ชัยเกษม เย้ย บิ๊กตู่ เสียงปริ่มน้ำ โหวตกี่ทีก็เสี่ยงทุกที หมดยุคยกมือแบบสภาฝักถั่วแล้ว
https://www.matichon.co.th/politics/news_1773875
 
“ชัยเกษม” ชี้ เป็นธรรมดาในฐานะหัวหน้ารบ. “บิ๊กตู่” ก็ไม่อยากให้โหวตแพ้ แต่หมดยุคที่ยกมือให้กันแบบฝักถั่ว ไม่มีเหตุมีผลแล้ว
 
เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคด้านการตรวจสอบ กระบวนการยุติธรรมและอำนาจรัฐ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกอาการฉุนพร้อมสั่งฟากรัฐบาลห้ามโหวตแพ้อีก ว่า เขาเป็นหัวหน้ารัฐบาลก็ไม่อยากให้อยากให้แพ้หรอกเป็นเรื่องปกติ และเสียงที่ปริ่มน้ำนี้ก็จะเสี่ยงทุกครั้ง ถ้าคุมกันไม่ดี หรือพูดคุยกันไม่ได้ก็จะอยู่แบบเสี่ยงเกินไป เพราะจะเสี่ยงทุกเรื่องที่ต้องใช้มติโหวต
 
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวกรณีพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ปล่อยฟรีโหวตด้วย นายชัยเกษม กล่าวว่า ตนว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะคนฟากพรรคร่วมรัฐบาลบางคนก็เป็นคนที่เสนอ และเห็นด้วยกับเรื่องนี้ ตนมองว่าเรื่องเป็นเรื่องของรัฐบาลที่ไม่ได้คุยกันให้ดี หรืออาจคิดว่าจะไม่มีปัญหา จึงไม่ได้ตกลงและไม่ได้จัดการอะไรตั้งแต่ต้น
 
เมื่อถามว่า คิดว่าสถานการณ์ลักษณะนี้จะกระทบไปถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ด้วยหรือไม่ นายชัยเกษม กล่าวว่า กระทบได้ทุกเรื่อง แต่ก็อยู่ที่เนื้อหาของแต่ละเรื่องด้วย เพราะส.ส.จะต้องฟังเสียงของประชาชนด้วยเช่นกัน ตอนนี้หมดสมัยที่ยกมือให้กันแบบฝักถั่ว ไม่มีเหตุ ไม่มีผลแล้ว อะไรห่วยก็ต้องบอกว่าห่วย ไม่อย่างนั้นจะเป็นส.ส.ที่ดีได้อย่างไร
 

---

'ปิยบุตร'แนะ'บิ๊กรัฐบาล'ปรับทัศนคติแพ้ให้เป็น
https://www.dailynews.co.th/politics/744312
 
"ปิยบุตร" ซัด"บิ๊กรัฐบาล" คุ้นชินใช้อำนาจ [เผล่ะจัง]  แนะควรปรับทัศนคติแพ้ให้เป็น หัดเรียนรู้ระบบรัฐสภา นี่ไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชา คสช.-สนช. ที่สั่งได้ 
 
เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ที่พรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฏรช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะเหตุการณ์สภาล่มถึง 2 ครั้ง เนื่องมาจากการลงมติญัตติด่วนญัตติ ขอให้สภาผู้แทนราษฎร ตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบจากการใช้อำนาจของ คสช. การออกคำสั่งของและการใช้มาตรา 44 ของ คสช. โดยกล่าวว่า ที่ผ่านมามีการลงมติหลายครั้ง ฝ่ายรัฐบาลแพ้บ้าง ฝ่ายค้านแพ้บ่อยกว่า ในครั้งที่ฝ่ายรัฐบาลแพ้การลงมติที่ผ่านมา ก็ไม่ได้ขอให้มีการนับคะแนนใหม่ แล้วทำไมญัตติการตั้ง กมธ.นี้ถึงเดิมพันสูงแบบนี้ ทั้งๆ ที่ตั้งมาเพียงเพื่อศึกษา เสร็จแล้วก็จะได้รายงานหนึ่งฉบับ นำเข้าสภา ไม่มีอำนาจใดๆ ไปบังคับสั่งการ เหตุใดฝ่ายรัฐบาล ถึงไม่ยอมแพ้ แพ้แล้วแต่ไม่ยอมแพ้จึงต้องขอนับคะแนนใหม่ หรือจะเป็นไปตามข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์วันนี้ว่า มีการสั่งการมาบอกว่า ให้แพ้ไม่ได้ใช่หรือไม่
 
"หากข่าวที่ว่าบิ๊กๆ ในรัฐบาลไม่ยอมให้ตั้ง กมธ.ชุดนี้เป็นเรื่องจริง ก็จะสะท้อนถึงความคุ้นชินในการใช้อำนาจ [เผล่ะจัง]  การใช้อำนาจ [เผล่ะจัง] โดยไม่มีใครตรวจสอบมาตลอด 5 ปี วันนี้กลับเข้ามาสู่ระบบปกติ มีการเลือกตั้งมีสภา ซึ่งก็ทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจต่างๆ ของรัฐบาลแล้วสภาผู้แทนราษฏรมาจากการเลือกตั้ง ไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาของคณะ คสช. สิ่งหนึ่งที่ผู้มีอำนาจในรัฐบาลชุดนี้จะต้องตระหนักเอาไว้ คือ สภาผู้แทนราษฏรไม่ใช่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เหมือนที่พวกท่านเคยทำกันมา พวกเราไม่ได้มาจากการแต่งตั้งของพวกท่าน ถ้าสภามีมติชัดเจนไปแล้ว ก็ควรจะแพ้ให้เป็น คุณกังวลใจกับการตรวจสอบพวกคุณมาก กังวลใจกับการสืบทอดอำนาจของพวกคุณมาก จนทำให้ระบบทั้งหลายพังไปหมดแล้ว" นายปิยบุตร กล่าว
 
นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า เมื่อมีมติออกมาแล้วไม่ยอมรับขอให้นับใหม่ ไม่ยอมมาตอบกระทู้ในสภาฯ ไม่ยอมมาชี้แจงต่อกรรมาธิการ ทั้งหมดทั้งมวลเราเสียต้นทุนมหาศาล ยอมแลกศักดิ์ศรีของสถาบันการเมืองต่างๆ ยอมแลกระบบรัฐธรรมนูญ ยอมแลกเอาทุกสิ่งทุกอย่าง เพียงเพื่อให้ได้สืบทอดอำนาจ เพียงเพื่อให้ได้กลับเข้ามามีอำนาจต่อ เพียงเพื่อให้ได้เป็นรัฐบาลต่อ เพียงเพื่อไม่ให้ใครเข้ามาตรวจสอบ ตกลงแล้วประเทศนี้จะเอาทุกสิ่งทุกอย่างพังลงไป เพียงเพื่อรักษาอำนาจของคนไม่กี่คนอย่างนั้นหรือ อยากจะฝากไปถึงผู้มีอำนาจในรัฐบาลปัจจุบันว่า ท่านเรียกคนอื่นเข้าไปปรับทัศนคติมาโดยตลอด ท่านต้องไปปรับทัศนคติตัวท่านบ้าง ว่า ตอนนี้คุณเป็นรัฐบาลภายใต้รัฐธรรมนูญแล้ว คุณเป็นรัฐบาลในระบบรัฐสภาแล้ว ต้องยอมรับการทำงานของสภา มติในสภา แพ้ก็คือแพ้ อย่าเป็นคนที่ยอมไม่ได้ หัดเรียนรู้การทำงานของระบบรัฐสภาบ้าง ต้องยอมรับว่า สภาเป็นกลไกสำคัญมีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบการบริหารราชการ.