บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ (ตอน 10)


ตอน 10
สับสน

 
“เธอเปลี่ยนไปมาก
ไม่ต่างกับผู้หญิงที่ชอบเที่ยวยามค่ำคืน”
 
          จนวันหนึ่ง ผมเริ่มมั่นใจว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้น ผมกลับมาหาเธอในวันหยุดเหมือนทุกครั้ง และเป็นครั้งแรกที่เราไม่ได้เจอกัน เนื่องจากสัปดาห์นี้เธอจะต้องเดินทางไปทำงานกับเพื่อน ซึ่งจะต้องทำงานด้วยกันเป็นกลุ่ม จึงไม่สะดวกที่ผมจะเดินทางไปด้วย และหลังจากที่เก็บข้อมูลเสร็จ ก็จะต้องรีบเร่งช่วยกับทำรายการส่ง เธอบอกว่างานชิ้นนี้เร่งด่วนมาก
          ขณะที่เธอเดินทางไปทำงาน เธอโทร.หาผมเหมือนเป็นปกติ ผมได้ยินเสียงเพื่อนอยู่ข้างๆ และก็เป็นเพื่อนของเธอที่ผมรู้จักเป็นอย่างดี ความระแวงสงสัยกลับกลายเป็นความสับสน ทุกอย่างเป็นไปตามที่เธอบอกเอาไว้ แล้วอะไรล่ะที่ทำให้ผมเกิดความระแวง ทำไมพักหลังนี้เธอถึงไม่เป็นตัวของตัวเอง เหมือนกำลังโกหก ปิดบังซ่อนเร้นอะไรบางอย่าง
          นอกจากนั้นพฤติกรรมที่ผ่านมาของเธอก็ยังน่าสงสัยมากขึ้นไปอีก เธอกลับมาพักที่ห้องน้อยลงเพียงสัปดาห์ละไม่กี่วัน จนสัปดาห์ต่อมา ผมเดินทางกลับมาหาเธอ แล้วทุกอย่างก็ไม่ต่างจากเดิม เป็นสัปดาห์ที่สองที่เราไม่ได้เจอกัน เธอไม่ได้กลับมาที่ห้อง สำหรับเหตุผลก็เป็นเรื่องก็เรื่องงานอีกเช่นเคย
 
          ขณะที่ผมนั่งเล่นอยู่ที่โซฟารับแขกด้านหน้าของคอนโด น้องพนักงานเคาน์เตอร์คอนโด ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่พาเราไปดูห้องเมื่อตอนที่ย้ายเข้ามาในตอนแรก น้องพนักงานเดินทางเข้ามาทักทายเหมือนปกติทุกครั้ง หลังจากที่ผมย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ ก็ได้น้องพนักงานคนนี้ล่ะที่ช่วยเหลืออำนวยความสะดวกในหลายๆ เรื่อง จนเริ่มคุ้นเคยกัน และหลายครั้งผมก็มักจะมีของฝากติดไม้ติดมือมาฝากเธออยู่เสมอ แต่คราวนี้เมื่อเห็นว่าผมนั่งอยู่ลำพัง น้องพนักงานก็เข้ามานั่งคุยด้วย เริ่มต้นจากการคุยเรื่องทั่วๆ ไป และในที่สุดเหมือนกำลังรวบรวมความกล้า เพื่อเล่าบางอย่างให้ผมฟัง 
          เรื่องราวเกิดขึ้นในวันหนึ่ง เป็นวันที่เธอเข้ามาที่ห้องพักอย่างเร่งรีบ แล้วก็แต่งตัวออกไปข้างนอกโดยมีเพื่อนขับรถมารับ แล้วก็กลับเข้ามาอีกครั้งในช่วงกลางดึกด้วยอาการเมามายแทบไม่ได้สติ และที่เป็นเรื่องเป็นราวก็เนื่องมาจากหลังจากที่กลับมาแล้ว เธอลืมกุญแจห้องพักเอาไว้ในรถของเพื่อน และเพื่อนก็กลับไปได้สักพักแล้ว เธอเดินทางมาชั้นล่างเพื่อขอกุญแจสำรอง และได้แสดงอารมณ์ที่หงุดหงิด ใช้น้ำเสียงและถ้อยคำที่รุนแรงหยาบคาย เอะอะ เสียงดัง จนทุกคนตกใจ เพราะไม่เคยเห็นเธอเป็นอย่างนี้มาก่อน คืนนั้นมีพนักงานอยู่หลายคนและเห็นเหตุการณ์กันทั้งนั้น 
          เมื่อได้ฟังแล้ว ผมตกใจมาก แทบไม่เชื่อเลยว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ผมกล่าวขอโทษกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของเธอในคืนนั้น และเมื่อสอบถามช่วงเวลาก็ทำให้รู้ว่าเป็นวันที่เธอขอไปงานวันเกิดเพื่อนในครั้งแรก 
          ใช่แล้ว! เธอโทรหาผมตอนตีสองด้วยอาการเมามายจริงๆ 
          ตอนรู้จักเธอแรกๆ เธอเล่าให้ฟังว่า ช่วงสมัยเรียนเคยออกไปเที่ยวเตร่กลางคืนกับเพื่อนบ้าง มีการลองดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่รู้สึกว่าไม่ชอบ หลังจากนั้นก็ไม่เคยดื่มอีกเลย แต่ทำไมพักหลังนี้ เธอถึงเที่ยวและดื่มหนักขนาดนี้
          
          เรื่องเล่าของเธอยังไม่หมดเพียงเท่านั้น หลังจากนั้นเธอก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อนอีกหลายครั้ง และเมื่อกลับเข้ามาก็มีอาการเมามายจนไม่ได้สติ ถึงกับต้องให้เพื่อนหิ้วปีกพาขึ้นไปส่งที่ห้อง ขณะที่กำลังนั่งคุยกันอยู่นั้น น้องพนักงานอีกคนก็เดินมาบอกว่า เจ้าของคอนโดเดินทางมาถึงแล้ว ให้รีบกลับเข้าไปทำงาน หากมาเห็นว่านั่งคุยกับลูกค้าอยู่อาจถูกตำหนิได้ น้องพนักงานจึงขอตัวกลับไปทำงาน เหมือนกับว่าเรื่องราวที่อยากเล่ายังไม่ได้หมดเพียงเท่านี้
          มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเธอถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้
 
          สัปดาห์ต่อมา เรานัดกันไปทำงานเก็บข้อมูลในอำเภอที่ห่างไกล ผมกลับมาถึงในช่วงดึกวันศุกร์ ขณะที่เธอไปพักค้างคืนอยู่ที่ห้องเพื่อน และนัดให้ผมไปรับตอนเข้า และเมื่อถึงเช้าวันเสาร์ เราก็เดินทางไปทำงานด้วยกัน เธอเอาแต่นิ่งเงียบ ไม่พูดจาอะไร เหมือนกำลังคิดบางอย่างในใจ นอกจากนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีสายเรียกเข้าตลอดเวลา เธอคุยอย่างระมัดระวังด้วยเสียงที่แผ่วเบา จากนั้นก็บอกว่า เป็นเพื่อนของเธอโทร.มา เพราะมีปัญหาทะเลาะกับแฟน จึงโทรมาขอคำปรึกษา ถึงแม้จะโทร.มาบ่อยจนผิดปกติไปมาก แต่ผมก็คลายความสงสัย เพราะได้ยินว่าเสียงจากปลายสายว่าเป็นเสียงของผู้หญิงจริงๆ 
          ตลอดทั้งวันเธอไม่มีสมาธิในการทำงาน เอาแต่คุยโทรศัพท์ตลอดเวลา จนผมต้องเป็นคนช่วยเธอทำงานโดยตลอด ซึ่งปกติแล้วเธอจะคนที่มีความรับผิดชอบ โดยเฉพาะเรื่องการทำงาน จะไม่ยอมให้คนอื่นมาทำงานแทนเธอเด็ดขาด เธอจะต้องทำด้วยตนเองเสมอ และเมื่อทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินทางกลับห้อง ภายในห้องเต็มไปด้วยบรรยากาศที่เงียบ เธอไม่พูดคุยอะไรมากนัก เอาแต่นั่งสรุปงาน แท้ที่จริงแล้วคนที่คอยสรุปงานกลับกลายเป็นผม ส่วนตัวเธอออกไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียงห้องโดยตลอด ไม่เว้นแม้แต่เวลานอนเธอยังคงส่งข้อความคุยกับเพื่อนจนดึกดื่น และในที่สุดความเหน็ดเหนื่อยตลอดทั้งวันก็ทำให้ผมหลับไป
 
          ผมทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น มั่นใจว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างที่ผมไม่อยู่แน่นอน ผมเริ่มหาข้อมูลจากลูกน้องคนสนิท เผื่อจะรู้เรื่องอะไรบ้าง
          ลูกน้องคนสนิทเริ่มต้นด้วยการบอกว่า อย่าโกรธในสิ่งที่เขากำลังจะเล่าต่อไปจากนี้ ทุกอย่างที่กำลังจะเล่าเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น เพราะลูกน้องของผมก็เห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นมาสักระยะหนึ่งแล้วเช่นเดียวกัน ในช่วงเย็นหลังเลิกงาน เขาสังเกตเห็นว่าเธอมักจะเดินออกจากที่ทำงานอย่างมีพิรุธไปทางด้านหลังของอาคารสำนักงาน ด้วยความสงสัยจึงแอบตามไปดู และเห็นว่ามีรถยนต์คันหนึ่ง เป็นรถเก๋งสีขาวแต่งซิ่งมาจอดหลบมุมเหมือนกับว่าไม่อยากให้ใครเห็น มาคอยรับเธอ ช่วงแรกรถเก๋งคันนี้มานานๆ ครั้ง แต่ระยะหลังมารับแทบทุกวัน ด้วยความสงสัยลูกน้องของผมพยายามตรวจสอบกับกล้องวงจรปิดที่อยู่บริเวณนั้น แต่ก็ไม่ได้เรื่องอะไรเลย เจ้าของรถเก๋งสีขาวไม่เคยลงมาจากรถ จึงไม่รู้ว่าเป็นใคร
          ‘เป็นความตั้งใจของชายหนุ่มเจ้าของรถ ที่ไม่ต้องการให้ใครเห็นว่าตนเองเป็นใคร’ ผมคิดในใจ
          ต่อมาเจ้าของรถคงจะรู้ตัวว่ามีคนแอบดูอยู่ หลังจากนั้นก็ไม่เคยมารับเธออีกเลย 
 
          ลูกน้องของผมยังคงเล่าต่อไป ในช่วงหลังที่ไปเที่ยวสถานบันเทิงก็มักจะเจอเธออยู่บ่อยครั้ง เธอดูเปลี่ยนไปมาก จนแทบจำไม่ได้ จากหญิงสาวที่แต่งตัวเรียบร้อย กลายเป็นแต่งตัววาบหวิว แต่งหน้าจัด ไม่ต่างกับผู้หญิงที่ชอบเที่ยวเตร่กลางคืน และที่แปลกอีกอย่างก็คือ เธอจะดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และมีอาการเมามายโดยตลอด 
          ผมถามลูกน้องว่าทำไมถึงคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผิดปกติ ลูกน้องอธิบายว่า ปกติแล้วเขาเป็นสายเที่ยวกลางคืน ไม่มีสาวสวยคนไหนจะหลุดรอดสายตาเขาไปได้ แต่สำหรับเธอแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นมาก่อน ถ้ามาเที่ยวยังไงก็ต้องเจอกันบ้าง และที่สำคัญเพื่อนของเธอในกลุ่มต่างแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเธอทั้งแต่งหน้าจัด แต่งตัวว๊าบหวิว ดื่มจนเมามายทุกครั้ง เป็นพฤติกรรมไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วก็เล่าต่ออีกว่า ตอนที่เธอมาทำงานใหม่ๆ เพื่อนหลายคนเคยชวนเธอไปเที่ยวกลางคืน แต่เธอปฏิเสธแทบทุกครั้ง แต่มาพักหลังนี้ เธอแทบจะเป็นคนชวนเพื่อนไปเสียด้วยซ้ำ ใครไปเที่ยวที่ไหน เธอไม่เคยปฏิเสธ จนหลายคนพากันลือกันไปว่า เธอเลิกรากับผมแล้ว จึงรู้สึกซึมเศร้า เลยออกไปเที่ยวยามค่ำคืน แต่พอถามเธอ เธอกลับปฏิเสธ และบอกทุกครั้งว่ายังรักกันดีเหมือนเดิม
          ‘แล้วอะไรล่ะ ที่ทำให้เธอเปลี่ยนไป’ ไม่ใช่เฉพาะเพียงแต่ผม ลูกน้อง หรือแม้แต่เพื่อนในกลุ่มก็ยังสงสัย
 
          “มีผู้ชายมาจีบ หรือมานั่งดื่มกับเธอบ้างไหม” ผมถามอย่างตรงประเด็น
          “ไม่มี” เป็นคำตอบแทบจะไม่ต้องคิด พร้อมทั้งเล่าต่อว่า ทุกครั้งที่เธอไป ไม่เคยมีชายหนุ่มคนไหนเข้ามานั่งกับเธอเลย เธอจะนั่งดื่มอยู่กับกลุ่มเพื่อนเท่านั้น 
          การไปเที่ยวของเธอไม่มีผู้ชายเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นการไปสนุกสนานกับกลุ่มเพื่อนเท่านั้นเองเหรอ ผมแทบไม่เชื่อคำตอบที่ได้เลยจริงๆ มันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย อะไรนะที่เปลี่ยนแปลงเธอได้ขนาดนี้ แล้วไหนจะมีรถเก๋งปริศนาที่มารับเธอเข้ามาเกี่ยวข้องอีก ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ ผมต้องรู้ให้ได้ว่าชายหนุ่มที่เป็นเจ้าของรถเก๋งสีขาวที่ทำให้เธอเปลี่ยนไปเป็นใครกัน ยังมีอีกคนหนึ่งที่น่าจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้ 
          ผมนึกถึงน้องพนักงานที่คอนโด วันนั้นเหมือนว่าเรายังคุยค้างอยู่ คงจะมีข้อมูลอื่นอีกแน่
 
          แล้วผมก็ได้ข้อมูลสำคัญมาจนได้

ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
by พรนับพัน
 
หนังสือ บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ
โดย พรนับพัน
จาก สำนักพิมพ์คุณหนูชูใจ
เปิดให้พรีออเดอร์แล้วนะครับ หนังสือไม่มีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วไป
 
บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ
เป็นบันทึกเรื่องราวน่าพิศวงที่เกิดขึ้นจริง ในช่วงระยะเวลาเริ่มต้นและจบลงภายในเวลาหนึ่งปี เรื่องราวไม่น่าเชื่อหลายๆ เรื่องเกิดขึ้นตลอดเวลา เชื่อมโยงอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้เข้ากับคำว่า “มนตร์ดำ” อย่างลงตัว เป็นช่วงเวลาหนึ่งปีที่ทั้งสุขและทุกข์ทนไปพร้อมกัน และเรื่องราวทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในความทรงจำตลอดไป สำหรับบุคคลต่างๆ ผมต้องขอสงวนชื่อเอาไว้ทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่