ปัญญาเป็นของสำคัญมากนะ ใครพิจารณาเรื่องกายคตาสติ มีหนักแน่น การพิจารณาเรื่องกายคตาสติจะตั้งรากตั้งฐานได้โดยลำดับลำดา แต่จิตต้องมีรากฐานคือความสงบไว้เป็นพื้นฐานบ้างนะ ถ้าไม่มีความสงบเลย แล้วจะใช้ปัญญาอย่างเดียว อย่างอรหันต์ดิบเขาพูดนั่นไม่ได้นะ อรหันต์ดิบพูด ไม่เคยภาวนามาประกาศตนเป็นอรหันต์ดิบ ศีล สมาธิ ความสงบไม่จำเป็น เอาปัญญาเลย นั่นคือคนไม่เคยภาวนา คนที่เคยภาวนาใคร คือพระพุทธเจ้า ท่านเคยภาวนายังไง สีลปริภาวิโต สมาธิ มหปฺผโล โหติ มหานิสํโส จิตที่มีสมาธิเป็นเครื่องอุดหนุน เป็นเครื่องอบอุ่นแล้ว ย่อมมีความสงบได้ง่าย สมาธิปริภาวิตา ปญฺญา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา ปัญญาที่มีสมาธิเป็นเครื่องหนุนเรียบร้อยแล้วย่อมเดินได้คล่องตัว นี้เราแปลทางภาคปฏิบัติ ปญฺญาปริภาวิตํ จิตฺตํ สมฺมเทว อาสเวหิ วิมุจฺจติ จิตที่ปัญญาซักฟอกเรียบร้อยแล้ว ย่อมหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวงโดยชอบ
นี่ศีล สมาธิ ปัญญา เดินทั้งศีล เดินทั้งสมาธิ เดินทั้งปัญญา ท่านสอนไว้เป็นพื้นฐานแก่พระสงฆ์ทั่วสังฆมณฑล เราจะมาตัดตอนเอาตั้งแต่ว่า
สมาธิไม่จำเป็น ความสงบไม่จำเป็น เดินทางปัญญาเลย ปัญญาก็ปัญญาตาบอด ปัญญาของคนด้นเดานั่นเอง คนผู้ดำเนินจะไม่พูดอย่างนั้น ถึงขั้นควรที่จะพูดปัญญาพูดเลย ดังพระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนเบญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ฟาดปัญญาออกเลย อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา หยั่งลงทางด้านปัญญา ๆ ผู้ที่ควรอบรมจิตใจให้เป็นหลักเป็นฐานก็สอนลงทางด้านสมาธิแน่นหนามั่นคงไป นั่น ท่านสอนเป็นพัก ๆ ควรวรรคใดตอนใดก็สอนลงในวรรคในตอนนั้น ผู้ที่อยู่ในธรรมประเภทใด ควรจะอบรมให้มีความสามารถแก่กล้าก็สอนตั้งแต่ธรรมประเภทพื้น ๆ ขึ้นไป ผู้ควรจะหลุดพ้นแล้วก็เปิดประตูให้เลยด้วยปัญญา ก็ออกผาง ๆ เลย ดังเบญจวัคคีย์ทั้ง ๕ นี่ท่านนักภาวนาท่านเป็นอย่างงั้น
-------------------------
เนื้อหาบางส่วนจาก
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมพระและฆราวาส
ณ วัดธรรมสถิต อ.เมือง จ.ระยอง
วันที่ ๒๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕ [ค่ำ]
http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=1767&CatID=2
สมาธิไม่จำเป็น ความสงบไม่จำเป็น เดินทางปัญญาเลย ปัญญาก็ปัญญาตาบอด ปัญญาของคนด้นเดานั่นเอง
ปัญญาเป็นของสำคัญมากนะ ใครพิจารณาเรื่องกายคตาสติ มีหนักแน่น การพิจารณาเรื่องกายคตาสติจะตั้งรากตั้งฐานได้โดยลำดับลำดา แต่จิตต้องมีรากฐานคือความสงบไว้เป็นพื้นฐานบ้างนะ ถ้าไม่มีความสงบเลย แล้วจะใช้ปัญญาอย่างเดียว อย่างอรหันต์ดิบเขาพูดนั่นไม่ได้นะ อรหันต์ดิบพูด ไม่เคยภาวนามาประกาศตนเป็นอรหันต์ดิบ ศีล สมาธิ ความสงบไม่จำเป็น เอาปัญญาเลย นั่นคือคนไม่เคยภาวนา คนที่เคยภาวนาใคร คือพระพุทธเจ้า ท่านเคยภาวนายังไง สีลปริภาวิโต สมาธิ มหปฺผโล โหติ มหานิสํโส จิตที่มีสมาธิเป็นเครื่องอุดหนุน เป็นเครื่องอบอุ่นแล้ว ย่อมมีความสงบได้ง่าย สมาธิปริภาวิตา ปญฺญา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา ปัญญาที่มีสมาธิเป็นเครื่องหนุนเรียบร้อยแล้วย่อมเดินได้คล่องตัว นี้เราแปลทางภาคปฏิบัติ ปญฺญาปริภาวิตํ จิตฺตํ สมฺมเทว อาสเวหิ วิมุจฺจติ จิตที่ปัญญาซักฟอกเรียบร้อยแล้ว ย่อมหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวงโดยชอบ
นี่ศีล สมาธิ ปัญญา เดินทั้งศีล เดินทั้งสมาธิ เดินทั้งปัญญา ท่านสอนไว้เป็นพื้นฐานแก่พระสงฆ์ทั่วสังฆมณฑล เราจะมาตัดตอนเอาตั้งแต่ว่า สมาธิไม่จำเป็น ความสงบไม่จำเป็น เดินทางปัญญาเลย ปัญญาก็ปัญญาตาบอด ปัญญาของคนด้นเดานั่นเอง คนผู้ดำเนินจะไม่พูดอย่างนั้น ถึงขั้นควรที่จะพูดปัญญาพูดเลย ดังพระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนเบญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ฟาดปัญญาออกเลย อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา หยั่งลงทางด้านปัญญา ๆ ผู้ที่ควรอบรมจิตใจให้เป็นหลักเป็นฐานก็สอนลงทางด้านสมาธิแน่นหนามั่นคงไป นั่น ท่านสอนเป็นพัก ๆ ควรวรรคใดตอนใดก็สอนลงในวรรคในตอนนั้น ผู้ที่อยู่ในธรรมประเภทใด ควรจะอบรมให้มีความสามารถแก่กล้าก็สอนตั้งแต่ธรรมประเภทพื้น ๆ ขึ้นไป ผู้ควรจะหลุดพ้นแล้วก็เปิดประตูให้เลยด้วยปัญญา ก็ออกผาง ๆ เลย ดังเบญจวัคคีย์ทั้ง ๕ นี่ท่านนักภาวนาท่านเป็นอย่างงั้น
-------------------------
เนื้อหาบางส่วนจาก
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมพระและฆราวาส
ณ วัดธรรมสถิต อ.เมือง จ.ระยอง
วันที่ ๒๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕ [ค่ำ]
http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=1767&CatID=2