[CR] 🇹🇭 6 Course Dinner by Michelin Star Chef Francesco Gasbarro พาไปชิม by ตามล่า Fine Dining

🇹🇭 6 Course Dinner by Michelin Star Chef Francesco Gasbarro

🇮🇹 วันเสาร์ที่แล้ว (12/10/2019) เรามีโอกาสไปทานอาหารค่ำมื้อพิเศษที่ห้องอาหารอิตาเลียน Giorgio’s ซึ่งเป็นห้องอาหารประจำโรงแรม Royal Orchid Sherraton Hotel & Towers โดยมีเชฟรับเชิญพิเศษคือเชฟชาวทัสคัน Francesco Gasbarro เชฟเจ้าของร้านอิตาเลียน La Bottega ที่ได้รับรางวัล ⭐️ 1 ดาวมิชลิน ภายใน ระยะเวลา 5 เดือนหลังเปิดร้าน รวมไปถึงห้องอาหารอิตาเลียนพี่น้องกันอย่าง Osteria della Bottega ที่ได้รับรางวัล 😋 บิบ กูร์มองด์ในกรุง Geneva ประเทศ 🇨🇭 Switzerland อีกด้วย โดยวันนี้เชฟจะใช้เทคนิคการปรุงอาหารสไตล์ Progressive Italian ผนวกเข้ากับวัตถุดิบที่หาได้ในประเทศไทยและบางอย่างนำเข้ามาจากหลายแหล่งในต่างประเทศออกมาเป็นอาหารทั้ง 6 คอร์ส

📄 Michelin Star Chef Francesco Gasbarro "The Star of Italy" 6 Course Dinner Menu (2,200++/p)

STUZZICHINI
Pizza shoot | Fake tomato | Eggs “carnonara”| Crab salad

ANTIPASTI
Local prawn, parsnip and mango

ZUPPE
Pumpkin soup, truffle oil and parmesan

CHOICE OF PRIMI
Pasta "calamarata" seafood and white beans
or
Risotto beetroot and gorgonzola

CHOICE OF SECONDI

SEAFOOD
Hamachi, bean needle and "cacciucco" sauce
or
RED MEAT
Beef tenderloin, sweet potato and onion

DOLCI
Sbrisolona cake, ricotta ice cream, pear and chianti

👌 อาหารมื้อพิเศษโดยเชฟเจ้าของร้านอาหารระดับ 1 ดาวมิชลิน รสชาติใช้ได้ ราคาไม่แพงจนเกินไป

รสชาติ : 13/20
ราคา : 14/20
ความคุ้มค่า : 14/20
บรรยากาศ : 15/20
บริการ : 12/20
ความประทับใจโดยรวม : 13/20

ประวัติของเชฟ Francesco Gasbarro นั้นไม่ธรรมดาเพราะเชฟเป็นเจ้าของร้านอิตาเลียน La Bottega ที่ได้รับรางวัล ⭐️ 1 ดาวมิชลิน ภายใน ระยะเวลา 5 เดือนหลังเปิดร้าน รวมไปถึงห้องอาหารอิตาเลียนพี่น้องกันอย่าง Osteria della Bottega ที่ได้รับรางวัล 😋 บิบ กูร์มองด์ในกรุง Geneva ประเทศ 🇨🇭 Switzerland
เชฟ Francesco Gasbarro ในครัวของห้องอาหาร Giorgio’s


ภายในห้องอาหาร Giorgio’s ถูกปรับเเต่งใหม่โดยเปลี่ยนจากผ้าปูโต๊ะเดิมขาวแดงตารางหมากรุกเดิมเป็นสีขาวล้วนแบบห้องอาหาร Fine Dining


STUZZICHINI
Pizza shoot | Fake tomato | Eggs “carnonara”| Crab salad
สำหรับสตูซซิคินี่หรืออาหารทานเล่นแบบอิตาเลี่ยนเริ่มจากอันเเรกทางซ้ายมือคือมะเขือเทศปลอม ที่เชฟใช้เจลมะเขือเทศทำเลียนแบบมะเขือเทศจริงๆ ทานเเล้วจะมีรสเปรี้ยวอุมามิช่วยเรียกน้ำย่อยได้ดี (11/20) ถัดมาคือพิซซ่าชูทให้เริ่มทานมอซซาเรลล่าชีสด้านบนก่อนจากนั่นดื่มน้ำมะเขือเทศรสเปรี้ยวที่เขฟกรองจนเป็นสีขาวตามลงไป (11/20) ด้านล่างคือสลัดเนื้อปู ทานเเล้วมีกลิ่นหอมของปูเข้ากันกับเเตงกวาได้อย่างดี (11/20) สุดท้ายคือไข่คาโบนาร่าที่มีส่วนผสมของไข่กับชีสทอปด้วยเบคอนกรอบรสเค็ม อร่อยใช้ได้เลย (13/20)


ANTIPASTI
Local prawn, parsnip and mango
กุ้งไทย ทานกับพูดรมะม่วงสีเหลือง ให้รสหวานสดชื่น ด้านบนคือพูเรพาสนิปให้รสออกมันๆคล้ายมันฝรั่ง ด้านบนคือพาสนิปทำเป็นแผ่นกรอบตัดเนื้อสัมผัสกับเนื้อกุ้งได้ดี (12/20)


ZUPPE
Pumpkin soup, truffle oil and parmesan
หนึ่งในจานที่โดดเด่นที่สุดในวันนี้ขอยกให้ซุปฟักทองถ้วยนี้ เนื้อซุปเนียน ละเอียดมากๆ มีกลิ่นหอมฟักทองพอดีๆไม่มากจนเกินไป เสริมด้วยกลิ่นของทรัฟเฟิลออยออกมาเข้ากันดี ตัดเลี่ยนด้วยการใส่พาเมซานครีมรสเค็มลงไปข้างบน ทีเด็ดของจานนี้คือการใส่ฟักทองสดสไลด์ลงไปเพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัส แต่เชฟทำฟักทองสดออกมาไม่มีกลิ่นเลย เคี้ยวกรอบ เข้ากันกับตัวซุป อร่อยจริงๆ (14/20)


Pasta "calamarata" seafood and white beans
พาสต้าจานแรกคือคาลามาราต้า พาสต้าทรงกระบอกทำออกมาได้อัลเดนเต้ใช้ได้ ทานกับอาหารทะเลต่างๆคือหอย กุ้ง ราดด้วยซอสถั่ว สำหรับเราจานนี้อาหารทะเลทำออกมาได้ดี เนื้อนุ่ม เเต่ส่วนรสชาติของซอสค่อนข้างจืดไปสักหน่อย กลิ่นทั้งถั่วเเละทะเลยังไม่หอมเท่าที่ควร (11/20)


Risotto beetroot and gorgonzola
อีกหนึ่งจานที่เชฟทำออกมาได้ดีคือรีซอตโต้บีทรูทสีแดงก่ำ ตัวข้าวเเข็งกว่าจุดอัลเดนเต้ไปเล็กน้อย มีกลิ่นดินอ่อนๆอันเป็นเอกลักษณ์ของบีทรูท ตัดเลี่ยนด้วยการใส่กอกอนโซล่าชีสไปด้านบน นับเป็นรีซอตโต้ที่พบเห็นได้ไม่มากนักในประเทศไทย (13/20)


RED MEAT
Beef tenderloin, sweet potato and onion
เนื้อวัวออสเตรเลียส่วนเทนเดอร์ลอย ย่างมาในความสุกระดับมีเดียม มีกลิ่นหอมมากๆ ทานกับพูเรมันหวานรสเด็ด ราดด้วยบีฟจู ขนาบข้างด้วยหอมใหญ่ คลาสสิคแต่อร่อยในแบบที่ควรจะเป็น (13/20)


SEAFOOD
Hamachi, bean needle and "cacciucco" sauce
ปลาฮามาจินำเข้าจากญี่ปุ่น เสิร์ฟมาเป็นฟิลเลขนาดใหญ่ชนิดที่ว่าทานยังไงก็ต้องอิ่ม รองด้านล่างด้วยถั่วเข็มเคี้ยวกรอบ ปิดท้ายด้วยการราดซอสสีส้มแสดทำจากเนื้อปลา ทานแล้วมีกลิ่นหอมทะเล เข้ากันดีกับเนื้อปลามากๆ (12/20)


DOLCI
Sbrisolona cake, ricotta ice cream, pear and chianti
ส่วนของหวานคือเค้กสบรีซโซโลน่าที่มีต้นกำเนิดมาจากแคว้นทัสคานี บ้านเกิดของเชฟ ตัวเค้กมีส่วนผสมของถั่วอัลมอนต์เนื้อสัมผัสนุ่มเเต่แฝงด้วยความกรอบเบาๆ มีรสเค็มอ่อนๆ ด้านบนคือไอศกรีมรีคอตต้าชีสที่ทางร้านทำเอง เนื้อสัมผัสนุ่มเนียนกว่าเค้กเสียอีก มีกลิ่นหอมคล้ายนม มีครัมเบิ้ลกรอบ ลูกแพร์เชื่อม ปิดท้ายด้วยซอสไวน์แดงเคียนติอันโด่งดังของเเคว้นทัสคานี จานนี้บอกเลยว่ารสชาติอร่อยโดดเด่นกว่าจานอื่นสุดๆ (15/20)


ITALIAN BREAD
Tomato bread, Olive bread, Oregano and salt bread
ขนมปังเสิร์ฟมาอุ่นๆ มีสามอย่างคือ ขนมปังมะเขือเทศที่มีรสเปรี้ยวอ่อนๆ ขนมปังมะกอกทานเเล้วมีกลิ่นหอมของมะกอกขึ้นมาเเตะจมูก และขนมปังออริกาโนผสมเกลือให้รสเค็มๆ ทานกับน้ำมันมะกอกเอ็กตร้าเวอร์จิน (12/20)


บนโต๊ะอาหารมีสมุดเมนูพันด้วยเส้นพาสต้าพร้อมผ้าปูโต๊ะสีส้มแสด


ปล.ฝากติดตามเพจ FB: ตามล่า Fine Dining 
รวบรวมร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์หลายร้อยแห่งทั่วโลก รวมถึงร้านอาหาร “ทุกร้าน” ในมิชลินไกด์ฉบับกรุงเทพฯ ไปล่าของกินด้วยกันค่ะ
ชื่อสินค้า:   🇹🇭 6 Course Dinner by Michelin Star Chef Francesco Gasbarro
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่