เห็นช่วงนี้น้องๆ นักศึกษากำลังหาที่ไป Work and Travel อยู่ เลยอยากเอาประสบการณ์มาแชร์ (เห็นกระทู้
http://ppantip.com/topic/32332460 เขาแชร์ เลยอยากแชร์ประสบการณ์ตัวเองบ้าง)
ขอบอกก่อนว่าจขกท. 2 รอบ พอกลับมาถึงทราบว่ากฎต่างๆ เข้มงวดขึ้น (มากกกก) เพราะฉนั้น ถ้าน้องๆ สนใจให้ไปฟังจากทาง London House เองนะจ๊ะ (
http://www.londonhouse-cm.com/ucf.html)
คำเตือน! : จขกท. ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียใดๆ กับโครงการ ทำด้วยใจล้วนๆ มีอะไรมาถามหลังไมค์ได้นะจ๊ะ
คำเตือน 2 : กระทู้นี้มีโฆษณาจัดหนักของทั้ง Walt Disney World Resort, London House Chiang Mai, และ สินค้าที่มีขายในดิสนีย์
1. วิธีสมัคร
ตอนปีสาม จขกท. หาที่ฝึกงาน กำลังหันซ้าย หันขวาอยู่ เพื่อนเราก็มากบอกว่า
"เฮ้ยแก.... ฝึกที่นี่สิ น่าสนใจมาก ทำงานกับดิสนีย์เลยนะเฟร้ยยยย"
จขกท. เป็นคนไม่อะไรกับดิสนีย์ รู้แค่มันคือบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผลิตการ์ตูน และที่มีของปลอมขายเยอะๆ ในประเทศไทย... แต่ก็ลองสมัครดู
ตอนแรกเขาจะมีกิจกรรมที่เรียกว่า Road Show ก่อน.... นั่นคือการประชาสัมพันธ์โครงการและบอกรายละเอียดคร่าวๆ (ของปีนี้มีรอบแรกไปเมื่อวานนี้ ส่วนรอบสอง วันที่ 10 สิงหาคม)
พอเขียนใบสมัครเสร็จ... เราก็จะได้อีเมล์นัดสัมภาษณ์รอบแรก
2. การสัมภาษณ์
การสัมภาษณ์จะแบ่งเป็นสองรอบ คือรอบแรก ทดสอบภาษาอังกฤษ ส่วนรอบสอง ทดสอบทักษะต่างๆ ทัศนคติ และไหวพริบ
- สัมภาษณ์ภาษาอังกฤษรอบแรก - อย่างที่ได้เกริ่นไว้ จขกท. ไปรุ่นแรกๆ ซึ่งการสอบง่ายกว่านี้ แต่ที่เดี๋ยวนี้เข้มงวดกว่าเมื่อก่อนเพราะมีหลายเหตุการณ์ที่ภาษาอังกฤษน้อง งูๆ ปลาๆ แล้วไปตายเอาหน้างาน โทร.มาร้องห่มร้องไห้กับที่บ้าน สื่อสารกับหัวหน้าไม่รู้เรื่อง พ่อแม่โทร.มาวีนโครงการ น้องอยู่ไม่ได้ ลาออก
เกณฑ์การให้คะแนนไม่ใช่แค่ ผ่าน/ไม่ผ่าน แต่เป็นระดับคะแนน แยกเป็นหัวข้อย่อยๆ ถ้าน้องระดับคะแนนไม่ถึง... ก็ตก แต่ถ้าระดับคะแนนเฉียดฉิวก็ติดสำรอง
รอบนี้น้องๆ ต้องเตรียมเอกสารในเบื้องต้นมาให้พร้อมนะคะ ถ้าขาดอะไรไปให้ที่บ้านเอามาให้ได้ แต่ต้องทำใจว่าคิวน้องจะร่นไป แต่ถ้าขาดแล้วขาดเลย เอามาในวันนั้นไม่ได้ก็เจอกันปีถัดไปค่ะ
ชี้แจง ผู้สัมภาษณ์ไม่ได้ดูว่าภาษาอังกฤษน้องๆ ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ เป๊ะๆ หรือเปล่า แต่ดูความลื่นไหลในการโต้ตอบ ถ้าน้องมาเอ่อๆ อ่าๆ เอ่อไปเอ่อมาจนล้น น้องทำใจเลยจ๊ะ... ไม่ผ่าน แต่ถ้าความสะตอแบของน้องเป็นเลิศ พูดจากลื่นไหลแม้ไม่ถูกหลักไวยากรณ์เล็กน้อย... ยังพอมีลุ้นจ๊ะ
คำเตือน ดุลยพินิจของกรรมการไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นครูสอนภาษาอังกฤษจะให้ผ่านค่อนข้างง่าย แต่ถ้าเป็นรุ่นพี่ที่ผ่านประสบการณ์ดิสนีย์มาจะให้ผ่านค่อนข้างยาก (พวกพี่เจอมาเยอะ เจ็บมาเยอะ...)
- สัมภาษณ์รอบสอง - หลังทราบผลว่าผ่าน เราจะต้องจองวันสัมภาษณ์รอบสอง (จขกท.จองพร้อมเพื่อน แล้วมารู้ว่าติดธุระกับทางมหาวิทยาลัยทีหลัง... พี่กอล์ฟเจ้าของโครงการในไทยเลยจัดการเปลี่ยนวันให้) รุ่นจขกท. สัมภาษณ์คู่กันสองคน คือจขกท. กับน้องอีกคน สัมภาษณ์โดยเจ้าหน้าที่จากดิสนีย์ รอบนี้จะค่อนข้างจิตตก โดยเฉพาะถ้าคนที่สัมภาษณ์คู่เราพูดจ้อเป็นพิเศษ แต่เกณฑ์การตัดสินคือเหมือนเดิม... ดูความสะตอแบของน้องๆ เป็นหลัก (อันนี้ไม่ได้หมายถึงสร้างเรื่องโกหกเก่งนะจ๊ะ แต่หมายถึงเราจิ๊จ๊ะ อารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใสมากน้อยแค่ไหน) โดยคำถามก็จะเป็นในแนวทั่วๆ ไป อาทิเช่น ชอบทำอะไรในเวลาว่าง คิดว่าจะทำอะไรต่อ เป้าหมายในชีวิต การอยู่ร่วมกับคนแปลกหน้า โน่น นี่ นั่น แนะนำให้พูดเยอะๆ จัดหนักๆ อย่ากลัว อย่าอาย (ให้คิดว่าตัวเองหลุดออกมาจากการ์ตูนดิสนีย์เข้าไว้)
3. การประกาศผล
ระยะเวลาจิตตกจะเริ่มมา จะเริ่มกินไม่ได้ (นี่กินแหลก) นอนไม่หลับ(ติดซีรียส์) เหงื่อซึม(อากาศร้อน) มือสั่น(ขาดกาแฟ) หวั่นวิตก(รอผล) แล้วเราก็จะได้อีเมล์ตอบรับจากทางดิสนีย์เพื่อให้เข้าร่วมทีม และอีเมล์จากทาง London House แจ้งตำแหน่งที่เราจะไปทำ วันเดินทางและการนัดพบกันครั้งต่อไป
มีต่อ
[CR] Work and Travel at Walt Disney World, Florida!!!!
ขอบอกก่อนว่าจขกท. 2 รอบ พอกลับมาถึงทราบว่ากฎต่างๆ เข้มงวดขึ้น (มากกกก) เพราะฉนั้น ถ้าน้องๆ สนใจให้ไปฟังจากทาง London House เองนะจ๊ะ (http://www.londonhouse-cm.com/ucf.html)
คำเตือน! : จขกท. ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียใดๆ กับโครงการ ทำด้วยใจล้วนๆ มีอะไรมาถามหลังไมค์ได้นะจ๊ะ
คำเตือน 2 : กระทู้นี้มีโฆษณาจัดหนักของทั้ง Walt Disney World Resort, London House Chiang Mai, และ สินค้าที่มีขายในดิสนีย์
1. วิธีสมัคร
ตอนปีสาม จขกท. หาที่ฝึกงาน กำลังหันซ้าย หันขวาอยู่ เพื่อนเราก็มากบอกว่า
"เฮ้ยแก.... ฝึกที่นี่สิ น่าสนใจมาก ทำงานกับดิสนีย์เลยนะเฟร้ยยยย"
จขกท. เป็นคนไม่อะไรกับดิสนีย์ รู้แค่มันคือบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผลิตการ์ตูน และที่มีของปลอมขายเยอะๆ ในประเทศไทย... แต่ก็ลองสมัครดู
ตอนแรกเขาจะมีกิจกรรมที่เรียกว่า Road Show ก่อน.... นั่นคือการประชาสัมพันธ์โครงการและบอกรายละเอียดคร่าวๆ (ของปีนี้มีรอบแรกไปเมื่อวานนี้ ส่วนรอบสอง วันที่ 10 สิงหาคม)
พอเขียนใบสมัครเสร็จ... เราก็จะได้อีเมล์นัดสัมภาษณ์รอบแรก
2. การสัมภาษณ์
การสัมภาษณ์จะแบ่งเป็นสองรอบ คือรอบแรก ทดสอบภาษาอังกฤษ ส่วนรอบสอง ทดสอบทักษะต่างๆ ทัศนคติ และไหวพริบ
- สัมภาษณ์ภาษาอังกฤษรอบแรก - อย่างที่ได้เกริ่นไว้ จขกท. ไปรุ่นแรกๆ ซึ่งการสอบง่ายกว่านี้ แต่ที่เดี๋ยวนี้เข้มงวดกว่าเมื่อก่อนเพราะมีหลายเหตุการณ์ที่ภาษาอังกฤษน้อง งูๆ ปลาๆ แล้วไปตายเอาหน้างาน โทร.มาร้องห่มร้องไห้กับที่บ้าน สื่อสารกับหัวหน้าไม่รู้เรื่อง พ่อแม่โทร.มาวีนโครงการ น้องอยู่ไม่ได้ ลาออก
เกณฑ์การให้คะแนนไม่ใช่แค่ ผ่าน/ไม่ผ่าน แต่เป็นระดับคะแนน แยกเป็นหัวข้อย่อยๆ ถ้าน้องระดับคะแนนไม่ถึง... ก็ตก แต่ถ้าระดับคะแนนเฉียดฉิวก็ติดสำรอง
รอบนี้น้องๆ ต้องเตรียมเอกสารในเบื้องต้นมาให้พร้อมนะคะ ถ้าขาดอะไรไปให้ที่บ้านเอามาให้ได้ แต่ต้องทำใจว่าคิวน้องจะร่นไป แต่ถ้าขาดแล้วขาดเลย เอามาในวันนั้นไม่ได้ก็เจอกันปีถัดไปค่ะ
ชี้แจง ผู้สัมภาษณ์ไม่ได้ดูว่าภาษาอังกฤษน้องๆ ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ เป๊ะๆ หรือเปล่า แต่ดูความลื่นไหลในการโต้ตอบ ถ้าน้องมาเอ่อๆ อ่าๆ เอ่อไปเอ่อมาจนล้น น้องทำใจเลยจ๊ะ... ไม่ผ่าน แต่ถ้าความสะตอแบของน้องเป็นเลิศ พูดจากลื่นไหลแม้ไม่ถูกหลักไวยากรณ์เล็กน้อย... ยังพอมีลุ้นจ๊ะ คำเตือน ดุลยพินิจของกรรมการไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นครูสอนภาษาอังกฤษจะให้ผ่านค่อนข้างง่าย แต่ถ้าเป็นรุ่นพี่ที่ผ่านประสบการณ์ดิสนีย์มาจะให้ผ่านค่อนข้างยาก (พวกพี่เจอมาเยอะ เจ็บมาเยอะ...)
- สัมภาษณ์รอบสอง - หลังทราบผลว่าผ่าน เราจะต้องจองวันสัมภาษณ์รอบสอง (จขกท.จองพร้อมเพื่อน แล้วมารู้ว่าติดธุระกับทางมหาวิทยาลัยทีหลัง... พี่กอล์ฟเจ้าของโครงการในไทยเลยจัดการเปลี่ยนวันให้) รุ่นจขกท. สัมภาษณ์คู่กันสองคน คือจขกท. กับน้องอีกคน สัมภาษณ์โดยเจ้าหน้าที่จากดิสนีย์ รอบนี้จะค่อนข้างจิตตก โดยเฉพาะถ้าคนที่สัมภาษณ์คู่เราพูดจ้อเป็นพิเศษ แต่เกณฑ์การตัดสินคือเหมือนเดิม... ดูความสะตอแบของน้องๆ เป็นหลัก (อันนี้ไม่ได้หมายถึงสร้างเรื่องโกหกเก่งนะจ๊ะ แต่หมายถึงเราจิ๊จ๊ะ อารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใสมากน้อยแค่ไหน) โดยคำถามก็จะเป็นในแนวทั่วๆ ไป อาทิเช่น ชอบทำอะไรในเวลาว่าง คิดว่าจะทำอะไรต่อ เป้าหมายในชีวิต การอยู่ร่วมกับคนแปลกหน้า โน่น นี่ นั่น แนะนำให้พูดเยอะๆ จัดหนักๆ อย่ากลัว อย่าอาย (ให้คิดว่าตัวเองหลุดออกมาจากการ์ตูนดิสนีย์เข้าไว้)
3. การประกาศผล
ระยะเวลาจิตตกจะเริ่มมา จะเริ่มกินไม่ได้ (นี่กินแหลก) นอนไม่หลับ(ติดซีรียส์) เหงื่อซึม(อากาศร้อน) มือสั่น(ขาดกาแฟ) หวั่นวิตก(รอผล) แล้วเราก็จะได้อีเมล์ตอบรับจากทางดิสนีย์เพื่อให้เข้าร่วมทีม และอีเมล์จากทาง London House แจ้งตำแหน่งที่เราจะไปทำ วันเดินทางและการนัดพบกันครั้งต่อไป
มีต่อ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น