความเกี่ยวข้องกับเอกสารภายในของ HYBE ที่ชื่อว่า "รายงานอุตสาหกรรมบันเทิงรายสัปดาห์" ซึ่งถูกเปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้ และกลายเป็นประเด็นถกเถียง โดยผู้ยื่นคำร้องกล่าวว่า "เอกสารฉบับนี้ก็ถูกส่งถึงคิมจูยอง ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลของ HYBE ด้วย แต่คิมกลับเพิกเฉยต่อหน้าที่ และมีการให้ปากคำด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จในระหว่างการสอบสวน โดยเน้นย้ำถึงแนวทางปฏิบัติที่เรียกว่า ‘แนวทางปฏิบัติที่เคารพซึ่งกันและกัน’ และ ‘การป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชน’ ซึ่งนี่ถือเป็นการให้การเท็จอย่างชัดเจน"
นอกจากนี้ ยังมีคำร้องสาธารณะอีกฉบับที่เรียกร้องให้กระทรวงการจ้างงานและแรงงานมีการเพิกถอนสถานะ “บริษัทสร้างงานชั้นนำของ HYBE” ซึ่งได้รับการเสนอชื่อครบ 50,000 รายชื่อ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ส่งผลให้คำร้องฉบับนี้ถูกส่งต่อไปยังคณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อมและแรงงานในฐานะวาระแห่งชาติทันที
โพสต์ภาษาอังกฤษที่นำมาแปล:
https://x.com/juantokki/status/1860229083650752711?t=sTUB-XjW5Ygqva6kFKMTCA&s=19
แหล่งข่าวอ้างอิงฉบับภาษาเกาหลี: https://m.entertain.naver.com/article/144/0001002760
Fun fact:
ที่เกาหลีใต้ การให้ปากคำด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จในระหว่างการตรวจสอบหรือการสอบสวนของสมัชชาแห่งชาตินั้น มีบทลงโทษที่รุนแรงแตกต่างไปจากการให้ปากคำด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จในศาลทั่วไป โดยกฎหมายว่าด้วยการให้ปากคำในฐานะพยานต่อสมัชชาแห่งชาตินั้น มีการระบุไว้ว่า ผู้ใดก็ตามถูกตัดสินว่ามีความผิดในการให้ปากคำด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จในระหว่างการตรวจสอบหรือการสอบสวนของสมัชชาฯ จะต้องโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 100 ล้านวอน (ประมาณ 75,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ, ประมาณ 2.4 ล้านบาทไทย)
โดยในกฎหมายฉบับนี้มีการกำหนดบทลงโทษที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เพื่อรักษาความซื่อสัตย์สุจริตของการให้ปากคำในฐานะพยานต่อสมัชชาแห่งชาติ เนื่องจากมีผลโดยตรงต่อความไว้วางใจของประชาชน และความรับผิดชอบต่อกระบวนการดำเนินการทางกฎหมายของรัฐบาล
อ้างอิงจาก: https://x.com/juantokki/status/1860309256744108139?t=36Q3kEvy6Yh4yKOjkdAe9Q&s=19