สวัสดีค่าชาวพันทิปทุกคนน ขออนุญาตไม่เวิ้นเว้ออะไรมากมาย ตามชื่อกระทู้ค่ะ ปีนี้เราได้สมัครไปเวิคกับทางดิสนีย์(ICP2018) และทุกอย่างสำเร็จไปด้วยดี
ตอนนี้เลยอยากจะมาบอกเล่าประสบการณ์ให้ทุกคนรับทราบกัน
ก่อนอื่นเลย โครงการนี้ไม่ใช่ Work and Travel นะคะ แต่เป็น Cultural Exchange Program ที่ทาง Walt Disney World รับสมัครเอง และตัวแทนอย่างเป็นทางการแห่งเดียวในประเทศไทยคือ London House ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.londonhouse-cm.com/
การจะสมัครเข้ารับคัดเลือกนั้น ไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใดค่ะ แต่การจะสมัครในแต่ละรอบเพื่อที่จะเข้ามาสัมกับทาง Disney เนี้ยมีหลายด่านค่ะ ด่านแรกสุดเลยคือ Roadshow รอบนี้ฟาดฟันกันมาก เพราะคนสนใจโครงการนี้เยอะมากมาก แต่ละรอบRoadshow ก็มีจำกัด
โดยRoadshow จะมีแค่สองจังหวัดเท่านั้นนะคะ! กทม.และเชียงใหม่ (เรากทม.ค่ะ)
สำหรับการจะจองที่นั่งในroadshow ติดตามข่าวสารจากทาง facebook ของ ลอนดอนเฮ้าส์ให้บ่อยๆ ค่ะ (เราตั้งsee first ใน facebook)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/londonhousecm/
การจองroadshowคือต้องรอทางลอนดอนเฮ้าส์ประกาศก่อนนะคะ โดยเขาจะประกาศวัน เวลา สถานที่ไว้ หลังจากนั้นก็คือให้อินบ๊อกซ์เข้าไปค่ะ ชื่อนามสกุล มหาวิทยาลัย จังหวัดและรอบที่สนใจ รอทางแอดมินตอบกลับ เท่านี้ก็เรียบร้อย
Roadshow มาทำอะไร?
เหมือนเป็นการมาให้ข้อมูลของทางลอนดอนเฮ้าส์ค่ะ โดยพี่เจ้าของโครงการนี้ จะมาแนะนำรายละเอียดทั้งหมดให้ฟัง เรื่องงานที่อยู่ เดินทางยังไง พกเงินไปเท่าไร รายได้ได้ยังไง เอาเป็นว่าคลอบคลุมหมด แนะนำให้พาผู้ปกครองไปด้วยนะคะ เพราะบางคนพ่อแม่ไม่อยากให้ไปเวิค แต่พอมาฟังทางโครงการอธิบายรายละเอียดสนใจและอยากให้ลูกไปเลย เราคือหนึ่งในนั้นค่ะ5555
หลังจากฟังRoadshow เสร็จ ก็กลับบ้านค่ะและรอสมัคร online application ซึ่งกรอกในเวปของลอนดอนเฮ้าส์นะคะ อันนี้ทางพี่ๆเขาจะบอกว่าวันไหน ต้องกรอกอะไรบ้างบลาๆ
ประสบการณ์ส่วนตัวนะคะ ตอนนี้ก็จำไม่ค่อยได้แล้ว มันนานแล้ว555 แต่ก็คือกรอกข้อมูลส่วนตัวเราทั่วไปเสร็จ อัพโหลดพาสปอร์ต แล้วถัดไปที่ทำให้ทุกคนสตั้น คือการเขียนแนะนำตัวเอง กับเขียนว่าชอบทำอะไรในเวลาว่าง (ไม่แน่ใจว่าเหมือนกันทุกปีมั้ยนะ แต่เราได้แบบนี้) คืออึ้งมาก และดีที่ไม่ได้จับเวลาในการกรอกใบสมัคร ตรงนี้อยากให้ทุกคนใช้เวลาหน่อย เขียนเกลาๆให้มันสวยๆ และค่อยกด submit นะคะ
กรอกเสร็จเรียบร้อยก็ต้องรอเมลจากทางลอนดอนเฮ้าส์อีกค่ะ เขาจะส่งมาบอกว่า เราจะได้สัมภาษณ์วันไหน กี่โมง เตรียมอะไรบ้าง แต่งกายยังไง
เน้น อยากบอกว่า ในเมลเขาส่งมาค่ะว่า แต่งกายสุภาพ สุภาพนะคะหมายถึงชุด formal ของฝรั่งเวลาเขาไปสัมภาษณ์งานอ่ะค่ะ ปีนี้คนมาสัมเยอะมาก แล้วตีความชุดสุภาพไม่ถูก บางคนแต่ยีนส์ ใส่ชุดนอก รองเท้าแตะมา อันนี้ทางลอนดอนเฮ้าส์ปรับไม่ผ่านหมดเลยนะคะ ปีนี้โดนเยอะมาก สำหรับใครท่ีสมัครสัมกับที่นี่ ใส่ชุดนักศึกษามาสัมภาษณ์เลยค่ะ ชัวร์สุด
First Interview: อันนี้สัมกับทางลอนดอนเฮ้าส์นะคะ สัมทั่วๆไปค่ะ วัดระดับภาษา ความคล่องในการสื่อสารภาษาอังกฤษ ดูความสามารถพิเศษด้วย ใครมีอะไรนี่จัดเต็มไปเลยค่ะ ตอนเราสัมมีคนนึงร้องเพลง reflection คนนั้นน่าจะผ่านอ่ะค่ะ เสียงเพราะมาก (นอกเรื่องงง) งานนี่มี alumni หรือคนที่เป็นศิษย์เก่านะคะเรียกกัน อัลลัมไน ก็จะมายืนดูความเรียบร้อย รันผู้สมัครเข้าไปสัม ให้กำลังใจน้องๆ สัมรอบกรุงเทพปี2017นะคะ เห็นว่าเจ็ดร้อยกว่า คนเยอะมากจริงจริง เราสัมรอบแปดโมงครึ่ง กดดันมาก กดดันหนักเลยคือ ประกาศให้รู้วันนั้นเลยว่า ได้ไปต่อมั้ย ฮืออ
บรรยากาศห้องสัมนะคะ เป็นห้องบอลรูมกว้างๆเลย เขาจะให้เรานั่งรอก่อนตามเลขที่เราได้ แล้วค่อยๆไปสัม กรรมการนั่งเรียงกันยุเป็นโต๊ะๆ มีประมาณสิบกว่ามั้งคะ (ไม่ได้นับบบ) คนที่สัมจะเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษและอัลลัมไนบางส่วนค่ะ
สำหรับของเราตอนเราสัมนะคะ เป็นทั้งอาจารย์และเป็นอัลลัมไน555 เขาให้แนะนำตัวค่ะ เรียนที่ไหน แล้วเขาดูเรซูเม่ แล้วส่วนใหญ่เขาจะถามตามนั้นค่ะ อย่างเรา เราใส่ความสนใจของเราไปซึ่งคือท่องเที่ยว เขาก็ถามเคยไปตปท.คนเดียวมั้ย ล่าสุดไปไหนมา ไหนลองเล่าให้ฟังหน่อย แหม ถูกจริตมากค่ะ คำตอบพลั่งพรูมาก แล้วเขาก็ถามว่า พูดจีนได้หรอ (เราใส่สกิลเราไป ซึ่งคือภาษาที่สามและสี่) เราก็ตอบว่าได้ แล้วก็ลองเล่าสถานการณ์ไรพวกนั้นให้เขาฟัง แล้วเขาก็ถามว่า ถ้าไปทำที่นี่และจะขอติดแท๊กชื่อว่าพูดจีนได้ ได้มั้ย ซึ่งแน่นอนเราตอบไปว่าได้ 5555 และเป็นอันจบการสัม
ของเราอ่ะ พอได้ลองมาฟังคนอื่นที่ออกมาก่อนเล่าให้ฟัง เขาบอกของเราชิลมาก คนอื่นโดนแบบ สถานการณ์สมมติเลยว่า ถ้าไปทำงานขายของที่นุ้นจะต้องพูดว่ายังไง หรือ เล่าประสบการณ์การทำงานอย่างละเอียด ซึ่งเราว่าอันนี้ต้องแล้วแต่ดวงล้วนๆ 555
ข้อแนะนำเวลาเขียนเรซูเม่: อยากให้เขียนให้เป็นตัวเราที่สุด อย่าเมคขึ้นมา เพราะอย่างเราเงี้ย ถ้าโดนถามมจี้จุดๆนึงขึ้นมา เราก็ต้องสามารถตอบได้ทันทีเลย เขารุ้ด้วยนะว่าอะไรเมคขึ้นมาหรือยังไง
หลังจากสัมเสดก็ไปรออีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งพี่เจ้าของโครงการจะเป็นคนประกาศว่าผ่านหรือไม่ผ่าน เช่น สมชาย ไม่ผ่าน สมหญิง ผ่าน เป็นต้น
ถ้าผ่าน ก็ไปกรอกเอกสารให้กับทางโครงการค่ะ คือชื่อสกุล อีเมลล์ (เมลที่กรอกคือเมลที่จะใช้ตลอดการเข้าร่วมโครงการ ห้ามเปลี่ยน ห้ามโดนแฮค เป็นอันขาด จะเปลี่ยนได้ต่อเมื่อเท้าเหยียบที่ดิสนีย์แล้วเท่านั้น พี่เขาบอกมา)
แล้วทางลอนดอนเฮ้าส์ก็จะให้เอกสารเรามาตัวนึงคือ Proof of Student Status ก็คือใบรับรองว่าเราเป็นนศแหละ เขาจะบอกว่าต้องกรอกยังไง แล้วเราแค่เอาไปให้ dean หรือ คณบดีเซนต์ พร้อมประทับตรามหาวิทยา ลงวันที่ ทุกอย่างทำด้วยหมึกดำ!
หลังจากสัมรอบแรกเสร็จแล้วก็สร้างaccount กับdisney ค่ะ มีแอคของดิสนีย์เรียบร้อยแล้วหมั่นเข้าไปเช็ค dashboard ทุกวันนะคะ ไม่ให้แอคล๊อค
แล้วหลังจากนั้นดิสนีย์จะส่งเมลมาให้เราเองค่ะ ไม่สามารถบอกได้นะคะว่าจะมาวันไหนกี่โมง อย่างของปีนี้มาแบบคาดไม่ถึงคือหกโมงเย็น เวลาที่เราได้ บางคนได้ตอนห้าโมง บ้าไปแล้ววว เดี๋ยว ดิสนีย์ส่งเมลไรมาให้หรอ???
Disney Cultural Exchange Program Step 1: Role-Checklist
สิ่งแรกที่ได้รับและทำอย่างแรกคือโรลเชคลิสต์ เลือกโรลที่เราสนใจนั่นเองค่ะ มีสามระดับที่เราแนะนำให้ใส่ High interest, Moderate, Low interest
มันมีตัวเลือกอีกค่ะ อย่างนึงที่
ห้าม เลือกคือ no interest เพราะคุณอาจโดนคัดออกทันที
โรลหรืองาน ที่คนไทยอย่างเราๆสามารถทำได้ (เท่าที่จำได้) นะคะ มี Quick service and beverage (QSR), Merchandise, Lifeguard, Custodial, Costume operator, Seater, Attraction, Character Performer, Charactor Attendant ศึกษาแต่ละหน้าที่ให้ละเอียดก่อนที่จะคลิกไปนะคะ เพราะการเลือกของคุณมีผลในการสัมรอบสองกันทางดิสนีย์
Disney Cultural Exchange Program Step 2: Schedule your interview
disneyยึดหลัก first comes, first serves ตลอดนะคะ ดังนั้น จ้องเมลให้ดีๆ ถ้ามาแล้วให้รีบทำrole checklist แล้วมาเลือกวันเวลาสัมค่ะ ตรงนี้จะมีเป็นtime slots มาให้เลย กทม.จะสัมห้าวันค่ะ เวลาเท่าไรแล้วแต่ปีนั้นจะกำหนด เลือกวันที่ตัวเองไม่ติดอะไรนะคะ เลือกได้เสร็จสับก็จบค่ะ รอสัมได้เลย
และ และ และ ทุกงานต้องมีดราม่า disney ก้มีค่ะ อย่างที่บอก มาก่อนได้ก่อนคือคติของการสมัครงานนี้ ดังนั้น เวลาที่เขาจะสัมมันไม่พอดีก่ะคนที่ผ่านรอบแรกมาค่ะคุณผู้ชมม คนที่ผ่านก้ดีใจไป แต่ แต่ แต่ อย่าเผลอไปกด reschedule เปนอันขาดเพราะมีคนที่จองไม่ได้รอบเสียบอยู่นะจ๊ะ ถึงบอกเลยว่า ถ้าเลือกวันได้ เลือกวันที่เราสะดวกที่สุด สำหรับคนที่เลือกไม่ได้เพราะรอบเต็มอย่าถอดใจค่ะ นั่งส่องไปเรื่อยๆเผื่อมีเวลาหลุดมาให้
Disney Cultural Exchange Program Step 3: FINAL interview
หนักหนาสาหัสเอาเรื่องจากเสียงลือเสียงเล่าอ้าง แต่จริงๆแล้วนั้นน เป็นตัวเองให้มากที่สุดค่ะ มั่นใจเข้าไว้ ท่องมาไม่ช่วยอะไรนะคะ แค่ศึกษามาให้พอรู้ว่าroleที่เลือกไปทำอะไรบ้าง เขาสนใจแค่ high interest นะคะ ถ้าเลือกเมอก้ให้ดูว่าเมอ(merchandise)ทำอะไรบ้าง ถามตัวเองว่าทำไมถึงอยากทำตรงนี้ อันนี้ขอเล่าประสบการณ์ของเราเลยนะคะ
ปีนี้มาสัมที่ไทยแค่สองคนคือ Delinda กับ Jill เราสัมกับจิลค่ะ ก่อนอื่นเดินเข้าไป จิลนางลุกขึ้นยืน ทักทายเรา เราก้ทักทายนางค่ะ สรุปยืนคุยกัน5555 แล้วเขาก้เชิญนั่งค่ะ ยื่นเอกสารให้เขา เขาจะมีคอมตัวนึงยุข้างหน้าในนั้นจะมีข้อมูลของเรา role checklist ที่เราเลือกไว้ โดยระหว่างที่เราพูดจิลก้พิมๆๆๆๆ อย่างแรกที่ทำคือแนะนำตัวกันเรียบร้อยตั้งแต่ตอนยืนกัน555 จากนั้นก้ถามค่ะ How's your day? อันนี้ตอบตามความจริงเลย มันแย่มากเลยจิล เนี้ยพายุเข้าฝนตกน้ำท่วม ไอต้องเดินมาจากบีทีเอสอ่ะ มันก้แห้งดีๆยุหรอก แต่พอไอมาถึงหน้าโรงแรมทำไปน้ำท่วมงั้นล่ะ ไอเลยถอดถุงเท้าถุงน่องเดินลุยน้ำมาเลย จิลขำค่ะ บอกว่า เออไอก้ชะตาเดียวก่ะยูอ่ะ โรงแรมไอยุฝั่งตรงข้าม อ้าวกรรม555 เฮฮามาก จากนั้นเขาก้เรื่องว่าเคยทำงานที่ไหนมาก่อนมั้ย เราเคยทำงานก่ะป้าก่ะพี่เราก้เล่าไป เปนไปได้คือเล่าไปเรื่อยๆค่ะ มีโมเม้นไรฮาๆตลกๆ ใส่ให้สุด ให้เต็ม ถ้าจบแล้วเขาจะถามเราเอง อย่างจิลถามเราว่า ชอบทำงานก่ะป้าหรือก่ะพี่มากกว่า เราตอบว่าก่ะป้า เขาก้ถามเหตุผล เราก้เล่าต่อไปอีกยาวๆค่ะ
key ของการสัมภาษณ์นะคะคือการ extend your answer อย่างเช่นมะกี้ เขาถามเราว่า How's your day ใช่มั้ยคะ ตอบแค่โอเค กู้ด นี่กลับบ้านเลยนะคะ555 คำถามสั้นก้จริง แต่ตอบให้ยาวๆไปเลยค่ะ นี่คือการสัมแบบระดับอินเตอร์ที่ควรทำอย่างยิ่ง อันนี้อยากบอก555
แล้วเขาถามเราเรื่องอยากเป็นอะไรค่ะ เราทำการบ้านมาดีค่ะแล้วเลือกดี เพราะเราเลือก high interest ไปแค่สองอย่าง ที่เหลือเลือก moderate หมดเลย ดังนั้นที่ต้องโฟกัสในการตอบจึงมีแค่สองเรื่อง เราเลือก Lifeguard merchandise ค่ะ โดยเราพูดเรื่อง lg ก่อน อันนี้คือความอยากส่วนตัว ไม่ใช่เพราะกล้ามผู้ชายนะคะ (แหะๆ) แต่เป็นสิ่งที่เราจะได้รับจากการทำหน้าที่นี่ แต่เอาเข้าจริง เราพูดถึงเมอเยอะกว่ามากและใส่passionมากกว่า สำหรับ lg เขาจะถามแค่ว่า ยูต้องยืนกลางแดดทั้งวัน โอเคมั้ย เราบอกว่าโอมากค่ะ ไม่กลัวดำ5555 ต้องเรียนช่วยชีวิตไรพวกนี้นะ รุ้แล้วใช่มั้ย เราก้เยสๆ แล้วก้เล่ายาวววว ว่าเออเรารุ้มาว่างั้นงี้ แล้วค่อยไปพูดถึงเมอค่ะ สำหรับใครที่อยากเปนเมอ เราอยากให้พูดถึงสิ่งที่ชอบเกี่ยวกับโรลนี้ แสดงมันออกมาว่าต้องการที่จะเป็นโรลนี้จริงๆ ไม่ใช่เพราะแค่ได้ interactกับแขกหรือยืนตากแอร์ ที่disneyจะมีสิ่งนึงเรียกว่า magical moment ค่ะ เรายกตัวนี้ขึ้นมาพูดตอนสัม แล้วเราเลือกอันที่ดีไป เราประทับใจมากกับโมเม้นนี้ จิลเองก็ด้วย มันคือโมเม้นที่ ทางicp คนนึงทำหน้าที่สลักข้อความบนสายรัดข้อมือที่ animal kingdom แล้ววันนั้นมีครอบครัวนึงมาขอสลักข้อความสั้นๆเหมือนกันทั้งครอบครัว ประมานว่าเราจะสู้ได้กับเธอนะ หมายถึงลูกชายของครอบครัวนี้เป็นมะเร็งค่ะ แล้วicpคนนี้เขาอ่านสถานการณ์แล้ววอไปถามแมเนว่า เรามีเรื่องแบบนี้ตรงนี้ เราทำยังไงดี แมเนให้บอกกับเกสต์ว่า today's a very special day. today it's on us. แปลคือวันนี้เป็นวันพิเศษ และเราของมอบให้คุณเป็นของขวัญโดยไม่คิดค่าตอบแทน และครอบครัวนั้นเขาร้องไห้เลยค่ะ แล้วทุกคนเดินเข้ามากอดกับ icp คนนั้นและถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก งื้อออ
และนั่นคือส่วนสำคัญทั้งหมดในการสัมกับdisney นอกเหนือจากนี้เขาจะถามทั่วไปแล้วค่ะเช่น เคยยุหอมั้ย มีรอยสักรึเปล่า รุ้จัก disney look มั้ย ทำนองนี้ แล้วพอจบเขาจะถามเราค่ะ ว่ามีอะไรจะถามเขามั้ย
เตรียมคำถามไปนะคะ ต้องถามค่ะ ไม่ถามก้ไม่ผ่านนะคะ ถามอะไรก้ได้ค่ะ อย่างเราถามเขาว่า เคยร่วมโครงการนี้ในฐานะของ American CP มั้ย ประมานนี้ ลืมบอกค่ะ เขาจะถามด้วยว่าทำไมถึงอยากทำงานกับเขา เตรียมคำตอบดีๆไปนะคะ
และนี้คือทั้งหมดที่เราอยากจะมาแชร์ให้คนที่สนใจได้รับทราบ เพื่อเตรียมตัวสมัครของปี2019 หวังว่าข้อมูลจะเป็นประโยชน์นะคะ มีอะไรสงสัยหลังไมค์เข้ามาได้เลยนะคะะะ Have a Magical Day!
[CR] ประสบการณ์สัมภาษณ์กับดิสนีย์ Disney ICP
ตอนนี้เลยอยากจะมาบอกเล่าประสบการณ์ให้ทุกคนรับทราบกัน
ก่อนอื่นเลย โครงการนี้ไม่ใช่ Work and Travel นะคะ แต่เป็น Cultural Exchange Program ที่ทาง Walt Disney World รับสมัครเอง และตัวแทนอย่างเป็นทางการแห่งเดียวในประเทศไทยคือ London House ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
การจะสมัครเข้ารับคัดเลือกนั้น ไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใดค่ะ แต่การจะสมัครในแต่ละรอบเพื่อที่จะเข้ามาสัมกับทาง Disney เนี้ยมีหลายด่านค่ะ ด่านแรกสุดเลยคือ Roadshow รอบนี้ฟาดฟันกันมาก เพราะคนสนใจโครงการนี้เยอะมากมาก แต่ละรอบRoadshow ก็มีจำกัด
โดยRoadshow จะมีแค่สองจังหวัดเท่านั้นนะคะ! กทม.และเชียงใหม่ (เรากทม.ค่ะ)
สำหรับการจะจองที่นั่งในroadshow ติดตามข่าวสารจากทาง facebook ของ ลอนดอนเฮ้าส์ให้บ่อยๆ ค่ะ (เราตั้งsee first ใน facebook)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
การจองroadshowคือต้องรอทางลอนดอนเฮ้าส์ประกาศก่อนนะคะ โดยเขาจะประกาศวัน เวลา สถานที่ไว้ หลังจากนั้นก็คือให้อินบ๊อกซ์เข้าไปค่ะ ชื่อนามสกุล มหาวิทยาลัย จังหวัดและรอบที่สนใจ รอทางแอดมินตอบกลับ เท่านี้ก็เรียบร้อย
Roadshow มาทำอะไร?
เหมือนเป็นการมาให้ข้อมูลของทางลอนดอนเฮ้าส์ค่ะ โดยพี่เจ้าของโครงการนี้ จะมาแนะนำรายละเอียดทั้งหมดให้ฟัง เรื่องงานที่อยู่ เดินทางยังไง พกเงินไปเท่าไร รายได้ได้ยังไง เอาเป็นว่าคลอบคลุมหมด แนะนำให้พาผู้ปกครองไปด้วยนะคะ เพราะบางคนพ่อแม่ไม่อยากให้ไปเวิค แต่พอมาฟังทางโครงการอธิบายรายละเอียดสนใจและอยากให้ลูกไปเลย เราคือหนึ่งในนั้นค่ะ5555
หลังจากฟังRoadshow เสร็จ ก็กลับบ้านค่ะและรอสมัคร online application ซึ่งกรอกในเวปของลอนดอนเฮ้าส์นะคะ อันนี้ทางพี่ๆเขาจะบอกว่าวันไหน ต้องกรอกอะไรบ้างบลาๆ
ประสบการณ์ส่วนตัวนะคะ ตอนนี้ก็จำไม่ค่อยได้แล้ว มันนานแล้ว555 แต่ก็คือกรอกข้อมูลส่วนตัวเราทั่วไปเสร็จ อัพโหลดพาสปอร์ต แล้วถัดไปที่ทำให้ทุกคนสตั้น คือการเขียนแนะนำตัวเอง กับเขียนว่าชอบทำอะไรในเวลาว่าง (ไม่แน่ใจว่าเหมือนกันทุกปีมั้ยนะ แต่เราได้แบบนี้) คืออึ้งมาก และดีที่ไม่ได้จับเวลาในการกรอกใบสมัคร ตรงนี้อยากให้ทุกคนใช้เวลาหน่อย เขียนเกลาๆให้มันสวยๆ และค่อยกด submit นะคะ
กรอกเสร็จเรียบร้อยก็ต้องรอเมลจากทางลอนดอนเฮ้าส์อีกค่ะ เขาจะส่งมาบอกว่า เราจะได้สัมภาษณ์วันไหน กี่โมง เตรียมอะไรบ้าง แต่งกายยังไง
เน้น อยากบอกว่า ในเมลเขาส่งมาค่ะว่า แต่งกายสุภาพ สุภาพนะคะหมายถึงชุด formal ของฝรั่งเวลาเขาไปสัมภาษณ์งานอ่ะค่ะ ปีนี้คนมาสัมเยอะมาก แล้วตีความชุดสุภาพไม่ถูก บางคนแต่ยีนส์ ใส่ชุดนอก รองเท้าแตะมา อันนี้ทางลอนดอนเฮ้าส์ปรับไม่ผ่านหมดเลยนะคะ ปีนี้โดนเยอะมาก สำหรับใครท่ีสมัครสัมกับที่นี่ ใส่ชุดนักศึกษามาสัมภาษณ์เลยค่ะ ชัวร์สุด
First Interview: อันนี้สัมกับทางลอนดอนเฮ้าส์นะคะ สัมทั่วๆไปค่ะ วัดระดับภาษา ความคล่องในการสื่อสารภาษาอังกฤษ ดูความสามารถพิเศษด้วย ใครมีอะไรนี่จัดเต็มไปเลยค่ะ ตอนเราสัมมีคนนึงร้องเพลง reflection คนนั้นน่าจะผ่านอ่ะค่ะ เสียงเพราะมาก (นอกเรื่องงง) งานนี่มี alumni หรือคนที่เป็นศิษย์เก่านะคะเรียกกัน อัลลัมไน ก็จะมายืนดูความเรียบร้อย รันผู้สมัครเข้าไปสัม ให้กำลังใจน้องๆ สัมรอบกรุงเทพปี2017นะคะ เห็นว่าเจ็ดร้อยกว่า คนเยอะมากจริงจริง เราสัมรอบแปดโมงครึ่ง กดดันมาก กดดันหนักเลยคือ ประกาศให้รู้วันนั้นเลยว่า ได้ไปต่อมั้ย ฮืออ
บรรยากาศห้องสัมนะคะ เป็นห้องบอลรูมกว้างๆเลย เขาจะให้เรานั่งรอก่อนตามเลขที่เราได้ แล้วค่อยๆไปสัม กรรมการนั่งเรียงกันยุเป็นโต๊ะๆ มีประมาณสิบกว่ามั้งคะ (ไม่ได้นับบบ) คนที่สัมจะเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษและอัลลัมไนบางส่วนค่ะ
สำหรับของเราตอนเราสัมนะคะ เป็นทั้งอาจารย์และเป็นอัลลัมไน555 เขาให้แนะนำตัวค่ะ เรียนที่ไหน แล้วเขาดูเรซูเม่ แล้วส่วนใหญ่เขาจะถามตามนั้นค่ะ อย่างเรา เราใส่ความสนใจของเราไปซึ่งคือท่องเที่ยว เขาก็ถามเคยไปตปท.คนเดียวมั้ย ล่าสุดไปไหนมา ไหนลองเล่าให้ฟังหน่อย แหม ถูกจริตมากค่ะ คำตอบพลั่งพรูมาก แล้วเขาก็ถามว่า พูดจีนได้หรอ (เราใส่สกิลเราไป ซึ่งคือภาษาที่สามและสี่) เราก็ตอบว่าได้ แล้วก็ลองเล่าสถานการณ์ไรพวกนั้นให้เขาฟัง แล้วเขาก็ถามว่า ถ้าไปทำที่นี่และจะขอติดแท๊กชื่อว่าพูดจีนได้ ได้มั้ย ซึ่งแน่นอนเราตอบไปว่าได้ 5555 และเป็นอันจบการสัม
ของเราอ่ะ พอได้ลองมาฟังคนอื่นที่ออกมาก่อนเล่าให้ฟัง เขาบอกของเราชิลมาก คนอื่นโดนแบบ สถานการณ์สมมติเลยว่า ถ้าไปทำงานขายของที่นุ้นจะต้องพูดว่ายังไง หรือ เล่าประสบการณ์การทำงานอย่างละเอียด ซึ่งเราว่าอันนี้ต้องแล้วแต่ดวงล้วนๆ 555
ข้อแนะนำเวลาเขียนเรซูเม่: อยากให้เขียนให้เป็นตัวเราที่สุด อย่าเมคขึ้นมา เพราะอย่างเราเงี้ย ถ้าโดนถามมจี้จุดๆนึงขึ้นมา เราก็ต้องสามารถตอบได้ทันทีเลย เขารุ้ด้วยนะว่าอะไรเมคขึ้นมาหรือยังไง
หลังจากสัมเสดก็ไปรออีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งพี่เจ้าของโครงการจะเป็นคนประกาศว่าผ่านหรือไม่ผ่าน เช่น สมชาย ไม่ผ่าน สมหญิง ผ่าน เป็นต้น
ถ้าผ่าน ก็ไปกรอกเอกสารให้กับทางโครงการค่ะ คือชื่อสกุล อีเมลล์ (เมลที่กรอกคือเมลที่จะใช้ตลอดการเข้าร่วมโครงการ ห้ามเปลี่ยน ห้ามโดนแฮค เป็นอันขาด จะเปลี่ยนได้ต่อเมื่อเท้าเหยียบที่ดิสนีย์แล้วเท่านั้น พี่เขาบอกมา)
แล้วทางลอนดอนเฮ้าส์ก็จะให้เอกสารเรามาตัวนึงคือ Proof of Student Status ก็คือใบรับรองว่าเราเป็นนศแหละ เขาจะบอกว่าต้องกรอกยังไง แล้วเราแค่เอาไปให้ dean หรือ คณบดีเซนต์ พร้อมประทับตรามหาวิทยา ลงวันที่ ทุกอย่างทำด้วยหมึกดำ!
หลังจากสัมรอบแรกเสร็จแล้วก็สร้างaccount กับdisney ค่ะ มีแอคของดิสนีย์เรียบร้อยแล้วหมั่นเข้าไปเช็ค dashboard ทุกวันนะคะ ไม่ให้แอคล๊อค
แล้วหลังจากนั้นดิสนีย์จะส่งเมลมาให้เราเองค่ะ ไม่สามารถบอกได้นะคะว่าจะมาวันไหนกี่โมง อย่างของปีนี้มาแบบคาดไม่ถึงคือหกโมงเย็น เวลาที่เราได้ บางคนได้ตอนห้าโมง บ้าไปแล้ววว เดี๋ยว ดิสนีย์ส่งเมลไรมาให้หรอ???
Disney Cultural Exchange Program Step 1: Role-Checklist
สิ่งแรกที่ได้รับและทำอย่างแรกคือโรลเชคลิสต์ เลือกโรลที่เราสนใจนั่นเองค่ะ มีสามระดับที่เราแนะนำให้ใส่ High interest, Moderate, Low interest
มันมีตัวเลือกอีกค่ะ อย่างนึงที่ ห้าม เลือกคือ no interest เพราะคุณอาจโดนคัดออกทันที
โรลหรืองาน ที่คนไทยอย่างเราๆสามารถทำได้ (เท่าที่จำได้) นะคะ มี Quick service and beverage (QSR), Merchandise, Lifeguard, Custodial, Costume operator, Seater, Attraction, Character Performer, Charactor Attendant ศึกษาแต่ละหน้าที่ให้ละเอียดก่อนที่จะคลิกไปนะคะ เพราะการเลือกของคุณมีผลในการสัมรอบสองกันทางดิสนีย์
Disney Cultural Exchange Program Step 2: Schedule your interview
disneyยึดหลัก first comes, first serves ตลอดนะคะ ดังนั้น จ้องเมลให้ดีๆ ถ้ามาแล้วให้รีบทำrole checklist แล้วมาเลือกวันเวลาสัมค่ะ ตรงนี้จะมีเป็นtime slots มาให้เลย กทม.จะสัมห้าวันค่ะ เวลาเท่าไรแล้วแต่ปีนั้นจะกำหนด เลือกวันที่ตัวเองไม่ติดอะไรนะคะ เลือกได้เสร็จสับก็จบค่ะ รอสัมได้เลย
และ และ และ ทุกงานต้องมีดราม่า disney ก้มีค่ะ อย่างที่บอก มาก่อนได้ก่อนคือคติของการสมัครงานนี้ ดังนั้น เวลาที่เขาจะสัมมันไม่พอดีก่ะคนที่ผ่านรอบแรกมาค่ะคุณผู้ชมม คนที่ผ่านก้ดีใจไป แต่ แต่ แต่ อย่าเผลอไปกด reschedule เปนอันขาดเพราะมีคนที่จองไม่ได้รอบเสียบอยู่นะจ๊ะ ถึงบอกเลยว่า ถ้าเลือกวันได้ เลือกวันที่เราสะดวกที่สุด สำหรับคนที่เลือกไม่ได้เพราะรอบเต็มอย่าถอดใจค่ะ นั่งส่องไปเรื่อยๆเผื่อมีเวลาหลุดมาให้
Disney Cultural Exchange Program Step 3: FINAL interview
หนักหนาสาหัสเอาเรื่องจากเสียงลือเสียงเล่าอ้าง แต่จริงๆแล้วนั้นน เป็นตัวเองให้มากที่สุดค่ะ มั่นใจเข้าไว้ ท่องมาไม่ช่วยอะไรนะคะ แค่ศึกษามาให้พอรู้ว่าroleที่เลือกไปทำอะไรบ้าง เขาสนใจแค่ high interest นะคะ ถ้าเลือกเมอก้ให้ดูว่าเมอ(merchandise)ทำอะไรบ้าง ถามตัวเองว่าทำไมถึงอยากทำตรงนี้ อันนี้ขอเล่าประสบการณ์ของเราเลยนะคะ
ปีนี้มาสัมที่ไทยแค่สองคนคือ Delinda กับ Jill เราสัมกับจิลค่ะ ก่อนอื่นเดินเข้าไป จิลนางลุกขึ้นยืน ทักทายเรา เราก้ทักทายนางค่ะ สรุปยืนคุยกัน5555 แล้วเขาก้เชิญนั่งค่ะ ยื่นเอกสารให้เขา เขาจะมีคอมตัวนึงยุข้างหน้าในนั้นจะมีข้อมูลของเรา role checklist ที่เราเลือกไว้ โดยระหว่างที่เราพูดจิลก้พิมๆๆๆๆ อย่างแรกที่ทำคือแนะนำตัวกันเรียบร้อยตั้งแต่ตอนยืนกัน555 จากนั้นก้ถามค่ะ How's your day? อันนี้ตอบตามความจริงเลย มันแย่มากเลยจิล เนี้ยพายุเข้าฝนตกน้ำท่วม ไอต้องเดินมาจากบีทีเอสอ่ะ มันก้แห้งดีๆยุหรอก แต่พอไอมาถึงหน้าโรงแรมทำไปน้ำท่วมงั้นล่ะ ไอเลยถอดถุงเท้าถุงน่องเดินลุยน้ำมาเลย จิลขำค่ะ บอกว่า เออไอก้ชะตาเดียวก่ะยูอ่ะ โรงแรมไอยุฝั่งตรงข้าม อ้าวกรรม555 เฮฮามาก จากนั้นเขาก้เรื่องว่าเคยทำงานที่ไหนมาก่อนมั้ย เราเคยทำงานก่ะป้าก่ะพี่เราก้เล่าไป เปนไปได้คือเล่าไปเรื่อยๆค่ะ มีโมเม้นไรฮาๆตลกๆ ใส่ให้สุด ให้เต็ม ถ้าจบแล้วเขาจะถามเราเอง อย่างจิลถามเราว่า ชอบทำงานก่ะป้าหรือก่ะพี่มากกว่า เราตอบว่าก่ะป้า เขาก้ถามเหตุผล เราก้เล่าต่อไปอีกยาวๆค่ะ key ของการสัมภาษณ์นะคะคือการ extend your answer อย่างเช่นมะกี้ เขาถามเราว่า How's your day ใช่มั้ยคะ ตอบแค่โอเค กู้ด นี่กลับบ้านเลยนะคะ555 คำถามสั้นก้จริง แต่ตอบให้ยาวๆไปเลยค่ะ นี่คือการสัมแบบระดับอินเตอร์ที่ควรทำอย่างยิ่ง อันนี้อยากบอก555
แล้วเขาถามเราเรื่องอยากเป็นอะไรค่ะ เราทำการบ้านมาดีค่ะแล้วเลือกดี เพราะเราเลือก high interest ไปแค่สองอย่าง ที่เหลือเลือก moderate หมดเลย ดังนั้นที่ต้องโฟกัสในการตอบจึงมีแค่สองเรื่อง เราเลือก Lifeguard merchandise ค่ะ โดยเราพูดเรื่อง lg ก่อน อันนี้คือความอยากส่วนตัว ไม่ใช่เพราะกล้ามผู้ชายนะคะ (แหะๆ) แต่เป็นสิ่งที่เราจะได้รับจากการทำหน้าที่นี่ แต่เอาเข้าจริง เราพูดถึงเมอเยอะกว่ามากและใส่passionมากกว่า สำหรับ lg เขาจะถามแค่ว่า ยูต้องยืนกลางแดดทั้งวัน โอเคมั้ย เราบอกว่าโอมากค่ะ ไม่กลัวดำ5555 ต้องเรียนช่วยชีวิตไรพวกนี้นะ รุ้แล้วใช่มั้ย เราก้เยสๆ แล้วก้เล่ายาวววว ว่าเออเรารุ้มาว่างั้นงี้ แล้วค่อยไปพูดถึงเมอค่ะ สำหรับใครที่อยากเปนเมอ เราอยากให้พูดถึงสิ่งที่ชอบเกี่ยวกับโรลนี้ แสดงมันออกมาว่าต้องการที่จะเป็นโรลนี้จริงๆ ไม่ใช่เพราะแค่ได้ interactกับแขกหรือยืนตากแอร์ ที่disneyจะมีสิ่งนึงเรียกว่า magical moment ค่ะ เรายกตัวนี้ขึ้นมาพูดตอนสัม แล้วเราเลือกอันที่ดีไป เราประทับใจมากกับโมเม้นนี้ จิลเองก็ด้วย มันคือโมเม้นที่ ทางicp คนนึงทำหน้าที่สลักข้อความบนสายรัดข้อมือที่ animal kingdom แล้ววันนั้นมีครอบครัวนึงมาขอสลักข้อความสั้นๆเหมือนกันทั้งครอบครัว ประมานว่าเราจะสู้ได้กับเธอนะ หมายถึงลูกชายของครอบครัวนี้เป็นมะเร็งค่ะ แล้วicpคนนี้เขาอ่านสถานการณ์แล้ววอไปถามแมเนว่า เรามีเรื่องแบบนี้ตรงนี้ เราทำยังไงดี แมเนให้บอกกับเกสต์ว่า today's a very special day. today it's on us. แปลคือวันนี้เป็นวันพิเศษ และเราของมอบให้คุณเป็นของขวัญโดยไม่คิดค่าตอบแทน และครอบครัวนั้นเขาร้องไห้เลยค่ะ แล้วทุกคนเดินเข้ามากอดกับ icp คนนั้นและถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก งื้อออ
และนั่นคือส่วนสำคัญทั้งหมดในการสัมกับdisney นอกเหนือจากนี้เขาจะถามทั่วไปแล้วค่ะเช่น เคยยุหอมั้ย มีรอยสักรึเปล่า รุ้จัก disney look มั้ย ทำนองนี้ แล้วพอจบเขาจะถามเราค่ะ ว่ามีอะไรจะถามเขามั้ย เตรียมคำถามไปนะคะ ต้องถามค่ะ ไม่ถามก้ไม่ผ่านนะคะ ถามอะไรก้ได้ค่ะ อย่างเราถามเขาว่า เคยร่วมโครงการนี้ในฐานะของ American CP มั้ย ประมานนี้ ลืมบอกค่ะ เขาจะถามด้วยว่าทำไมถึงอยากทำงานกับเขา เตรียมคำตอบดีๆไปนะคะ
และนี้คือทั้งหมดที่เราอยากจะมาแชร์ให้คนที่สนใจได้รับทราบ เพื่อเตรียมตัวสมัครของปี2019 หวังว่าข้อมูลจะเป็นประโยชน์นะคะ มีอะไรสงสัยหลังไมค์เข้ามาได้เลยนะคะะะ Have a Magical Day!