ก็น่าจะจริงแหล่ะ เพราะดูเหมือนกระแสเรื่องยุบพรรคนี่ ทำให้คนไทยตื่นตัวทางการเมืองมากขึ้นกว่าเดิมเยอะไปอีก
แต่วันนี้จะขอมาเขียนถึงจุดเริ่มต้นก่อน วันหลังจะมาเขียนรอยต่อของการเปลี่ยนแปลง ( ถ้าไม่ถูกยึดล๊อคอินไปซะก่อน )
ถ้าย้อนกลับไปมองถึงการเมืองที่ผ่านมา อนาคตใหม่พรรคที่ไม่เคยมีใครคิดว่า จะมาแรง กลับกลายมาเป็นพรรคที่มีเสียงสนับสนุน
เป็นอันดับสามของประเทศ แถม สส ก็โนเนม ไม่เป็นที่รู้จักของคนในประเทศเลย นั่นแปลว่า ฐานเสียงของอนาคตใหม่ น่าจะเป็นเลือดใหม่
หรือคนที่เบื่อการเมืองแบบเก่า ที่มีวัฏจักรวังวนอยู่กันไม่กี่พรรค และสิ่งที่ทำให้อนาคตใหม่โดดเด่นขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือ " อุดมการณ์ "
ที่พวกเค้ามีแต่ตั้งใจจะทำ
ถามว่า แล้วทำไมจนถึงวันนี้ อนาคตใหม่ไปไม่รอด โดนทั้งยุบพรรคและตัดสิทธิกรรมการ แปลว่าเสียงสนับสนุนพรรค น้องลงหรือ ???
คำตอบคือ อนาคตใหม่ เป็นคนรุ่นใหม่ ไฟแรง และมีแนวคิดค่อนข้างจริงใจ และตรงไปตรงมา มีหลายคนในพรรคที่ความรู้ดีมาก มีคุณสมบัติ
เพียบพร้อมที่จะพากันเดินหน้าพัฒนาประเทศให้ก้าวไกล และเสียงสนับสนุนพรรคนี้ ก็ยังมีต่อเนื่องและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แล้วทำไมพรรคถึงถูกยุบง่ายดาย ถ้ามีทั้งคนเก่ง และมีทุน ?????
คำตอบคือ สิ่ง อนาคตใหม่พยายามสู้และเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประเทศไทย และการเมืองไทย นั่นคือสิ่งที่ดี และควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง
แต่มันเป็นการต่อสู้ที่แสนจะยากลำบากมาก จนถึงมากที่สุด เพราะถ้ามองให้ลึกลงไป เราจะเป็นเห็นว่า โครงสร้างของประเทศเราเต็มไปด้วย
ระบบรัฐอุปถัมภ์ มีกลไกลที่ซับซ้อนในระบบราชการ การย้ายข้าราชการในสังกัด เป็นไปอย่างง่ายดาย การใช้องค์กรของรัฐเป็นฐานเสียงยัง
นิยมทำ และ การขยายฐานอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ ยังมีต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน การเอาชนะรัฐบาลที่มีสายสัมพันธ์ที่เกี่ยวโยงกับกองทัพนั่นคืองาน
ที่ยากและหินที่สุด ต้องยอมรับว่า รัฐบาลที่มาจากเสียงของประชาชน จะอยู่ได้ไม่นาน เพราะ ฐานอำนาจของกองทัพเค้าวางไว้แทบจะทุกองค์กร
การต่อต้านกองทัพของอนาคตใหม่ จึงเร่งปฎิกิริยาให้ทุกยุบเร็วขึ้น
คำถามต่อมา แล้วสิ่งที่รัฐบาลทำตอนนี้ไม่ตอบโจทย์หรือ ? การยุบพรรคอนาคตใหม่ จะทำให้ประเทศเดินหน้าได้ต่อไปหรือไม่
ตอบคือ ถ้ามองไปถึงเรื่องสงครามการค้าที่ ทุกประเทศโดนอยู่ ก็คงปฎิเสธไม่ได้ ว่าไทยจะได้ผลกระทบ แต่สิ่งที่ชี้ชัดว่า
เรากำลังเสียสูญและ มีโอกาศกลับไปเป็นประเทศที่ยากจนลง นั่นคือ การประเมินการเติบโตของเศรษฐกิจ ที่เกือบทุกสัำนัก
หั่น gdp ลดลงแบบน่าสะพรึง สัญญาณการส่งออกที่ติดลบต่อเนื่อง รวมถึงการปิดกิจการและการตกงานอย่างต่อเนื่อง
เพราะนักลงทุนหนีไปอยู่กับเพื่อนบ้าน นั่นคือสภาวะที่รัฐบาลต้องแก้ไข และรับมือ แต่ 5 ปีที่ผ่านมา นั่นคือคำตอบว่ารัฐบาล
มีความพร้อมทั้งในเชิงความรู้ และ วิสัยทัศน์ มากแค่ไหน
ตอนนี้การยุบพรรคอนาคนใหม่ เหมือนกับการประกาศสงครามระหว่างรัฐกับประชาชนไปแล้ว แต่มันอาจไม่ใช่สงครามที่รบรา
ฆ่าฟันกันด้วยอาวุธ แต่มันจะเป็นการรบกันด้วยปัญญา และความจริง ถ้ายอมรับว่า การหยุดอยู่กับที่แบบนี้ คือการเสียโอกาส
และดึงประเทศให้ถอยหลังลงคลองเพราะความขัดแย้งที่บานปลาย เกิดจากการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม ประชาชนทุกภาคส่วน
ต้องช่วยกันกลับมาคิดว่า
" การยุบอนาคตใหม่ในวันนี้ คือจุดเริ่มต้น ที่จะเปลี่ยนแปลง และพาประเทศให้เดินหน้าไปด้วยกัน "
ถ้าไม่ถูกยึดล๊อคอิน เจอกันใหม่ในทู้หน้าค่ะ ....
มันไม่ใช่จุดจบ แต่มันเป็นจุดเริ่มต้น....part 1
แต่วันนี้จะขอมาเขียนถึงจุดเริ่มต้นก่อน วันหลังจะมาเขียนรอยต่อของการเปลี่ยนแปลง ( ถ้าไม่ถูกยึดล๊อคอินไปซะก่อน )
ถ้าย้อนกลับไปมองถึงการเมืองที่ผ่านมา อนาคตใหม่พรรคที่ไม่เคยมีใครคิดว่า จะมาแรง กลับกลายมาเป็นพรรคที่มีเสียงสนับสนุน
เป็นอันดับสามของประเทศ แถม สส ก็โนเนม ไม่เป็นที่รู้จักของคนในประเทศเลย นั่นแปลว่า ฐานเสียงของอนาคตใหม่ น่าจะเป็นเลือดใหม่
หรือคนที่เบื่อการเมืองแบบเก่า ที่มีวัฏจักรวังวนอยู่กันไม่กี่พรรค และสิ่งที่ทำให้อนาคตใหม่โดดเด่นขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือ " อุดมการณ์ "
ที่พวกเค้ามีแต่ตั้งใจจะทำ
ถามว่า แล้วทำไมจนถึงวันนี้ อนาคตใหม่ไปไม่รอด โดนทั้งยุบพรรคและตัดสิทธิกรรมการ แปลว่าเสียงสนับสนุนพรรค น้องลงหรือ ???
คำตอบคือ อนาคตใหม่ เป็นคนรุ่นใหม่ ไฟแรง และมีแนวคิดค่อนข้างจริงใจ และตรงไปตรงมา มีหลายคนในพรรคที่ความรู้ดีมาก มีคุณสมบัติ
เพียบพร้อมที่จะพากันเดินหน้าพัฒนาประเทศให้ก้าวไกล และเสียงสนับสนุนพรรคนี้ ก็ยังมีต่อเนื่องและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แล้วทำไมพรรคถึงถูกยุบง่ายดาย ถ้ามีทั้งคนเก่ง และมีทุน ?????
คำตอบคือ สิ่ง อนาคตใหม่พยายามสู้และเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประเทศไทย และการเมืองไทย นั่นคือสิ่งที่ดี และควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง
แต่มันเป็นการต่อสู้ที่แสนจะยากลำบากมาก จนถึงมากที่สุด เพราะถ้ามองให้ลึกลงไป เราจะเป็นเห็นว่า โครงสร้างของประเทศเราเต็มไปด้วย
ระบบรัฐอุปถัมภ์ มีกลไกลที่ซับซ้อนในระบบราชการ การย้ายข้าราชการในสังกัด เป็นไปอย่างง่ายดาย การใช้องค์กรของรัฐเป็นฐานเสียงยัง
นิยมทำ และ การขยายฐานอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ ยังมีต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน การเอาชนะรัฐบาลที่มีสายสัมพันธ์ที่เกี่ยวโยงกับกองทัพนั่นคืองาน
ที่ยากและหินที่สุด ต้องยอมรับว่า รัฐบาลที่มาจากเสียงของประชาชน จะอยู่ได้ไม่นาน เพราะ ฐานอำนาจของกองทัพเค้าวางไว้แทบจะทุกองค์กร
การต่อต้านกองทัพของอนาคตใหม่ จึงเร่งปฎิกิริยาให้ทุกยุบเร็วขึ้น
คำถามต่อมา แล้วสิ่งที่รัฐบาลทำตอนนี้ไม่ตอบโจทย์หรือ ? การยุบพรรคอนาคตใหม่ จะทำให้ประเทศเดินหน้าได้ต่อไปหรือไม่
ตอบคือ ถ้ามองไปถึงเรื่องสงครามการค้าที่ ทุกประเทศโดนอยู่ ก็คงปฎิเสธไม่ได้ ว่าไทยจะได้ผลกระทบ แต่สิ่งที่ชี้ชัดว่า
เรากำลังเสียสูญและ มีโอกาศกลับไปเป็นประเทศที่ยากจนลง นั่นคือ การประเมินการเติบโตของเศรษฐกิจ ที่เกือบทุกสัำนัก
หั่น gdp ลดลงแบบน่าสะพรึง สัญญาณการส่งออกที่ติดลบต่อเนื่อง รวมถึงการปิดกิจการและการตกงานอย่างต่อเนื่อง
เพราะนักลงทุนหนีไปอยู่กับเพื่อนบ้าน นั่นคือสภาวะที่รัฐบาลต้องแก้ไข และรับมือ แต่ 5 ปีที่ผ่านมา นั่นคือคำตอบว่ารัฐบาล
มีความพร้อมทั้งในเชิงความรู้ และ วิสัยทัศน์ มากแค่ไหน
ตอนนี้การยุบพรรคอนาคนใหม่ เหมือนกับการประกาศสงครามระหว่างรัฐกับประชาชนไปแล้ว แต่มันอาจไม่ใช่สงครามที่รบรา
ฆ่าฟันกันด้วยอาวุธ แต่มันจะเป็นการรบกันด้วยปัญญา และความจริง ถ้ายอมรับว่า การหยุดอยู่กับที่แบบนี้ คือการเสียโอกาส
และดึงประเทศให้ถอยหลังลงคลองเพราะความขัดแย้งที่บานปลาย เกิดจากการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม ประชาชนทุกภาคส่วน
ต้องช่วยกันกลับมาคิดว่า
" การยุบอนาคตใหม่ในวันนี้ คือจุดเริ่มต้น ที่จะเปลี่ยนแปลง และพาประเทศให้เดินหน้าไปด้วยกัน "
ถ้าไม่ถูกยึดล๊อคอิน เจอกันใหม่ในทู้หน้าค่ะ ....