สามารถติดตามข้อมูลต่าง ๆ จากเราได้อีกทางที่ : Facebook
https://www.facebook.com/แม่ๆ-เรียนจบแล้วทำไรต่อดีอ่ะ-2412675188763574/
สวัสดีชาวโลกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!
เรามาจากดาวเคราะห์ 35 (ไปเรื่อยมาก 5555555)
สวัสดี เอาจริง ๆ คือวันนี้จะมาเล่าเรื่อง 'การสมัครโครงการ work and travel ของดิสนีย์' แต่จริง ๆ ชื่อมันอีกชื่อนะ มันคือ 'Cultural Exchange Program' ก่อนอื่นเลย Disney International Programs จะมีสองโครงการ
1. Cultural Exchange Program หรือที่รู้จักกันในนาม Work and travel Disney อันนี้จะไป 3 เดือน
2. Cultural Representative Program ระยะเวลา 1 ปี (ข้อแม้คือต้องเคยเข้าร่วมแบบ 3 เดือนมาก่อนถึงจะสมัครโปรแกรมนี้ได้)
ในกระทู้นี้เราไม่ได้จะมาเชิญชวนหรือโน้มน้าวให้ไปกับดิสนีย์นะ อันนี้จะเหมาะกับคนที่ตัดสินใจจะไปกับดิสนีย์แล้ว เราแค่จะมาเล่าขั้นตอนการสมัครที่เราได้ทำมา เพราะตอนเราสมัครข้อมูลพวกรีวิวยังไม่ค่อยเยอะ เผื่อของเราจะเป็นแนวทางให้คนอื่น ๆ ได้บ้าง
ก่อนอื่นทุกคนต้องไปเช็คว่าตัวเองมีคุณสมบัติตรงตามที่เขาต้องการไหม ไปดูที่ลิ้งค์นี้ได้เลย
SOURCE
http://londonhouse-cm.com/disney-program.html
ข้อควรรู้ก่อนคือ ดิสนีย์จะแบ่งเป็น 2 สนามตามภูมิภาคของมหาลัยที่เราเรียน มีแค่สนามเชียงใหม่และ กทม. เท่านั้น
- สนามเชียงใหม่ สำหรับ นศ.ที่เรียนภาคเหนือ เช่น มช. ม.ราชภัฎ ชม. ม.แม่ฟ้าหลวง ม.แม่โจ้ ฯลฯ
- สนามกทม. สำหรับ นศ. ที่เรียนภาคอื่น ๆ ทั่วไทยยกเว้นภาคเหนือ เช่น เรียน จุฬาก็สอบกทม. เรียน มข. มอ. ก็สนามกทม. เช่นกัน
First step: Join Roadshow
การจะเข้าร่วมดิสนีย์ ทุกคนต้องเข้าไปรับฟัง roadshow นะ ประมาณช่วงสิงหา จะมีการประกาศบน FB ของ London House Chiang Mai นะ เตือน!! ต้องจองที่นั่งนะ ไม่สามารถ walk-in ไปได้
ถ้าใครไม่เข้าฟังจะไม่สามารถสมัครได้นะ
และที่นั่งมีจำกัด รีบ ๆ จองเน้อ
วัน Roadshow หลังจากฟังเสร็จแล้ว จนท.จะให้เราลงทะเบียนแล้วจะส่ง mail มาให้เรากรอกข้อมูลนิดหน่อย หรือจะถือเป็นการวัดระดับภาษาอังกฤษเบื้องต้นก่อนก็ได้ เพราะเว็บที่ให้มาเป็นของ London house เอง เขาจะให้เรากรอกข้อมูลส่วนตัว hobby ต่าง ๆ การเป็นตัวเรา เป็นภาษาอังกฤษอ่ะ แล้วหลังจากนั้นเขาจะส่งเมล์มาบอกว่าภาษาเราอังกฤษเราผ่านขั้นต้นหรือไม่ (แต่ขั้นนี้เราว่าง่าย ๆ ไม่ค่อยมีคนตก เพราะมันคือการพิมพ์อ่ะ เรามีเวลาคิดก่อนจะพิมพ์เยอะ) Tip: ก่อนกดส่งอยากให้ check grammar ดีๆ ทุกวันนี้เว็บเช็คมีเยอะแยะมากเลย และเขียนดี ๆ เขียนที่เป็นตัวเรา ไม่ได้โกหกหรือสร้างเรื่องขึ้นมา เอาความจริงใจเข้าสู้
Second step: First interview by London House
หลังจากพี่ LDH ส่งเมล์มายืนยันเราผ่าน เขาจะนัดวันมาสัมภาษณ์รอบแรก (โครงการดิสนีย์มีสัมภาษณ์สองรอบเท่านั้น ไม่มีเรียกหลายรอบ) สัมภาษณ์รอบแรกจะจัดโดย London House จะเป็นอาจารย์ฝรั่งของสถาบันเขาและพี่ ๆ Alumni ที่เคยไปดิสนีย์
เอกสารที่ต้องเตรียม (พี่ๆ LDH จะบอกเราทางเมล์เเล้ว)
- transcript (ขอบ่อยมาก 5555 สำหรับโครงการนี้)
- passport (ใครที่ยังไม่มีไปทำด่วนเลยจ้าาาา)
- CV (ทำให้ดี ๆ ไปเลยนะ ไม่เกิน 2 หน้า A4 // เราจะได้ใช้อีกหลายรอบมากเลย เอาไปสมัครงานอื่น ๆ ได้ด้วย โดยเฉพาะ นศ. ปีสุดท้าย)
- proof of student ใบรับรองการเป็นนักศึกษา
การแต่งกายวันสัมภาษณ์ ควรเป็นชุดนักศึกษาไปเลย
วันจริง @เชียงใหม่
ไปถึงมีกรอกเอกสารอีกนิดหน่อย และตรวจเอกสารที่เตรียมไป นั่งรอพี่เขาเรียกคิวเข้าไปสัมภาษณ์ ก็จะมีพี่ ๆ ศิษย์เก่ามาคุยเล่นให้ถามได้
ในห้องสัมภาษณ์จะมีคนสัมภาษณ์หลายคน ประมาณ 3-4 คนต่อห้อง นั่งคนละมุม สัมภาษณ์ตัวต่อตัว
คำถาม: ถามข้อมูลทั่วไป เช่นให้เราแนะนำตัว
- เขาจะอ่าน cv เรา แล้วชวนคุยตาม cv ที่ใส่ไป ดังนั้นข้อมูลที่ใส่ไปควรทำเองและเป็นจริง จะได้คุยถูก
- ชอบ disney ไหม? ชอบตัวละครอะไรเป็นพิเศษ? ทำไมอยากไปดิสนีย์?
คำถามง่าย ๆ ทั่วไปเลย แต่อย่าลืม
พกรอยยิ้มไปด้วยนะ
แต่บางคนก็ดูเหมือนได้คำถามยาก ๆ เช่น เห็นด้วยหรือไม่กับการทำแท้ง ทำไม อะไรประมาณนี้ ถ้าเจอแบบนี้ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องคิดว่ามันไม่เกี่ยวกับดิสนีย์ คำถามแบบนี้สามารถวัดระดับภาษาเราได้และทักษะการคิดวิเคราะห์ได้จริง ๆ เราก็ตอบไปว่าเห็นด้วยหรือไม่ แล้วใส่เหตุผลเพราะอะไร และยกตัวอย่างประกอบด้วยสักตัวอย่าง (เหมือนเรียน oral เลย 555555)
- คำถามสุดท้าย (อาจจะโดนทุกคน) แบบมีอะไรจะถามเขาไหม // tip: ไม่ควรตอบแค่ no, goodbye นะ 55555 คือถ้าเราไม่มีอะไรจะถามเขาจริง ๆ ก็บอกแค่ว่าไม่มีหรอก แต่ว่าถ้าคุณให้โอกาสฉัน ฉันจะทำมันให้ดีที่สุด ประมาณนี้อ่ะ แสดงความอยากไปมาก ๆ ให้เขารู้ show your passion, man !! หรือควรถามไปเลย อะไรก็ได้ ที่เราอยากรู้ มันแสดงให้เห็นถึงทักษะการกล้าแสดงออกและช่างสงสัย เพราะพี่เขาเป็นศิษย์ซะส่วนมากก็ถามทริคในการสอบสัมภาษณ์รอบต่อไปก็ได้ หรือถามชีวิตที่ดิสนีย์เป็นไง มีอะไรแนะนำน้องใหม่อย่างเราไหม แบบนี้ก็ได้
- แล้วอย่าลืมบอกลาที่ไม่ใช่แค่ goodbye นะ บอกว่า have a good day แทนก็ได้
หลังสอบสัมภาษณ์เสร็จแล้ว พี่เขาจะให้เรามานั่งรอแล้วจะเรียกไปฟังผลเป็นรายคนว่าผ่านหรือไม่ ถ้าเราผ่านเขาจะให้เรากรอกข้อมูลส่วนตัวที่คอม ทีละคน ระวังการสะกดคำให้ดี เพราะข้อมูลนี้ได้เอาไปใช้ตลอด
หลังจากกรอกข้อมูลเสร็จแล้ว ก็จะรอฟัง meeting เกี่ยวกับการสัมภาษณ์ขั้นต่อไปและควรเตรียมตัวยังไงให้ผ่านรอบที่สอง
******ไว้มาต่อนะ*********
(WAT) WORK AND TRAVEL WITH DISNEY : ไปเมกา กับดิสนีย์
https://www.facebook.com/แม่ๆ-เรียนจบแล้วทำไรต่อดีอ่ะ-2412675188763574/
สวัสดีชาวโลกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!
เรามาจากดาวเคราะห์ 35 (ไปเรื่อยมาก 5555555)
สวัสดี เอาจริง ๆ คือวันนี้จะมาเล่าเรื่อง 'การสมัครโครงการ work and travel ของดิสนีย์' แต่จริง ๆ ชื่อมันอีกชื่อนะ มันคือ 'Cultural Exchange Program' ก่อนอื่นเลย Disney International Programs จะมีสองโครงการ
1. Cultural Exchange Program หรือที่รู้จักกันในนาม Work and travel Disney อันนี้จะไป 3 เดือน
2. Cultural Representative Program ระยะเวลา 1 ปี (ข้อแม้คือต้องเคยเข้าร่วมแบบ 3 เดือนมาก่อนถึงจะสมัครโปรแกรมนี้ได้)
ในกระทู้นี้เราไม่ได้จะมาเชิญชวนหรือโน้มน้าวให้ไปกับดิสนีย์นะ อันนี้จะเหมาะกับคนที่ตัดสินใจจะไปกับดิสนีย์แล้ว เราแค่จะมาเล่าขั้นตอนการสมัครที่เราได้ทำมา เพราะตอนเราสมัครข้อมูลพวกรีวิวยังไม่ค่อยเยอะ เผื่อของเราจะเป็นแนวทางให้คนอื่น ๆ ได้บ้าง
ก่อนอื่นทุกคนต้องไปเช็คว่าตัวเองมีคุณสมบัติตรงตามที่เขาต้องการไหม ไปดูที่ลิ้งค์นี้ได้เลย
SOURCE http://londonhouse-cm.com/disney-program.html
ข้อควรรู้ก่อนคือ ดิสนีย์จะแบ่งเป็น 2 สนามตามภูมิภาคของมหาลัยที่เราเรียน มีแค่สนามเชียงใหม่และ กทม. เท่านั้น
- สนามเชียงใหม่ สำหรับ นศ.ที่เรียนภาคเหนือ เช่น มช. ม.ราชภัฎ ชม. ม.แม่ฟ้าหลวง ม.แม่โจ้ ฯลฯ
- สนามกทม. สำหรับ นศ. ที่เรียนภาคอื่น ๆ ทั่วไทยยกเว้นภาคเหนือ เช่น เรียน จุฬาก็สอบกทม. เรียน มข. มอ. ก็สนามกทม. เช่นกัน
First step: Join Roadshow
การจะเข้าร่วมดิสนีย์ ทุกคนต้องเข้าไปรับฟัง roadshow นะ ประมาณช่วงสิงหา จะมีการประกาศบน FB ของ London House Chiang Mai นะ เตือน!! ต้องจองที่นั่งนะ ไม่สามารถ walk-in ไปได้
ถ้าใครไม่เข้าฟังจะไม่สามารถสมัครได้นะ
และที่นั่งมีจำกัด รีบ ๆ จองเน้อ
Second step: First interview by London House
หลังจากพี่ LDH ส่งเมล์มายืนยันเราผ่าน เขาจะนัดวันมาสัมภาษณ์รอบแรก (โครงการดิสนีย์มีสัมภาษณ์สองรอบเท่านั้น ไม่มีเรียกหลายรอบ) สัมภาษณ์รอบแรกจะจัดโดย London House จะเป็นอาจารย์ฝรั่งของสถาบันเขาและพี่ ๆ Alumni ที่เคยไปดิสนีย์
เอกสารที่ต้องเตรียม (พี่ๆ LDH จะบอกเราทางเมล์เเล้ว)
- transcript (ขอบ่อยมาก 5555 สำหรับโครงการนี้)
- passport (ใครที่ยังไม่มีไปทำด่วนเลยจ้าาาา)
- CV (ทำให้ดี ๆ ไปเลยนะ ไม่เกิน 2 หน้า A4 // เราจะได้ใช้อีกหลายรอบมากเลย เอาไปสมัครงานอื่น ๆ ได้ด้วย โดยเฉพาะ นศ. ปีสุดท้าย)
- proof of student ใบรับรองการเป็นนักศึกษา
การแต่งกายวันสัมภาษณ์ ควรเป็นชุดนักศึกษาไปเลย
วันจริง @เชียงใหม่
ไปถึงมีกรอกเอกสารอีกนิดหน่อย และตรวจเอกสารที่เตรียมไป นั่งรอพี่เขาเรียกคิวเข้าไปสัมภาษณ์ ก็จะมีพี่ ๆ ศิษย์เก่ามาคุยเล่นให้ถามได้
ในห้องสัมภาษณ์จะมีคนสัมภาษณ์หลายคน ประมาณ 3-4 คนต่อห้อง นั่งคนละมุม สัมภาษณ์ตัวต่อตัว
คำถาม: ถามข้อมูลทั่วไป เช่นให้เราแนะนำตัว
- เขาจะอ่าน cv เรา แล้วชวนคุยตาม cv ที่ใส่ไป ดังนั้นข้อมูลที่ใส่ไปควรทำเองและเป็นจริง จะได้คุยถูก
- ชอบ disney ไหม? ชอบตัวละครอะไรเป็นพิเศษ? ทำไมอยากไปดิสนีย์?
คำถามง่าย ๆ ทั่วไปเลย แต่อย่าลืมพกรอยยิ้มไปด้วยนะ
แต่บางคนก็ดูเหมือนได้คำถามยาก ๆ เช่น เห็นด้วยหรือไม่กับการทำแท้ง ทำไม อะไรประมาณนี้ ถ้าเจอแบบนี้ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องคิดว่ามันไม่เกี่ยวกับดิสนีย์ คำถามแบบนี้สามารถวัดระดับภาษาเราได้และทักษะการคิดวิเคราะห์ได้จริง ๆ เราก็ตอบไปว่าเห็นด้วยหรือไม่ แล้วใส่เหตุผลเพราะอะไร และยกตัวอย่างประกอบด้วยสักตัวอย่าง (เหมือนเรียน oral เลย 555555)
- คำถามสุดท้าย (อาจจะโดนทุกคน) แบบมีอะไรจะถามเขาไหม // tip: ไม่ควรตอบแค่ no, goodbye นะ 55555 คือถ้าเราไม่มีอะไรจะถามเขาจริง ๆ ก็บอกแค่ว่าไม่มีหรอก แต่ว่าถ้าคุณให้โอกาสฉัน ฉันจะทำมันให้ดีที่สุด ประมาณนี้อ่ะ แสดงความอยากไปมาก ๆ ให้เขารู้ show your passion, man !! หรือควรถามไปเลย อะไรก็ได้ ที่เราอยากรู้ มันแสดงให้เห็นถึงทักษะการกล้าแสดงออกและช่างสงสัย เพราะพี่เขาเป็นศิษย์ซะส่วนมากก็ถามทริคในการสอบสัมภาษณ์รอบต่อไปก็ได้ หรือถามชีวิตที่ดิสนีย์เป็นไง มีอะไรแนะนำน้องใหม่อย่างเราไหม แบบนี้ก็ได้
- แล้วอย่าลืมบอกลาที่ไม่ใช่แค่ goodbye นะ บอกว่า have a good day แทนก็ได้
หลังสอบสัมภาษณ์เสร็จแล้ว พี่เขาจะให้เรามานั่งรอแล้วจะเรียกไปฟังผลเป็นรายคนว่าผ่านหรือไม่ ถ้าเราผ่านเขาจะให้เรากรอกข้อมูลส่วนตัวที่คอม ทีละคน ระวังการสะกดคำให้ดี เพราะข้อมูลนี้ได้เอาไปใช้ตลอด
หลังจากกรอกข้อมูลเสร็จแล้ว ก็จะรอฟัง meeting เกี่ยวกับการสัมภาษณ์ขั้นต่อไปและควรเตรียมตัวยังไงให้ผ่านรอบที่สอง
******ไว้มาต่อนะ*********