ท่านพ่อลี สอนว่า .....
"สัตว์ทั้งหลายที่เราได้เบียนเบียนชีวิตเขามาเป็นอาหารนั้น ความจริงเขาไม่ได้เต็มใจให้ชีวิตแก่เราเลย แต่เราก็กดขี่ข่มเหง บีบคั้นเขามาฆ่ากินด้วยประการต่างๆ ถึงแม้เราจะไม่ได้ฆ่าเอง แต่ก็มีส่วนแบ่งในการกระทำบาปของผู้ที่เขาฆ่ามาให้เรากิน
ฉะนั้น ท่านจึงว่า บาปอยู่กับคนทำ กรรมอยู่กับคนกิน
เมื่อเป็นดังนี้ พวกสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น ก็คงจะต้องมาทวงหนี้ชีวิตเลือดเนื้อของเขาในวันหนึ่ง ถ้าเราไม่มีทรัพย์คือ บุญกุศลสำหรับใช้หนี้เขา เราก็จะต้องลำบากหน่อยในเวลาที่ใกล้ตาย
ความทุกข์ทรมานอันใดที่เราได้รับจากก้อนกายนี้ ก็คือผลแห่งกรรมที่เราได้เคยทำกับเขาไว้ จะโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อมก็ดี ก็จัดว่าได้เป็นลูกหนี้บุญคุณเขาอยู่
ถ้าเรามีทรัพย์ใช้หนี้เขาเป็นที่พอใจ เขาก็ไม่รบกวนเรา ฉะนั้นท่านจึงให้พากันสร้างสมบุญกุศลไว้ เพื่อไถ่ถอนหนี้สินให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย"
https://www.facebook.com/watasokaram.org/posts/2962376413835560
กินเนื้อสัตว์=มีส่วนแบ่งในการกระทำบาป
"สัตว์ทั้งหลายที่เราได้เบียนเบียนชีวิตเขามาเป็นอาหารนั้น ความจริงเขาไม่ได้เต็มใจให้ชีวิตแก่เราเลย แต่เราก็กดขี่ข่มเหง บีบคั้นเขามาฆ่ากินด้วยประการต่างๆ ถึงแม้เราจะไม่ได้ฆ่าเอง แต่ก็มีส่วนแบ่งในการกระทำบาปของผู้ที่เขาฆ่ามาให้เรากิน
ฉะนั้น ท่านจึงว่า บาปอยู่กับคนทำ กรรมอยู่กับคนกิน
เมื่อเป็นดังนี้ พวกสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น ก็คงจะต้องมาทวงหนี้ชีวิตเลือดเนื้อของเขาในวันหนึ่ง ถ้าเราไม่มีทรัพย์คือ บุญกุศลสำหรับใช้หนี้เขา เราก็จะต้องลำบากหน่อยในเวลาที่ใกล้ตาย
ความทุกข์ทรมานอันใดที่เราได้รับจากก้อนกายนี้ ก็คือผลแห่งกรรมที่เราได้เคยทำกับเขาไว้ จะโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อมก็ดี ก็จัดว่าได้เป็นลูกหนี้บุญคุณเขาอยู่
ถ้าเรามีทรัพย์ใช้หนี้เขาเป็นที่พอใจ เขาก็ไม่รบกวนเรา ฉะนั้นท่านจึงให้พากันสร้างสมบุญกุศลไว้ เพื่อไถ่ถอนหนี้สินให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย"
https://www.facebook.com/watasokaram.org/posts/2962376413835560