Detmold Child
Detmold Child เป็นชื่อที่ตั้งให้กับมัมมี่ชาวเปรูโบราณที่มีอายุย้อนกลับไปถึง 6,500 ปี หนึ่งในมัมมี่ที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่เคยพบมา ได้รับการตั้งชื่อตาม Lippisches Landesmuseum ใน Detmold, North Rhine-Westphalia ซึ่งได้รับมาเพื่อการอนุรักษ์
ในปี 1987 มีการค้นพบทารกที่ได้รับการดูแลอย่างดีโดยปิดตาพับแขนและขา หลังค่อมซึ่งเป็นท่าทางการฝังศพตามแบบฉบับของภูมิภาคและวัฒนธรรม
จากการวิเคราะห์ด้วย CT scan นักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจเชื่อว่าทารกมีภาวะ hypoplastic left heart syndrome (HHLS) จากการตรวจฟันพบว่าทารกอาจมีอายุ 8-10 เดือนในขณะที่เสียชีวิต โดย HHLA เป็นภาวะที่มีมาแต่กำเนิดของหัวใจที่หายากมากซึ่งมีเพียง 70% ที่รอดชีวิตมาได้จนถึงทุกวันนี้ นอกจากนั้นดูเหมือนว่าทารกจะมีภาวะขาดวิตามินดีด้วย (หรือที่เรียกว่าturricephaly ) จากการหาอายุจากคาร์บอนกัมมันตรังสีพบว่ามีอายุถึง 4504-4457 ปีก่อนคริสตกาล
ภัณฑารักษ์ระบุว่าทารกได้รับความทุกข์ทรมานจากโรคปอดบวมและโรคกระดูกพรุนซึ่งเป็นทฤษฎีที่ทำให้เกิดการยืดตัวของกะโหลกศีรษะทฤษฎีที่สองคือศีรษะของทารกถูกห่อหุ้มเพื่อให้เกิดการยืดตัว นอกเหนือจากความผิดปกติของหัวใจแล้วยังพบว่ามีการติดเชื้อในปอดเนื่องจากวัณโรคหรือปอดบวมที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของทารก
ร่างของทารกถูกปกคลุมด้วยผ้าลินินที่ถูกมอบให้นี้เป็นการบริจาคส่วนตัวให้กับพิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วิทยา Witzenhausen และต่อมาได้มอบให้กับพิพิธภัณฑ์ Lippisches Landes ใน Detmold เพื่อการดูแลและเพื่อการอนุรักษ์โดยมืออาชีพหลังจากที่ร่างเต็มไปด้วยเชื้อรา ตอนนี้ศพมัมมี่ของทารกหรือที่เรียกว่า Detmold Child ถูกจัดแสดงอยู่ในศูนย์วิทยาศาสตร์แคลิฟอร์เนีย มัมมี่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
Cr.Case Report on Detmold Child: Title: Hypoplastic left heart in the 6500-year-old Detmold Child (Link Below in the Reference List)
Cr.
https://www.dailymail.co.uk/sciencetech/article-1291198/Mummy-10-month-old-baby-goes-worlds-biggest-mummy-exhibition.html
Cr.
https://mummipedia.fandom.com/wiki/Detmold_Child
Greenlandic child
วิทยาศาสตร์ที่ทำให้ทราบอายุของวัตถุโบราณ หรือโบราณสถานได้แบบมองเห็นภาพมากขึ้น คือการหาอายุจากคาร์บอนกัมมันตรังสี ย้อนกลับไปเมื่อปี 1972 กลุ่มพรานป่ากลุ่มหนึ่งออกเดินป่าล่าสัตว์ จนไปเจอกับวัตถุแปลกๆชิ้นหนึ่งพบว่า วัตถุชิ้นนี้มีรูปร่างคล้ายมนุษย์เด็กคิดว่าเป็นตุ๊กตาเก่าๆเมื่อหลายปีมาแล้ว แต่หลังจากที่เขานำวัตถุชิ้นนี้ไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบอย่างละเอียดก็พบว่าเป็นศพเด็กจริงๆ ที่กลายเป็นมัมมี่โดยวิธีทางธรรมชาติ เป็นผลมาจากอากาศที่หนาวเหน็บ พร้อมกับลมชื้นที่พัดมาอยู่เรื่อยๆ ภาพที่น่ากลัวแสดงให้เห็นร่างกายที่มีผิวหนังเล็บและผมที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ในหลายศตวรรษที่ผ่านมา
มัมมี่เด็กทารกนี้ถูกพบที่ Qilakitsoq ใกล้ๆกับ Nuussuaq Peninsula นอกชายฝั่ง Uummannaq Fjord เกาะกรีนแลนด์ หลังจากใช้วิทยาการ "หาอายุจากคาร์บอนกัมมันตรังสี" พบว่า ศพเด็กอยู่ตรงนี้มาตั้งแต่ปีคริสต์ศักราช 1475 สิ่งที่พรานป่ากลุ่มนั้นเจอความจริงแล้วเป็นหลุมฝังศพ ซึ่งหลุมแรกมีศพของผู้หญิงอยู่ 3 ศพ และศพของเด็กชายเด็กหญิงอย่างละศพ หลุมสองเป็นศพหญิงสองศพ ศพทั้งหมดเป็นชาวอินูอิต
ที่น่าทึ่งคือเมื่อผลตรวจเทียบเคียง DNA พบว่า ศพในหลุมนั้นเป็นญาติกันทั้งหมด ส่วนเด็กน่าจะมีอายุราว 6 เดือน ทางผู้เชี่ยวชาญได้สันนิษฐานว่าน่าจะถูกฝังทั้งเป็น และคาดการณ์ว่าการฝังเด็กทารกทั้งเป็นนั้นอาจเป็นหนึ่งในธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมของชาวอินูอิต หากพบว่าเด็กที่เกิดมาพิกลพิการ
หรือครอบครัวไม่สามารถเลี้ยงดูได้
ครอบครัวของนักล่าชาวเอสกิโมนี้เชื่อว่าถูกแช่แข็งมานานกว่า 500 ปีถูกถือว่าเป็น "มัมมี่ที่เก็บรักษาไว้ได้ดีที่สุดในอเมริกาเหนือ" ศพทั้งสี่ถูกจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติกรีนแลนด์ในเมือง Nuuk
อ้างอิงจาก The Sun
Cr.
https://generalmenmen.blogspot.com/2018/12/blog-post_19.html / เขียนโดย menmen
Cr.
https://www.foxnews.com/science/500-year-old-frozen-bodies-north-america-mummies
Nusta
ก่อนหน้านี้มีภารกิจส่งมัมมี่เด็กอายุ 2,000 ปี จากสหรัฐอเมริกากลับคืนสู่ถิ่นเดิมที่ประเทศเปรู และเมื่อเร็วๆนี้ก็มีการส่งคืนมัมมี่หญิงชาวอินคาอายุ 500 ปี กลับไปยังโบลิเวียหลังจากมัมมี่ตนนี้ถูกบริจาคให้เป็นสมบัติของพิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยรัฐมิชิแกน ในสหรัฐอเมริกา มายาวนานประมาณ 129 ปี ด้วยความร่วมมือของสถานทูตสหรัฐฯ ในลาปาซ โบลิเวีย และ William A. Lovis ศาสตราจารย์กิตติคุณด้านมานุษยวิทยาแห่งรัฐมิชิแกน
ซากมัมมี่หญิงนี้รู้จักกันในชื่อ ญัสตา (Nusta) ในภาษาเกชัว (Quechua) แปลว่า “เจ้าหญิง” เชื่อว่าเธอมีอายุประมาณ 8 ขวบเมื่อตอนที่เสียชีวิต ที่เคยมีชีวิตอยู่ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 15 เธอถูกฝังอยู่ในชุดที่ทำจากเส้นขนของยามา (llama) หรืออัลปากา (alpaca) สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมในตระกูลอูฐของทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงในครัวเรือนเมื่อกว่า 4,000 ปี พร้อมกับกับของมีค่ามากมายอย่างกระเป๋า ขวดดิน รองเท้าแตะ และพืชหลายชนิดอย่างข้าวโพดและโคคาในเทือกเขาแอนดีสหรือที่ราบสูงของโบลิเวีย เปรู อาร์เจนตินา และชิลี
สภาพของมัมมี่ญัสตานับว่าถูกรักษาไว้อย่างยอดเยี่ยม โดยบนตัวยังมีเศษผ้า มือและเท้ายังมีผิวหนังอยู่ ที่สำคัญคือในกะโหลกศีรษะเองก็ยังคงมีสมองเก็บอยู่ภายในด้วย ส่วนชื่อของเธอแม้จะมีความหมายว่า “เจ้าหญิง” แต่ก็ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าหญิงสาวอยู่ในฐานะเจ้าหญิงจริงหรือไม่ หรือ Nusta จะเป็นเพียงผู้ถูกเลือกในพิธีบูชายัญได้เช่นกัน
“Chullpa” สุสานหินขนาดใหญ่ของชาวไอมารา
แต่เธอน่าจะเป็นสมาชิกคนสำคัญของชนเผ่าพื้นเมือง เพราะชาวอินคาและชาวไอมารา (Aymara) นั้น การสร้างสุสานด้วยอิฐดิบหรือหินที่เรียกว่า chullpa ซึ่งมีไว้สำหรับสมาชิกชนชั้นสูงในกลุ่มชนของพวกเขา (chullpa เป็นสถานที่ใช้บวงสรวงและบูชายัญในยุคจักรวรรดิอินคา)
มัมมี่ญัสตาถูกส่งคืนด้วยความช่วยเหลือของสถานทูตสหรัฐอเมริกา และเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์โบราณคดีวิทยาแห่งชาติ เมืองลาปาซ ในโบลิเวีย และแสดงให้สาธารณชนได้ชมระหว่างพิธีแสดงความเคารพต่อผู้ล่วงลับไปเมื่อวันที่ 2 พ.ย.2019 ที่ผ่านมา ทีมนักวิทยาศาสตร์ของโบลิเวียกล่าวว่าจะทำการศึกษาร่างของเธออย่างละเอียดอีกครั้งต่อไป
ที่มา allthatsinteresting, ancient-origins และ thesun
Cr.
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1650593
Cr.
https://www.catdumb.tv/princess-mummy-returned-378/By เหมียวศรัทธา
Plaster Citizens of Pompeii
นักโบราณคดีใช้เวลาหลายปีในการฟื้นฟูและเก็บรักษาซากศพของชาวโรมันกว่า 86 คนที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ระเบิดของภูเขาไฟ Vesuvius ใกล้เมืองปอมเปอี โดยพวกเขาได้นำร่างของผู้เสียชีวิตในประวัติศาสตร์มาทำการสแกนเพื่อทำการศึกษา และนี่คือหนึ่งในเหยื่อซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเด็กน้อยวัย 4 ขวบ
ที่ถูกค้นพบควบคู่ไปกับชายและหญิงที่เป็นผู้ใหญ่ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นพ่อแม่ของเขาที่ก่อนตายนั้นกำลังนอนหลับอยู่กับผู้เป็นแม่
Stefano Vanacore ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการที่แหล่งโบราณคดีปอมเปอีเป็นผู้ดำเนินการกับซากเด็กที่กลายเป็นหินที่ถูกนำออกจากซากปรักหักพัง
ในการสแกนเผยให้เห็นเสื้อผ้าและโครงกระดูกเล็กๆ ในการสแกนดังกล่าวสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าริมฝีปากของเด็กราวกับตกใจ
เหตุการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในอดีตนั้นเป็นเรื่องที่น่าสะเทือนใจมาก โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นภาพสแกนโครงสร้างภายในของเด็กที่เป็นเหยื่อผู้เสียชีวิต แต่การสแกนก็ทำให้นักโบราณคดีได้ข้อมูลเพื่อการศึกษาเพิ่มมากขึ้น
Stefano Vanacore ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการที่แหล่งโบราณคดีปอมเปอีเป็นผู้ดำเนินการกับซากเด็กที่กลายเป็นหินที่ถูกนำออกจากซากปรักหักพัง เมื่อนำออกจากไซต์เด็กน้อยก็ถูกสแกน หล่อปูนปลาสเตอร์ได้เก็บเสื้อผ้าของเขาไว้ แต่การสแกนเผยให้เห็นโครงกระดูกของเขา ในการสแกนดังกล่าวผู้ชมสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าริมฝีปากของเด็กหนุ่มเป็นอย่างไรราวกับตกใจ
ร่างหล่อด้วยปูนปลาสเตอร์ของเด็กที่เสียชีวิตจากการระเบิดของภูเขาไฟวิสุเวียสที่เมืองปอมเปอีในปี 79 นี้อยู่ในท่านอนบนพื้นโดยหันหน้าไปทางเมืองปอมเปอี เมืองโรมันโบราณในอิตาลี ถูกจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ Royal Ontario Museum จนถึงขณะนี้มีร่างหล่อด้วยปูนปลาสเตอร์เพียง 100 รายเท่านั้นที่ถูกนำออกมาจากจำนวนทั้งหมดที่ค้นพบประมาณ 1,150 ศพ และนั่นคือหนึ่งในสามของเมืองที่ไม่ถูกแตะต้องโดยนักโบราณคดี
Cr.
http://www.clipmass.com/story/103404
Cr.
https://www.tvpoolonline.com/content/441898
Cr.
https://www.thevintagenews.com/2016/08/13/pompeii-incredible-images-unprecedented-detail-laying-bare-their-bones-and-have-perfect-teeth/
Tiny Egyptian mummy
ทีมนักวิทยาศาสตร์จาก Western University ประเทศแคนาดา โดย Andrew Nelson นักชีวเคมี ทำการตรวจสอบซากมัมมี่โบราณอายุกว่า 2,100 ปี ที่นักโบราณคดีค้นพบในอียิปต์ มัมมี่ตัวนี้เป็นมัมมี่ขนาดเล็กมาก บรรดานักวิทยาศาสตร์จึงคาดเดากันแต่แรกว่า น่าจะเป็นมัมมี่เหยี่ยว
แต่เมื่อนำมัมมี่มาวิเคราะห์อีกครั้งด้วยระบบ CT Scan กลับพบว่า มันไม่ใช่มัมมี่เหยี่ยว แต่เป็นทารกที่มีอายุเพียง 23-28 สัปดาห์เท่านั้น และมีลักษณะกะโหลกศีรษะที่แปลกประหลาด ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์กันว่า ทารกรายนี้น่าจะเกิดมาพร้อมกับภาวะที่เรียกว่า Anencephaly คือภาวะที่ไม่มีสมองและกะโหลกศีรษะ ทารกที่มีข้อบกพร่องนี้จะเกิดขึ้นเพียงหนึ่งใน 5,000 คนในแต่ละปี และมีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตภายในไม่กี่สัปดาห์ ซึ่งไม่มีทางรักษาได้
มัมมี่ถูกจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ Maidstone ของสหราชอาณาจักรในชื่อ 'มัมมี่ Hawk Ptolemaic Period' มาระยะหนึ่ง จนกระทั่งถูกนำมาทำการสแกน CT ในปี 2016 เผยให้เห็นว่าเป็นมนุษย์ทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนประหลาดใจ แต่การสแกนเหล่านี้เปิดเผยรายละเอียดเล็กน้อยเกี่ยวกับร่างกายเล็ก ๆ
ในขณะที่ร่างกายข้างในมีนิ้วเท้าที่มีรูปร่างดี แต่กะโหลกของมันผิดรูปร่างอย่างรุนแรง
'ส่วนบนสุดของกะโหลกศีรษะของเขาไม่ได้เกิดขึ้น' เนลสันกล่าว 'ส่วนโค้งของกระดูกสันหลังของเขายังไม่ปิด กระดูกหูของเขาอยู่ด้านหลังศีรษะ '
เป็นที่ทราบกันดีว่า มัมมี่คือศพที่ถูกดองไว้แช่ไว้ในน้ำยาพิเศษ มัมมี่ถูกพบมากมายในอียิปต์ ลักษณะของมัมมี่คือร่างกายจะถูกพันด้วยผ้าลินินสีขาว เพื่อเป็นการรักษาสภาพศพ เพื่อรอการกลับคืนร่างของวิญญาณผู้ตาย อันเป็นไปตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ
ภาพและข้อมูลจาก YouTube Western University ประเทศแคนาดา
Cr.
https://www.springnews.co.th/ข่าวด่วน-ข่าวล่าสุด-ข่าว/277147
Cr.
https://www.dailymail.co.uk/sciencetech/article-5792089/Egyptian-mummy-thought-hawk-turns-stillborn-BABY-severely-malformed-skull.html
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
มัมมี่เด็กที่ถูกนำมาวิเคราะห์ CT scan
ในปี 1987 มีการค้นพบทารกที่ได้รับการดูแลอย่างดีโดยปิดตาพับแขนและขา หลังค่อมซึ่งเป็นท่าทางการฝังศพตามแบบฉบับของภูมิภาคและวัฒนธรรม
จากการวิเคราะห์ด้วย CT scan นักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจเชื่อว่าทารกมีภาวะ hypoplastic left heart syndrome (HHLS) จากการตรวจฟันพบว่าทารกอาจมีอายุ 8-10 เดือนในขณะที่เสียชีวิต โดย HHLA เป็นภาวะที่มีมาแต่กำเนิดของหัวใจที่หายากมากซึ่งมีเพียง 70% ที่รอดชีวิตมาได้จนถึงทุกวันนี้ นอกจากนั้นดูเหมือนว่าทารกจะมีภาวะขาดวิตามินดีด้วย (หรือที่เรียกว่าturricephaly ) จากการหาอายุจากคาร์บอนกัมมันตรังสีพบว่ามีอายุถึง 4504-4457 ปีก่อนคริสตกาล
ภัณฑารักษ์ระบุว่าทารกได้รับความทุกข์ทรมานจากโรคปอดบวมและโรคกระดูกพรุนซึ่งเป็นทฤษฎีที่ทำให้เกิดการยืดตัวของกะโหลกศีรษะทฤษฎีที่สองคือศีรษะของทารกถูกห่อหุ้มเพื่อให้เกิดการยืดตัว นอกเหนือจากความผิดปกติของหัวใจแล้วยังพบว่ามีการติดเชื้อในปอดเนื่องจากวัณโรคหรือปอดบวมที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของทารก
ร่างของทารกถูกปกคลุมด้วยผ้าลินินที่ถูกมอบให้นี้เป็นการบริจาคส่วนตัวให้กับพิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วิทยา Witzenhausen และต่อมาได้มอบให้กับพิพิธภัณฑ์ Lippisches Landes ใน Detmold เพื่อการดูแลและเพื่อการอนุรักษ์โดยมืออาชีพหลังจากที่ร่างเต็มไปด้วยเชื้อรา ตอนนี้ศพมัมมี่ของทารกหรือที่เรียกว่า Detmold Child ถูกจัดแสดงอยู่ในศูนย์วิทยาศาสตร์แคลิฟอร์เนีย มัมมี่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
Cr.Case Report on Detmold Child: Title: Hypoplastic left heart in the 6500-year-old Detmold Child (Link Below in the Reference List)
Cr.https://www.dailymail.co.uk/sciencetech/article-1291198/Mummy-10-month-old-baby-goes-worlds-biggest-mummy-exhibition.html
Cr.https://mummipedia.fandom.com/wiki/Detmold_Child
มัมมี่เด็กทารกนี้ถูกพบที่ Qilakitsoq ใกล้ๆกับ Nuussuaq Peninsula นอกชายฝั่ง Uummannaq Fjord เกาะกรีนแลนด์ หลังจากใช้วิทยาการ "หาอายุจากคาร์บอนกัมมันตรังสี" พบว่า ศพเด็กอยู่ตรงนี้มาตั้งแต่ปีคริสต์ศักราช 1475 สิ่งที่พรานป่ากลุ่มนั้นเจอความจริงแล้วเป็นหลุมฝังศพ ซึ่งหลุมแรกมีศพของผู้หญิงอยู่ 3 ศพ และศพของเด็กชายเด็กหญิงอย่างละศพ หลุมสองเป็นศพหญิงสองศพ ศพทั้งหมดเป็นชาวอินูอิต
ที่น่าทึ่งคือเมื่อผลตรวจเทียบเคียง DNA พบว่า ศพในหลุมนั้นเป็นญาติกันทั้งหมด ส่วนเด็กน่าจะมีอายุราว 6 เดือน ทางผู้เชี่ยวชาญได้สันนิษฐานว่าน่าจะถูกฝังทั้งเป็น และคาดการณ์ว่าการฝังเด็กทารกทั้งเป็นนั้นอาจเป็นหนึ่งในธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมของชาวอินูอิต หากพบว่าเด็กที่เกิดมาพิกลพิการ
หรือครอบครัวไม่สามารถเลี้ยงดูได้
ครอบครัวของนักล่าชาวเอสกิโมนี้เชื่อว่าถูกแช่แข็งมานานกว่า 500 ปีถูกถือว่าเป็น "มัมมี่ที่เก็บรักษาไว้ได้ดีที่สุดในอเมริกาเหนือ" ศพทั้งสี่ถูกจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติกรีนแลนด์ในเมือง Nuuk
อ้างอิงจาก The Sun
Cr.https://generalmenmen.blogspot.com/2018/12/blog-post_19.html / เขียนโดย menmen
Cr.https://www.foxnews.com/science/500-year-old-frozen-bodies-north-america-mummies
ซากมัมมี่หญิงนี้รู้จักกันในชื่อ ญัสตา (Nusta) ในภาษาเกชัว (Quechua) แปลว่า “เจ้าหญิง” เชื่อว่าเธอมีอายุประมาณ 8 ขวบเมื่อตอนที่เสียชีวิต ที่เคยมีชีวิตอยู่ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 15 เธอถูกฝังอยู่ในชุดที่ทำจากเส้นขนของยามา (llama) หรืออัลปากา (alpaca) สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมในตระกูลอูฐของทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงในครัวเรือนเมื่อกว่า 4,000 ปี พร้อมกับกับของมีค่ามากมายอย่างกระเป๋า ขวดดิน รองเท้าแตะ และพืชหลายชนิดอย่างข้าวโพดและโคคาในเทือกเขาแอนดีสหรือที่ราบสูงของโบลิเวีย เปรู อาร์เจนตินา และชิลี
สภาพของมัมมี่ญัสตานับว่าถูกรักษาไว้อย่างยอดเยี่ยม โดยบนตัวยังมีเศษผ้า มือและเท้ายังมีผิวหนังอยู่ ที่สำคัญคือในกะโหลกศีรษะเองก็ยังคงมีสมองเก็บอยู่ภายในด้วย ส่วนชื่อของเธอแม้จะมีความหมายว่า “เจ้าหญิง” แต่ก็ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าหญิงสาวอยู่ในฐานะเจ้าหญิงจริงหรือไม่ หรือ Nusta จะเป็นเพียงผู้ถูกเลือกในพิธีบูชายัญได้เช่นกัน
มัมมี่ญัสตาถูกส่งคืนด้วยความช่วยเหลือของสถานทูตสหรัฐอเมริกา และเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์โบราณคดีวิทยาแห่งชาติ เมืองลาปาซ ในโบลิเวีย และแสดงให้สาธารณชนได้ชมระหว่างพิธีแสดงความเคารพต่อผู้ล่วงลับไปเมื่อวันที่ 2 พ.ย.2019 ที่ผ่านมา ทีมนักวิทยาศาสตร์ของโบลิเวียกล่าวว่าจะทำการศึกษาร่างของเธออย่างละเอียดอีกครั้งต่อไป
ที่มา allthatsinteresting, ancient-origins และ thesun
Cr.https://www.thairath.co.th/news/foreign/1650593
Cr.https://www.catdumb.tv/princess-mummy-returned-378/By เหมียวศรัทธา
ที่ถูกค้นพบควบคู่ไปกับชายและหญิงที่เป็นผู้ใหญ่ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นพ่อแม่ของเขาที่ก่อนตายนั้นกำลังนอนหลับอยู่กับผู้เป็นแม่
Stefano Vanacore ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการที่แหล่งโบราณคดีปอมเปอีเป็นผู้ดำเนินการกับซากเด็กที่กลายเป็นหินที่ถูกนำออกจากซากปรักหักพัง
ในการสแกนเผยให้เห็นเสื้อผ้าและโครงกระดูกเล็กๆ ในการสแกนดังกล่าวสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าริมฝีปากของเด็กราวกับตกใจ
เหตุการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในอดีตนั้นเป็นเรื่องที่น่าสะเทือนใจมาก โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นภาพสแกนโครงสร้างภายในของเด็กที่เป็นเหยื่อผู้เสียชีวิต แต่การสแกนก็ทำให้นักโบราณคดีได้ข้อมูลเพื่อการศึกษาเพิ่มมากขึ้น
Stefano Vanacore ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการที่แหล่งโบราณคดีปอมเปอีเป็นผู้ดำเนินการกับซากเด็กที่กลายเป็นหินที่ถูกนำออกจากซากปรักหักพัง เมื่อนำออกจากไซต์เด็กน้อยก็ถูกสแกน หล่อปูนปลาสเตอร์ได้เก็บเสื้อผ้าของเขาไว้ แต่การสแกนเผยให้เห็นโครงกระดูกของเขา ในการสแกนดังกล่าวผู้ชมสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าริมฝีปากของเด็กหนุ่มเป็นอย่างไรราวกับตกใจ
ร่างหล่อด้วยปูนปลาสเตอร์ของเด็กที่เสียชีวิตจากการระเบิดของภูเขาไฟวิสุเวียสที่เมืองปอมเปอีในปี 79 นี้อยู่ในท่านอนบนพื้นโดยหันหน้าไปทางเมืองปอมเปอี เมืองโรมันโบราณในอิตาลี ถูกจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ Royal Ontario Museum จนถึงขณะนี้มีร่างหล่อด้วยปูนปลาสเตอร์เพียง 100 รายเท่านั้นที่ถูกนำออกมาจากจำนวนทั้งหมดที่ค้นพบประมาณ 1,150 ศพ และนั่นคือหนึ่งในสามของเมืองที่ไม่ถูกแตะต้องโดยนักโบราณคดี
Cr.http://www.clipmass.com/story/103404
Cr.https://www.tvpoolonline.com/content/441898
Cr.https://www.thevintagenews.com/2016/08/13/pompeii-incredible-images-unprecedented-detail-laying-bare-their-bones-and-have-perfect-teeth/
แต่เมื่อนำมัมมี่มาวิเคราะห์อีกครั้งด้วยระบบ CT Scan กลับพบว่า มันไม่ใช่มัมมี่เหยี่ยว แต่เป็นทารกที่มีอายุเพียง 23-28 สัปดาห์เท่านั้น และมีลักษณะกะโหลกศีรษะที่แปลกประหลาด ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์กันว่า ทารกรายนี้น่าจะเกิดมาพร้อมกับภาวะที่เรียกว่า Anencephaly คือภาวะที่ไม่มีสมองและกะโหลกศีรษะ ทารกที่มีข้อบกพร่องนี้จะเกิดขึ้นเพียงหนึ่งใน 5,000 คนในแต่ละปี และมีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตภายในไม่กี่สัปดาห์ ซึ่งไม่มีทางรักษาได้
มัมมี่ถูกจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ Maidstone ของสหราชอาณาจักรในชื่อ 'มัมมี่ Hawk Ptolemaic Period' มาระยะหนึ่ง จนกระทั่งถูกนำมาทำการสแกน CT ในปี 2016 เผยให้เห็นว่าเป็นมนุษย์ทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนประหลาดใจ แต่การสแกนเหล่านี้เปิดเผยรายละเอียดเล็กน้อยเกี่ยวกับร่างกายเล็ก ๆ
ในขณะที่ร่างกายข้างในมีนิ้วเท้าที่มีรูปร่างดี แต่กะโหลกของมันผิดรูปร่างอย่างรุนแรง
'ส่วนบนสุดของกะโหลกศีรษะของเขาไม่ได้เกิดขึ้น' เนลสันกล่าว 'ส่วนโค้งของกระดูกสันหลังของเขายังไม่ปิด กระดูกหูของเขาอยู่ด้านหลังศีรษะ '
เป็นที่ทราบกันดีว่า มัมมี่คือศพที่ถูกดองไว้แช่ไว้ในน้ำยาพิเศษ มัมมี่ถูกพบมากมายในอียิปต์ ลักษณะของมัมมี่คือร่างกายจะถูกพันด้วยผ้าลินินสีขาว เพื่อเป็นการรักษาสภาพศพ เพื่อรอการกลับคืนร่างของวิญญาณผู้ตาย อันเป็นไปตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ
ภาพและข้อมูลจาก YouTube Western University ประเทศแคนาดา
Cr.https://www.springnews.co.th/ข่าวด่วน-ข่าวล่าสุด-ข่าว/277147
Cr.https://www.dailymail.co.uk/sciencetech/article-5792089/Egyptian-mummy-thought-hawk-turns-stillborn-BABY-severely-malformed-skull.html
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)