ตลอดช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา มีเรื่องราวการค้นพบทางโบราณคดีที่น่าตื่นตาตื่นใจเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งช่วยไขปริศนาในอดีตและชี้แนะเส้นทางสู่อนาคตแก่มนุษยชาติ โดยได้มีการรวบรวมการค้นพบที่น่าทึ่งเหล่านี้ ได้แก่
อุโมงค์ลับแอซเท็ก
(INAH ซากของอุโมงค์ระบายน้ำโบราณ มีอายุเก่าแก่ราว 600 ปี)
(GETTY IMAGES ทลาล็อก (Tlaloc) เทพแห่งฝน สายฟ้า และความอุดมสมบูรณ์ของชาวแอซเท็ก)
ในบรรดาสิ่งก่อสร้างที่โลกลืมซึ่งเพิ่งมาค้นพบกันใหม่อีกครั้งในปีนี้ ที่โดดเด่นน่าทึ่งมากที่สุดแห่งหนึ่ง คงหนีไม่พ้นอุโมงค์ลับในยุคอารยธรรมแอซเท็กที่เก่าแก่ถึง 600 ปี โดยคนงานในเมืองเอกาเตเป็กซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองหลวงของเม็กซิโกเป็นผู้ขุดพบ ขณะเตรียมพื้นถนนเพื่อก่อสร้างป้ายจอดรถประจำทาง
การตรวจสอบของนักโบราณคดีพบว่า อุโมงค์นี้น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของระบบอุโมงค์ระบายน้ำที่สร้างขึ้นโดยมีสัญลักษณ์ของเทพ "ทลาล็อก" (Tlaloc) เทพแห่งฝน สายฟ้า และความอุดมสมบูรณ์ ปรากฏอยู่ในรูปสลักหินและภาพวาดบนฝาผนังอุโมงค์ด้วย
ชาวแอซเท็กนั้นขึ้นชื่อในเรื่องความสามารถทางวิศวกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการชลประทาน การบริหารจัดการน้ำ และการสร้างเมืองที่เป็นเกาะลอยขนาดใหญ่กลางทะเลสาบ เชื่อว่าอุโมงค์ระบายน้ำที่ค้นพบล่าสุดนี้ สร้างขึ้นในสมัยของจักรพรรดิมอนเตซูมาที่หนึ่งช่วงกลางศตวรรษที่ 15 ซึ่งเป็นยุคที่จักรวรรดิแอซเท็กมีการปฏิรูปในหลายด้าน จนมีความมั่งคั่งและเข้มแข็งยิ่งกว่าเดิม
น้ำเขื่อนแห้ง วังโบราณผุดที่อิรัก
(UNIVERSITY OF TUBINGEN วังโบราณที่เคยจมอยู่ใต้เขื่อนโมซูลของอิรัก)
ความแห้งแล้งผิดปกติในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปีนี้ ทำให้ระดับน้ำในเขื่อนโมซูลทางตอนเหนือของอิรักลดลงอย่างมาก จนเผยให้เห็นซากของวังโบราณแห่งหนึ่งที่จมอยู่ใต้น้ำมานานหลายสิบปี
ทีมนักโบราณคดีของอิรักและเยอรมนีจึงใช้โอกาสนี้เข้าขุดค้นสำรวจ จนพบว่าอาจเป็นซากของเมืองโบราณซาคิคู (Zakhiku) ส่วนหนึ่งของอาณาจักรมิตานนี (Mitanni) ของชาวฮิตไทต์ ซึ่งแผ่อิทธิพลตั้งแต่ตุรกีไปจนจรดซีเรียและอิรักตอนเหนือ ในช่วง 1,500 - 1,300 ปีก่อนคริสตกาล ตำราการเลี้ยงและฝึกม้าที่เก่าแก่ที่สุดในโลกก็มาจากอาณาจักรแห่งนี้
นครที่สาบสูญ "มเหนทรบรรพต"
(CALI ซากของวัดหรือเทวสถานในเขตเมืองมเหนทรบรรพต)
เทคโนโลยีการสแกนด้วยเลเซอร์ทางอากาศ (LIDAR) เผยให้เห็นซากเมืองโบราณ "มเหนทรบรรพต" นครหลวงของจักรวรรดิเขมรโบราณสมัยศตวรรษที่ 9 ซึ่งเป็นช่วงก่อนยุคเมืองพระนคร โดยพบใต้ผืนป่าทึบบริเวณที่ราบสูงพนมกุเลน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของซากโบราณสถานเมืองพระนคร ในจังหวัดเสียมเรียบของกัมพูชา
แม้เมืองดังกล่าวจะมีชื่อปรากฏในจารึกให้นักโบราณคดีได้ทราบกันมาก่อนหน้านี้ แต่ซากของเมืองและหลักฐานอื่น ๆ หายสาบสูญไปทั้งหมด อย่างไรก็ตาม การสแกนด้วยเลเซอร์ทางอากาศครั้งล่าสุดได้เผยให้เห็นการปรับแต่งพื้นที่กว้างใหญ่ของเมืองมเหนทรบรรพตเป็นถนน ลำคลอง อ่างเก็บน้ำ วัด และนาข้าวจำนวนมาก
นักโบราณคดีสันนิษฐานว่า มเหนทรบรรพตกลายเป็นเมืองร้าง เพราะมีการอพยพโยกย้ายไปยังนครหลวงแห่งใหม่ด้วยเหตุผลทางการเพาะปลูกผลิตอาหาร เช่นเดียวกับการย้ายนครหลวงจากเมืองเกาะแกร์ในช่วงศตวรรษเดียวกัน ซึ่งอาจเป็นเพราะไม่สามารถจัดการกับปัญหาน้ำท่วมได้
งานศิลปะบนผนังถ้ำฝีมือมนุษย์ยุคใหม่ชิ้นแรกของโลก
ในปี 2019 ยังมีการค้นพบวัตถุโบราณเก่าแก่ที่สุดในโลกหลายชิ้น เช่นภาพวาดบนผนังถ้ำแห่งหนึ่งในจังหวัดสุลาเวสีใต้ของอินโดนีเซีย ถูกพบว่ามีอายุเก่าแก่ถึง 44,000 ปี นับว่าเป็นภาพวาดฝีมือมนุษย์ยุคใหม่หรือโฮโม เซเปียนส์ ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เท่าที่เคยมีการค้นพบมา โดยเป็นภาพของกลุ่มนายพรานที่มีร่างกายครึ่งมนุษย์ครึ่งสัตว์ กำลังไล่ล่าหมูป่าและควายป่าที่วิ่งหนี สันนิษฐานว่าอาจเป็นภาพที่มีนัยสื่อถึงพิธีกรรมและความเชื่อทางจิตวิญญาณ
ตัวหมากรุกเก่าแก่ที่สุดในโลก
(JOHN OLESON ตัวหมากรุกที่ทำจากหินทราย พบในโบราณสถานฮูเมมาของจอร์แดน)
พบตัวหมากรุกที่แกะสลักจากหินทรายในโบราณสถานแห่งหนึ่งของจอร์แดน โดยตัวหมากรุกที่หน้าตาผิดแผกไปจากที่ใช้เล่นกันในปัจจุบันนี้ มีอายุเก่าแก่ถึง 1,300 ปี ปะปนอยู่กับของโบราณอื่น ๆ ในย่านการค้าเก่าแก่ ซึ่งช่วยยืนยันข้อสันนิษฐานที่ว่า การเล่นหมากรุกมีกำเนิดจากอินเดีย และเผยแพร่มาสู่โลกตะวันตกผ่านเส้นทางการค้าและการทูต
ไข่มุกเป็นสินค้าตั้งแต่ยุคหินใหม่
(AFP/GETTY IMAGES ไข่มุกสีชมพูอายุ 8,000 ปี)
ส่วนวงการโบราณคดีของอาบูดาบีก็ไม่น้อยหน้า โดยทางการของรัฐแห่งนี้ได้นำไข่มุกเก่าแก่ที่สุดในโลก เท่าที่เคยมีการค้นพบมาออกแสดง เป็นไข่มุกสีชมพูอายุ 8,000 ปี พบบนเกาะนอกชายฝั่งของรัฐ ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันว่า การค้าหรือแลกเปลี่ยนไข่มุกกับสินค้าอื่น ๆ มีมาตั้งแต่ยุคหินใหม่ หรือราว 12,000 - 3,500 ปีก่อนคริสตกาล
มนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์รู้จักสร้างหลุมดักช้างแมมมอธ
(AFP/INAH ภายในหลุมยังมีชิ้นส่วนกระดูกของช้างแมมมอธ 14 ตัวหลงเหลืออยู่)
ในปีนี้นักโบราณคดีค้นพบความรู้ใหม่ ๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีอาหารแห่งยุคบรรพกาลมากมายหลายเรื่อง ทั้งเทคนิคการเสาะแสวงหาและเก็บถนอมอาหารของคนโบราณ โดยที่น่าตื่นเต้นที่สุดเห็นจะได้แก่การค้นพบหลุมดักช้างแมมมอธ ซึ่งสร้างขึ้นโดยฝีมือมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ อันเป็นหลักฐานทางโบราณคดีชิ้นแรกของโลกที่ยืนยันว่า มนุษย์รู้จักวางแผนล่าแมมมอธมาเป็นอาหาร โดยใช้กับดักที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ
หลุมที่ขุดขึ้นเพื่อดักแมมมอธนี้ อยู่ที่เมืองตุลตีเป็กทางตอนเหนือของกรุงเม็กซิโกซิตี มีอายุเก่าแก่ราว 15,000 ปี มีความลึก 1.7 เมตร และมีเส้นผ่านศูนย์กลางกว้างเกือบ 25 เมตร ทั้งยังมีชิ้นส่วนกระดูกของแมมมอธ 14 ตัวหลงเหลืออยู่ ทีมนักโบราณคดีของเม็กซิโกคาดว่า มนุษย์โบราณใช้คบไฟ ท่อนไม้ และอาวุธทำให้แมมมอธหวาดกลัว ก่อนจะไล่ต้อนมันให้วิ่งเตลิดจนตกลงไปในหลุมที่ขุดดักไว้
ไขกระดูกแสนอร่อยคือซุปกระป๋องของคนโบราณ
(PA MEDIA นักโบราณคดีทดลองตัดกระดูกสัตว์ด้วยเครื่องมือที่คล้ายกับของยุคหิน)
ทีมนักโบราณคดีอิสราเอล พบฟอสซิลกระดูกสัตว์ที่มีรอยตัดด้วยเครื่องมือยุคหินในถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งชี้ว่ามนุษย์ในยุคดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิตอยู่ราว 2 แสนถึง 4 แสนปีก่อน รู้จักเก็บชิ้นส่วนกระดูกสัตว์ไว้กินไขกระดูกที่อุดมด้วยไขมันและสารอาหารภายหลัง ทำให้ได้รับพลังงานเพิ่มขึ้นจากการกินอาหารที่เก็บถนอมไว้และพกพาติดตัวไปได้ง่าย เหมือนกับคนในยุคปัจจุบันกินอาหารกระป๋องขณะไปตั้งแคมป์
แม่เลี้ยงลูกด้วยนมขวดมีมาแต่บรรพกาล
(PA MEDIA นมขวดยุคโบราณอาจเป็นนมแพะหรือนมวัว ใส่ภาชนะมีหูข้างเดียวให้ผู้ใหญ่จับเพื่อป้อนเด็ก)
การให้เด็กเล็กดื่มนมจากขวด ไม่ใช่พฤติกรรมของคนสมัยใหม่เท่านั้น เพราะมีการค้นพบภาชนะเซรามิกขนาดเล็ก ในหลุมศพเด็กสองขวบที่เยอรมนี โดยมีอายุเก่าแก่ 1,200 ปีก่อนคริสตกาล และมีร่องรอย DNA ของนมแพะติดค้างอยู่
นักโบราณคดีสันนิษฐานว่า สังคมช่วงปลายยุคหินใหม่เริ่มให้เด็กหย่านมแม่เร็วขึ้น ทำให้แม่สามารถตั้งท้องและมีลูกคนถัดไปได้เร็วกว่าเดิม เป็นสาเหตุที่ทำให้ประชากรมนุษย์เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับการมาถึงของสังคมเกษตรกรรม
พบเส้นนาซกาใหม่เพิ่มอีกกว่าร้อยภาพ
(YAMAGATA UNIVERSITY หนึ่งในภาพลายเส้นที่ค้นพบใหม่มีโครงสร้างคล้ายรูปคนเต้นรำ)
ปี 2019 นี้ถือว่าเป็นปีทองของวงการโบราณคดีเปรู โดยมีการค้นพบสำคัญที่เกี่ยวข้องกับโบราณสถานชื่อดังและมรดกโลกอยู่มากมาย เริ่มด้วยการค้นพบเส้นนาซกา ภาพลายเส้นปริศนาในทะเลทรายอันเลื่องชื่อเพิ่มอีก 143 ภาพ โดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ช่วยมองหาร่องรอยของแบบแผนลวดลายที่เลือนรางไปตามกาลเวลา จนสายตาของมนุษย์ไม่อาจมองเห็นได้
ในบรรดาลายเส้นที่ค้นพบใหม่ในครั้งนี้ มีทั้งรูปคนและสัตว์ชนิดต่าง ๆ ในธรรมชาติ เช่นนก หนู แมว ลามา รวมทั้งสัตว์ที่ถือเป็นเทพเจ้าในตำนานอย่างงูสองหัวในวัฒนธรรมแอซเท็กด้วย สันนิษฐานว่าภาพลายเส้นขนาดเล็กทำหน้าที่เป็นเหมือนป้ายหรือสัญลักษณ์บอกทิศและตำแหน่ง เพื่อนำทางชนเผ่าโบราณไปยังภาพลายเส้นที่มีขนาดใหญ่กว่า ซึ่งใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรม
มาชูปิกชูสร้างขึ้นบนแนวรอยเลื่อนของแผ่นเปลือกโลก
(GETTY IMAGES นักโบราณคดีต่างสงสัยว่า เหตุใดชาวอินคาจึงเลือกก่อสร้างมาชูปิกชูบนหุบเขาสูงชันและลึกลับแห่งนี้)
ผลการศึกษาทางธรณีวิทยาชี้ว่า ชาวอินคาเลือกบริเวณหุบเขาศักดิ์สิทธิ์เป็นที่ตั้งเมืองป้อมปราการบนที่สูง "มาชูปิกชู" เพราะมีรอยเลื่อนของแผ่นเปลือกโลกและรอยแยกของพื้นหินตัดกันเป็นเครื่องหมายรูปกากบาท (X) อยู่เต็มไปหมด
นักธรณีวิทยาผู้ทำการศึกษาชี้ว่า ชาวอินคาน่าจะจงใจสร้างเมืองตามแนวรอยเลื่อนของแผ่นเปลือกโลก ซึ่งมีเทือกเขาสูงและมีแหล่งหินเก่าแก่ตามธรรมชาติอยู่แล้ว ซึ่งจะสามารถใช้ในการก่อสร้างได้อย่างสะดวกและเหลือเฟือ โดยไม่ต้องเจาะสกัดและเคลื่อนย้ายมาจากที่อื่น
พิธีบูชายัญเด็กครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก
(AFP พบโครงกระดูกของเด็กเผ่าชิมูที่ถูกฆ่าบูชายัญถึง 227 ศพ)
เรื่องราวสะเทือนขวัญในอดีตได้รับการเปิดเผย เมื่อมีผู้พบหลุมศพเด็กเผ่าชิมู (Chimu) ที่ถูกฆ่าบูชายัญ โดยมีร่างโครงกระดูกของเหยื่อเด็กอายุตั้งแต่ 4-14 ปี รวมกันอยู่มากที่สุดในหลุมเดียวถึง 227 ศพ ที่เมืองฮวนชาโกใกล้กรุงลิมาของเปรู
จากการตรวจสอบพบร่องรอยการใช้อาวุธมีคมกระแทกกระดูกซี่โครงตรงหน้าอกให้แตก เพื่อควักหัวใจออกมา คาดว่าเป็นการบูชายัญเพื่ออ้อนวอนเทพให้บรรเทาความแห้งแล้ง ซึ่งน่าจะเกิดจากปรากฏการณ์เอลนีโญในยุคศตวรรษที่ 14
นักโบราณคดีตั้งข้อสังเกตว่า ยิ่งสังคมโบราณสิ้นหวังและใกล้ล่มสลายมากขึ้นเท่าใด พิธีกรรมนองเลือดก็จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น
เหล่ามัมมี่สัตว์แห่งอียิปต์เผยโฉม
(REUTERS นกช้อนหอยป่านับล้านตัวถูกต้อนจับมาเลี้ยงในฟาร์ม เพื่ออุตสาหกรรมทำมัมมี่นกบูชาเทพ)
สำหรับประเทศอียิปต์ เจ้าแห่งกรุสมบัติทางโบราณคดี ปีนี้เป็นปีแห่งการค้นพบมัมมี่สัตว์ ไม่ว่าจะเป็นมัมมี่แมวจำนวนมาก หรือมัมมี่ลูกสิงโตสองตัว ซึ่งถูกค้นพบเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการศึกษาด้านอียิปต์วิทยาเป็นต้นมา
การขุดค้นครั้งใหม่ล่าสุด ที่สุสานเมืองซักคารา (Saqqara) ทางตอนใต้ของกรุงไคโร ยังได้พบมัมมี่นก จระเข้ งูเห่า ด้วงดำหรือสคารับจำนวนมาก ทั้งได้พบร่องรอยการต้อนจับนกช้อนหอย (Ibis) จากป่านับล้านตัวมาเลี้ยงในฟาร์ม เพื่ออุตสาหกรรมการทำมัมมี่นกขาย ให้ผู้คนนำไปเป็นเครื่องบูชาแก่เทพเจ้าโดยเฉพาะ
ชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่า สัตว์ที่นำมาทำเป็นมัมมี่นั้นมีสถานะประดุจเทพเจ้าที่ต้องเคารพบูชา รวมทั้งนิยมนำสัตว์มาทำเป็นมัมมี่เพื่อถวายเป็นเครื่องสักการะแก่เทพเจ้าอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก BBC / NEWS ไทย
Cr.
https://www.bbc.com/thai/features-50905766
สุดยอดการค้นพบทางโบราณคดีแห่งปี 2019
อุโมงค์ลับแอซเท็ก
(INAH ซากของอุโมงค์ระบายน้ำโบราณ มีอายุเก่าแก่ราว 600 ปี)
(GETTY IMAGES ทลาล็อก (Tlaloc) เทพแห่งฝน สายฟ้า และความอุดมสมบูรณ์ของชาวแอซเท็ก)
ในบรรดาสิ่งก่อสร้างที่โลกลืมซึ่งเพิ่งมาค้นพบกันใหม่อีกครั้งในปีนี้ ที่โดดเด่นน่าทึ่งมากที่สุดแห่งหนึ่ง คงหนีไม่พ้นอุโมงค์ลับในยุคอารยธรรมแอซเท็กที่เก่าแก่ถึง 600 ปี โดยคนงานในเมืองเอกาเตเป็กซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองหลวงของเม็กซิโกเป็นผู้ขุดพบ ขณะเตรียมพื้นถนนเพื่อก่อสร้างป้ายจอดรถประจำทาง
การตรวจสอบของนักโบราณคดีพบว่า อุโมงค์นี้น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของระบบอุโมงค์ระบายน้ำที่สร้างขึ้นโดยมีสัญลักษณ์ของเทพ "ทลาล็อก" (Tlaloc) เทพแห่งฝน สายฟ้า และความอุดมสมบูรณ์ ปรากฏอยู่ในรูปสลักหินและภาพวาดบนฝาผนังอุโมงค์ด้วย
ชาวแอซเท็กนั้นขึ้นชื่อในเรื่องความสามารถทางวิศวกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการชลประทาน การบริหารจัดการน้ำ และการสร้างเมืองที่เป็นเกาะลอยขนาดใหญ่กลางทะเลสาบ เชื่อว่าอุโมงค์ระบายน้ำที่ค้นพบล่าสุดนี้ สร้างขึ้นในสมัยของจักรพรรดิมอนเตซูมาที่หนึ่งช่วงกลางศตวรรษที่ 15 ซึ่งเป็นยุคที่จักรวรรดิแอซเท็กมีการปฏิรูปในหลายด้าน จนมีความมั่งคั่งและเข้มแข็งยิ่งกว่าเดิม
น้ำเขื่อนแห้ง วังโบราณผุดที่อิรัก
(UNIVERSITY OF TUBINGEN วังโบราณที่เคยจมอยู่ใต้เขื่อนโมซูลของอิรัก)
ความแห้งแล้งผิดปกติในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปีนี้ ทำให้ระดับน้ำในเขื่อนโมซูลทางตอนเหนือของอิรักลดลงอย่างมาก จนเผยให้เห็นซากของวังโบราณแห่งหนึ่งที่จมอยู่ใต้น้ำมานานหลายสิบปี
ทีมนักโบราณคดีของอิรักและเยอรมนีจึงใช้โอกาสนี้เข้าขุดค้นสำรวจ จนพบว่าอาจเป็นซากของเมืองโบราณซาคิคู (Zakhiku) ส่วนหนึ่งของอาณาจักรมิตานนี (Mitanni) ของชาวฮิตไทต์ ซึ่งแผ่อิทธิพลตั้งแต่ตุรกีไปจนจรดซีเรียและอิรักตอนเหนือ ในช่วง 1,500 - 1,300 ปีก่อนคริสตกาล ตำราการเลี้ยงและฝึกม้าที่เก่าแก่ที่สุดในโลกก็มาจากอาณาจักรแห่งนี้
นครที่สาบสูญ "มเหนทรบรรพต"
(CALI ซากของวัดหรือเทวสถานในเขตเมืองมเหนทรบรรพต)
เทคโนโลยีการสแกนด้วยเลเซอร์ทางอากาศ (LIDAR) เผยให้เห็นซากเมืองโบราณ "มเหนทรบรรพต" นครหลวงของจักรวรรดิเขมรโบราณสมัยศตวรรษที่ 9 ซึ่งเป็นช่วงก่อนยุคเมืองพระนคร โดยพบใต้ผืนป่าทึบบริเวณที่ราบสูงพนมกุเลน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของซากโบราณสถานเมืองพระนคร ในจังหวัดเสียมเรียบของกัมพูชา
แม้เมืองดังกล่าวจะมีชื่อปรากฏในจารึกให้นักโบราณคดีได้ทราบกันมาก่อนหน้านี้ แต่ซากของเมืองและหลักฐานอื่น ๆ หายสาบสูญไปทั้งหมด อย่างไรก็ตาม การสแกนด้วยเลเซอร์ทางอากาศครั้งล่าสุดได้เผยให้เห็นการปรับแต่งพื้นที่กว้างใหญ่ของเมืองมเหนทรบรรพตเป็นถนน ลำคลอง อ่างเก็บน้ำ วัด และนาข้าวจำนวนมาก
นักโบราณคดีสันนิษฐานว่า มเหนทรบรรพตกลายเป็นเมืองร้าง เพราะมีการอพยพโยกย้ายไปยังนครหลวงแห่งใหม่ด้วยเหตุผลทางการเพาะปลูกผลิตอาหาร เช่นเดียวกับการย้ายนครหลวงจากเมืองเกาะแกร์ในช่วงศตวรรษเดียวกัน ซึ่งอาจเป็นเพราะไม่สามารถจัดการกับปัญหาน้ำท่วมได้
งานศิลปะบนผนังถ้ำฝีมือมนุษย์ยุคใหม่ชิ้นแรกของโลก
ในปี 2019 ยังมีการค้นพบวัตถุโบราณเก่าแก่ที่สุดในโลกหลายชิ้น เช่นภาพวาดบนผนังถ้ำแห่งหนึ่งในจังหวัดสุลาเวสีใต้ของอินโดนีเซีย ถูกพบว่ามีอายุเก่าแก่ถึง 44,000 ปี นับว่าเป็นภาพวาดฝีมือมนุษย์ยุคใหม่หรือโฮโม เซเปียนส์ ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เท่าที่เคยมีการค้นพบมา โดยเป็นภาพของกลุ่มนายพรานที่มีร่างกายครึ่งมนุษย์ครึ่งสัตว์ กำลังไล่ล่าหมูป่าและควายป่าที่วิ่งหนี สันนิษฐานว่าอาจเป็นภาพที่มีนัยสื่อถึงพิธีกรรมและความเชื่อทางจิตวิญญาณ
ตัวหมากรุกเก่าแก่ที่สุดในโลก
(JOHN OLESON ตัวหมากรุกที่ทำจากหินทราย พบในโบราณสถานฮูเมมาของจอร์แดน)
พบตัวหมากรุกที่แกะสลักจากหินทรายในโบราณสถานแห่งหนึ่งของจอร์แดน โดยตัวหมากรุกที่หน้าตาผิดแผกไปจากที่ใช้เล่นกันในปัจจุบันนี้ มีอายุเก่าแก่ถึง 1,300 ปี ปะปนอยู่กับของโบราณอื่น ๆ ในย่านการค้าเก่าแก่ ซึ่งช่วยยืนยันข้อสันนิษฐานที่ว่า การเล่นหมากรุกมีกำเนิดจากอินเดีย และเผยแพร่มาสู่โลกตะวันตกผ่านเส้นทางการค้าและการทูต
ไข่มุกเป็นสินค้าตั้งแต่ยุคหินใหม่
(AFP/GETTY IMAGES ไข่มุกสีชมพูอายุ 8,000 ปี)
ส่วนวงการโบราณคดีของอาบูดาบีก็ไม่น้อยหน้า โดยทางการของรัฐแห่งนี้ได้นำไข่มุกเก่าแก่ที่สุดในโลก เท่าที่เคยมีการค้นพบมาออกแสดง เป็นไข่มุกสีชมพูอายุ 8,000 ปี พบบนเกาะนอกชายฝั่งของรัฐ ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันว่า การค้าหรือแลกเปลี่ยนไข่มุกกับสินค้าอื่น ๆ มีมาตั้งแต่ยุคหินใหม่ หรือราว 12,000 - 3,500 ปีก่อนคริสตกาล
มนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์รู้จักสร้างหลุมดักช้างแมมมอธ
(AFP/INAH ภายในหลุมยังมีชิ้นส่วนกระดูกของช้างแมมมอธ 14 ตัวหลงเหลืออยู่)
ในปีนี้นักโบราณคดีค้นพบความรู้ใหม่ ๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีอาหารแห่งยุคบรรพกาลมากมายหลายเรื่อง ทั้งเทคนิคการเสาะแสวงหาและเก็บถนอมอาหารของคนโบราณ โดยที่น่าตื่นเต้นที่สุดเห็นจะได้แก่การค้นพบหลุมดักช้างแมมมอธ ซึ่งสร้างขึ้นโดยฝีมือมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ อันเป็นหลักฐานทางโบราณคดีชิ้นแรกของโลกที่ยืนยันว่า มนุษย์รู้จักวางแผนล่าแมมมอธมาเป็นอาหาร โดยใช้กับดักที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ
หลุมที่ขุดขึ้นเพื่อดักแมมมอธนี้ อยู่ที่เมืองตุลตีเป็กทางตอนเหนือของกรุงเม็กซิโกซิตี มีอายุเก่าแก่ราว 15,000 ปี มีความลึก 1.7 เมตร และมีเส้นผ่านศูนย์กลางกว้างเกือบ 25 เมตร ทั้งยังมีชิ้นส่วนกระดูกของแมมมอธ 14 ตัวหลงเหลืออยู่ ทีมนักโบราณคดีของเม็กซิโกคาดว่า มนุษย์โบราณใช้คบไฟ ท่อนไม้ และอาวุธทำให้แมมมอธหวาดกลัว ก่อนจะไล่ต้อนมันให้วิ่งเตลิดจนตกลงไปในหลุมที่ขุดดักไว้
ไขกระดูกแสนอร่อยคือซุปกระป๋องของคนโบราณ
(PA MEDIA นักโบราณคดีทดลองตัดกระดูกสัตว์ด้วยเครื่องมือที่คล้ายกับของยุคหิน)
ทีมนักโบราณคดีอิสราเอล พบฟอสซิลกระดูกสัตว์ที่มีรอยตัดด้วยเครื่องมือยุคหินในถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งชี้ว่ามนุษย์ในยุคดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิตอยู่ราว 2 แสนถึง 4 แสนปีก่อน รู้จักเก็บชิ้นส่วนกระดูกสัตว์ไว้กินไขกระดูกที่อุดมด้วยไขมันและสารอาหารภายหลัง ทำให้ได้รับพลังงานเพิ่มขึ้นจากการกินอาหารที่เก็บถนอมไว้และพกพาติดตัวไปได้ง่าย เหมือนกับคนในยุคปัจจุบันกินอาหารกระป๋องขณะไปตั้งแคมป์
แม่เลี้ยงลูกด้วยนมขวดมีมาแต่บรรพกาล
(PA MEDIA นมขวดยุคโบราณอาจเป็นนมแพะหรือนมวัว ใส่ภาชนะมีหูข้างเดียวให้ผู้ใหญ่จับเพื่อป้อนเด็ก)
การให้เด็กเล็กดื่มนมจากขวด ไม่ใช่พฤติกรรมของคนสมัยใหม่เท่านั้น เพราะมีการค้นพบภาชนะเซรามิกขนาดเล็ก ในหลุมศพเด็กสองขวบที่เยอรมนี โดยมีอายุเก่าแก่ 1,200 ปีก่อนคริสตกาล และมีร่องรอย DNA ของนมแพะติดค้างอยู่
นักโบราณคดีสันนิษฐานว่า สังคมช่วงปลายยุคหินใหม่เริ่มให้เด็กหย่านมแม่เร็วขึ้น ทำให้แม่สามารถตั้งท้องและมีลูกคนถัดไปได้เร็วกว่าเดิม เป็นสาเหตุที่ทำให้ประชากรมนุษย์เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับการมาถึงของสังคมเกษตรกรรม
พบเส้นนาซกาใหม่เพิ่มอีกกว่าร้อยภาพ
(YAMAGATA UNIVERSITY หนึ่งในภาพลายเส้นที่ค้นพบใหม่มีโครงสร้างคล้ายรูปคนเต้นรำ)
ปี 2019 นี้ถือว่าเป็นปีทองของวงการโบราณคดีเปรู โดยมีการค้นพบสำคัญที่เกี่ยวข้องกับโบราณสถานชื่อดังและมรดกโลกอยู่มากมาย เริ่มด้วยการค้นพบเส้นนาซกา ภาพลายเส้นปริศนาในทะเลทรายอันเลื่องชื่อเพิ่มอีก 143 ภาพ โดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ช่วยมองหาร่องรอยของแบบแผนลวดลายที่เลือนรางไปตามกาลเวลา จนสายตาของมนุษย์ไม่อาจมองเห็นได้
ในบรรดาลายเส้นที่ค้นพบใหม่ในครั้งนี้ มีทั้งรูปคนและสัตว์ชนิดต่าง ๆ ในธรรมชาติ เช่นนก หนู แมว ลามา รวมทั้งสัตว์ที่ถือเป็นเทพเจ้าในตำนานอย่างงูสองหัวในวัฒนธรรมแอซเท็กด้วย สันนิษฐานว่าภาพลายเส้นขนาดเล็กทำหน้าที่เป็นเหมือนป้ายหรือสัญลักษณ์บอกทิศและตำแหน่ง เพื่อนำทางชนเผ่าโบราณไปยังภาพลายเส้นที่มีขนาดใหญ่กว่า ซึ่งใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรม
มาชูปิกชูสร้างขึ้นบนแนวรอยเลื่อนของแผ่นเปลือกโลก
(GETTY IMAGES นักโบราณคดีต่างสงสัยว่า เหตุใดชาวอินคาจึงเลือกก่อสร้างมาชูปิกชูบนหุบเขาสูงชันและลึกลับแห่งนี้)
ผลการศึกษาทางธรณีวิทยาชี้ว่า ชาวอินคาเลือกบริเวณหุบเขาศักดิ์สิทธิ์เป็นที่ตั้งเมืองป้อมปราการบนที่สูง "มาชูปิกชู" เพราะมีรอยเลื่อนของแผ่นเปลือกโลกและรอยแยกของพื้นหินตัดกันเป็นเครื่องหมายรูปกากบาท (X) อยู่เต็มไปหมด
นักธรณีวิทยาผู้ทำการศึกษาชี้ว่า ชาวอินคาน่าจะจงใจสร้างเมืองตามแนวรอยเลื่อนของแผ่นเปลือกโลก ซึ่งมีเทือกเขาสูงและมีแหล่งหินเก่าแก่ตามธรรมชาติอยู่แล้ว ซึ่งจะสามารถใช้ในการก่อสร้างได้อย่างสะดวกและเหลือเฟือ โดยไม่ต้องเจาะสกัดและเคลื่อนย้ายมาจากที่อื่น
พิธีบูชายัญเด็กครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก
(AFP พบโครงกระดูกของเด็กเผ่าชิมูที่ถูกฆ่าบูชายัญถึง 227 ศพ)
เรื่องราวสะเทือนขวัญในอดีตได้รับการเปิดเผย เมื่อมีผู้พบหลุมศพเด็กเผ่าชิมู (Chimu) ที่ถูกฆ่าบูชายัญ โดยมีร่างโครงกระดูกของเหยื่อเด็กอายุตั้งแต่ 4-14 ปี รวมกันอยู่มากที่สุดในหลุมเดียวถึง 227 ศพ ที่เมืองฮวนชาโกใกล้กรุงลิมาของเปรู
จากการตรวจสอบพบร่องรอยการใช้อาวุธมีคมกระแทกกระดูกซี่โครงตรงหน้าอกให้แตก เพื่อควักหัวใจออกมา คาดว่าเป็นการบูชายัญเพื่ออ้อนวอนเทพให้บรรเทาความแห้งแล้ง ซึ่งน่าจะเกิดจากปรากฏการณ์เอลนีโญในยุคศตวรรษที่ 14
นักโบราณคดีตั้งข้อสังเกตว่า ยิ่งสังคมโบราณสิ้นหวังและใกล้ล่มสลายมากขึ้นเท่าใด พิธีกรรมนองเลือดก็จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น
เหล่ามัมมี่สัตว์แห่งอียิปต์เผยโฉม
(REUTERS นกช้อนหอยป่านับล้านตัวถูกต้อนจับมาเลี้ยงในฟาร์ม เพื่ออุตสาหกรรมทำมัมมี่นกบูชาเทพ)
สำหรับประเทศอียิปต์ เจ้าแห่งกรุสมบัติทางโบราณคดี ปีนี้เป็นปีแห่งการค้นพบมัมมี่สัตว์ ไม่ว่าจะเป็นมัมมี่แมวจำนวนมาก หรือมัมมี่ลูกสิงโตสองตัว ซึ่งถูกค้นพบเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการศึกษาด้านอียิปต์วิทยาเป็นต้นมา
การขุดค้นครั้งใหม่ล่าสุด ที่สุสานเมืองซักคารา (Saqqara) ทางตอนใต้ของกรุงไคโร ยังได้พบมัมมี่นก จระเข้ งูเห่า ด้วงดำหรือสคารับจำนวนมาก ทั้งได้พบร่องรอยการต้อนจับนกช้อนหอย (Ibis) จากป่านับล้านตัวมาเลี้ยงในฟาร์ม เพื่ออุตสาหกรรมการทำมัมมี่นกขาย ให้ผู้คนนำไปเป็นเครื่องบูชาแก่เทพเจ้าโดยเฉพาะ
ชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่า สัตว์ที่นำมาทำเป็นมัมมี่นั้นมีสถานะประดุจเทพเจ้าที่ต้องเคารพบูชา รวมทั้งนิยมนำสัตว์มาทำเป็นมัมมี่เพื่อถวายเป็นเครื่องสักการะแก่เทพเจ้าอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก BBC / NEWS ไทย
Cr.https://www.bbc.com/thai/features-50905766