[CR] รีวิว DIBDEE (ดิบดี) ซอยนาคนิวาส 18 ร้านอาหารฟิวชั่นจากเชฟประสบการณ์กว่า 30 ปี ให้เยอะและราคาไม่แพง❌

วันนี้ผมกลับมาหาครอบครัวที่บ้านย่านรามอินทรา คุณพ่อบอกว่ามีร้านอาหารแบบฟิวชั่นอยู่ร้านนึงที่ชอบไปนั่งดื่มเบียร์กับเพื่อนอยู่บ่อยๆอยู่ในซอยนาคนิวาส 18 ย่านลาดพร้าว อาหารอร่อยและแปลกใหม่ไม่เหมือนร้านไหนดี ที่สำคัญราคาไม่แพงเลย ถ้าอย่างนั้นก็ถือซะว่าได้โอกาสรีวิวร้านใหม่แถวนี้ไปในตัว จัดการยกทั้งบ้านไปที่ร้านเพื่อทานมื้อพิเศษแบบพร้อมหน้าด้วยกัน ร้านนี้ชื่อว่า DIBDEE อยู่ภายในโครงการ T3 Park ในซอยนาคนิวาส 18 เมื่อเข้ามาแล้วโครงการจะอยู่ด้านซ้ายมือ ภายในซอยนี้ดูเหมือนจะเงียบๆแต่ก็มีร้านอาหารซ่อนอยู่ 3-4 ร้าน ที่จอดรถค่อนข้างกว้างขวาง ร้านอยู่ที่ชั้น 1 เจอป้ายสีขาวกลมๆแบบนี้แสดงว่ามาถูกร้านแล้วครับ ดูจากภายนอกแล้วเหมือนร้านอาหารฝรั่งสำหรับนั่งดื่มเบียร์แช่เย็นแบบชิลล์ๆ จะเรียกว่าเป็นร้านลับก็ได้ เพราะร้านไม่ได้โดดเด่นมากอะไรมากนัก
ภายในร้านค่อนข้างเล็กมีให้บริการอยู่แค่ไม่กี่โต๊ะ บรรยากาศภายในร้านค่อนข้างอบอุ่น มีความ Vintage ผสม Loft รอบร้านตกแต่งด้วยป้ายเก่าๆและของตกแต่งบ้านแบบย้อนยุค ผนังเป็นแบบปูนเปลือยและใช้โต๊ะแบบลายไม้ให้อารมณ์เหมือนกับยังสร้างไม่เสร็จสไตล์ Loft ล้อมรอบด้วยกระจกถึง 2 ด้านทำให้ร้านดูสว่างเป็นพิเศษ มีทั้งโต๊ะสำหรับนั่งรับประทานอาหาร 4-6 คน และโซฟาสำหรับนั่งดื่มแบบสองต่อสอง พร้อมบาร์ชงเครื่องดื่มและครัวที่ปิดอย่างมิดชิด กเว้นโซนทำพิซซ่าที่ถูกแยกออกมาด้านนอกครัว มาเปิดเล่มเมนูที่ร้านดูว่ามีอะไรให้เราทานกันบ้างดีกว่า
เมนูหน้าแรกบอกเรื่องราวของทางร้านเอาไว้ว่า เจ้าของร้านนี้มีประสบการณ์ทำอาหารมานานกว่า 30 ปี นำเอาวัตถุดิบต่างๆมาผสมกันเพื่อทำให้เกิดสิ่งใหม่ที่อร่อยและสนุก นำมาปรุงรสซะอย่างดิบดี... พูดง่ายๆคือเขาเชี่ยวชาญทางด้านการทำอาหารฟิวชั่นนี่เอง เมนูของที่ร้านนี้เริ่มจากหน้าแรกเป็นเมนู Signature และอาหารทานเล่นราคาเริ่มต้นที่ 110-240 บาท สลัดจานละ 170-290 บาท พิซซ่าแบบอิตาเลียนราคาเริ่มต้นที่ 250-320 บาท พาสต้าผัดราคาเริ่มต้นที่ 210-320 บาท อาหารจานหลัก(สเต็กและข้าว) ราคาเริ่มต้นที่ 280-590 บาท เมนูปลาและอาหารทะเล ราคาเริ่มต้นที่ 260-320 บาท อาหารจานเดียวเริ่มต้นที่ 120-220 บาท ขนมหวานทุกๆเมนูราคา 120 บาทเครื่องดื่มเริ่มต้นที่ 20 จนไปถึงไวน์ราคาแก้วละ 150 บาท ราคาเมนูอาหารที่เห็นนี้ไม่รวม Vat. อีก 7% ถือว่าราคาไม่แพงนักเมื่อเทียบกับร้านอาหารฟิวชั่นร้านอื่น คุณพ่อผมเคยมาทานร้านนี้หลายรอบแล้วให้เขาสั่งมาเลยละกันครับ
เนื่องจากว่าร้านค่อนข้างเล็ก ทำให้ได้กลิ่นอาหารลอยมาหอมๆจากในครัว นั่งรอไปก็กลืนน้ำลายไป จนจานแรกออกมาเสิร์ฟที่โต๊ะ "DIBDEE Spaghetti Bolognese" ราคาจานละ 260 บาท เสิร์ฟมาจานค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว เป็นสปาเก็ตตี้เส้นแบนใหญ่ลวกมาสุกกำลังดี ผัดในซอสมะเขือเทศรสเปรี้ยวอมหวานแบบเข้มข้น และเนื้อบด (น่าจะเป็นเนื้อออสเตรเลียแบบติดมัน) ที่มีความหอมและรสเนื้อเข้มข้น โรยหน้าด้วยพาเมซานชีสขูดให้ความหอมมันกลมกล่อม ถึงจะเป็นอาหารฝรั่งแท้ๆแต่รสชาติเข้มข้นในทุกๆด้าน เข้ากับเส้นที่แบนหนาไม่อุ้มซอสได้เป็นอย่างดี สมกับเป็นเมนูที่มีชื่อร้านนำหน้าเลยครับ อีกจานหน้าตาอลังการสุดๆคือ "Spaghetti AOP Soft Shell Crab And Abiko" ราคา 320 บาท สปาเก็ตตี้เส้นกลมผัดพริกแห้ง/กระเทียม/น้ำมันมะกอก/มะเขือเทศ/มะกอกดำ มาพร้อมกับปูนิ่มชุบแป้งทอดตัวใหญ่ โรยหน้ามาด้วยไข่กุ้ง(ไข่ปลาบิน)แบบล้นๆ รสชาติเผ็ดพริกแห้ง หอมกลิ่นกระเทียมและน้ำมันมะกอกเตะจมูก ได้ความเปรี้ยวจากมะเขือเทศสดลูกเล็ก มีความฝาดหอมจากมะกอกดำ ทุกอย่างทุกทำให้เข้ากันด้วยรสชาติจากไข่ปลาบิน ที่ทำให้รสชาติของจานนี้สมบูรณ์แบบสุดๆ และยังได้ทั้งความกรอบของไข่ปลาในทุกๆคำที่เคี้ยว ส่วนตัวปูนิ่มทอดมากรอบ ไม่เค็มน้ำทะเลแบบร้านอื่น เอาไว้ทานเคียงคู่กันเพื่อลดความเผ็ด เหมือนนำเอาอาหาร 3 สัญชาติ (อิตาเลียน/ไทย/ญี่ปุ่น) มารวมกันไว้ในจานเดียวได้อย่างลงตัว เป็นจานที่โดนใจที่สุดในมื้อนี้ครับ
ต่อกันด้วยเมนูสเต็กจานใหญ่อลังการในราคาสุดคุ้มค่าอย่าง "Baked Cheese Pork Chop With Spinach And French Fired"ราคา 420 บาท (เมนูนี้ถ้าหากสั่งต้องใช้เวลารอนานกว่า 30 นาที) เป็นสเต็กเนื้อหมูส่วนพอร์คชอปชิ้นยักษ์ด้านบนมาพร้อมกับผักโขมผัดครีม+เนย ท๊อปปิ้งด้านบนสุดด้วยชีสอบจนสีเหลืองกรอบ ส่วนด้านล่างนั้นรองด้วยเฟรนซ์ฟราย เสิร์ฟพร้อมกับซอสเห็ดทรัฟเฟิลสูตรของที่ร้านรสชาติมัน/หอม/กลมกล่อม ในส่วนของเนื้อหมูนั้นนุ่มสุดๆ แทบไม่ต้องลงแรงที่มีดเพื่อหั่นให้ขาดเลย ทานคู่กับผักโขมอบชีสรสกลมกล่อม และซอสเห็ดทรัฟเฟิลหอมๆเคียงด้วยมันฝรั่งทอด จานนี้เหมือนกับว่ารวมสเต็กและเครื่องเคียงต่างๆมาทานคู่กันในจานเดียว (ซึ่งที่ร้านอื่นเขาจะเสิร์ฟแยกกัน) เหมือนได้ทาน 3 เมนูใน 1 เดียว คุ้มราคามากๆครับ เมนูถัดมาเป็น Signature หน้าแรกสุดในเล่มเมนูของที่ร้านนั่นคือ "Signature Grilled Pork Satay" ราคา 220 บาท เป็นเนื้อหมูส่วนคอหมูแท้ๆไม่ใช่หมูส่วนสามชั้นจำแลงว่าเป็นคอหมูแบบร้านอาหารอีสานราคาถูกๆ หมักด้วยเครื่องเทศแบบหมูสะเต๊ะแบบเข้มข้นที่หอมกลิ่นเครื่องเทศและกะทิย่างจนเนื้อสุกเกรียมด้านนอก ฉ่ำน้ำเนื้อและไขมันด้านใน เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มสะเต๊ะที่กลิ่นเครื่องเทศและรสชาติหวานมันเข้มข้น มีกลิ่นเครื่องเทศเตะจมูกไม่เหมือนที่ไหน ตัดเลี่ยนด้วยการเสิร์ฟมาพร้อมซอสอาจาดรสเปรี้ยวหวานเย็น ใส่ผักอย่างพริกชี้ฟ้า/แตงกวาและหอมแดงแขกเนื้อกรอบๆ ทำให้รสชาติลงตัวในทุกด้าน ไม่แปลกใจว่าทำไมเมนูนี้ถึงอยู่ในหน้าแรกสุด ทานแล้วอยากได้เบียร์เย็นๆเลยครับ แต่วันนี้เด็กๆมาด้วยงดไปก่อนนะ
อยากทานอะไรแซ่บๆบ้างเลยสั่งเป็น "Fired Mixed Seafood With Garlic And Chilli" ราคา 240 บาท ซีฟู๊ดรวมทั้ง กุ้งขาว/ปลาหมึก/หอมแมลงภู่ชิลีชุบแป้งทอด นำไปผัดคล้ายๆกับพริกเกลือแบบจีน แต่นอกจากจะใส่พริกแห้งและกระเทียมแล้วยังมีมะเขือเทศเชอรี่/มะกอกดำและดอกเคเปอร์ ให้ความกรอบ/หอม/เผ็ด/ฝาดและอมเปรี้ยวนิดๆในเมนูเดียวกัน ผสมกันลงตัวเฉยเลยแฮะ เป็นจานที่เหมาะจะทานคู่กับเบียร์เย็นๆอีก 1 เมนู อีกจานเป็นเมนูข้าวสุดแซ่บอย่าง "East Meet West Roasted Chilli Chicken" เป็นเมนูสะโพกไก่อบในอุณหภูมิอ่อนๆจนเนื้อนุ่ม รีดน้ำและไขมันส่วนเกินออกจนเนื้อจนนุ่มลุ่ยออกจากกระดูกได้อย่างง่ายดาย ราดด้วยซอสน้ำพริกเผาที่รสหวานเผ็ดจี๊ดจ๊าด ทานคู่กับข้าวสวยญี่ปุ่นเมล็ดเหนียมนุ่มผัดใส่ไข่ไก่และไข่ปลาบินรสกลมกล่อม ลดความเผ็ดและเพิ่มความกรุบกรอบด้วยหน่อไม้ฝรั่งลวก ส่วนตัวว่าไก่นุ่มอร่อยดี แต่ซอสรสชาติเข้มข้นไม่ค่อยได้รสชาติของไก่สักเท่าไหร่ เหมือนซอสเป็นตัวโดดเด่นและทุกอย่างในจานเป็นแค่ตัวเสริมมากกว่า แต่ถูกใจคนชอบรสเผ็ดแน่นอนครับ
เห็นว่ามีเตาพิซซ่าอยู่ด้านนอกครัว แปลว่าร้านนี้เขาต้องจริงจังเรื่องนี้อย่างแน่นอน สั่งมาชิมสัก 1 เมนูเพราะคุณแม่ผมอยากลองทาน "Black Truffle Pizza" ราคา 320 บาท ก่อนอื่นเชฟจะออกมาทำพิซซ่าที่ด้านนอกครัว ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมอาหารทุกจานถึงอร่อยขนาดนี้ เพราะเชฟที่นี่มีดีกรีมาจากสมาคมเชฟแห่งประเทศไทย ที่สำคัญหน้าตาดีพอที่จะออกช่วงพ่อค้าแซ่บรายการเทยเที่ยวไทยได้เลยทีเดียว แต่เชฟเขาขอไว้ว่าไม่อยากให้ถ่ายไปเผยแพร่เพราะขี้อายมาก (ใครอยากรู้ว่าเชฟหล่อขนาดไหนก็ลองไปทานที่ร้านดูนะครับ) วิธีการทำพิซซ่าของที่นีคือเชฟนำไวท์ซอสปรุงรสพิเศษผสมชีสแบบเน้นๆ ราดลงไปบนแป้งพิซซ่าบางกรอบที่ทำสำเร็จไว้แล้ว จากนั้นใส่ซอสเห็ดทรัฟเฟิล ดำบดละเอียดที่มีกลิ่นหอมรุนแรงลงไปบนแป้งเป็นจุดๆ จากนั้นนำไปอบจนสุกสีเหลือง ก่อนเสิร์ฟทาขอบด้วยน้ำมันมะกอกเพื่อเพิ่มความหอมไปอีกขั้น ถึงแม้ว่าชีสจะไม่ยืดแต่รสชาติอร่อยเข้มข้นมากๆ แป้งพิซซ่าบางแต่เหนียวนุ่มเข้ากันได้ดีกับมอสซาเรลล่าชีสผสมไวท์ซอสปรุงรสพิเศษที่หอมมันกลมกล่อม ได้กลิ่นของซอสเห็ดทรัฟเฟิลสีดำบดโชยมาในทุกๆคำ สำหรับราคาที่จ่ายไปได้ทานเห็ดทรัฟเฟิลที่กลิ่นหอมขนาดนี้ถือว่าคุ้มค่าครับ (ถ้าเอาทรัฟเฟิลดำสดๆมาให้คงไม่ได้ขายราคานี้อย่างแน่นอน) ใครที่ไม่เคยทานเห็ดชนิดนี้ หรืออยากทราบว่ากลิ่นมันเป็นอย่างไร มาทานที่ร้านนี้ได้เลย รับรองว่าอร่อยถูกใจ กระเป๋าเงินไม่ฉีกอย่างแน่นอน ส่วนผมและครอบครัวถูกใจกันทุกคนครับ โดยเฉพาะหลานสาว ปกติไม่ค่อยทานของแบบนี้ แต่วันนี้ทานไป 3 แผ่นคนเดียวเลย (ปกติเด็กสาวอายุแค่ 5 ขวบไม่ทานเยอะขนาดนี้) ถือว่าสอบผ่านฉลุยเลยครับ ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ จดลายแทงไว้เป็นร้านประจำของครอบครัวเลยครับ
ชื่อสินค้า:   DIBDEE (ดิบดี)
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่