JJNY : พท.ตั้งคกก.สอบ3งูเห่า/ชวนสั่งสอบปล่อยไวพจน์เข้า/เชื่อมั่นผู้บริโภคพ.ย.62ต่ำสุด67ด./สัญญาณหนี้เสียบัตรตั้งเค้าพุ่ง

“เพื่อไทย” ตั้ง 5 คกก.สอบ “3 งูเห่า” ของพรรค ลั่น พร้อมเอาผิดอาญา ชี้ โทษสูงสุดไล่ออก
https://www.matichon.co.th/politics/news_1790914
 
 
“เพื่อไทย” ตั้ง 5 คกก.สอบ “3 งูเห่า” ของพรรค ลั่น พร้อมเอาผิดอาญา มาตรการสูงสุดคือขับออกจากพรรคหากมีการรับเงิน
 
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 6 ธันวาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค พท. นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ นายชัยเกษม นิติสิริ คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ร่วมแถลงข่าวตั้งคณะกรรมการตรวจสอบกรณีการเกิดงูเห่าในพรรคการเมือง
 
โดยนายสมพงษ์ กล่าวว่า ตามที่พรรคร่วมฝ่ายค้านได้มีมติเสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศและคำสั่งของ คสช. และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 ซึ่งถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและเป็นไปตามอุดมการณ์และนโยบายของพรรคที่จะต้องคัดค้านต่อต้านการรัฐประหาร แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าในการประชุมสภาฯ ผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา ส.ส.พรรครัฐบาลเสนอให้ลงคะแนนใหม่ โดยมีเจตนาจะล้มญัตติดังกล่าว ได้มี ส.ส.ของพรรค 3 คน ร่วมประชุมเพื่อให้ครบองค์ประชุมในการลงมติครั้งนี้ด้วย ทำให้เกิดความเสียหายต่อพรรคและภาพลักษณ์ของการเป็นพรรคฝ่ายค้านเป็นอย่างยิ่ง ทั้งที่มติพรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นชอบไม่ให้ ส.ส.ฝ่ายค้านเข้าร่วมประชุม เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง กรณี ส.ส.ของพรรคทั้งสามคนได้เข้าร่วมประชุมในวันดังกล่าว อาศัยอำนาจตามข้อบังคับพรรคเพื่อไทย พ.ศ.2561 ข้อ 63 (7) แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงคณะ โดยมี พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ประธานกรรมการ นายชัยเกษม นิติสิริ นายภูมิธรรม เวชยชัย นายชูศักดิ์ ศิรินิล กรรมการ และนายวัฒนา เตียงกูล เลขานุการ โดยใช้เวลา 7-10 วัน โดยให้ตรวจสอบและแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ ส.ส.ของพรรคได้เข้าร่วมประชุมในวาระพิจารณาญัตติข้างต้น เชิญ ส.ส.ของพรรคที่เกี่ยวข้องและที่มีข้อมูลมาให้ข้อเท็จจริงหรือส่งมอบเอกสารหลักฐาน และสรุปข้อเท็จจริงและข้อเสนอแนะเสนอหัวหน้าพรรคเพื่อพิจารณาและดำเนินการต่อไป
 
จากนั้น นายสมพงษ์ อ่านแถลงการณ์ว่า จากการประชุมสภาฯ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคมเพื่อพิจารณาญัตติการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศและคำสั่ง ของ คสช. และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 เป็นปรากฏการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความกลัวในการถูกตรวจสอบของผู้นำรัฐบาล ถึงขั้นกล้ากระทำสิ่งที่น่าละอายขัดต่อความรู้สึกของพี่น้องประชาชน และขัดต่อความถูกต้องชอบธรรม อย่างไม่สะทกสะท้าน หวั่นเกรงใดๆ ไม่ว่าจะเป็นการนำจำเลยซึ่งศาลฎีกาพิพากษาให้มีความผิด ถูกออกหมายจับ เข้ามานั่งในสภาฯ ได้ โดยที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนายใดกล้าเข้ามาจับกุม หรือกรณีที่มีข่าวหนาหูว่ามีการใช้ผลประโยชน์ อิทธิพลและมีการกล่าวอ้างถึงการใช้เงินจำนวนมากถึง 7-8 หลักเพื่อโน้มน้าว ชักจูงให้มีการลงมติสนับสนุนฝ่ายรัฐบาล และดิ้นรนที่จะไม่ยินยอมให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาผลกระทบของการใช้มาตรา 44 จนเกิดการถอยหลังทางการเมืองอย่างน่าอดสู
 
นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า ปรากฏการณ์งูเห่าที่เกิดขึ้นในพรรคการเมืองหลายพรรค ซึ่งถือเป็นปฏิบัติการที่ไม่มีกติกา ขาดวินัย ไร้จิตสำนึก มุ่งแต่แสวงประโยชน์ฝ่ายตนให้เกิดขึ้นภายใต้กลไกอำนาจนอกระบบ เป็นการลุแก่อำนาจ คุกคามด้วยอามิสสินจ้าง ทำทุกอย่างเพื่อให้ชนะ เพราะขลาดกลัวการถูกตรวจสอบ จะเห็นได้ว่านับตั้งแต่การรัฐประหารล่วงเลยมาถึงวันนี้ สังคมไทยมีบาดแผลและมีมลทินมากมาย ผลที่เห็นประจักษ์ชัด คือการเมืองไทยที่เคยก้าวหน้า เป็น การเมืองเชิงนโยบาย ยึดถือการรักษาพันธะ สัญญาที่จะตอบสนองความต้องการเชิงนโยบายให้แก่พี่น้องประชาชน กลับต้องถอยหลังย้อนอดีตไปเกือบ 40 ปี เป็น “Money Politic” ที่ใช้อำนาจอธรรมและเงินเป็นเครื่องมือ ทำให้ระบบรัฐสภาถอยหลัง ประชาชนหมดความไว้วางใจ บั่นทอนระบอบรัฐสภาให้เป็นสภาพแวดล้อมที่ขาดไร้จริยธรรม สร้างเงื่อนไขให้ผู้คนเห็นความเสื่อม จนอาจเกิดความชาด้านและปฏิเสธระบบรัฐสภาในที่สุด พรรคเพื่อไทยเห็นว่าความเสื่อมทรุดทั้งปวง เป็นผลที่เกิดขึ้นจากความหวาดกลัวการถูกตรวจสอบ การใช้อำนาจเงินหว่านล้อมให้ ส.ส.งูเห่า ยอมจำนน ในด้านหนึ่งแม้จะสะท้อนภาพของการขาดจริยธรรมของ ส.ส. แต่เบื้องหลังคืออำนาจและกลไกการควบคุมที่ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันให้พรรคพวกของตนสามารถสืบทอดอำนาจของพวกตนเองได้ตลอดไป
 
นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า ภายใต้ผลพวงของการออกแบบรัฐธรรมนูญที่พิกลพิการไม่ปกติ สะท้อนถึงความสามารถในการพลิกพลิ้ว ทำผิดให้เป็นถูก การใช้กลโกงในการควบรวมอำนาจเช่นนี้ กลับยิ่งสื่อให้เห็นถึงรัฐบาลที่ไร้หลักการ ไม่สามารถใช้เหตุผลมาดึงความร่วมมือร่วมใจของคนทุกฝ่ายให้เกิดขึ้นได้จริง จึงต้องเล่นแร่แปรธาตุทุกวิถีทางดังที่เป็นอยู่ พรรคพท.เห็นว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสัญญาณเตือนว่าจะยังไม่ใช่ครั้งสุดท้าย และจะยิ่งเกิดขึ้นอีกต่อเนื่อง ด้วยเสียงที่ปริ่มน้ำของรัฐบาล พวกเขาจะกระทำทุกวิถีทางในการปกป้องประโยชน์พวกพ้องตน มากกว่าประโยชน์ของประชาชน อันเป็นการทำลายระบบการเมืองที่มีหลักการของประเทศต่อไปอย่างไม่มีจุดจบ หนทางสำคัญเพื่อให้ประเทศหลุดพ้นจากปัญหาดังกล่าว รัฐบาลและกลุ่มผู้มีอำนาจในปัจจุบันต้องยินยอมและเร่งรัดให้เกิดกระบวนการการมีส่วนร่วมในสังคม เพื่อออกแบบรัฐธรรมนูญเสียใหม่ ให้ตอบสนองความต้องการอันแท้จริงของประเทศ และความต้องการของประชาชน และต้องมุ่งสร้างความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงให้เกิดขึ้นโดยเร็ว
 
นายสมพงษ์ กล่าวด้วยว่า วาระต่อไปคือ การนำวาระการพิจารณาเรื่องการศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เข้าสู่สภาเพื่อหาทางออกจากวิกฤตของประเทศ

ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจะดำเนินการ ดังนี้ 
1. ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณี ส.ส. ของพรรคไม่ปฏิบัติตามมติพรรคร่วมฝ่ายค้าน หากพบว่ามีการกระทำผิด จะดำเนินการตามกฎหมายและข้อบังคับพรรคในสถานหนัก 
2. จะเสนอให้พรรคร่วมฝ่ายค้านพิจารณาตั้งคณะกรรมการศึกษาผลกระทบของการใช้มาตรา 44 โดยทำหน้าที่รวบรวมความคิดเห็นและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากกรณีดังกล่าว โดยให้ประชาชนในสังคมร่วมเสนอความคิดเห็น และแถลงให้พี่น้องประชาชนทราบโดยเร็วที่สุด พรรคจึงขอเชิญชวนประชาชนให้จับตามองว่ารัฐบาลจะจริงจังและจริงใจในการเปิดหนทางให้มีการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ลุล่วงหรือไม่ และพวกเขาจะใช้อำนาจอธรรมรูปแบบใด มาขัดขวางเจตนารมณ์แท้จริงของประชาธิปไตยอีก ประชาชนต้องไม่อยู่นิ่งเฉย ต้องร่วมกันจับตามองการใช้อำนาจอธรรมที่บ่อนทำลายระบบรัฐสภาและจริยธรรมทางการเมือง เพื่อศักดิ์ศรีของประเทศอย่างจริงจัง

เมื่ออถามถึงการดำเนินการเอาผิด ส.ส.สถานหนักของพรรคคืออะไร นายชัยเกษม กล่าวว่า ในความเป็นสมาชิกพรรค ก็ต้องดำเนินการตามมติพรรค ส่วนจะลงโทษหนักแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่สอบได้ หากพบว่า ส.ส.ถูกชักจูงด้วอามิสสินจ้าง ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพราะถือว่ามีความผิด หากทำผิดถึงขั้นร้ายแรงอาจถึงขั้นขับออกจากพรรค ไม่ส่งลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งต่อไป ซึ่งถือเป็นเรื่องร้ายแรงเพราะอนาคตการเป็น ส.ส.แทบจะเป็นหมดไป
 
เมื่อถามว่า รัฐธรรมนูญกำหนดให้เป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. นายชูศักดิ์ กล่าวว่า แม้ว่ารัฐธรรมนูญและกฎหมายพรรคการเมืองเขียนไว้ว่าเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. แต่ ส.ส.ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายพรรคการเมืองและข้อบังคับของพรรค เพราะ ส.ส.จะลงสมัครอิสระไม่ได้ ต้องสังกัดพรรคการเมือง ดังนั้นเมื่อพรรคมีมติ ส.ส.ต้องเคารพมติพรรค
 
ขณะที่นายภูมิธรรม กล่าวว่า คณะกรรมการฯ จะเข้าไปตรวจสอบขึ้นกับข้อเท็จจริง หากพบว่ามีการใช้เงินซื้อและมีการรับเงินจริง ก็จะดำเนินการเอาผิดทางอาญาต่อไปด้วย มาตรการสูงสุดคือขับออกจากพรรค ไม่ส่งลงสมัครไปจนถึงภาคทัณฑ์​
 


'ชวน' เต้น! สั่งสอบสภาปล่อย 'ไวพจน์' เข้าโหวต ข้องใจมีหมายศาล แต่ตร.ไม่จับกุม
https://www.matichon.co.th/politics/news_1791008

“ชวน” สั่ง สภาสอบ ปม ปล่อย “ไวพจน์” เข้าสภา ทั้งที่มีหมายของศาล ข้องใจ ตร.​ไม่จับกุม
 
เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.เวลา 11.30 น. ที่สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กรณีที่มี ส.ส.เรียกร้องให้ตรวจสอบ กรณีของพ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ เข้าร่วมประชุมสภา เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านา ทั้งนี้มีหมายจับของศาล ว่า ตนให้ทางสภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบกรณีดังกล่าวว่า ทำไมถึงปล่อยให้บุคคลที่มีคดีเข้ามายังสภา และเข้ามาในห้องประชุมเพื่อดำเนินการเรื่องอะไร ทั้งนี้ในวันดังกล่าวตนไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ไวพจน์ เข้ามาในห้องประชุมสภา จริงหรือไม่ เพราะไม่ได้ขึ้นทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม เนื่องจากตนเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลในช่วงเช้า อย่างไรก็ตามการตรวจสอบดังกล่าวตนจะพิจารณาหลังจากที่ได้รับรายงานจากทางสภา อีกครั้ง
 
เมื่อถามว่าจะตรวจสอบถึงการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจรัฐสภา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ต้องรอการรายงานและตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งบุคคลที่มีคดีความแล้ว ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงปล่อยตัวและละเลยการปฏิบัติหน้าที่ อย่างไรก็ตามในการเข้าประชุมสภา นั้นยังถือว่าเป็นการใช้สิทธิตามสถานะของส.ส.ได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่