https://ppantip.com/topic/39209856
กลิ่นในที่แคบ ตอนที่1
https://ppantip.com/topic/39231196
กลิ่นในที่แคบ ตอนที่2 บัตรพนักงาน
https://ppantip.com/topic/39246353
กลิ่นในที่แคบ ตอนที่3 ไม่กลัวผีบ้างหรอ
“สวัสดีครับ......มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”
เสียงทักทาย จากชายคนหนึ่งดังมาจากข้างหลัง เธอรีบหันหลังเงยหน้ากลับไปมองตาม
เสียงที่ได้ยิน แล้วก็ได้พบกับชายหนุ่ม ที่ดูเหมือนพนักงานออฟฟิศทั่วไป กำลังยืนมองเธออยู่
“ผมเห็นคุณ กำลังก้มๆ เงยๆ มองดูที่ฝาแท็งก์อยู่ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรให้ผมช่วยไหม”
“ขอบคุณค่ะ พอดีฉันทำกระเป๋าสตางค์ตกลงไปในนั้นนะค่ะ”
หญิงสาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงร้อนรน
ชายหนุ่มก้มลงพร้อมกับส่องแสงไฟจากมือถือมองลงไปดูภายในแท็งก์น้ำ
“โทษนะครับผมขอดูหน่อยนะครับ.............................อืม…..กระเป๋าตกลงไปแบบนี้ มันน่าจะหล่นลงไปถึงก้นแท็งก์
แล้วละครับ นั่นไงผมเห็นแล้ว”
“เห็นแล้วหรอคะ”
“ใช่ครับ ว่าแต่คุณขึ้นมาทำอะไรบนนี้ แล้วไปทำอีท่าไหน กระเป๋าสตางค์มันถึงหล่นลงไปในแท็งก์ได้ครับ”
“คือ.........................................คือฉัน............ชอบขึ้นมาสูดอากาศบนนี้หลังเลิกงานนะค่ะ
แล้วพอดีฉันกำลังล้วงจะหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา มันก็ดันร่วงหลุดมือแล้วก็หล่นลงพื้นกระเด็นตกลงไปในแท็งก์นี้
แหละค่ะ”
ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจอย่างมากกับคำตอบที่เขาได้รับ
“ขึ้นมาสูดอากาศ บนนี้!!!!! บนดาดฟ้าของตึก แล้วยังต้องปีนบันไดขึ้นมายืนบนแท็งก์น้ำเก่า คุณเป็นผู้หญิงที่มีความ
พยายามมากเลยนะครับ ในการที่จะแค่มาสูดอากาศ”
หญิงสาวรู้สึกเขินอายเล็กน้อยกับคำพูดของชายหนุ่ม
“ใช่ค่ะ ต้องใช้ความพยายามมากหน่อย กว่าที่ฉันจะมายืนถึงจุดนี้ได้ มันไม่ได้ง่ายเลยสำหรับผู้หญิงต่างจังหวัดอย่าง
ฉัน ที่การศึกษาไม่ได้สูงมากนัก ได้เข้ามาทำงานในตึกใจกลางเมืองหลวงแบบนี้ ที่ฉันต้องพยายามขึ้นมาบนนี้ด้วย
เพราะฉันคิดถึงบ้าน.................เมื่อขึ้นมายืนข้างบนนี้แล้วหันหน้ามองออกไปให้ไกลสุดสายตา ทางทิศตะวันตก ที่นั่น
คือบ้านที่ฉันจากมา”
“แล้วในกระเป๋าสตางค์ของคุณมีอะไรสำคัญมากไหมครับ?”
“ข้างในมีโทรศัพท์มือถือและก็เงินเดือน ทั้งหมด ที่ฉันเพิ่งกดออกมาตั้งใจอยากจะส่งกลับไปให้คนที่บ้านด้วย”
“อืม..............ผมเข้าใจแล้ว มันสำคัญมากด้วยแน่ๆ เอาอย่างงี้เดี๋ยวผมจะลงไปเก็บให้ละกันนะครับ”
“จริงหรอคะ!!! ........ แล้วคุณจะลงไปได้อย่างไร? คะ ขอบคุณ ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ”
หญิงสาวรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก หลังจากเป็นกังวลกับสถานการณ์ก่อนหน้านี้
“เดี๋ยวผมจะกลับไปเอา บันไดที่แผนกมา แล้วปีนบันไดลงไปเก็บกระเป๋าให้ครับ”
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ..........คุณใจดีจริงๆ เลย”
หญิงสาวยังกล่าวขอบคุณชายหนุ่ม อย่างไม่ขาดปาก ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินหายกลับไป
หญิงสาวยังคงยืนรอคอยชายหนุ่มที่จะมาช่วยเหลืออย่างร้อนรน เมื่อเวลาผ่านไปนานมากยิ่งขึ้นความวิตกกังวลก็ยิ่ง
มากขึ้นเป็นเท่าตัว เมื่อเงินเดือนทั้งหมดอันน้อยนิดในตอนนี้มันอยู่เหนือกว่าการควบคุมของเธอ ด้วยที่มีความตั้งใจอัน
แน่วแน่อยากนำเงินส่วนที่เหลือจากการหักค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเธอจะนำเงินทั้งหมดส่งกลับไปให้ที่บ้าน
บ้านที่เธอได้จากมาเพื่อเข้ามาดิ้นรนต่อสู้ขายแรงงานในเมืองหลวง ด้วยความหวังอยากจะให้คนที่บ้านได้อยู่อย่างสุข
สบาย ถึงแม้งานที่เธอทำจะเป็นเพียงแม่บ้านที่คอยทำความสะอาดภายในตึกแห่งนี้ ดูเหมือนมันจะเป็นอาชีพที่ต้อยต่ำ
ที่สุด รายได้อันเพียงน้อยนิดในแต่ละเดือนของเธอนั้นจึงมีค่ามากมายในทุกบาททุกสตางค์ สำหรับเธอแล้วเงินที่อยู่ใน
กระเป๋ามันสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของเธอเสียอีก
“ขอโทษด้วยนะครับที่ให้รอนานเลย พอดีห้องเก็บของเครื่องมือช่างมันล็อกไปแล้ว ผมต้องเดินกลับไปเอากุญแจที่
ห้องทำงานอีก เดินวนไปมามันเลยช้าเสียหน่อย”
“ขอบคุณมากเลยค่ะ ไม่เป็นไรรอได้อยู่ค่ะ ฉันสิต้องรบกวนคุณที่ต้องเสียสละเวลามาช่วยฉัน
คุณกลับบ้านค่ำแน่เลยวันนี้”
“ไม่เป็นหรอกครับ ปกติผมก็กลับบ้านในช่วงเย็นๆ ค่ำๆ แบบนี้อยู่แล้ว รถมันไม่ติดดีนะครับ”
“แล้วคุณมีกุญแจเปิดห้องเครื่องมือช่างด้วยหรอค่ะ”
“มีครับ ผมทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายช่างที่คอยดูแลตึกนี้ ทั้งตึกนะครับ”
“อ๋อหรอคะ ดูไม่ออกเลย คุณแต่งตัวดูไม่เหมือนช่างคนอื่นที่ดูแลตึกนี้เลย คุณดูเหมือนพนักงานออฟฟิศทั่วไปเสีย
มากกว่า ฉันต้องขอขอบคุณ คุณมากเลย ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรหรอคะ”
“ฮึ...ฮึ...ฮึ....อย่างนั้นหรอครับ.......ผมชื่อยุทธครับ”
ชายหนุ่มค่อยๆ หย่อนบันไดลงไปทางทางฝาแท็งก์แล้วจัดแจงบันไดตั้งให้เหมาะสมพอที่เขาจะลงไปได้
“คุณๆ คุณยุทธคะไม่ต้องค่ะ ไม่ต้อง กระเป๋าสตางค์ฉันเดี๋ยว ฉันลงบันไดไปเก็บเองก็ได้ค่ะ”
“ข้างล่างนี้น่าจะเหม็นๆ และสกปรกอยู่นะครับผมลงไปให้เองดีกว่าครับ อีกอย่างคุณใส่กระโปรงในชุดแม่บ้านแบบนี้ขึ้น
ลงบันได มันก็จะยิ่งลำบากถ้าเกิดพลาดตกบันไดไปทีนี้เรื่องมันจะยุ่งยากมากกว่ากระเป๋าสตางค์แล้วสิครับ”
“ไม่เป็นไร ค่ะ ไม่เป็นไรฉันยังปีนขึ้นปีนลงบนแท็งก์น้ำได้อยู่บ่อยๆ เลยค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ขึ้นลงแค่นี้ผมทำให้เองจะได้เร็วกว่า
แต่ว่าตอนที่ผมกำลังจะลงไปรบกวนคุณช่วยจับที่ปลายบันไดเอาไว้ให้ด้วยสักหน่อยนะครับ”
“ได้ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ คุณยุทธ ฉันไม่รู้จะขอบคุณหรือจะตอบแทนคุณได้ยังไงดีกับการช่วยเหลือของคุณในครั้งนี้”
ยุทธค่อยๆ ก้าวเดินลงบันไดลงไปอย่างช้าๆ ทีละก้าวที่ก้าวลงไปในแท็งก์ จนลงไปได้เกือบถึงบริเวณสะโพกของเขา
“คุณยุทธ คะ ฉันรบกวนอีกเรื่องสิคะ คุณยุทธพกโทรศัพท์ติดตัวมาด้วยไหมคะ ฉันขอยืมโทร
กลับไปหาป้าแม่บ้านอีกคน ให้เขากลับบ้านไปก่อนไม่ต้องรอฉัน จนป่านนี้แล้วเขาคงรอกลับบ้านพร้อมฉันอยู่แน่ๆ เลย”
“ได้ๆ ได้ครับนี่ครับ”
ยุทธยื่นโทรศัพท์มือถือให้กับหญิงสาว
“คุณยุทธ คะขอโทษนะคะคือโทรศัพท์คุณมันกดใช้ยังไงนะคะ คือ.....ฉัน...ฉันใช้โทรศัพท์แบบนี้ไม่เป็นน่ะค่ะ
โทรศัพท์ฉันยังใช้แบบที่มีปุ่มกดอยู่เลย”
หญิงสาวยิ่งรู้สึกอายและเขินเมื่อต้องพูดถึงการใช้เทคโนโลยี ที่ดูเหมือนเธอจะไม่มีความรู้สักเท่าไหร่นัก
“อืม.....เบอร์อะไรครับเดี๋ยวผมกดให้ดีกว่าครับ เดี๋ยวถ้าคุณคุยเสร็จแล้วกดตรงนี้นะครับ จากนั้นไปตรงเมนูนี้ มันจะมี
กดให้ใช้เป็นไฟฉายแบบนี้ แล้วคุณช่วยส่องไฟลงมาในแท็งก์ให้ผมด้วยนะครับ”
“ได้ๆ ได้ค่ะ โทรคุยเสร็จแล้วเข้าเมนู กดตรงนี้เปิดไฟฉาย แบบนี้นะคะ ต้องรบกวนคุณยุทธอีกแล้ว”
“ไม่เป็นไร ยินดีครับ”
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆ”
สิ้นเสียงขอบคุณที่นิ่มนวลและอ่อนหวาน ยุทธก็ค่อยๆ ปีนบันไดลงไปในแท็งก์ต่อไปอย่างช้าๆ ยิ่งเขาลงมาลึกเท่าไหร่
แสงสว่างที่เคยสาดส่องมาจากทางฝาแท็งก์ก็ค่อยน้อยลง น้อยลงไปอย่างช้าๆ จนในที่สุดเขาลงมาจนใกล้จะถึง
ก้นแท็งก์
กลิ่นที่เหม็นอับชื้นภายในแท็งก์มันทำให้เขาอยากจะออกไปจากที่นี่ให้ไวที่สุด เขาเงยหน้ากลับขึ้นไปมองหญิงสาวอีก
ครั้ง เธอกำลังยืนคุยโทรศัพท์ แล้วก้มหน้าประนมมือข้างหนึ่งไหว้เขา ประหนึ่งว่าเป็นภาษากายที่บ่งบอกถึงการ
ขอบคุณในการกระทำของเขา เมื่อมาถึงก้นของแท็งก์ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัวเขามันก็เหมือนมืดดับลงไปจะมีก็แต่
เพียงแสงสว่างที่สาดส่องเล็กน้อยมาจากบนฝาแท็งก์
......................................................................................................
ความมืดมิดที่เป็นอยู่ในตอนนี้มันทำให้ ประสาทในการรับรู้ด้วยดวงตามองอะไรก็ไม่เห็นราวกับว่าเป็นคนตาบอดไปเสีย
แล้ว แต่ในการรับรู้ด้านอื่นๆ มันก็ยังคงทำงานของมันไปได้อย่างเป็นปกติ กลิ่นเหม็นสาบอับชื้นนั้นเป็นการบงชี้
ให้รู้ได้ว่า ประสาทด้านการรับรู้เรื่องของการดมกลิ่นยังคงใช้ได้ดีอยู่ แต่ประสาทในการรับรู้อีกอย่างที่ไม่อยากจะ
รับรู้มันก็ได้ทำหน้าที่ของมันไปตามปกติ มันคือความเจ็บปวด
ความเจ็บปวดทางกายมันค่อยๆ เริ่มทำงานอย่างช้าๆ มันเริ่มจากบริเวณขาข้างซ้ายปวดร้าววิ่งขึ้นมาจนถึงบริเวณสะโพก
ชายโครงด้านซ้ายและมาสุดที่ความเจ็บแสบบริเวณท้ายทอย ร่างกายอันบอบช้ำในขณะนี้มันทำให้จะขยับตัวในแต่ละที่
มันช่างแสนที่จะเจ็บแสบไปเสียทุกส่วนในร่างกายดังเหมือนกับมีเข็มหมุดนับร้อยนับพันทิ่มแทงไปทั่วร่าง
ใครกันเล่าจะอยากอยู่ในที่มืดๆ เหม็นๆ ในที่แบบนี้
มือทั้งสองข้างค่อยๆ คลำจับ หาหลักที่จะพยายามพยุงตัวให้ลุกขึ้นแต่เมื่อยิ่งขยับตัวเข็มนับพันเล่มมันก็ยิ่งทิ่มแทง
เข้าไปทั่วร่างกายอีกครั้ง
“โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!”
ดูเหมือนความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจากขาที่ข้างซ้ายมันจะส่งผลมาให้ได้รับรู้แล้วว่าน่าจะมีความผิดปกติที่ขาเสียแล้ว
นอกจากจะมองอะไรไม่เห็นแล้วในตอนนี้ ประสาทการสั่งการก็เริ่มจะดูมีปัญหาเพิ่มขึ้นมาอีกเมื่อจะพยายามขยับขาข้าง
ซ้าย ดูเหมือนกับว่าขาข้างดังกล่าวมันกลับไม่ตอบสนองได้อย่างที่ต้องการ เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงต้องลองใช้มือค่อยๆ คลำ
ลงไปจับจึงได้รู้ว่าขาข้างซ้ายในตอนนี้มันหัก บิดเบี้ยวจนผิดรูปไปจากเดิมเสียแล้ว
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เสียงกรีดร้องอันเล็กแหลมดังแผดก้องออกมา
“ช่วยด้วย.............ช่วยกูด้วย...................ปล่อยกู...............ปล่อยกูออกไป” !!!!!!!!!!!!
หญิงสาวยังคงทำอะไรไม่ได้มากนัก ได้แต่นั่งกรีดร้อง ตะโกนแหกปากอย่างสุดเสียงเพื่อขอความช่วยเหลือ ถึงตอนนี้
เธอคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ เพราะขาข้างหนึ่งก็หักไปเสียแล้วจะลุกขึ้นยืน ปีนป่ายเพื่อที่จะหนีออกไปจากที่นี่
เองก็คงจะทำไม่ได้แล้ว การนั่งเฉยๆ แล้วขยับตัวให้น้อยน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ในตอนนี้ เมื่อร่างกายเธอไม่สามารถตอบ
สนองความต้องการที่ใจอยากให้เป็น ความตื่นตระหนักและวิตกกังวลมันก็ยิ่งที่จะทวีเข้ามาในจิตใจของเธอมากยิ่งขึ้น
น้ำตาแห่งความหวาดกลัว และความเจ็บปวดมันก็ยิ่งไหลทะลักออกมาจากดวงตาอย่างไม่ขาดสาย
“ฮือ.........ฮือ.............ฮือ.........ช่วยด้วย..............ช่วยกูด้วย...........ปล่อยกูออกไป”
เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นขอความช่วยเหลือของหญิงสาวยังคงร้องดังต่อไปอย่างต่อเนื่อง
แต่ก็ช่างน่าเวทนาไม่มีเสียงอื่นใด เลยที่จะตอบรับกลับมา มีแต่เพียงเสียงของเธอเองที่สะท้อนก้องกลับมาเป็น
เพียงคำตอบ
เธอได้แต่ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลืออยู่นาน นานแค่ไหนนั้นตัวเธอเองก็ไม่อาจที่จะรู้ได้เลย
สภาพร่างกายที่บอบช้ำไปทั้งตัวนั้น มันก็ยิ่งทำให้เธอก็เริ่มที่จะอ่อนเพลีย อีกทั้งภายในก้นแท็งก์ อากาศหายใจค่อยๆ
ลดน้อยหายลงไปเรื่อยๆ การหายใจของเธอนั้นก็เริ่มที่จะติดๆ ขัด พอยิ่งนานๆ ไปเข้าจากที่เคยมีเรี่ยวแรงส่งเสียง
ร้องขอความช่วยเหลือ มาถึงตอนนี้เรี่ยวแรงที่จะส่งเสียงเรียกร้องอะไรก็แทบจะไม่มีหลงเหลืออีกต่อไปแล้ว
ประสาทความรับรู้เรื่องการเจ็บปวดของเธอก็ค่อยๆ เลือนรางหายไป พร้อมทั้งสติของเธอด้วยเช่นกันที่มันก็เริ่มจะหลุด
ลอยออกไป
เธอได้แต่นั่งอ้าปากให้กว้างเพื่อพยายามจะหายใจมือทั้งสองข้างก็ได้แต่จิกเส้นผมของตัวเองด้วยความกลัดกลุ้ม
จิตวิญญาณของเธอกำลังจะหลุดลอยไป ลมหายใจก็ค่อยๆ แผ่วเบาลงไป มันคงเป็นเวรกรรมที่เธอทำเอาไว้เป็นแน่
จึงส่งผลให้เธอต้องมาตายอย่างอนาถาแบบนี้ เธอได้แต่นึกย้อนกลับไปถึงเวรกรรมที่เธอได้ทำเอาไว้ มันช่างเป็น
ผลกรรมที่ตามมาได้เร็วปานติดจรวดอะไรเช่นนี้
...................................................................................................................
“คุณยุทธ .............คุณยุทธคะ เจอกระเป๋าไหมคะ”
เสียงของหญิงสาวร้องตะโกนถาม
“ยังเลยครับ ผมมองอะไรไม่เห็นเลยคุณช่วยส่องแสงไฟลงมาหน่อยครับ”
หญิงสาวรีบเปิดแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือแล้วก้มลงส่องแสงลงไปทางฝาแท็งก์
เมื่อแสงไฟส่องลงมาจนถึงก้นของแท็งก์มันจึงทำให้ยุทธได้เห็นว่ากระเป๋ามันได้ตกอยู่ไม่
ห่างไกลจากตัวเขามากนักเขาจึงเดินไปแล้วก้มลงหยิบกระเป๋าเจ้าปัญหาใบนั้น
“เจอแล้วครับ”
กลิ่นในที่แคบ ตอน กลิ่นแรก
https://ppantip.com/topic/39209856
กลิ่นในที่แคบ ตอนที่1
https://ppantip.com/topic/39231196
กลิ่นในที่แคบ ตอนที่2 บัตรพนักงาน
https://ppantip.com/topic/39246353
กลิ่นในที่แคบ ตอนที่3 ไม่กลัวผีบ้างหรอ
“สวัสดีครับ......มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”
เสียงทักทาย จากชายคนหนึ่งดังมาจากข้างหลัง เธอรีบหันหลังเงยหน้ากลับไปมองตาม
เสียงที่ได้ยิน แล้วก็ได้พบกับชายหนุ่ม ที่ดูเหมือนพนักงานออฟฟิศทั่วไป กำลังยืนมองเธออยู่
“ผมเห็นคุณ กำลังก้มๆ เงยๆ มองดูที่ฝาแท็งก์อยู่ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรให้ผมช่วยไหม”
“ขอบคุณค่ะ พอดีฉันทำกระเป๋าสตางค์ตกลงไปในนั้นนะค่ะ”
หญิงสาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงร้อนรน
ชายหนุ่มก้มลงพร้อมกับส่องแสงไฟจากมือถือมองลงไปดูภายในแท็งก์น้ำ
“โทษนะครับผมขอดูหน่อยนะครับ.............................อืม…..กระเป๋าตกลงไปแบบนี้ มันน่าจะหล่นลงไปถึงก้นแท็งก์
แล้วละครับ นั่นไงผมเห็นแล้ว”
“เห็นแล้วหรอคะ”
“ใช่ครับ ว่าแต่คุณขึ้นมาทำอะไรบนนี้ แล้วไปทำอีท่าไหน กระเป๋าสตางค์มันถึงหล่นลงไปในแท็งก์ได้ครับ”
“คือ.........................................คือฉัน............ชอบขึ้นมาสูดอากาศบนนี้หลังเลิกงานนะค่ะ
แล้วพอดีฉันกำลังล้วงจะหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา มันก็ดันร่วงหลุดมือแล้วก็หล่นลงพื้นกระเด็นตกลงไปในแท็งก์นี้
แหละค่ะ”
ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจอย่างมากกับคำตอบที่เขาได้รับ
“ขึ้นมาสูดอากาศ บนนี้!!!!! บนดาดฟ้าของตึก แล้วยังต้องปีนบันไดขึ้นมายืนบนแท็งก์น้ำเก่า คุณเป็นผู้หญิงที่มีความ
พยายามมากเลยนะครับ ในการที่จะแค่มาสูดอากาศ”
หญิงสาวรู้สึกเขินอายเล็กน้อยกับคำพูดของชายหนุ่ม
“ใช่ค่ะ ต้องใช้ความพยายามมากหน่อย กว่าที่ฉันจะมายืนถึงจุดนี้ได้ มันไม่ได้ง่ายเลยสำหรับผู้หญิงต่างจังหวัดอย่าง
ฉัน ที่การศึกษาไม่ได้สูงมากนัก ได้เข้ามาทำงานในตึกใจกลางเมืองหลวงแบบนี้ ที่ฉันต้องพยายามขึ้นมาบนนี้ด้วย
เพราะฉันคิดถึงบ้าน.................เมื่อขึ้นมายืนข้างบนนี้แล้วหันหน้ามองออกไปให้ไกลสุดสายตา ทางทิศตะวันตก ที่นั่น
คือบ้านที่ฉันจากมา”
“แล้วในกระเป๋าสตางค์ของคุณมีอะไรสำคัญมากไหมครับ?”
“ข้างในมีโทรศัพท์มือถือและก็เงินเดือน ทั้งหมด ที่ฉันเพิ่งกดออกมาตั้งใจอยากจะส่งกลับไปให้คนที่บ้านด้วย”
“อืม..............ผมเข้าใจแล้ว มันสำคัญมากด้วยแน่ๆ เอาอย่างงี้เดี๋ยวผมจะลงไปเก็บให้ละกันนะครับ”
“จริงหรอคะ!!! ........ แล้วคุณจะลงไปได้อย่างไร? คะ ขอบคุณ ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ”
หญิงสาวรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก หลังจากเป็นกังวลกับสถานการณ์ก่อนหน้านี้
“เดี๋ยวผมจะกลับไปเอา บันไดที่แผนกมา แล้วปีนบันไดลงไปเก็บกระเป๋าให้ครับ”
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ..........คุณใจดีจริงๆ เลย”
หญิงสาวยังกล่าวขอบคุณชายหนุ่ม อย่างไม่ขาดปาก ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินหายกลับไป
หญิงสาวยังคงยืนรอคอยชายหนุ่มที่จะมาช่วยเหลืออย่างร้อนรน เมื่อเวลาผ่านไปนานมากยิ่งขึ้นความวิตกกังวลก็ยิ่ง
มากขึ้นเป็นเท่าตัว เมื่อเงินเดือนทั้งหมดอันน้อยนิดในตอนนี้มันอยู่เหนือกว่าการควบคุมของเธอ ด้วยที่มีความตั้งใจอัน
แน่วแน่อยากนำเงินส่วนที่เหลือจากการหักค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเธอจะนำเงินทั้งหมดส่งกลับไปให้ที่บ้าน
บ้านที่เธอได้จากมาเพื่อเข้ามาดิ้นรนต่อสู้ขายแรงงานในเมืองหลวง ด้วยความหวังอยากจะให้คนที่บ้านได้อยู่อย่างสุข
สบาย ถึงแม้งานที่เธอทำจะเป็นเพียงแม่บ้านที่คอยทำความสะอาดภายในตึกแห่งนี้ ดูเหมือนมันจะเป็นอาชีพที่ต้อยต่ำ
ที่สุด รายได้อันเพียงน้อยนิดในแต่ละเดือนของเธอนั้นจึงมีค่ามากมายในทุกบาททุกสตางค์ สำหรับเธอแล้วเงินที่อยู่ใน
กระเป๋ามันสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของเธอเสียอีก
“ขอโทษด้วยนะครับที่ให้รอนานเลย พอดีห้องเก็บของเครื่องมือช่างมันล็อกไปแล้ว ผมต้องเดินกลับไปเอากุญแจที่
ห้องทำงานอีก เดินวนไปมามันเลยช้าเสียหน่อย”
“ขอบคุณมากเลยค่ะ ไม่เป็นไรรอได้อยู่ค่ะ ฉันสิต้องรบกวนคุณที่ต้องเสียสละเวลามาช่วยฉัน
คุณกลับบ้านค่ำแน่เลยวันนี้”
“ไม่เป็นหรอกครับ ปกติผมก็กลับบ้านในช่วงเย็นๆ ค่ำๆ แบบนี้อยู่แล้ว รถมันไม่ติดดีนะครับ”
“แล้วคุณมีกุญแจเปิดห้องเครื่องมือช่างด้วยหรอค่ะ”
“มีครับ ผมทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายช่างที่คอยดูแลตึกนี้ ทั้งตึกนะครับ”
“อ๋อหรอคะ ดูไม่ออกเลย คุณแต่งตัวดูไม่เหมือนช่างคนอื่นที่ดูแลตึกนี้เลย คุณดูเหมือนพนักงานออฟฟิศทั่วไปเสีย
มากกว่า ฉันต้องขอขอบคุณ คุณมากเลย ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรหรอคะ”
“ฮึ...ฮึ...ฮึ....อย่างนั้นหรอครับ.......ผมชื่อยุทธครับ”
ชายหนุ่มค่อยๆ หย่อนบันไดลงไปทางทางฝาแท็งก์แล้วจัดแจงบันไดตั้งให้เหมาะสมพอที่เขาจะลงไปได้
“คุณๆ คุณยุทธคะไม่ต้องค่ะ ไม่ต้อง กระเป๋าสตางค์ฉันเดี๋ยว ฉันลงบันไดไปเก็บเองก็ได้ค่ะ”
“ข้างล่างนี้น่าจะเหม็นๆ และสกปรกอยู่นะครับผมลงไปให้เองดีกว่าครับ อีกอย่างคุณใส่กระโปรงในชุดแม่บ้านแบบนี้ขึ้น
ลงบันได มันก็จะยิ่งลำบากถ้าเกิดพลาดตกบันไดไปทีนี้เรื่องมันจะยุ่งยากมากกว่ากระเป๋าสตางค์แล้วสิครับ”
“ไม่เป็นไร ค่ะ ไม่เป็นไรฉันยังปีนขึ้นปีนลงบนแท็งก์น้ำได้อยู่บ่อยๆ เลยค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ขึ้นลงแค่นี้ผมทำให้เองจะได้เร็วกว่า
แต่ว่าตอนที่ผมกำลังจะลงไปรบกวนคุณช่วยจับที่ปลายบันไดเอาไว้ให้ด้วยสักหน่อยนะครับ”
“ได้ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ คุณยุทธ ฉันไม่รู้จะขอบคุณหรือจะตอบแทนคุณได้ยังไงดีกับการช่วยเหลือของคุณในครั้งนี้”
ยุทธค่อยๆ ก้าวเดินลงบันไดลงไปอย่างช้าๆ ทีละก้าวที่ก้าวลงไปในแท็งก์ จนลงไปได้เกือบถึงบริเวณสะโพกของเขา
“คุณยุทธ คะ ฉันรบกวนอีกเรื่องสิคะ คุณยุทธพกโทรศัพท์ติดตัวมาด้วยไหมคะ ฉันขอยืมโทร
กลับไปหาป้าแม่บ้านอีกคน ให้เขากลับบ้านไปก่อนไม่ต้องรอฉัน จนป่านนี้แล้วเขาคงรอกลับบ้านพร้อมฉันอยู่แน่ๆ เลย”
“ได้ๆ ได้ครับนี่ครับ”
ยุทธยื่นโทรศัพท์มือถือให้กับหญิงสาว
“คุณยุทธ คะขอโทษนะคะคือโทรศัพท์คุณมันกดใช้ยังไงนะคะ คือ.....ฉัน...ฉันใช้โทรศัพท์แบบนี้ไม่เป็นน่ะค่ะ
โทรศัพท์ฉันยังใช้แบบที่มีปุ่มกดอยู่เลย”
หญิงสาวยิ่งรู้สึกอายและเขินเมื่อต้องพูดถึงการใช้เทคโนโลยี ที่ดูเหมือนเธอจะไม่มีความรู้สักเท่าไหร่นัก
“อืม.....เบอร์อะไรครับเดี๋ยวผมกดให้ดีกว่าครับ เดี๋ยวถ้าคุณคุยเสร็จแล้วกดตรงนี้นะครับ จากนั้นไปตรงเมนูนี้ มันจะมี
กดให้ใช้เป็นไฟฉายแบบนี้ แล้วคุณช่วยส่องไฟลงมาในแท็งก์ให้ผมด้วยนะครับ”
“ได้ๆ ได้ค่ะ โทรคุยเสร็จแล้วเข้าเมนู กดตรงนี้เปิดไฟฉาย แบบนี้นะคะ ต้องรบกวนคุณยุทธอีกแล้ว”
“ไม่เป็นไร ยินดีครับ”
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆ”
สิ้นเสียงขอบคุณที่นิ่มนวลและอ่อนหวาน ยุทธก็ค่อยๆ ปีนบันไดลงไปในแท็งก์ต่อไปอย่างช้าๆ ยิ่งเขาลงมาลึกเท่าไหร่
แสงสว่างที่เคยสาดส่องมาจากทางฝาแท็งก์ก็ค่อยน้อยลง น้อยลงไปอย่างช้าๆ จนในที่สุดเขาลงมาจนใกล้จะถึง
ก้นแท็งก์
กลิ่นที่เหม็นอับชื้นภายในแท็งก์มันทำให้เขาอยากจะออกไปจากที่นี่ให้ไวที่สุด เขาเงยหน้ากลับขึ้นไปมองหญิงสาวอีก
ครั้ง เธอกำลังยืนคุยโทรศัพท์ แล้วก้มหน้าประนมมือข้างหนึ่งไหว้เขา ประหนึ่งว่าเป็นภาษากายที่บ่งบอกถึงการ
ขอบคุณในการกระทำของเขา เมื่อมาถึงก้นของแท็งก์ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัวเขามันก็เหมือนมืดดับลงไปจะมีก็แต่
เพียงแสงสว่างที่สาดส่องเล็กน้อยมาจากบนฝาแท็งก์
......................................................................................................
ความมืดมิดที่เป็นอยู่ในตอนนี้มันทำให้ ประสาทในการรับรู้ด้วยดวงตามองอะไรก็ไม่เห็นราวกับว่าเป็นคนตาบอดไปเสีย
แล้ว แต่ในการรับรู้ด้านอื่นๆ มันก็ยังคงทำงานของมันไปได้อย่างเป็นปกติ กลิ่นเหม็นสาบอับชื้นนั้นเป็นการบงชี้
ให้รู้ได้ว่า ประสาทด้านการรับรู้เรื่องของการดมกลิ่นยังคงใช้ได้ดีอยู่ แต่ประสาทในการรับรู้อีกอย่างที่ไม่อยากจะ
รับรู้มันก็ได้ทำหน้าที่ของมันไปตามปกติ มันคือความเจ็บปวด
ความเจ็บปวดทางกายมันค่อยๆ เริ่มทำงานอย่างช้าๆ มันเริ่มจากบริเวณขาข้างซ้ายปวดร้าววิ่งขึ้นมาจนถึงบริเวณสะโพก
ชายโครงด้านซ้ายและมาสุดที่ความเจ็บแสบบริเวณท้ายทอย ร่างกายอันบอบช้ำในขณะนี้มันทำให้จะขยับตัวในแต่ละที่
มันช่างแสนที่จะเจ็บแสบไปเสียทุกส่วนในร่างกายดังเหมือนกับมีเข็มหมุดนับร้อยนับพันทิ่มแทงไปทั่วร่าง
ใครกันเล่าจะอยากอยู่ในที่มืดๆ เหม็นๆ ในที่แบบนี้
มือทั้งสองข้างค่อยๆ คลำจับ หาหลักที่จะพยายามพยุงตัวให้ลุกขึ้นแต่เมื่อยิ่งขยับตัวเข็มนับพันเล่มมันก็ยิ่งทิ่มแทง
เข้าไปทั่วร่างกายอีกครั้ง
“โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!”
ดูเหมือนความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจากขาที่ข้างซ้ายมันจะส่งผลมาให้ได้รับรู้แล้วว่าน่าจะมีความผิดปกติที่ขาเสียแล้ว
นอกจากจะมองอะไรไม่เห็นแล้วในตอนนี้ ประสาทการสั่งการก็เริ่มจะดูมีปัญหาเพิ่มขึ้นมาอีกเมื่อจะพยายามขยับขาข้าง
ซ้าย ดูเหมือนกับว่าขาข้างดังกล่าวมันกลับไม่ตอบสนองได้อย่างที่ต้องการ เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงต้องลองใช้มือค่อยๆ คลำ
ลงไปจับจึงได้รู้ว่าขาข้างซ้ายในตอนนี้มันหัก บิดเบี้ยวจนผิดรูปไปจากเดิมเสียแล้ว
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เสียงกรีดร้องอันเล็กแหลมดังแผดก้องออกมา
“ช่วยด้วย.............ช่วยกูด้วย...................ปล่อยกู...............ปล่อยกูออกไป” !!!!!!!!!!!!
หญิงสาวยังคงทำอะไรไม่ได้มากนัก ได้แต่นั่งกรีดร้อง ตะโกนแหกปากอย่างสุดเสียงเพื่อขอความช่วยเหลือ ถึงตอนนี้
เธอคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ เพราะขาข้างหนึ่งก็หักไปเสียแล้วจะลุกขึ้นยืน ปีนป่ายเพื่อที่จะหนีออกไปจากที่นี่
เองก็คงจะทำไม่ได้แล้ว การนั่งเฉยๆ แล้วขยับตัวให้น้อยน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ในตอนนี้ เมื่อร่างกายเธอไม่สามารถตอบ
สนองความต้องการที่ใจอยากให้เป็น ความตื่นตระหนักและวิตกกังวลมันก็ยิ่งที่จะทวีเข้ามาในจิตใจของเธอมากยิ่งขึ้น
น้ำตาแห่งความหวาดกลัว และความเจ็บปวดมันก็ยิ่งไหลทะลักออกมาจากดวงตาอย่างไม่ขาดสาย
“ฮือ.........ฮือ.............ฮือ.........ช่วยด้วย..............ช่วยกูด้วย...........ปล่อยกูออกไป”
เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นขอความช่วยเหลือของหญิงสาวยังคงร้องดังต่อไปอย่างต่อเนื่อง
แต่ก็ช่างน่าเวทนาไม่มีเสียงอื่นใด เลยที่จะตอบรับกลับมา มีแต่เพียงเสียงของเธอเองที่สะท้อนก้องกลับมาเป็น
เพียงคำตอบ
เธอได้แต่ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลืออยู่นาน นานแค่ไหนนั้นตัวเธอเองก็ไม่อาจที่จะรู้ได้เลย
สภาพร่างกายที่บอบช้ำไปทั้งตัวนั้น มันก็ยิ่งทำให้เธอก็เริ่มที่จะอ่อนเพลีย อีกทั้งภายในก้นแท็งก์ อากาศหายใจค่อยๆ
ลดน้อยหายลงไปเรื่อยๆ การหายใจของเธอนั้นก็เริ่มที่จะติดๆ ขัด พอยิ่งนานๆ ไปเข้าจากที่เคยมีเรี่ยวแรงส่งเสียง
ร้องขอความช่วยเหลือ มาถึงตอนนี้เรี่ยวแรงที่จะส่งเสียงเรียกร้องอะไรก็แทบจะไม่มีหลงเหลืออีกต่อไปแล้ว
ประสาทความรับรู้เรื่องการเจ็บปวดของเธอก็ค่อยๆ เลือนรางหายไป พร้อมทั้งสติของเธอด้วยเช่นกันที่มันก็เริ่มจะหลุด
ลอยออกไป
เธอได้แต่นั่งอ้าปากให้กว้างเพื่อพยายามจะหายใจมือทั้งสองข้างก็ได้แต่จิกเส้นผมของตัวเองด้วยความกลัดกลุ้ม
จิตวิญญาณของเธอกำลังจะหลุดลอยไป ลมหายใจก็ค่อยๆ แผ่วเบาลงไป มันคงเป็นเวรกรรมที่เธอทำเอาไว้เป็นแน่
จึงส่งผลให้เธอต้องมาตายอย่างอนาถาแบบนี้ เธอได้แต่นึกย้อนกลับไปถึงเวรกรรมที่เธอได้ทำเอาไว้ มันช่างเป็น
ผลกรรมที่ตามมาได้เร็วปานติดจรวดอะไรเช่นนี้
...................................................................................................................
“คุณยุทธ .............คุณยุทธคะ เจอกระเป๋าไหมคะ”
เสียงของหญิงสาวร้องตะโกนถาม
“ยังเลยครับ ผมมองอะไรไม่เห็นเลยคุณช่วยส่องแสงไฟลงมาหน่อยครับ”
หญิงสาวรีบเปิดแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือแล้วก้มลงส่องแสงลงไปทางฝาแท็งก์
เมื่อแสงไฟส่องลงมาจนถึงก้นของแท็งก์มันจึงทำให้ยุทธได้เห็นว่ากระเป๋ามันได้ตกอยู่ไม่
ห่างไกลจากตัวเขามากนักเขาจึงเดินไปแล้วก้มลงหยิบกระเป๋าเจ้าปัญหาใบนั้น
“เจอแล้วครับ”