สวัสดีครับ ปิดเทอมที่ผ่านมาก็ได้มีโอกาสไป Work and Travel มา ซึ่งรอบนี้ไปทำงานใน Walt Disney World ที่นั่นเลย หลังจากใฝ่ฝันมานาน รวมทั้งเคยไปเที่ยวหลังจากเวิร์คมาเมื่อสองปีก่อน (รีวิวเก่า :
https://ppantip.com/topic/36960353) ครั้งนี้ได้ไปทำงานในนั้นเลย ได้ไปใช้ชีวิตอยู่ในเขต WDW (ขอเรียกย่อสั้นๆ) ตลอด 24 ชั่วโมง ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างมาก จะทยอยเขียนให้อ่านกันนะครับ
การสมัครเข้าร่วมโครงการ - ก่อนการเดินทาง
ส่วนนี้อาจจะยังไม่ละเอียดมากเท่าไหร่ เนื่องจากเวลาผ่านมานานแล้วด้วย แต่เท่าที่ดูๆก็มีกระทูรีวิวไว้ละเอียดอยู่นะ จะได้มีความครบสมบูรณ์เพิ่มขึ้นมา
https://ppantip.com/topic/35978512
https://ppantip.com/topic/38707080
https://ppantip.com/topic/37048551
หลักๆ จะเล่าเป็น Timeline ก็จะได้ประมาณนี้
July – Registration
ทางเพจ Londonhouse จะเปิดรับสมัคร Roadshow (ทุกคนต้องเข้าร่วม เป็นเหมือนขั้นตอนแรกเลย ถ้าไม่ผ่านอันนี้ ยังไงก็เข้าร่วมโครงการไม่ได้) ให้ส่งข้อความไปลงชื่อที่เพจ จะมีให้เลือกวันเข้าร่วมฟัง ต้องคอยติดตามเพจดีๆ เพราะมีคนสนใจเยอะมากๆ เต็มไวแน่นอน
Aug – Roadshow
เป็นการปฐมนิเทศโครงการ แนะนำว่าใครที่ผู้ปกครองค่อนข้างหวง หรืออาจจะไม่ให้ไปง่ายๆ ควรมาฟังด้วยกัน เพราะเค้าจะบอกข้อมูลโดยรวมของโครงการเลย ว่ามีข้อดียังไงบ้าง ไปอยู่โน่นต้องเจอกับอะไรบ้าง เสร็จแล้วเค้าจะให้รหัสมาเพื่อ register จริงๆในเวป มีให้กรอกข้อมูลต่างๆ แล้วหลังจากนั้นจะได้เมลมายืนยันสำหรับสัมภาษณ์รอบแรก
Sep – 1st interview
ตอนนั้นได้เป็นช่วงปลายๆเดือนเลย ก็จะมีรอบเช้า / บ่าย ใครไปก่อนก็ได้คิวแรกๆ ได้สัมก่อน ซึ่งเอาจริงถือว่าไม่ยากเลย เพราะรอบนี้จะออกแนววัดทักษะการ พูด-ฟัง ภาษาอังกฤษว่าแม่นแค่ไหน สามารถเข้าใจบทสนทนาพื้นฐานมั้ย ข้อแนะนำคือควรเตรียมเอกสารไปให้ตรงตามที่เค้าแนะนำมา เช่น resume ต้องมีลักษณะยังไง ใส่ข้อมูลมาให้ครบ เพราะเค้าอาจจะถามในส่วนนี้ รวมถึงแต่งตัวชุดนักศึกษาให้เรียบร้อยด้วย และแน่นอน ทันทีที่สัมเสร็จ จะเรียกไปอีกโซนเพื่อประกาศผลทันที ถ้าใครผ่าน เค้าก็จะเก็บเอกสารไป แล้วนัดช่วงเย็นอีกทีนึง เพื่อเตรียมความพร้อมในขั้นตอนต่อๆไป รวมทั้งอีก 2-3 วันให้หลังเค้าจะส่งเมลมาหาเราเพื่อให้ลิ้งค์ในการสมัครอย่างเป็นทางการกับ Disney
Oct – 2nd interview
ช่วงนี้ต้องคอยติดตามเมลให้ดีๆ เพราะดิสนีย์จะส่งมาเกี่ยวกับการให้เลือกวันสัมภาษณ์ บางปีมีที่จำกัด ใครช้าแล้วไม่มีที่นั่งก็คือพลาดสัมภาษณ์ไปโดยปริยายเลย รวมทั้งจะมีให้เลือก role ด้วย (รูปด้านล่าง) จำไว้ให้ดีๆ เพราะเค้าจะเอาที่เราเลือกอันดับต้นๆมาถามแน่นอน ส่วนวันสัมจริงๆก็ควรจะมาก่อนเวลาตามที่เค้าแนะนำ เพราะถ้าผ่านคิวเราไปแล้ว คือหมดโอกาสเลยจริงๆ ส่วนคนที่สัมก็จะเป็นเจ้าหน้าที่ Recruit จาก Disney โดยตรงเลย ตรงนี้ก็ค่อนข้างเกี่ยวกับดวงนิดนึง ว่าจะเจอใคร โหดมั้ย อย่างนึงที่แนะนำมากๆคือให้ยิ้มเข้าไว้ ช่วยได้มากจริงๆ แล้วทีนี้หลังสัมเค้าว่าจะได้เมลมา ถ้าใครไม่ผ่านก็จะได้เมลเลย วันสองวันนั้น ส่วนใครที่ได้ไปต่อ อาจจะทั้งตัวจริง ตัวสำรอง จะได้เมลตอบกลับว่า ขอบคุณที่มาสัมภาษณ์
Nov – CONGRATULATIONS!
อันนี้เวลาไม่แน่นอนจริงๆ เค้าจะทยอยส่งเมลมาหาเราเลย อาจจะได้ในเวลาไล่เลี่ยกันไม่เกิน 1-2 ชั่วโมงประมาณนี้ เตรียมตัวกันไว้ให้พร้อม ซึ่งในเมลนั้นจะมีบอกรายละเอียด Role (ยังไม่มีสถานที่ทำงาน) รวมทั้งช่วงเวลาทำงาน ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกจำกัดด้วยมหาลัย / ชั้นปี อยู่แล้ว ว่าได้ทำถึงตอนไหน ถ้าปี 4 ก็จะยาวหน่อย แต่ปกติแล้วก็ไม่เกินช่วงกลาง สค. ส่วนวันเริ่มงานจะมีกลางๆ พค. กับ มิย. เลย (รวมเวลาทำงานก็ 10 อาทิตย์พอดี บางคนอาจจะได้ 9 หรือ 12 เลย ยาวๆ) โดยวันที่เริ่มงานคือวันที่เราต้องเข้า check-in ที่พักเฉยๆ ยังไม่ถึงกับได้ทำงานจริงๆ เพราะต้องมีอบรม เทรนงานกันก่อน
อีกอย่างเลยคือเค้าจะให้จ่ายค่าแรกเข้าเลย (ตัดบัตรในเวปไซต์) ยังไงก็เตรียมเงินกันไว้ดีๆ อย่างปี 2019 จะจ่าย 375 ดอล เป็นค่าโปรแกรม 240 กับค่ามัดจำที่พัก 135 แล้วช่วงปลายเดือนจะมีให้โอนค่าทำวีซ่า+เอกสารที่จำเป็นให้ทาง Londonhouse ประมาณ 14,000 บาท
Jan – Parent’s meeting
หลังจากเงียบมานาน เราก็กลับมาคึกคักอีกครั้งในวันประชุมผู้ปกครอง ซึ่งหลักๆเลยคือนัดมาเพื่อจัดการเอกสารต่างๆ เช่นถ่ายรูปทำวีซ่า แล้วก็จะมีเรื่องตั๋วเครื่องบินในกรณีที่ไปกับโครงการ คือจะมีพี่ๆไปส่งด้วยถึง Orlando เลย จะไปกับ Cathay Pacific แล้วราคาตั๋วจะประมาณ 5XXXX บาท นอกจากนั้นก็จะมีเรื่องทำประกัน (นอกเหนือจากที่ Disney บังคับ เพราะอันนี้ครอบคลุมมากกว่า ไม่ต้องสำรองจ่ายไปก่อน)
April – VISA meeting
พอถึงช่วงนี้ ทุกๆคนก็จะมีเอกสารทำวีซ่ากันครบหมดแล้ว โดยเค้าจะให้เราส่งไปรษณีย์ไปที่ออฟฟิศ Londonhouse ที่เชียงใหม่ เพื่อที่จะให้เค้าจัดการให้ โดยเมื่อถึงวันสัมจริงๆเค้าถึงจะคืนเพื่อใช้ประกอบการสัมวันนั้นเลย สิ่งสำคัญอย่างนึงคือ ณ จุดนี้ทุกคนจะต้องมี flight plan / travel plan ไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อที่ดิสนีย์จะได้ทราบว่าเราจะไปถึงวันไหน ใครเดินทางก่อนเริ่มทำงานนาน ก็ต้องแจงรายละเอียดว่าไปไหนก่อนบ้าง เค้าจะได้มั่นใจว่าไปถึงแน่ๆ ทันเริ่มงาน เสร็จสรรพช่วงปลายเดือนก็จะได้ไปสัมภาษณ์ทำวีซ่ากัน ค่อนข้างเป็นกลุ่มใหญ่เพราะทางโครงการเค้าจองให้รวมๆกันเลย ไปถึงโน่นก็ไปรับเอกสาร แล้วก็เข้าคิวสัมภาษณ์กันได้เลย ไวมากๆ
May – Pre-departure meeting
และแล้วก็เข้าใกล้กำหนดออกทางเดินอย่างมาก ในช่วงกลางเดือนจะเป็นปฐมนิเทศอีกครั้งนึง ซึ่งทางนี้เค้าก็จะแนะนำการเตรียมตัว เตรียมของต่างๆไว้สำหรับการใช้ชีวิตอยู่ที่โน่น
3 Weeks before check-in date
จะมีเมลเข้ามาให้เลือกบ้าน อันนี้ก็ถือว่าสำคัญอยู่เหมือนกัน จริงๆช่วงหลังประกาศผลควรจับกลุ่ม หา roommates ไว้แต่เนิ่นๆเลย (แนะนำว่าให้เลือกดีๆนะ ถ้าไม่ถูกคอกันจะมีปัญหาตอนอยู่โน่นกันได้) รวมถึงเลือกหมู่บ้านที่ต้องการไว้ด้วย จะมีประโยชน์มาก เพราะพอถึงเวลาจริงๆจะได้ไม่วุ่นวาย ไว้จะใส่รายละเอียดแต่ละหมู่บ้านไว้ในพาร์ทถัดไป
- อันนี้ก็จะเป็นราคา รวมทั้งรายละเอียดห้องในแต่ละแบบ โดยค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะหักจาก Paycheck แต่ละสัปดาห์กันไปเลย
- ตอนจับกลุ่ม จะมีบอกไว้ในเมลว่ารวมได้กี่คน มีตั้งแต่มากสุด 2-4 เลย ต้องเพิ่มรหัสเพื่อนแล้วให้เพื่อนกดตอบรับ ถึงจะเสร็จสมบูรณ์ (ห้าม!! กด decline เด็ดขาด เพราะจะหลุดแล้วจับกันไม่ได้อีก) โดยข้อจำกัดคือต้องเป็นเพศเดียวกับ วันเริ่ม-สิ้นสุดโครงการเดียวกัน (แต่ก่อนมีแยกอายุ 21+ ด้วย แต่เดี๋ยวนี้เอากฎนั้นออกแล้ว) ซึ่งในกลุ่มนี้จะได้อยู่ด้วยกันในห้องเดียวกันแน่ๆ ในบ้านแต่ละหลังแยกย่อยกันไปตามแต่ละหมู่บ้าน หรือใครจะเลือกแบบสุ่มก็ได้ (Adventurous) จะได้ไปรู้จักเพื่อนใหม่ที่โน่น
1 Week before check-in date
ช่วงนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันนึงที่น่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน จะมีเมลส่งรายละเอียด Itinerary มาถึงเราว่าช่วง 1 อาทิตย์แรกหลัง check-in จะต้องไปที่ไหน ยังไง รวมทั้งหมู่บ้านที่ได้อยู่ด้วย (แต่ยังไม่บอกว่าห้องแบบไหนนะ) รวมถึงบอก Job Location กันด้วย ว่าจะได้ทำงานที่ไหนใน WDW อันกว้างใหญ่ โดยจะมาเป็นรหัส ต้องลองเสิร์ชหากันดูถ้าบางอันชื่อแปลกๆหน่อย อย่างตอนนั้นได้
QSR – AKL Mara QSR ซึ่งก็เป็นตำแหน่ง Quick Service ที่ร้าน The Mara รีสอร์ท Animal Kingdom Lodge (ตอนนั้นแอบเสียใจหน่อยที่ไม่ได้ทำในพาร์ค) แล้วก็ไปหารูป costume มาดูทันที บอกเลยว่าตื่นเต้นมากกกก
June – Departure!
และแล้วก็ได้เวลาออกเดินทางกัน สำหรับรอบนี้ เนื่องจากว่าต้องอยู่ standby รอเข้า check-in ตั้งแต่ช่วงเช้า แต่ไฟลท์บินไป MCO ส่วนใหญ่จะถึงบ่ายๆถึงดึกๆ เลยจองที่พักในโรงแรมของดิสนีย์ (Pop Century Resort) ไว้เลย เพราะนอกจากจะใกล้บ้านพักแล้ว ยังมีรถรับส่งจากสนามบินมาฟรีด้วย ไปกัน 4 คนก็ตกคนละประมาณ 35 ดอลเอง
ใครจะไปรู้ว่าวิวนี้จะได้เห็นในทุกๆวัน ระหว่างนั่งรถ shuttle bus ไปทำงาน...
และแล้วก็จบไปส่วนนึง สำหรับพาร์ทหน้าจะมาลงรายละเอียดในส่วนของการใช้ชีวิตที่โน่น (
https://ppantip.com/topic/39348000) ถ้าใครมีอะไรสงสัยหรืออยากเพิ่มเติมอะไรก็ comment มาได้เลยนะครับ
ใครอยากหากระทู้เก่าๆอ่านรอก็นี่เลย
[CR] ไปอยู่ เที่ยว กิน (+ทำงาน) ณ Walt Disney World 2019 ตอนที่ 1 ก่อนออกเดินทาง
การสมัครเข้าร่วมโครงการ - ก่อนการเดินทาง
ส่วนนี้อาจจะยังไม่ละเอียดมากเท่าไหร่ เนื่องจากเวลาผ่านมานานแล้วด้วย แต่เท่าที่ดูๆก็มีกระทูรีวิวไว้ละเอียดอยู่นะ จะได้มีความครบสมบูรณ์เพิ่มขึ้นมา https://ppantip.com/topic/35978512
https://ppantip.com/topic/38707080
https://ppantip.com/topic/37048551
หลักๆ จะเล่าเป็น Timeline ก็จะได้ประมาณนี้
July – Registration
ทางเพจ Londonhouse จะเปิดรับสมัคร Roadshow (ทุกคนต้องเข้าร่วม เป็นเหมือนขั้นตอนแรกเลย ถ้าไม่ผ่านอันนี้ ยังไงก็เข้าร่วมโครงการไม่ได้) ให้ส่งข้อความไปลงชื่อที่เพจ จะมีให้เลือกวันเข้าร่วมฟัง ต้องคอยติดตามเพจดีๆ เพราะมีคนสนใจเยอะมากๆ เต็มไวแน่นอน
เป็นการปฐมนิเทศโครงการ แนะนำว่าใครที่ผู้ปกครองค่อนข้างหวง หรืออาจจะไม่ให้ไปง่ายๆ ควรมาฟังด้วยกัน เพราะเค้าจะบอกข้อมูลโดยรวมของโครงการเลย ว่ามีข้อดียังไงบ้าง ไปอยู่โน่นต้องเจอกับอะไรบ้าง เสร็จแล้วเค้าจะให้รหัสมาเพื่อ register จริงๆในเวป มีให้กรอกข้อมูลต่างๆ แล้วหลังจากนั้นจะได้เมลมายืนยันสำหรับสัมภาษณ์รอบแรก
ตอนนั้นได้เป็นช่วงปลายๆเดือนเลย ก็จะมีรอบเช้า / บ่าย ใครไปก่อนก็ได้คิวแรกๆ ได้สัมก่อน ซึ่งเอาจริงถือว่าไม่ยากเลย เพราะรอบนี้จะออกแนววัดทักษะการ พูด-ฟัง ภาษาอังกฤษว่าแม่นแค่ไหน สามารถเข้าใจบทสนทนาพื้นฐานมั้ย ข้อแนะนำคือควรเตรียมเอกสารไปให้ตรงตามที่เค้าแนะนำมา เช่น resume ต้องมีลักษณะยังไง ใส่ข้อมูลมาให้ครบ เพราะเค้าอาจจะถามในส่วนนี้ รวมถึงแต่งตัวชุดนักศึกษาให้เรียบร้อยด้วย และแน่นอน ทันทีที่สัมเสร็จ จะเรียกไปอีกโซนเพื่อประกาศผลทันที ถ้าใครผ่าน เค้าก็จะเก็บเอกสารไป แล้วนัดช่วงเย็นอีกทีนึง เพื่อเตรียมความพร้อมในขั้นตอนต่อๆไป รวมทั้งอีก 2-3 วันให้หลังเค้าจะส่งเมลมาหาเราเพื่อให้ลิ้งค์ในการสมัครอย่างเป็นทางการกับ Disney
ช่วงนี้ต้องคอยติดตามเมลให้ดีๆ เพราะดิสนีย์จะส่งมาเกี่ยวกับการให้เลือกวันสัมภาษณ์ บางปีมีที่จำกัด ใครช้าแล้วไม่มีที่นั่งก็คือพลาดสัมภาษณ์ไปโดยปริยายเลย รวมทั้งจะมีให้เลือก role ด้วย (รูปด้านล่าง) จำไว้ให้ดีๆ เพราะเค้าจะเอาที่เราเลือกอันดับต้นๆมาถามแน่นอน ส่วนวันสัมจริงๆก็ควรจะมาก่อนเวลาตามที่เค้าแนะนำ เพราะถ้าผ่านคิวเราไปแล้ว คือหมดโอกาสเลยจริงๆ ส่วนคนที่สัมก็จะเป็นเจ้าหน้าที่ Recruit จาก Disney โดยตรงเลย ตรงนี้ก็ค่อนข้างเกี่ยวกับดวงนิดนึง ว่าจะเจอใคร โหดมั้ย อย่างนึงที่แนะนำมากๆคือให้ยิ้มเข้าไว้ ช่วยได้มากจริงๆ แล้วทีนี้หลังสัมเค้าว่าจะได้เมลมา ถ้าใครไม่ผ่านก็จะได้เมลเลย วันสองวันนั้น ส่วนใครที่ได้ไปต่อ อาจจะทั้งตัวจริง ตัวสำรอง จะได้เมลตอบกลับว่า ขอบคุณที่มาสัมภาษณ์
อันนี้เวลาไม่แน่นอนจริงๆ เค้าจะทยอยส่งเมลมาหาเราเลย อาจจะได้ในเวลาไล่เลี่ยกันไม่เกิน 1-2 ชั่วโมงประมาณนี้ เตรียมตัวกันไว้ให้พร้อม ซึ่งในเมลนั้นจะมีบอกรายละเอียด Role (ยังไม่มีสถานที่ทำงาน) รวมทั้งช่วงเวลาทำงาน ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกจำกัดด้วยมหาลัย / ชั้นปี อยู่แล้ว ว่าได้ทำถึงตอนไหน ถ้าปี 4 ก็จะยาวหน่อย แต่ปกติแล้วก็ไม่เกินช่วงกลาง สค. ส่วนวันเริ่มงานจะมีกลางๆ พค. กับ มิย. เลย (รวมเวลาทำงานก็ 10 อาทิตย์พอดี บางคนอาจจะได้ 9 หรือ 12 เลย ยาวๆ) โดยวันที่เริ่มงานคือวันที่เราต้องเข้า check-in ที่พักเฉยๆ ยังไม่ถึงกับได้ทำงานจริงๆ เพราะต้องมีอบรม เทรนงานกันก่อน
หลังจากเงียบมานาน เราก็กลับมาคึกคักอีกครั้งในวันประชุมผู้ปกครอง ซึ่งหลักๆเลยคือนัดมาเพื่อจัดการเอกสารต่างๆ เช่นถ่ายรูปทำวีซ่า แล้วก็จะมีเรื่องตั๋วเครื่องบินในกรณีที่ไปกับโครงการ คือจะมีพี่ๆไปส่งด้วยถึง Orlando เลย จะไปกับ Cathay Pacific แล้วราคาตั๋วจะประมาณ 5XXXX บาท นอกจากนั้นก็จะมีเรื่องทำประกัน (นอกเหนือจากที่ Disney บังคับ เพราะอันนี้ครอบคลุมมากกว่า ไม่ต้องสำรองจ่ายไปก่อน)
พอถึงช่วงนี้ ทุกๆคนก็จะมีเอกสารทำวีซ่ากันครบหมดแล้ว โดยเค้าจะให้เราส่งไปรษณีย์ไปที่ออฟฟิศ Londonhouse ที่เชียงใหม่ เพื่อที่จะให้เค้าจัดการให้ โดยเมื่อถึงวันสัมจริงๆเค้าถึงจะคืนเพื่อใช้ประกอบการสัมวันนั้นเลย สิ่งสำคัญอย่างนึงคือ ณ จุดนี้ทุกคนจะต้องมี flight plan / travel plan ไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อที่ดิสนีย์จะได้ทราบว่าเราจะไปถึงวันไหน ใครเดินทางก่อนเริ่มทำงานนาน ก็ต้องแจงรายละเอียดว่าไปไหนก่อนบ้าง เค้าจะได้มั่นใจว่าไปถึงแน่ๆ ทันเริ่มงาน เสร็จสรรพช่วงปลายเดือนก็จะได้ไปสัมภาษณ์ทำวีซ่ากัน ค่อนข้างเป็นกลุ่มใหญ่เพราะทางโครงการเค้าจองให้รวมๆกันเลย ไปถึงโน่นก็ไปรับเอกสาร แล้วก็เข้าคิวสัมภาษณ์กันได้เลย ไวมากๆ
และแล้วก็เข้าใกล้กำหนดออกทางเดินอย่างมาก ในช่วงกลางเดือนจะเป็นปฐมนิเทศอีกครั้งนึง ซึ่งทางนี้เค้าก็จะแนะนำการเตรียมตัว เตรียมของต่างๆไว้สำหรับการใช้ชีวิตอยู่ที่โน่น
จะมีเมลเข้ามาให้เลือกบ้าน อันนี้ก็ถือว่าสำคัญอยู่เหมือนกัน จริงๆช่วงหลังประกาศผลควรจับกลุ่ม หา roommates ไว้แต่เนิ่นๆเลย (แนะนำว่าให้เลือกดีๆนะ ถ้าไม่ถูกคอกันจะมีปัญหาตอนอยู่โน่นกันได้) รวมถึงเลือกหมู่บ้านที่ต้องการไว้ด้วย จะมีประโยชน์มาก เพราะพอถึงเวลาจริงๆจะได้ไม่วุ่นวาย ไว้จะใส่รายละเอียดแต่ละหมู่บ้านไว้ในพาร์ทถัดไป
- อันนี้ก็จะเป็นราคา รวมทั้งรายละเอียดห้องในแต่ละแบบ โดยค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะหักจาก Paycheck แต่ละสัปดาห์กันไปเลย
ช่วงนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันนึงที่น่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน จะมีเมลส่งรายละเอียด Itinerary มาถึงเราว่าช่วง 1 อาทิตย์แรกหลัง check-in จะต้องไปที่ไหน ยังไง รวมทั้งหมู่บ้านที่ได้อยู่ด้วย (แต่ยังไม่บอกว่าห้องแบบไหนนะ) รวมถึงบอก Job Location กันด้วย ว่าจะได้ทำงานที่ไหนใน WDW อันกว้างใหญ่ โดยจะมาเป็นรหัส ต้องลองเสิร์ชหากันดูถ้าบางอันชื่อแปลกๆหน่อย อย่างตอนนั้นได้
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้