ภูติแมว(มีสองตอนจบ)

คุณอิศจะเอาตัวไหน เชิญมาเลือกไปก่อนได้เลยค่ะ” หญิงเพื่อนบ้านวัยชรา  ในชุดแม่ชีคริสต์ฝรั่ง สวมชุดสีขาวห่มด้วยสีดำข้างนอก พร้อมผ้าคลุมผม สร้อยคอไม้กางเขนใหญ่สวมพาดเลยทรวงอก กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงปราณี

ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อคมเข้มใช่เล่นก้มมองบรรดาเจ้าลูกเหมียวเกิดใหม่ขี้ตาเขรอะ บางตัวยังไม่ลืมตาด้วยซ้ำอย่างชั่งใจ เขาตรึกตรองชั่วครู่ก่อนตอบกลับอย่างสุภาพ

“ผมขอไม่เลือกแล้วกันครับ ซิสเตอร์ ให้เพื่อนบ้านท่านอื่นเลือกก่อน เหลือตัวสุดท้ายผมจะขอรับเลี้ยงดูเอง”

สตรีในคริสต์จักรแย้มยิ้มอย่างอบอุ่น ค้อมศีรษะเล็กน้อยมองชายหนุ่มเบื้องหน้าด้วยสายตาอย่างผู้ใหญ่มองเด็ก

“ขอพระเจ้าจงประทานพรให้คุณ จิตใจคุณดีงามมาก ไม่เลือกเลี้ยงลูกแมวจากความสวยงามเบื้องนอก แต่เลือกตัวสุดท้ายที่ใครไม่เอา”

อิศยกมือไหว้ลาแม่ชีสูงวัยต่างศาสนาอย่างเคารพตามมารยาทคนไทย หลังจากนั้นด้วยภาระหน้าที่การงานที่ต้องกระทำ เขาก็ลืมเลือนที่รับปากอุปการะลูกแมวเกิดใหม่ไปชั่วคราว จนกระทั่งภายหลัง3-4วันให้หลัง มีแผ่นกระดาษข้อความมาติดที่หน้าประตูบ้านเขา

“คุณอิศ เหลือลูกแมวตัวสุดท้ายแล้ว คุณมารับได้ทันทีที่คุณพร้อม ฉันมีอาหารเผื่อด้วยให้เจ้าตัวน้อยอยู่ได้สองวัน”

ชายหนุ่มรู้สึกผิดในใจที่ลืมไปเสียสนิทในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ทันทีที่วางกระเป๋าในบ้าน เขาเร่งรีบเดินไปหาแม่ชีคอนแวนต์เพื่อนบ้านทันทีทั้งๆที่ยังไม่ได้ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า

หญิงนักบวชต้อนรับอิศอย่างดีหลังจากน้ำชาสำหรับแขก เธอก็อุ้มลังกระดาษมาส่งให้ ภายในมีเจ้าเหมียวตัวน้อยตัวสีเทาแต่มีลายลาดสีดำ ตัวป้อมๆ ขาสี่ข้างสั้นมาก ใบหน้ากลมเล็กนิดเดียว แต่ดวงตาทั้งคู่สะดุดตามาก เป็นวงรีโตสีทองแดงปนลูกตาสีน้ำตาล

เมื่อสบตากันระหว่างมนุษย์กับลูกแมว ชายหนุ่มก็นึกรักทันที รับลังมาจากแม่ชีพลางลูบหัวสัตว์ตัวน้อยอย่างอ่อนโยน

“มาอยู่กับพ่อนะลูก พ่ออยู่บ้านคนเดียวแต่จะดูแลหนูให้ดีที่สุด”

เจ้าแมวหง่าวร้องเมี้ยวตอบรับราวกับฟังภาษาคนรู้เรื่อง แม่ชีคริสต์มองภาพเบื้องหน้าอย่างพึงพอใจ

“ใจของคุณคือทองคำอย่างแท้จริง พระเจ้าท่านกำลังมองดูอยู่และฉันกำลังขอพรท่านให้คุณมีคู่ชีวิตที่เหมาะสมกับความดีของคุณ”

แววสลดบังเกิดขึ้นในดวงตาชายหนุ่มเล็กน้อยแล้วสลายวูบไป หากแต่คู่สนทนาไม่อาจสังเกตได้ อิศบอกลาเพื่อนบ้านตอนนั้น

“ขอบคุณครับ ซิสเตอร์ ผมสัญญาจะเลี้ยงแมวตัวนี้ให้ดีที่สุด แล้วผมจะกลับมาเยี่ยมนะครับ”

ซิสเตอร์เดินมาแตะไหล่เขาอย่างนุ่มนวลราวญาติผู้ใหญ่

“ให้คุณมีเวลาว่าง พักผ่อนเพียงพอก่อนแล้วกัน ค่อยนึกมาเยี่ยมเยียนฉัน เห็นคุณทำงานหนักมาก หกวันต่ออาทิตย์ ขอให้พระเจ้าคุ้มครองคุณ”

ชายหนุ่มถือลังใส่ลูกแมวน้อยกลับมาบ้านอย่างใจลอย ระหว่างเดินอยู่คิดอะไรก็ไม่รู้ เมื่อถึงบ้านก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน เมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีสมาชิกใหม่ก็รีบอุ้มลูกแมวออกมาจากลัง ปล่อยให้มันสำรวจสถานที่

แมวน้อยสีเทาลายดำเดินกระเตาะกระแตะไปทั่วบริเวณบ้านเพื่อสร้างความคุ้นเคย ชายหนุ่มมองตามอย่างเอ็นดูแต่ใจกลับไพล่ไปคิดถึงใครอีกคนหนึ่ง

“ปรียา ถึงคุณจะทิ้งผมไปแต่งงานกับคนอื่น แต่ทำไมผมยังคิดถึงคุณอีก” เสียงนั้นรำพึงในใจ

เสียงร้องของเจ้าลายตัวน้อยยุติความคำนึงของอิศ มันวิ่งเหยาะๆกลับมาเอาหัวเข้ามาสีมือเขา ครั้งแรกชายหนุ่มหัวร่อด้วยความจั้กกะจี้ แต่ก็ฉุกคิดได้ถึงความต้องการของมัน

“หรือจะหิว” ชายหนุ่มถาม พลางลูบหัวแมวน้อยอย่างเมตตารักใคร่ 

“หิวหรือลูก เดี๋ยวพ่อเอานมให้กิน”

ชายหนุ่มจัดแจงรินนมใส่ถ้วยให้เจ้าตัวน้อย มันมายืนลังเลมองอย่างฉงนครู่หนึ่งก่อนยื่นลิ้นน้อยๆไปแตะของเหลว พอลิ้นสัมผัสรสได้มันก็ดื่มกินอย่างหิวกระหาย

อิศมองดูอย่างมีความสุข แล้วเขาก็เกิดอารมณ์สุนทรีเดินไปรินไวน์ที่เปิดขวดไว้แล้วใส่แก้วให้ตัวเอง ค่อยๆจิบพลางจับตามองเจ้าตัวน้อยไปด้วย

สักพักเขาก็รู้สึกอารมณ์ผ่อนคลายลง อยู่ดีๆก็เคลิ้มๆจะหลับ ก่อนเข้าสู่ภวังค์เขานึกถึงสตรีนัยน์ตาสีน้ำผึ้ง ภาพสุดท้ายในความรู้สึกคือเเธออยู่ในชุดเจ้าสาวฟูฟองสวยงามยืนเคียงคู่กับเจ้าบ่าวซึ่งเป็นผู้ชายอีกคนที่ไม่ใช่เขา

“ปรียา” ชายหนุ่มพึมพำเหมือนละเมอ ก่อนจมสู่ห้วงนิทรารมย์ในที่สุด

ในสภาวะหลับนั้นเอง กึ่งหลับ กึ่งฝัน อิศร่างกายเบาสบายตื่นขึ้นมาในนิมิต เขาเห็นเด็กหญิงตัวเล็กใส่เสื้อผ้าสีขาวสวยงามนั่งเรียบร้อยอยู่บนพื้นห้องเฝ้าดูเขาอย่างสงบเสงี่ยม

เหมือนกับเด็กหญิงคนนั้นรอคอยที่จะให้เขาเห็น ดวงตาคู่นั้นทอประกายสดใสทันทีที่ชายหนุ่มมองไปอย่างแปลกใจจากที่นอน ใบหน้าของเธอช่างจิ้มลิ้มน่ารักเป็นยิ่งนัก เมื่อสบสายตากับเขาในทันใด เธอก็ก้มลงหมอบกราบในท่าที่นั่งพับเพียบอยู่ก่อน

“หนูขอบพระคุณที่คุณพ่อให้ความอุปการะคุณหนูนะค่ะ จากนี้ต่อไปหนูขอมาอยู่พึ่งใบบุญคุณพ่อ จนกว่าจะสิ้นอายุขัย ชาติหน้าหนูก็จะได้เกิดเป็นคนแล้วคะ ชาตินี้แม้หนูจะอยู่ในร่างนี้แต่หนูก็ขอเป็นลูกพ่อนะค่ะ” 

แล้วภาพฝันนั้นก็พร่าเลือนไป ชายหนุ่มค่อยสะลึมสะลือเปิดเปลือกตาตื่นขึ้น รู้สึกมีก้อนเนื้อที่มีชีวิตดิ้นกระดุกกระดิกอยู่ระหว่างขา เป็นแมวน้อยตัวนั้นนั่นเอง กระโดดขึ้นมานอนบนตักด้วยกันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

ชายหนุ่มขยับตัวขึ้นนั่ง พอเห็นลูกแมวนอนหลับตาปี๋ ขดตัวซุกขาก็อดยิ้มไม่ได้ ลูบและเกาขนเจ้าตัวน้อยอย่างทะนุถนอม มันส่งเสียงครางอย่างพอใจ ชายหนุ่มไม่ได้เก็บความฝันที่เพิ่งเกิดขึ้นมาใส่ใจแต่อย่างใด

เวลาผ่านไปจนใกล้ปีใหม่ 

หญิงสาวในชุดนิสิตเสื้อขาวกระโปรงสอบสีดำคนหนึ่งเดินเข้ามาในซอยอย่างไม่จัดเจนเส้นทาง เวลาในตอนนั้นค่อนข้างโพล้เพล้แล้ว เธอมองที่อยู่ตามที่จดไว้ซ้ำอีกครั้ง มองดูหมายเลขบ้านที่ผ่านมาก็รู้ว่าต้องเดินลึกเข้าไปในซอยเข้าไปอีกจึงจะถึงจุดหมายปลายทาง

ถ้าเผอิญไม่มีชายสองคนในสภาพมึนเมาเดินผ่านมา ความสวย สดใสของเธอเข้าสายตาพวกมันทันที หนึ่งในนั้นปราดเข้ามายืนกร่างขวางทางทันที ส่วนอีกคนก็ไปดักทางกลับ ส่งเสียงอ้อแอ้ร้องแซว

“โอ้โห น้องสาว นี่ทางคนเดินนะ ไม่ใช่ทางนางฟ้าเดิน ไหนๆผ่านมาทั้งทีให้พวกพี่ยลให้สมใจหน่อยเถอะ”

หญิงสาวตกใจตะลึงตรึงเพริด ไม่ได้คาดการณ์ว่าจะเจอเรื่องอย่างนี้ ร่างบอบบางก้าวถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว

“อย่าค่ะพี่ หนูกลัวแล้ว อย่าทำหนูเลย”

ชายหน้าเสี้ยมผิวดำ ดวงตาปรือด้วยความเมาทำหน้าลอยพูดขึ้น พร้อมทำท่าทางคุกคาม

“ไม่ได้หรอกหนู เพราะพี่อยากทำหนู”

ชายทั้งสองคนย่างสามขุมเข้าหาหญิงสาวพร้อมกัน  เสียงสบถ หยาบโลนหลุดออกมาผสมกริยาที่ตั้งใจจะทำกับหญิงสาวในตอนนั้น แต่มีสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้น

หญิงสาวคนหนึ่งมาปรากฏกายตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้  สิ่งที่แปลกคือ เธอยืนพิงกำแพงมองเล็บมือพลิกไปมา อย่างเป็นเรื่องใจเย็นธรรมดา

“หยุด และไสหัวไปเดี๋ยวนี้ ถ้าพวกแกแตะต้องผู้หญิงคนนี้ ร่างกายของพวกแกจะโดนฉีกกระชากหาซากศพสมบูรณ์ไม่ได้ “

ชายหยาบช้าทั้งสองหันขวับมาทางทิศที่ผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ พอเห็นเข้าเต็มตาหนึ่งในชายคนนั้นก็แสยะยิ้มเห็นฟันเหลืองอ่อยอย่างสมใจ

“เห้ย ไม่ต้องแย่งกันแล้วเว้ย ไอ้สม แกล่ออีนางคนนั้น เดี๋ยวข้าจัดการอีนางคนนี้เอง อยู่ๆก็เข้ามาขึ้นเขียงเอง”

แต่หญิงสาวที่มาใหม่ยิ้มอย่างยั่ว จะเป็นในเชิงโทสะหรือทางกามารมณ์ก็สุดที่จะเดา

“อย่าไปยุ่งกับน้องสาวคนนั้นเลย มาหาฉันเถอะ ฉันรับพวกแกได้ทั้งสองคน มีน้ำยากันหรือเปล่าไอ้คนชั่ว”

การกระตุ้นครั้งนี้สำเร็จ ชายทั้งสองมีสีหน้าโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที คนที่ดักทางหญิงสาวนักศึกษาคนนั้นเดินละทางตรงดิ่งมาหาเธอแทนทันที ทิ้งทางให้น้องผู้หญิงคนนั้นสามารถวิ่งออกไปได้จากจุดนั้น แต่ยังละล้าละลังอยู่

หญิงสาวลึกลับคนนั้นหันไปกล่าวกับนิสิตสาวคนนั้นทันที

“ไปตามที่อยู่ตามเธอมีเถอะน้องสาว เป็นบ้านถัดไปอีกไม่กี่หลังหรอกจ้ะ ไม่ต้องห่วงฉัน พ่อฉันเป็นเจ้าของบ้านหลังนั้น เขาแกร่งพอที่จะดูแลเธอได้ ส่วนไอ้เศษสวะสองตัวนี้ประเดี๋ยวฉันจัดการเอง”

“ E-Dok “ หนึ่งในชายสองคนนั้นร้องลั่น “เมื่อกี้ยิ้มหาว่าพวกGu ไม่มีน้ำยาใช่ไหม”

หญิงสาวงหน้ารูปหัวใจตาโตคมกริบยิ้มเยาะ พูดขึ้นอย่างไม่หวาดหวั่น

“หูพวกแกอาจจะไม่ดีนะไอ้พวกหนักแผ่นดิน อยากเข้ามาฟังใกล้ๆไหมล่ะ” พูดพลางบิดสะเอวอย่างยั่วยวน

ชายอันธพาลสองคนปราดเข้ามาทันทีราวกับมีแม่เหล็กต่างขั้วดูด หญิงสาวผู้เป็นเป้าหมายส่งสายตาไปยังนักศึกษาสาวที่เกือบเป็นเหยื่อคนนั้นอีกครั้ง

“ไปเถอะน้องสาว” คราวนี้เธอส่งสัญญาณจิต ไม่ได้เปล่งออกมาเป็นเสียง “ ไอ้พวกยิ้มพวกนี้ฉันจัดการเองได้ รีบเดินไปอย่าหันกลับมามอง ฉันขอเตือน ประเดี๋ยวเธอจะกินข้าวไม่ลง”

หญิงสาวในเครื่องแบบนักศึกษาราวกับต้องมนต์คำสั่ง รีบวิ่งออกไปจากตรงนั้นทันที ชายชั่วทั้งสองคนไม่ได้สนใจคนที่วิ่งหนีไป กลับเดินปรี่เข้ามาหาคนที่ยั่วยุโดยตรงอย่างคลั่งแค้น

“ประเดี๋ยว Gu สองคนจะพิสูจน์ให้รู้เอง อักเสบหรือฉีกขาดอย่าบ่นแล้วกัน “ หนึ่งในสองคนโพล่งขึ้นอย่างแค้นเคือง คว้ามืออันหยาบกร้านมาจับหน้าอกหญิงสาวอย่างหยาบคาย แต่แล้วก็พบว่าการกระทำของตนสะดุดลง เพราะมีสิ่งแหลมยาวที่เรียกว่ากรงเล็บแทงทะลุหัวไหล่จนพ้นออกมา

ชายโฉดรู้สึกชาในช่วงวินาทีแรก แต่ความเจ็บปวดที่ผิวหนังโดนชำแรก แยกออกก็ติดตามมา อ้าปากหวอทำท่าจะร้องแต่ปราศจากเสียงออกมา 

“ครั้งนี้ฉันไม่เอาถึงตาย” หญิงสาวกล่าวอย่างเยือกเย็น” จำความเจ็บปวดตอนนี้เอาไว้ให้ดี ครั้งหน้าถ้าพวกยิ้มคิดทำชั่วอีกจะทำให้พวกยิ้มตายอย่างทรมานที่สุด”

แล้วหญิงสาวก็ค่อยๆลากถอนเล็บยาวเกือบไม้บรรทัดออกมาจากร่างชายคนที่คิดร้ายคนนั้น ไม่ต้องสงสัยว่าความเจ็บปวดสุดแสนสาหัส บังเกิดแก่ชายคนนั้นเท่าไหร่ ล้มร่างลงชักกระตุกบนพื้นทันที โลหิตทะลักราวกับน้ำก๊อก

อีกคนที่ยืนอยู่ตะลึงอยู่ อ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง หญิงสาวลึกลับคนนั้นหันมา
กล่าวกับชายเลวอีกคนที่กำลังยืนงงเป็นไก่ตาแตกว่า

“เย็บหลายเข็มหน่อยนะ แต่ถ้าไม่ทำก็ไม่หลาบจำ ถิ่นนี้เป็นบ้านพ่อฉัน คุณพ่อของฉันเป็นคนอยู่ในศีล ในธรรม ฉันถูกส่งมาเป็นลูกท่านด้วยบุญญาธิการ ดังนั้นฉันต้องดูแลไม่ให้ให้เรื่องชั่วร้ายเกิดขึ้นในย่านเขตคุณพ่อ ส่วนยิ้มก็รับความทรงจำนี้ไป”

แล้วกระดูกขาวยาวแหลมนั้นก็พุ่งทะลุโคนขาชายคนนั้น จนเลือดฉีดออกมาล้มคว่ำไม่เป็นท่า ร้องโหยหวน่าเวทนาจนชาวบ้านนั้นออกมาดู เรียกหน่วยกู้ภัย แต่

หญิงสาวนัยน์ตาตาวาววับคนนั้นไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว

“น้องเอย”อิศเปิดประตูบ้านออกมาต้อนรับอย่างแปลกใจ “มีอะไรหรือครับ พี่ไม่ได้เห็นน้องมานานแล้ว เป็นยังไงบ้าง แล้ว เอ่อ พี่สาวน้อง ปรียาสบายดีไหมหลังแต่งงาน”

หญิงสาวที่เพิ่งอกสั่นขวัญแขวนมาจากการที่เกือบโดนรุกล้ำทางเพศเล่าอะไรไม่ถูก โผเข้าหาชายหนุ่มที่สูงใหญ่กว่าอย่างลืมตัว อิศรับร่างน้อยนั้นสู่อ้อมอกตามมารยาทสุภาพบุรุษอย่างงงวยแต่ไม่มีกริยาหาเศษหาเลยแต่อย่างใด

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าน้องเอย อย่าคิดว่าพี่เป็นคนอื่นเลย ถึงพี่กับพี่สาวเอยไม่ได้จบลงร่วมกัน แต่พี่ก็เห็นน้องเอยเป็นน้องสาวตลอดมา” ชายหนุ่มพูดอย่างจริงใจ

หญิงสาวชื่อเอยสัมผัสความอบอุ่นในอ้อมกอดนั้น แต่ คำเรียก”น้องสาว” ทำให้ขัดเคืองและดิ้นหลุดพ้นออกจากวงแขนนั้นออกกริยาแง่งอนออกตามประสาหญิงสาวทันที ชายหนุ่มแสดงอาการประหลาดใจในความเปลี่ยนแปลงอย่างไม่เข้าใจ

“น้องเอย ทำไมทำตัวแปลกๆ เข้ามาในบ้านพี่ก่อนเถอะ แต่อย่าเพิ่งนะรออีกแป็บ รอพี่เรียกป้าเอียดก่อนเถอะ”

แล้วชายหนุ่มก็กดโทรศัพท์ เรียกใครสักครู่สักพักก็มีคนรับสาย ได้ยินเสียงเขาพูดใส่ฝั่งตรงข้ามอย่างสุภาพว่า

“แม่เอียดครับ วันนี้ผมอยากกินผัดคั่วกลิ้งไก่ ช่วยมาทำให้ผมหน่อยนะครับ”

หญิงสาวมองชายหนุ่มหน้าขาวนวลตัวสูงใหญ่อย่างศรัทธาปนรำคาญ อิศเป็นคนยึดติดประเพณีอย่างเหนียวแน่นมาก  สาเหตุที่เขาโทรเรียกแม่ครัวมาก็เพราะว่าเขาไม่อยากอยู่กับหล่อนสองต่อสองนั้นเอง กลัวคำครหานั้นแหละ

ปรียา พี่สาวหล่อนถึงได้เบื่อ อิศเป็นผู้ชายหล่อหุ่นดีก็จริง แต่ไม่เร้าใจในความรู้สึกพี่สาวหล่อนเลย เธอถึงได้หักอกเขาไปแต่งงานกับคนอื่น หญิงสาวที่ชื่อเอยมองสายตาเศร้าของผู้ชายคนนี้แล้วแล้วรู้สึกสงสารตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

ผู้ชายคนนี้มีสัดส่วนและองคาพยพที่น่ามองแต่ทำตัวโบราณมาก สิ่งที่ทำให้เธอรำคาญที่สุดคือเขามองเธอเป็นน้องสาวตลอดเว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่