ฉลองส่งท้ายปีเก่าภัตตาคารเจ้าดังแถวออฟฟิศถูกจองโต๊ะเต็มหมดลองค้นหาไปเรื่อยๆจึงพบกับร้านอาหารเปิดใหม่ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 แต่มีแนวคิดแลดูน่าสนใจยิ่งชื่อแบรนด์ว่า "Yukari ยูคาริ" โดดเด่นเรื่องเมนูสไตล์ญี่ปุ่นฉบับดั้งเดิมหารับประทานยากบรรยากาศชวนนั่งดื่มอบอุ่นหัวใจเลือกใช้เฉพาะวัตถุดิบนำเข้าจากดินแดนอาทิตย์อุทัยให้ปริมาณเยอะในราคาอันสมเหตุผลซึ่งได้คะแนนรีวิวและผลตอบรับทั้งลูกค้าคนไทย-ชาวต่างชาติค่อนข้างดีช่วยสะท้อนถึงความอร่อยเด็ดไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน วิธีการเดินทางถ้าเลือกใช้รถยนต์ส่วนตัวกดปักหมุดขับตามระบบแผนที่บนมือถือของคุณสามารถจอดบริเวณลานหลังร้านเพียงแค่ 2 คัน (โทรสำรองล่วงหน้าเท่านั้น) ส่วนด้านหน้าริมถนนซอยสุขุมวิท 33 อนุญาตเฉพาะวันเลขคี่ตลอดยกเว้นช่วงเวลา 16:00-20:00 น. หรือลานด้านบนอาคารสมัชชาวาณิช 2 (UBC ll) อย่าลืมหยิบใบเสร็จเพื่อประทับตราฟรี 60 นาทีแรกชั่วโมงถัดไปคิดเงินชั่วโมงละ 50 บาท สำหรับผู้โดยสารบริการขนส่งสาธารณะแนะนำบีทีเอสสายสีเขียวสถานีพร้อมพงษ์บันไดทางออกลำดับ 5 ค่อยเดินเท้ามุ่งตรงสู่จุดหมายอีกประมาณ 550 เมตรเป็นตึกแถวพาณิชย์สูงสี่ชั้นอยู่ฝั่งตรงข้ามคอนโด Noble Be 33 จะมองเห็นป้ายไฟวงกลมสัญลักษณ์รูปตัวอักษรคันจิล้อมรวงข้าว/ดอกซากุระแบบนี้แสดงว่าเราถึงแล้วครับผม

บรรยากาศภายในร้าน "Yukari ยูคาริ" ซอยสุขุมวิท 33 แห่งนี้ใช้การตกแต่งสไตล์มินิมอลฉบับญี่ปุ่นแสนเรียบง่ายเลือกไม้โทนสีอ่อนเป็นวัสดุหลักทั้งเฟอร์นิเจอร์โต๊ะ,เก้าอี้และพื้นผิวตามมุมต่างๆช่วยสร้างบรรยากาศอบอุ่นแลดูสะอาดตาจัดเรียงอย่างเรียบร้อยสวยงาม ตกแต่งภาพเขียนตัวอักษรคันจิสลับเทพเจ้ามงคลพร้อมผลงานวาดศิลปะชั้นสูงใส่กรอบแขวนผนังเสริมลวดลายซากุระสีชมพูกลีบดอกสะพรั่งช่วงฤดูใบไม้ผลิให้ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งรับประทานอาหาร ณ ใจกลางสวนสาธารณะกลางแจ้งดินแดนอาทิตย์อุทัย เนื่องจากคุณเจ้าของเป็นชาวภูมิภาคคันไซมีนาข้าวปลูกเองแถบชนบทเราจึงเห็นถุงข้าวสารวางประดับอยู่บนชั้นหน้าห้องครัว จัดแบ่งโซนให้บริการลูกค้าโดยข้างนอกเนรมิตเคาน์เตอร์บาร์แนวยาวสำหรับนั่งชิลมองชมวิวรถยนต์วิ่งนักท่องเที่ยวเดินผ่านบริเวณริมถนนส่วนด้านในติดตั้งเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำแต่ละตำแหน่งสามารถรองรับลูกค้าได้ประมาณ 2-4 ท่านถ้าจำนวนสมาชิกเยอะกว่านั้นรบกวนแจ้งน้องพนักงานช่วยจับมาเลื่อนชิดกันเองได้ตามใจ เมนูจานหลัก,กับแกล้มราคาเริ่มต้นเพียง 79-299 บาทตอบโจทย์สายครอบครัว/นักดื่มไปจนถึงพนักงานออฟฟิศผู้ต้องการหาสถานที่เงียบสงบธรรมดาๆไม่โหวกเหวกวุ่นวาย กดเพื่อรับชมเล่มฉบับออนไลน์ก่อนตัดสินใจมากินได้เลยตรงลิงก์นี้ > https://citly.me/0XSvl < ครับผม

รายการแรกนั้นเป็น Signature แนะนำของทางร้านตั้งชื่อธรรมดาแลดูเรียบง่ายแต่มีการนำเสนอสุดแปลกใหม่ไม่เหมือนใครนั่นก็คือ "Miso Soup" ราคา 49 บาท มิโซะสีขาวปั้นก้อนใส่งาขาวคั่ว,สาหร่ายวากาเมะ,ปลาคัตสึโอะตากแห้ง,ลูกชิ้นปลาประดุจดอกไม้สีชมพูผ่านกระบวนการฟรีซดรายนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นบรรจุถ้วยขนาดจิ๋วก่อนรับประทานน้องพนักงานจะเทน้ำร้อนอุณหภูมิสูงเพื่อละลายรอส่วนผสมวัตถุดิบแห้งดูดซึมความชื้นเข้าไปลองตักชิมรสชาติเค็มนำติดเปรี้ยวแค่ปลายลิ้นเล็กน้อยอร่อยเข้มข้นกลมกล่อมประทับใจ / "Grill Salmon With Teriyaki Sauce Onigiri" ราคา 139 บาท เนื้อปลาแซลมอนล้วนไม่ติดหนังคุณภาพสูงนำเข้าจากประเทศนอร์เวย์หั่นชิ้นเล็กรูปทรงคล้ายสี่เหลี่ยมลูกเต๋าผัดเคลือบซอสเทอริยากิตำรับโฮมเมดหวานปนเผ็ดจับสอดไส้ลงในก้อนข้าวสายพันธุ์โคชิฮิคาริปลูกบริเวณนาครอบครัวเจ้าของแถบคันไซปรุงน้ำส้มสายชูหมัก,น้ำตาลทราย,เกลือสมุทรอีกนิดหน่อยเพื่อดึงเอารสอูมามิตามธรรมชาติออกมาถึงจุดสูงสุดปั้นก้อนสามเหลี่ยมด้านเท่าแบบโอนิกิริอัดแน่นม้วนพันแผ่นสาหร่ายโนริก่อนยกเสิร์ฟแก่ลูกค้า นอกจากนี้เขายังมีเมนูข้าวปั้นประจำภูมิภาคท้องถิ่นต่างๆซึ่งหาลองรับประทานยากอีกหลากหลายรายการใครอยากเปิดประสบการณ์หรือช่วงเวลากำลังรีบรับรองว่าอิ่มง่ายอยู่ท้องตอบโจทย์ได้แน่นอนครับผม

เมนูถัดไปเห็นครั้งแรกรูปร่างหน้าตาเหมือนไส้กรอกพันเบคอนธรรมดาแต่ร่างที่แท้จริงของมันนั่นคือโอนิกิริชนิดหนึ่งนั่นก็คือ "Nikumaki Onigiri" ราคา 139 บาท เจ้าของร้านเลือกใช้เฉพาะข้าวสายพันธุ์โคชิฮิคาริซึ่งครอบครัวลงมือปลูกเองนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นลักษณะเมล็ดอ้วนกลมสั้นเมื่อจนหุงสุกดีแล้วมีสัมผัสเหนียวนุ่มเปล่งประกายสวยงาม คลุกเคล้าผงสมุนไพรชื่อยูคาริทำจากใบชิโสะสีแดงดองเปรี้ยวอบแห้งสนิทกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ปั้นก้อนแนววงรีห่อเนื้อหมูสามชั้นบริเวณพื้นท้องย่างบนกระทะทาซอสโชยุเค็มปนหวานกลมกล่อมโรยงาขาวคั่วก่อนเสิร์ฟให้ปริมาณเยอะถึง 2 ชิ้นคุ้มค่าเป็นอีกหนึ่งจานขายดีพนักงานขอแนะนำ / "Karaage Japanese Fried Chicken" (6 ชิ้น) ราคา 179 บาท ไก่เกรดอนามัยส่วนสะโพกล้วนบรรจงเลาะกระดูกออกแล่แบบติดหนังหั่นแบ่งชิ้นหนาขนาดกำลังพอดีคำหมักเครื่องเทศตำรับลับกลิ่นขิงเด่นชัดจนเข้าเนื้อดีชุบแป้งสไตล์คาราอาเกะผสานเทคนิคทอดสองรอบอุณหภูมิปานกลางประมาณ 180 องศาเซลเซียสวางพักสักครู่ก่อนเร่งไฟแรงสูงสุดผ่านน้ำมันอีกครั้งผิวด้านนอกจึงสีน้ำตาลทองกรอบทนยาวนานสัมผัสเหนียวหนึบเคี้ยวเด้งสู้ฟัน ต้องเร่งรีบรับประทานเวลาร้อนโดยบีบเลมอนสดจิ้มเรียลมายองเนสช่วยตัดเลี่ยนเหมาะสำหรับฟินคู่กับเครื่องดื่มมอลต์สกัดฟองละมุนฟูนุ่มแช่เย็นจัดสักแก้วนึงครับผม

อาหารจานต่อมาสามารถรับประทานเป็นรายการหลักหรือกับแกล้มคู่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์แช่เย็นสักแก้วอร่อยเพลินไปอีกแบบนั่นก็คือ "Tonkatsu Pork Cutlet With Special Sauce" ราคา 229 บาท เจ้าของร้านเลือกใช้เฉพาะเนื้อหมูนำเข้าจากฟาร์มเลี้ยงระบบปิดมาตรฐานประเทศญี่ปุ่นเกรดอนามัยบริเวณสันนอกไขมันน้อยโปรตีนสูงชุบแป้งสาลีอเนกประสงค์,ไข่ไก่สดและเกล็ดขนมปังชนิดบดละเอียดนำลงทอดน้ำมันร้อนปานกลางควบคุมอุณหภูมิประมาณ 180 องศาเซลเซียสพอผิวด้านนอกสีเหลืองกรอบแต่ข้างในสุกนุ่มชุ่มฉ่ำหั่นแบ่งชิ้นขนาดกำลังพอดีคำราดซอสมิโซะคัตสึโฮมเมดทำเองสูตรเข้มข้นเค็มละมุนกลมกล่อมอร่อยไม่เหมือนใคร / "Pork Steak With Tonteki Sauce" ราคา 229 บาท สันนอกประดุจเมนูก่อนหน้านี้โดยตัดแต่งไขมันเอาส่วนเกินออกอย่างสวยงามเคล้าเครื่องปรุงสมุนไพรช่วยดับกลิ่นคาวก่อนบรรจุลงถุงพลาสติกซีลระบบสุญญากาศผ่านกระบวนการซูวีแค่ระยะสั้นๆก่อนนำออกมาเช็ดซับแห้งย่างบนกระทะอีกนิดหน่อยราดเกรวี่สไตล์ทงเทกิก่อนยกเสิร์ฟ (ซีอิ๊วโชยุ,เหล้ามิริน-สาเก,วูสเตอร์ซอส,น้ำตาลทรายแดง,หอมหัวใหญ่,กระเทียมจีนสไลซ์,พริกไทยดำ) รสชาติเปรี้ยวอมหวานเล็กน้อยจึงรู้สึกสดชื่นไม่ค่อยเลี่ยนนัก แนะนำฟินเคียงสลัดผักกะหล่ำปลีซอยเส้นฝอยคล้ายภัตตาคารดังมีสาขาตามห้างสรรพสินค้าครับผม

 สะท้อนอัตลักษณ์ด้านวัฒนธรรมอาหารการกินแห่งภูมิภาคคันไซโดยคุณเจ้าของร้านคนญี่ปุ่นด้วยเมนูเด็ดชื่อดังประจำท้องถิ่นเริ่มต้นกันที่ "Potato Salad" (ไซส์ปกติ) ราคา 149 บาท หัวมันฝรั่งบรรจงปอกเปลือก,ล้างผ่านน้ำสะอาดก่อนลงต้มจนเปื่อยนุ่มบดละเอียดผสมชิ้นสับแค่พอหยาบเพิ่มคุณประโยชน์แหล่งโปรตีนอย่างเบคอนรมควันปรุงเกลือสมุทร,พริกไทยดำเล็กน้อยตกแต่งยอดใบพาร์สลีย์ให้ปริมาณเยอะคุ้ม เสิร์ฟคู่ไข่ยางมะตูมดองซีอิ๊วโชยุตัดแบ่งสองซีกตักรับประทานคู่กันอารมณ์คล้ายสลัดไข่ต้มแตกต่างจากภัตตาคารแห่งอื่นที่มักผสมแครอทและแตงกวาสัมผัสกรุบกรอบเพราะเป็นต้นตำรับแท้ดั้งเดิมส่งต่อแก่สมาชิกคนในครอบครัวเท่านั้น / "Osaka Okonomiyaki" ราคา 249 บาท โอโคโนมิยากิมีอีกชื่อภาษาไทยเรียกว่าพิซซ่าญี่ปุ่นใช้แป้งสาลีอเนกประสงค์เคล้าผงฟู,ไข่ไก่,กะหล่ำปลีซอยเส้นเล็กจำนวนมากแผ่นใหญ่หนาพิเศษรูปทรงกลมคล้ายขนมแพนเค้กฝั่งตะวันตก ท็อปปิ้งหมูสามชั้นเปิดไฟปานกลางค่อนอ่อนพลิกสลับกันอย่างเชี่ยวชาญราดซอสฉบับโฮมเมดทำเองกลิ่นหอมติดไหม้นิดหน่อยไม่เหมือนใครตามด้วยเรียลมายองเนส,สาหร่ายโมมิโนริชนิดผงสีเขียว,แผ่นปลาคัตสึโอะตากแห้งขูดบางวางข้างบนภาชนะกระทะเหล็กเผาร้อนช่วยคงความกรอบนอกนุ่มในอร่อยชุ่มฉ่ำประทับใจจนถึงคำสุดท้ายขอแนะนำว่าห้ามพลาดเลยครับผม

เห็นบทความรีวิวลูกค้าคนก่อนหน้าบน Google Maps เป็นคนญี่ปุ่นแนะนำว่าห้ามพลาดเมนูนี้เลยสั่งมาลองชิมนั่นก็คือ "Shrimp Salad" ราคา 239 บาท คุณหัวหน้าเชฟเลือกใช้ใบผักกาดแก้ว,หัวไชเท้าแรดิชสไลซ์,มะเขือเทศเชอร์รี่เพาะปลูกในระบบออร์แกนิกไร้สารพิษตกค้างอันตรายต่อร่างกายเคล้าครีมสลัดสูตรโฮมเมดทำเองหอมมันนัวสดชื่นไม่หวานชวนเลี่ยน ท็อปปิ้งกุ้งขาวทะเลดึงส่วนหัวทิ้งปอกเปลือกกลางลำตัวเหลือปลายหายเพื่อความสวยงามจับถือรับประทานสะดวกน็อกน้ำแข็งใส่เกลือสมุทรก่อนปรุงสุกเพื่อรักษาสัมผัสเด้งกรุบกรอบสู้ฟันโรยผงสมุนไพรสีแดงคล้ายพริกป่นปาปริก้ากลิ่นหอมเสิร์ฟแบบเย็นกินแล้วอร่อยสดชื่นประทับใจ / "Dashimaki" ราคา 149 บาท ไข่ไก่ผสมน้ำซุปปลาแห้งคัตสึโอะดาชิ,สาหร่ายคอมบุสกัดเข้มข้น,น้ำตาลทรายตีจนเข้ากันดีเทโดยกรองผ่านตะแกรงละเอียดเพื่อนำฟองอากาศออกหลายรอบนำกระทะพิเศษลักษณะรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าก้นลึกตั้งบนเตาแก๊สเปิดไฟค่อนข้างอ่อนทาน้ำมันพืชพอเคลือบเพียงเล็กน้อยเทวัตถุดิบที่เตรียมเอาไว้สะบัดตะหลิวพลิกจับม้วนกันต่อไปเรื่อยๆอย่างผู้เชี่ยวชาญประสบการณ์สูงเมื่อได้ความหนาที่ต้องการแล้วนำของหนักกดทับให้แน่นก่อนตัดแบ่งไซส์ใหญ่เต็มคำ รีบนำเข้าปากตอนกำลังอุ่นน้ำซุปรสชาติอูมามิกลมกล่อมแตกกระจายนุ่มละมุนชุ่มฉ่ำชวนเคลิ้มฝันหวานครับผม