สวัสดีครับ วันนี้จะมารีวิวแบบรีบมารีบไป ถึงร้านอาหารที่น่าสนใจจำนวน 4 แห่งในกรุงโซล ที่เกาหลีใต้ครับ
......................
ร้านแรก ควอนซุกซู (Kwon Sook Soo) ร้านอยู่ในย่านสุดหนูแถบกังนัมอย่าง อัปกุจองโรดิโอ ที่ต้องเดินขึ้นเขาแบบชันมาก ๆ และหลบรถมินิ อาวดี้ หรือเมอร์เซเดสระหว่างดินตามถนนแคบ ๆ บนเขาดังกล่าว จริง ๆ ผมไม่ตั้งใจจองร้านนี้ แต่อกหักจากร้านสามดาวคือ La Yeon ที่โรงแรมชิลลา ก็เลยส่งอีเมลไป ตอบกลับมาเร็วมาก พร้อมรายละเอียดการมัดจำจำนวน 50,000 วอน เท่านี้ผมก็มีที่ร้านสองดาวมิชลินในวันที่ผมเดินทางมาถึงโซลได้ครับ
…………………..
แม้ร้านจะอยู่ในย่านดังแต่หายากสักนิด เพราะป้ายบอกอยู่เหนือระดับสายตา พนักงานที่มาบริการดีมาก ทักชื่อได้ถูกต้อง พร้อมพาไปนั่งยังที่นั่งขอมาเป็นพิเศษคือ โต๊ริมหน้าต่างบริเวณมุมสุดของร้าน สำหรับร้านนี้การจัดโต๊ะว่าง ๆ คือไม่ได้มีผ้าปูโต๊ะหรือแผ่นรองจาน แต่จะมีตั่งขนาดย่อม ๆ เหมือนม้านั่งงานบ้านงานช่างวางไว้พร้อม และบริการอาหารบนตั่งนี้ ส่วนเครื่องดื่ม มีน้ำก๊อก น้ำแร่ธรรมดาและน้ำแร่อัดก๊ายซ แน่นอนผมเลือกน้ำก๊อกเพราะฟรีและดี และที่โซลสามารถรับประทานได้ครับ
.................
กลางวันมีเมนูสองแบบ เป็นแบบคอร์ส ต่างกันที่แบบแพงจะได้จำนวนคอร์สมากกว่าสองคอร์ส และมีตัวเลือกเมนคอร์สที่ดีกว่า จำนวน 3 ตัวเลือก ผมเลยยอมทุ่มทุนสั่งชุดราคา 100,000 วอนมาลองครับ
.................
จากแรกเป็นของทานเล่น มีทั้งหมดหกอย่างคือ เนื้ออบแห้ง (beef jerky) ธรรมดามาก ไม่น่าจดจำ ขณะที่ข้าวห่อสหร่ายแต่งด้วยไข่หอยเม่น อันนี้รสชาดิขึ้นมาหน่อย ส่วนอีกอันเป็นสาหร่ายทอดแลละวอลนัท ก็ยังเฉย ๆ อยู่ดี จนถึงจานลำดับท้าย ๆ คือซุปเกาลัดที่รสกลมกล่มออกมาได้หน่อยครับ นอกจากนี้ยังมี จอน หรือแพนเค้กแบบเกาหลี ทำจากสาหร่ายมาให้รับประทานคู่ เช่นเดียวกับมันดูหรือเกี๊ยวไส้ไก่ ทั้งนี้จะให้ทานกับน้ำเปล่าก็กระไรอยู่ ก็เลยต้องมีสุราข้าวของเกาหลียกมาให้รับประทานแกล้ม หรือรับประทานกับกับแกล้มก็ไม่ทราบ ผมจิบได้นิดเดียวก็วูบวาบทั้งตัว หากใครมีศรัทธา แนะนำดื่มให้หมด แล้วก็ดื่มในขวดนั้นเพิ่ม แค่นี้ก็อาจคุ้มราคาของมื้อนี้ครับ
....................
จานสองที่เห็นดูไม่พีคและค่อนข้างธรรมดา แต่จากนี้จะเริ่มดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ เพราะจานสองเป็นซุปเย็นไพน์นัท ซึ่งยกมาราดที่โต๊ะลงไปบนสิ่งที่รับประทานคู่กัน คือเกี๊ยวเนื้อวัว กับมันฝรั่งตำหรับ 400 ปี แต่งหน้าด้วยไข่เจียว เห็ดและแตงกวาซอยบาง ๆ พร้อมไพน์นัท รสชาติหนักมาก ๆ ของเนื้อวัวและในฝรั่ง ไปกันได้ดีกับซุปไพน์นัทที่รสชาติบางเบา แต่หน้าตาและเนื้อสัมผลักดูข้นมาก ๆ ครับ วิธีการรับประทานคือให้ทานร่วมกัน ซึ่งเมื่ออกมาแล้ว รสชาติก็จะสมดุลมาก ๆ ครับ
..............
จานสาม เป็นจานไข่เปลี่ยนจากไข่ดาวไข่เจียวที่เราคุ้นเคย มาเป็นไข่ตุ๋นที่แหวกทั้งรสชาติ ความคิดสร้างสรรค์ และวัตถุดิบ เพราะเป็นการตุ๋นไข่ ในไข่ปู เวลารับประทานกลิ่นของปู และความมันของไข่จะอร่อยไปทั่วทุกอณูเนื้อสัมผัสและลายอยู่ เช่นเดียวกับการใช้ลอปสเตอร์ที่หอมอร่อยและคาร์เวียร์แปะลงไปด้านบนของไข่ตุ๋น ตัดด้วยฟองนมด้านบน เวลาทานทานพร้อมกันทั้งสี่อย่างครับ
...................
จานสี่ จานนี้มีเฉพาะคอร์สแพง คือ เส้นพาสตาเส้นเล็กแบบคาเปลินี่แต่ทำมาจากดอกแดนดิไลออน รับประทานกับปลาดิบซึ่งวันนี้ใช้เป็นซีบรีม ตัดกับน้ำมันเพริลล่า ส่วแดนดิไลออนยังไปปราฏกายเพิ่มเติมกับสลัดด้วยเพื่อให้ครับสูตรครับ วิธีการรับประทานคือให้เทสลัดลงจานรับประทานไปพร้อมเส้นหมี่และเนื้อสัตว์ครับ ให้อารมณ์เหมือนกินสลัดเย็น แต่จานนี้อร่อยกว่ามาก จากวัตถุดิบที่ดี และเทคนิคการปรุงที่ดีครับ
...............
จานห้า โจ๊กเนื้อปูสาหร่าย ถ้วยเล็กแต่รสหนักมาก ทานเสร็จแล้วค่อยมาทานเป๋าฮื้อย่างซีอิ๊ว เพื่อให้รสต่อเนื่องกัน โจ๊กน่ะอร่อยอยู่แล้ว แต่ที่ดีกว่านั้นคือ เป๋าฮื้อสามชิ้นเขื่อง ๆ ซึ่งปรุงด้วยซีอิ๊วสูตรพิเศษ ตัดเลี่ยนด้วยสาหร่ายและผักพื้นบ้านของเกาหลีดองครับ
.................
ก่อนจานหลักจะมา มีพาเลทเคลนเซอร์เป็นเชอร์เบตเบอร์รี่เกาหลี พร้อมสตรอว์เบอร์รี่ฝาน และครีมน้ำผึ้ง แม้ไม่หวือหวาเท่าจานอื่น แต่เชื่อมต่อจานเรียกน้ำย่อยก่อน ๆ หน้ากับจานหลักได้ดีครับ
.........................
จานหลัก หากเลือกทอกกาลบิหรือเนื้อบดย่าง สเต็กเนื้อ หรือปลาย่างกับถาดข้าวเครื่องเคียงแบบเกาหลีที่รียกว่าบันซังจะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนะครับ อย่างอื่นก็เพิ่มเงินตามสภาพ ผมเลือกสเต็กเนื้อสตริบลอยน์ย่าง ปรากฏว่าทำได้อร่อยมาก ๆ สุกมีเดียมเวลอย่างใจ เนื้อนุ่ม ส่วนผักทั้งถั่วลันเตาหวาน หน่อไม้ฝรั่ง รวมถึงห็ดและซอสรสชาติทำได้ดีครับ
...................
ของหวานหนึ่ง เป็นไอศกรีมอบเชยกับขิง คนเกลียดขิงกับอบเชยอย่างผมเปลี่ยนใจมารักได้ ข้างนอกเคลือบช็อกโกแลต มีครัมเบิ้ลจากไพน์นัทและส้มแต่งหน้าให้มารับประทานคู่กัน ไอศกรีมอุณหภูมิพอเหมาะ ไม่แข็งหรือละลายเกินไป ครัมเบิลร่วน ส่วนส้มไปแช่แข็งมาเพื่อคุมโทนเนื้อสัมผัสเดียวกับไอศกรีมครับ
.......................
ของหวานลำดับท้าย เป็นเพตติเฟอร์ มีมะม่วงสามัญ ช็อกโกแลตไส้มะนาวซึ่งเปรี้ยวถึงตายแต่อร่อย เยลลี่คาราเมลขิงที่ไม่ทำให้ผมฉุนเฉียว ส่วนอย่างสุดท้ายเป็นชูครีม อันนี้อร่อยแต่ก็ไม่ว้าวมาก ส่วนกาแฟและชาเลือกได้หลายแบบ ถ้าไม่บอกจะได้มาตรฐานดีฟอลท์แบบอเมริกาโนเย็นหรือร้อนไปครับ
................
Verdict ดีมาก ๆ ดีมากจริง ๆ บริการเป็นเลิศ เป๊ะทุกขั้นตอน อาหารใช้วัตถุดิบดีและหลากหลาย เอาเป็นว่าอยากให้ได้สามดาวและให้มาลองที่สุดครับ รับรองว่าคุ้มค่ากับราคา 100,000 วอนถ้วนครับ
[CR] Seoul 101 ++ 4 ร้าน 7 ดาวมิชลิน ที่โซล เกาหลีใต้ครับ
......................
ร้านแรก ควอนซุกซู (Kwon Sook Soo) ร้านอยู่ในย่านสุดหนูแถบกังนัมอย่าง อัปกุจองโรดิโอ ที่ต้องเดินขึ้นเขาแบบชันมาก ๆ และหลบรถมินิ อาวดี้ หรือเมอร์เซเดสระหว่างดินตามถนนแคบ ๆ บนเขาดังกล่าว จริง ๆ ผมไม่ตั้งใจจองร้านนี้ แต่อกหักจากร้านสามดาวคือ La Yeon ที่โรงแรมชิลลา ก็เลยส่งอีเมลไป ตอบกลับมาเร็วมาก พร้อมรายละเอียดการมัดจำจำนวน 50,000 วอน เท่านี้ผมก็มีที่ร้านสองดาวมิชลินในวันที่ผมเดินทางมาถึงโซลได้ครับ
…………………..
แม้ร้านจะอยู่ในย่านดังแต่หายากสักนิด เพราะป้ายบอกอยู่เหนือระดับสายตา พนักงานที่มาบริการดีมาก ทักชื่อได้ถูกต้อง พร้อมพาไปนั่งยังที่นั่งขอมาเป็นพิเศษคือ โต๊ริมหน้าต่างบริเวณมุมสุดของร้าน สำหรับร้านนี้การจัดโต๊ะว่าง ๆ คือไม่ได้มีผ้าปูโต๊ะหรือแผ่นรองจาน แต่จะมีตั่งขนาดย่อม ๆ เหมือนม้านั่งงานบ้านงานช่างวางไว้พร้อม และบริการอาหารบนตั่งนี้ ส่วนเครื่องดื่ม มีน้ำก๊อก น้ำแร่ธรรมดาและน้ำแร่อัดก๊ายซ แน่นอนผมเลือกน้ำก๊อกเพราะฟรีและดี และที่โซลสามารถรับประทานได้ครับ
.................
กลางวันมีเมนูสองแบบ เป็นแบบคอร์ส ต่างกันที่แบบแพงจะได้จำนวนคอร์สมากกว่าสองคอร์ส และมีตัวเลือกเมนคอร์สที่ดีกว่า จำนวน 3 ตัวเลือก ผมเลยยอมทุ่มทุนสั่งชุดราคา 100,000 วอนมาลองครับ
.................
จากแรกเป็นของทานเล่น มีทั้งหมดหกอย่างคือ เนื้ออบแห้ง (beef jerky) ธรรมดามาก ไม่น่าจดจำ ขณะที่ข้าวห่อสหร่ายแต่งด้วยไข่หอยเม่น อันนี้รสชาดิขึ้นมาหน่อย ส่วนอีกอันเป็นสาหร่ายทอดแลละวอลนัท ก็ยังเฉย ๆ อยู่ดี จนถึงจานลำดับท้าย ๆ คือซุปเกาลัดที่รสกลมกล่มออกมาได้หน่อยครับ นอกจากนี้ยังมี จอน หรือแพนเค้กแบบเกาหลี ทำจากสาหร่ายมาให้รับประทานคู่ เช่นเดียวกับมันดูหรือเกี๊ยวไส้ไก่ ทั้งนี้จะให้ทานกับน้ำเปล่าก็กระไรอยู่ ก็เลยต้องมีสุราข้าวของเกาหลียกมาให้รับประทานแกล้ม หรือรับประทานกับกับแกล้มก็ไม่ทราบ ผมจิบได้นิดเดียวก็วูบวาบทั้งตัว หากใครมีศรัทธา แนะนำดื่มให้หมด แล้วก็ดื่มในขวดนั้นเพิ่ม แค่นี้ก็อาจคุ้มราคาของมื้อนี้ครับ
....................
จานสองที่เห็นดูไม่พีคและค่อนข้างธรรมดา แต่จากนี้จะเริ่มดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ เพราะจานสองเป็นซุปเย็นไพน์นัท ซึ่งยกมาราดที่โต๊ะลงไปบนสิ่งที่รับประทานคู่กัน คือเกี๊ยวเนื้อวัว กับมันฝรั่งตำหรับ 400 ปี แต่งหน้าด้วยไข่เจียว เห็ดและแตงกวาซอยบาง ๆ พร้อมไพน์นัท รสชาติหนักมาก ๆ ของเนื้อวัวและในฝรั่ง ไปกันได้ดีกับซุปไพน์นัทที่รสชาติบางเบา แต่หน้าตาและเนื้อสัมผลักดูข้นมาก ๆ ครับ วิธีการรับประทานคือให้ทานร่วมกัน ซึ่งเมื่ออกมาแล้ว รสชาติก็จะสมดุลมาก ๆ ครับ
..............
จานสาม เป็นจานไข่เปลี่ยนจากไข่ดาวไข่เจียวที่เราคุ้นเคย มาเป็นไข่ตุ๋นที่แหวกทั้งรสชาติ ความคิดสร้างสรรค์ และวัตถุดิบ เพราะเป็นการตุ๋นไข่ ในไข่ปู เวลารับประทานกลิ่นของปู และความมันของไข่จะอร่อยไปทั่วทุกอณูเนื้อสัมผัสและลายอยู่ เช่นเดียวกับการใช้ลอปสเตอร์ที่หอมอร่อยและคาร์เวียร์แปะลงไปด้านบนของไข่ตุ๋น ตัดด้วยฟองนมด้านบน เวลาทานทานพร้อมกันทั้งสี่อย่างครับ
...................
จานสี่ จานนี้มีเฉพาะคอร์สแพง คือ เส้นพาสตาเส้นเล็กแบบคาเปลินี่แต่ทำมาจากดอกแดนดิไลออน รับประทานกับปลาดิบซึ่งวันนี้ใช้เป็นซีบรีม ตัดกับน้ำมันเพริลล่า ส่วแดนดิไลออนยังไปปราฏกายเพิ่มเติมกับสลัดด้วยเพื่อให้ครับสูตรครับ วิธีการรับประทานคือให้เทสลัดลงจานรับประทานไปพร้อมเส้นหมี่และเนื้อสัตว์ครับ ให้อารมณ์เหมือนกินสลัดเย็น แต่จานนี้อร่อยกว่ามาก จากวัตถุดิบที่ดี และเทคนิคการปรุงที่ดีครับ
...............
จานห้า โจ๊กเนื้อปูสาหร่าย ถ้วยเล็กแต่รสหนักมาก ทานเสร็จแล้วค่อยมาทานเป๋าฮื้อย่างซีอิ๊ว เพื่อให้รสต่อเนื่องกัน โจ๊กน่ะอร่อยอยู่แล้ว แต่ที่ดีกว่านั้นคือ เป๋าฮื้อสามชิ้นเขื่อง ๆ ซึ่งปรุงด้วยซีอิ๊วสูตรพิเศษ ตัดเลี่ยนด้วยสาหร่ายและผักพื้นบ้านของเกาหลีดองครับ
.................
ก่อนจานหลักจะมา มีพาเลทเคลนเซอร์เป็นเชอร์เบตเบอร์รี่เกาหลี พร้อมสตรอว์เบอร์รี่ฝาน และครีมน้ำผึ้ง แม้ไม่หวือหวาเท่าจานอื่น แต่เชื่อมต่อจานเรียกน้ำย่อยก่อน ๆ หน้ากับจานหลักได้ดีครับ
.........................
จานหลัก หากเลือกทอกกาลบิหรือเนื้อบดย่าง สเต็กเนื้อ หรือปลาย่างกับถาดข้าวเครื่องเคียงแบบเกาหลีที่รียกว่าบันซังจะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนะครับ อย่างอื่นก็เพิ่มเงินตามสภาพ ผมเลือกสเต็กเนื้อสตริบลอยน์ย่าง ปรากฏว่าทำได้อร่อยมาก ๆ สุกมีเดียมเวลอย่างใจ เนื้อนุ่ม ส่วนผักทั้งถั่วลันเตาหวาน หน่อไม้ฝรั่ง รวมถึงห็ดและซอสรสชาติทำได้ดีครับ
...................
ของหวานหนึ่ง เป็นไอศกรีมอบเชยกับขิง คนเกลียดขิงกับอบเชยอย่างผมเปลี่ยนใจมารักได้ ข้างนอกเคลือบช็อกโกแลต มีครัมเบิ้ลจากไพน์นัทและส้มแต่งหน้าให้มารับประทานคู่กัน ไอศกรีมอุณหภูมิพอเหมาะ ไม่แข็งหรือละลายเกินไป ครัมเบิลร่วน ส่วนส้มไปแช่แข็งมาเพื่อคุมโทนเนื้อสัมผัสเดียวกับไอศกรีมครับ
.......................
ของหวานลำดับท้าย เป็นเพตติเฟอร์ มีมะม่วงสามัญ ช็อกโกแลตไส้มะนาวซึ่งเปรี้ยวถึงตายแต่อร่อย เยลลี่คาราเมลขิงที่ไม่ทำให้ผมฉุนเฉียว ส่วนอย่างสุดท้ายเป็นชูครีม อันนี้อร่อยแต่ก็ไม่ว้าวมาก ส่วนกาแฟและชาเลือกได้หลายแบบ ถ้าไม่บอกจะได้มาตรฐานดีฟอลท์แบบอเมริกาโนเย็นหรือร้อนไปครับ
................
Verdict ดีมาก ๆ ดีมากจริง ๆ บริการเป็นเลิศ เป๊ะทุกขั้นตอน อาหารใช้วัตถุดิบดีและหลากหลาย เอาเป็นว่าอยากให้ได้สามดาวและให้มาลองที่สุดครับ รับรองว่าคุ้มค่ากับราคา 100,000 วอนถ้วนครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้