สวัสดีครับ ใครที่กำลังอ่านข้อความนี้อยู่ ขอให้อ่านให้จบด้วยนะครับ ผมขอร้องจริงๆ กราบเลยล่ะครับ คือตอนนี้ผมมีเวลาไม่มาก ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าถ้าถึงเวลาแล้วผมจะเป็นยังไง แต่ที่แน่ๆคือนุ่นแฟนผมตอนนั้นก็คงเป็นเหมือนกัน นุ่นหายตัวไปสี่เดือนกับอีกสองวัน ผมนับมันทุกวันตั้งแต่ผมเริ่มรู้เรื่องนี้ แต่ตอนนี้ผมรู้หมดทุกอย่างแล้ว
พันทิปมีบางอย่างแปลกๆ ผมเชื่อว่ามันต้องเกี่ยวกับที่นุ่นหายตัวไป มันคือบางอย่างที่ทุกคนต้องรู้ บางอย่างที่สำคัญมากๆจนอาจทำให้คุณคิดว่าผมเป็นบ้าได้เลย
ขอล่ะครับ ถ้าอ่านถึงนี่ได้ผมขอบคุณมากๆ และช่วยอ่านให้จบด้วยครับ จะมองว่าคนบ้ามาตั้งกระทู้ก็ได้ ขอแค่มันทำให้คุณสนุกและอ่านจนจบผมก็ยินดี เรื่องเป็นงี้ครับ ผมกับนุ่นคบกันมาปีกว่าๆ เราทั้งคู่เป็นนักศึกษาครับ ทุกอย่างมันเริ่มตอนนุ่นเริ่มเสพติดข่าวดราม่า ผมรู้ว่าหลายคนก็เป็น แต่เคสของนุ่นนี่คือรุนแรงและสาหัสมาก มันเริ่มจากน้อยๆก่อนอย่างเล่นมือถือตลอดเวลา ตอนนั้นนุ่นเริ่มพูดถึงข่าวนั่นนู่นนี่แบบรัวๆ ผมก็พยายามเปลี่ยนเรื่องคุยแล้วนะ แต่นุ่นเหมือนอินกับข่าวมากๆอ่ะครับ บางครั้งก็เหมือนขี้หงุดหงิดด้วย เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน จากนั้นจึงกลายเป็นการอดหลับอดนอน เสียการเรียน นุ่นไม่มาเรียนเป็นสัปดาห์ ตอนแรกๆก็ว่าป่วย แต่สักพักมันก็เริ่มไม่ใช่แล้ว ผมจำได้เลยตอนเริ่มติดต่อนุ่นไม่ได้ จนต้องขึ้นไปหาที่หอ แต่พอนุ่นออกมาเปิดประตูห้องทั้งๆที่ในมือยังกำมือถือไว้อยู่ ผมก็เห็นสภาพข้างในห้องครับ ไม่ต้องอธิบายมากนะครับ คือมันไม่ต่างอะไรจากที่ทิ้งขยะเลย และนุ่นก็ผอมลงมากๆ ผอมจนทีแรกนึกว่าเป็นอีกคน แถมเสื้อผ้าหน้าผมก็ดูสกปรกราวกับไม่ได้อาบน้ำมานาน มันทำผมช็อกไปเลยครับ
นุ่นไม่พูดเลยซักคำ ถามอะไรก็ไม่ตอบ เอาแต่ก้มหน้าก้มตาจ้องมือถือ แต่โชคดีนะครับที่ผมใจเย็น อาจจะเพราะผมไม่เคยมีแฟนมาก่อนมั้งครับ ผมรู้สึกเข้าใจมากกว่า แต่ข้างในก็ยังแอบคิดว่าที่ผ่านมาผมอาจใช้เวลากับนุ่นไม่มากพอ ผมรักนุ่นมากๆครับ รักเหมือนคนในครอบครัว เหมือนน้องสาวตัวน้อยๆที่น่าทะนุถนอม ผมก็เลยตั้งสติแล้วค่อยๆหาวิธีแก้ปัญหา ผมปรึกษากับผู้ใหญ่หลายๆคน รวมทั้งกับอาจารย์ในมหาลัย พวกเค้าก็ยินดีช่วยเหลือครับเพราะก็เริ่มเป็นห่วงนุ่นเหมือนกัน มีอาจารย์แนะนำจิตแพทย์หลายคนที่อาจพอช่วยได้ แล้วเชื่อมั้ยครับ อาการของนุ่นค่อยๆดีขึ้นๆ ใช้เวลาเกือบปีจนในที่สุดผมก็เกือบจะพูดได้ว่านุ่นหายเป็นปกติแล้ว เพียงแต่มีอย่างเดียวแค่นั้นที่ผมยังรู้สึกตะหงิดๆ
นุ่นไม่ค่อยพูดเรื่องพวกข่าวดราม่าต่างๆพวกนั้นแล้วครับ แต่นุ่นจะพูดเกี่ยวกับพวกดราม่าต่างๆว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง เหมือนพยายามอธิบายกลไกกับปัจจัยหลายๆด้านที่ส่งผลให้คนชอบติดตามข่าวพวกนั้น ยังจำได้เลยว่าครั้งนึงนุ่นเคยบอกว่าเชื้อชาติของคนก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัย นุ่นบอกว่าอาจเกี่ยวกับพันธุกรรมหรืออะไรสักอย่างที่ส่งผลต่อการตอบสนองทางอารมณ์ของคน แล้วคนไทยก็เป็นประเภทที่ว่าค่อนข้างจะอ่อนไหวง่าย ไม่เหมือนในประเทศแถบยุโรปหรือแม้แต่ประเทศเพื่อนบ้าน ตามที่นุ่นเคยบอกนะครับ เวลาอารมณ์พวกนี้ถูกแสดงออกเป็นตัวหนังสือ มันจะไปกระตุ้นคนอื่นๆที่เห็นให้มีอารมณ์ร่วมเหมือนกัน และรวมกับความรวดเร็วของตัวหนังสือในโลกออนไลน์ มันย่อมจะส่งผลเกิดเป็นกระแส เหมือนคลื่นน้ำที่แผ่ขยายออกไปเป็นวงกว้าง
มีหลายครั้งที่นุ่นพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากๆ ว่าถ้ากระแสหรือคลื่นพวกนั้นเกิดจากอารมณ์โกรธไม่พอใจ ความเกลียดชัง และมุ่งลงไปที่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง ถ้านคนนั้นไม่มี “ภูมิคุ้มกัน” มากพอ มันจะไปทำลายระบบการคิดและตีความของคนนั้น และเขาจะมองโลกในมุมที่พร้อมจะทำลายตัวเอง มันจะไปโปรแกรมความคิดใหม่ พร้อมฝังชิพที่จะนับถอยหลังเวลาใช้ชีวิตของคนนั้น และเมื่อหมดเวลา เขาก็จะทำลายตัวเองในที่สุด ว่าง่ายๆคือฆ่าตัวตาย เพียงแต่วันและเวลาจะถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว
แรกๆผมก็ไม่ค่อยสนใจสิ่งที่นุ่นพูด แต่เมื่อเวลาผ่านไป นุ่นดูเหมือนจะจริงจังขึ้นเรื่อยๆ เธอคิดว่าสิ่งนี้มันคือสิ่งที่กำลังคุกคามเราทุกคนอยู่ ช่วงหลังๆก่อนนุ่นหายไปเธอชอบบอกผมว่าเราทุกคนไม่มีใครปลอดภัย บอกว่า “ภูมิคุ้มกัน” ก็ช่วยอะไรเราไม่ได้แล้ว มันก็แค่ทำให้เวลาที่นับถอยหลังมันนานขึ้นแค่นั้นเอง และไม่ว่าเราจะรู้สึกปกติแค่ไหน แต่ถ้ากระแสมันได้มาลงที่เราแล้ว สิ่งเดียวที่เราทำได้ก็คือรอความตาย
ทีนี้พันทิปเกี่ยวอะไร คือช่วงนั้นนุ่นจะพยายามโพสต์เตือนทุกคนที่รู้จักผ่านทุกช่องทางที่ทำได้ และพันทิปก็เป็นหนึ่งในนั้น นุ่นบอกว่าที่นี่พิเศษเพราะไม่มีใครรู้จักเราจริงๆ และกระทู้ที่เราตั้งก็จะเป็นที่รู้จักได้อย่างรวดเร็ว ข้อความทุกอย่างที่นุ่นพยายามจะสื่อก็จะถูกเผยแพร่ให้ทุกคนได้เห็น และจะได้ระวังตัวกัน นุ่นบอกผมแบบนั้น
ผมไม่รู้ว่านุ่นตั้งไปกี่กระทู้ในพันทิป แต่เธอชอบเอาให้ผมดูว่าทุกกระทู้ที่เธอตั้งจะโดนลบภายในเวลาแทบจะไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ผมก็แปลกใจอยู่นะ มันดูเหมือนไม่มีเหตุผลเลย แถมมันยิ่งทำให้นุ่นรู้สึกกังวลมากขึ้นไปอีก แล้วสาเหตุที่กระทู้ถูกลบก็มีหลายอย่าง ซึ่งแต่ละอย่างนุ่นก็ยังยืนยันว่ากระทู้เธอนั้นไม่ได้เป็นแบบที่ขึ้นเอาไว้เลย ตัวอย่างก็เช่น
“กระทู้นี้ถูกลบเนื่องจาก มีผู้ถูกใส่ความหรือถูกหมิ่นประมาท”
“กระทู้นี้ถูกลบเนื่องจาก มีเนื่อหาเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของสังคม”
“กระทู้นี้ถูกลบเนื่องจาก มีเนื้อหาเข้าข่ายไม่เหมาะสมอาจสร้างความขัดแย้ง”
“กระทู้นี้ถูกลบเนื่องจาก มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล”
“กระทู้นี้ถูกลบเนื่องจาก เป็นกระทู้ร้องเรียน หรือร้องเรียนสินค้าหรือบริการ”
และที่ทำให้นุ่นรู้สึกกังวลถึงขีดสุดจนเริ่มหวาดระแวงเกี่ยวกับความปลอดภัยของตัวเอง ก็คือข้อความที่บอกว่า
“กระทู้นี้ถูกลบเนื่องจาก เจ้าของข้อความแจ้งลบค่ะ”
เอาจริงๆพอมันถึงขั้นนี้ก็ได้แต่แนะนำนุ่นว่าอย่าคิดมาก แล้วลองเพลาๆกับเรื่องพวกนี้ดูบ้าง ลองหากิจกรรมอื่นๆทำคลายเครียด ผมก็ชวนไปเดินห้าง ไปดูหนัง ไปออกกำลังกาย หรือแม้แต่ชวนไปเที่ยวที่ต่างๆ แต่รู้มั้ยครับ ตอนที่พิมพ์อยู่นี้ผมรู้สึกผิดจริงๆ รู้สึกเสียดายที่ไม่ยอมฟังนุ่นแล้วพูดแบบนั้นออกไป ตอนนั้นนุ่นโกรธผมมาก เธอด่าทอผมด้วยถ้อยคำต่างๆนานา ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม่ผมยังใจเย็นอยู่ได้ ผมเต็มใจยืนนิ่งเป็นที่รองรับอารมณ์ของนุ่น จนเธอเริ่มร้องไห้ออกมา ลองคิดๆดูแล้วถ้าผมเป็นนุ่นตอนนั้นผมคงก็โกรธเหมือนกัน ที่คนที่เราไว้ใจที่สุด คนที่คอยรับฟังเราตลอดมานั้นไม่เคยเชื่อเราเลย ไม่เคยแม่แต่ใส่ใจกับสิ่งที่เราพูด มันคงเหมือนโดนหักหลังอ่ะครับ
และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นเธอ นุ่นยกมือขึ้นปาดน้ำตาแล้ววิ่งจากไป ไกลขึ้น ไกลขึ้นเรื่อยๆ ผมได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น มองแผ่นหลังหญิงสาวในชุดนักศึกษาค่อยๆหายลับไปจากสายตา ไม่กล้าแม้แต่จะวิ่งตามเธอไป ผมมันไอ้โง่ ไอ้ขี้ขลาด แม้ผมจะอดทนได้ แต่ลึกๆผมก็ยังโทษตัวเองอยู่…จนถึงตอนนี้
กระทู้นี้ถูกลบเนื่องจาก…
พันทิปมีบางอย่างแปลกๆ ผมเชื่อว่ามันต้องเกี่ยวกับที่นุ่นหายตัวไป มันคือบางอย่างที่ทุกคนต้องรู้ บางอย่างที่สำคัญมากๆจนอาจทำให้คุณคิดว่าผมเป็นบ้าได้เลย
ขอล่ะครับ ถ้าอ่านถึงนี่ได้ผมขอบคุณมากๆ และช่วยอ่านให้จบด้วยครับ จะมองว่าคนบ้ามาตั้งกระทู้ก็ได้ ขอแค่มันทำให้คุณสนุกและอ่านจนจบผมก็ยินดี เรื่องเป็นงี้ครับ ผมกับนุ่นคบกันมาปีกว่าๆ เราทั้งคู่เป็นนักศึกษาครับ ทุกอย่างมันเริ่มตอนนุ่นเริ่มเสพติดข่าวดราม่า ผมรู้ว่าหลายคนก็เป็น แต่เคสของนุ่นนี่คือรุนแรงและสาหัสมาก มันเริ่มจากน้อยๆก่อนอย่างเล่นมือถือตลอดเวลา ตอนนั้นนุ่นเริ่มพูดถึงข่าวนั่นนู่นนี่แบบรัวๆ ผมก็พยายามเปลี่ยนเรื่องคุยแล้วนะ แต่นุ่นเหมือนอินกับข่าวมากๆอ่ะครับ บางครั้งก็เหมือนขี้หงุดหงิดด้วย เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน จากนั้นจึงกลายเป็นการอดหลับอดนอน เสียการเรียน นุ่นไม่มาเรียนเป็นสัปดาห์ ตอนแรกๆก็ว่าป่วย แต่สักพักมันก็เริ่มไม่ใช่แล้ว ผมจำได้เลยตอนเริ่มติดต่อนุ่นไม่ได้ จนต้องขึ้นไปหาที่หอ แต่พอนุ่นออกมาเปิดประตูห้องทั้งๆที่ในมือยังกำมือถือไว้อยู่ ผมก็เห็นสภาพข้างในห้องครับ ไม่ต้องอธิบายมากนะครับ คือมันไม่ต่างอะไรจากที่ทิ้งขยะเลย และนุ่นก็ผอมลงมากๆ ผอมจนทีแรกนึกว่าเป็นอีกคน แถมเสื้อผ้าหน้าผมก็ดูสกปรกราวกับไม่ได้อาบน้ำมานาน มันทำผมช็อกไปเลยครับ
นุ่นไม่พูดเลยซักคำ ถามอะไรก็ไม่ตอบ เอาแต่ก้มหน้าก้มตาจ้องมือถือ แต่โชคดีนะครับที่ผมใจเย็น อาจจะเพราะผมไม่เคยมีแฟนมาก่อนมั้งครับ ผมรู้สึกเข้าใจมากกว่า แต่ข้างในก็ยังแอบคิดว่าที่ผ่านมาผมอาจใช้เวลากับนุ่นไม่มากพอ ผมรักนุ่นมากๆครับ รักเหมือนคนในครอบครัว เหมือนน้องสาวตัวน้อยๆที่น่าทะนุถนอม ผมก็เลยตั้งสติแล้วค่อยๆหาวิธีแก้ปัญหา ผมปรึกษากับผู้ใหญ่หลายๆคน รวมทั้งกับอาจารย์ในมหาลัย พวกเค้าก็ยินดีช่วยเหลือครับเพราะก็เริ่มเป็นห่วงนุ่นเหมือนกัน มีอาจารย์แนะนำจิตแพทย์หลายคนที่อาจพอช่วยได้ แล้วเชื่อมั้ยครับ อาการของนุ่นค่อยๆดีขึ้นๆ ใช้เวลาเกือบปีจนในที่สุดผมก็เกือบจะพูดได้ว่านุ่นหายเป็นปกติแล้ว เพียงแต่มีอย่างเดียวแค่นั้นที่ผมยังรู้สึกตะหงิดๆ
นุ่นไม่ค่อยพูดเรื่องพวกข่าวดราม่าต่างๆพวกนั้นแล้วครับ แต่นุ่นจะพูดเกี่ยวกับพวกดราม่าต่างๆว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง เหมือนพยายามอธิบายกลไกกับปัจจัยหลายๆด้านที่ส่งผลให้คนชอบติดตามข่าวพวกนั้น ยังจำได้เลยว่าครั้งนึงนุ่นเคยบอกว่าเชื้อชาติของคนก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัย นุ่นบอกว่าอาจเกี่ยวกับพันธุกรรมหรืออะไรสักอย่างที่ส่งผลต่อการตอบสนองทางอารมณ์ของคน แล้วคนไทยก็เป็นประเภทที่ว่าค่อนข้างจะอ่อนไหวง่าย ไม่เหมือนในประเทศแถบยุโรปหรือแม้แต่ประเทศเพื่อนบ้าน ตามที่นุ่นเคยบอกนะครับ เวลาอารมณ์พวกนี้ถูกแสดงออกเป็นตัวหนังสือ มันจะไปกระตุ้นคนอื่นๆที่เห็นให้มีอารมณ์ร่วมเหมือนกัน และรวมกับความรวดเร็วของตัวหนังสือในโลกออนไลน์ มันย่อมจะส่งผลเกิดเป็นกระแส เหมือนคลื่นน้ำที่แผ่ขยายออกไปเป็นวงกว้าง
มีหลายครั้งที่นุ่นพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากๆ ว่าถ้ากระแสหรือคลื่นพวกนั้นเกิดจากอารมณ์โกรธไม่พอใจ ความเกลียดชัง และมุ่งลงไปที่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง ถ้านคนนั้นไม่มี “ภูมิคุ้มกัน” มากพอ มันจะไปทำลายระบบการคิดและตีความของคนนั้น และเขาจะมองโลกในมุมที่พร้อมจะทำลายตัวเอง มันจะไปโปรแกรมความคิดใหม่ พร้อมฝังชิพที่จะนับถอยหลังเวลาใช้ชีวิตของคนนั้น และเมื่อหมดเวลา เขาก็จะทำลายตัวเองในที่สุด ว่าง่ายๆคือฆ่าตัวตาย เพียงแต่วันและเวลาจะถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว
แรกๆผมก็ไม่ค่อยสนใจสิ่งที่นุ่นพูด แต่เมื่อเวลาผ่านไป นุ่นดูเหมือนจะจริงจังขึ้นเรื่อยๆ เธอคิดว่าสิ่งนี้มันคือสิ่งที่กำลังคุกคามเราทุกคนอยู่ ช่วงหลังๆก่อนนุ่นหายไปเธอชอบบอกผมว่าเราทุกคนไม่มีใครปลอดภัย บอกว่า “ภูมิคุ้มกัน” ก็ช่วยอะไรเราไม่ได้แล้ว มันก็แค่ทำให้เวลาที่นับถอยหลังมันนานขึ้นแค่นั้นเอง และไม่ว่าเราจะรู้สึกปกติแค่ไหน แต่ถ้ากระแสมันได้มาลงที่เราแล้ว สิ่งเดียวที่เราทำได้ก็คือรอความตาย
ทีนี้พันทิปเกี่ยวอะไร คือช่วงนั้นนุ่นจะพยายามโพสต์เตือนทุกคนที่รู้จักผ่านทุกช่องทางที่ทำได้ และพันทิปก็เป็นหนึ่งในนั้น นุ่นบอกว่าที่นี่พิเศษเพราะไม่มีใครรู้จักเราจริงๆ และกระทู้ที่เราตั้งก็จะเป็นที่รู้จักได้อย่างรวดเร็ว ข้อความทุกอย่างที่นุ่นพยายามจะสื่อก็จะถูกเผยแพร่ให้ทุกคนได้เห็น และจะได้ระวังตัวกัน นุ่นบอกผมแบบนั้น
ผมไม่รู้ว่านุ่นตั้งไปกี่กระทู้ในพันทิป แต่เธอชอบเอาให้ผมดูว่าทุกกระทู้ที่เธอตั้งจะโดนลบภายในเวลาแทบจะไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ผมก็แปลกใจอยู่นะ มันดูเหมือนไม่มีเหตุผลเลย แถมมันยิ่งทำให้นุ่นรู้สึกกังวลมากขึ้นไปอีก แล้วสาเหตุที่กระทู้ถูกลบก็มีหลายอย่าง ซึ่งแต่ละอย่างนุ่นก็ยังยืนยันว่ากระทู้เธอนั้นไม่ได้เป็นแบบที่ขึ้นเอาไว้เลย ตัวอย่างก็เช่น
“กระทู้นี้ถูกลบเนื่องจาก มีผู้ถูกใส่ความหรือถูกหมิ่นประมาท”
“กระทู้นี้ถูกลบเนื่องจาก มีเนื่อหาเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของสังคม”
“กระทู้นี้ถูกลบเนื่องจาก มีเนื้อหาเข้าข่ายไม่เหมาะสมอาจสร้างความขัดแย้ง”
“กระทู้นี้ถูกลบเนื่องจาก มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล”
“กระทู้นี้ถูกลบเนื่องจาก เป็นกระทู้ร้องเรียน หรือร้องเรียนสินค้าหรือบริการ”
และที่ทำให้นุ่นรู้สึกกังวลถึงขีดสุดจนเริ่มหวาดระแวงเกี่ยวกับความปลอดภัยของตัวเอง ก็คือข้อความที่บอกว่า
“กระทู้นี้ถูกลบเนื่องจาก เจ้าของข้อความแจ้งลบค่ะ”
เอาจริงๆพอมันถึงขั้นนี้ก็ได้แต่แนะนำนุ่นว่าอย่าคิดมาก แล้วลองเพลาๆกับเรื่องพวกนี้ดูบ้าง ลองหากิจกรรมอื่นๆทำคลายเครียด ผมก็ชวนไปเดินห้าง ไปดูหนัง ไปออกกำลังกาย หรือแม้แต่ชวนไปเที่ยวที่ต่างๆ แต่รู้มั้ยครับ ตอนที่พิมพ์อยู่นี้ผมรู้สึกผิดจริงๆ รู้สึกเสียดายที่ไม่ยอมฟังนุ่นแล้วพูดแบบนั้นออกไป ตอนนั้นนุ่นโกรธผมมาก เธอด่าทอผมด้วยถ้อยคำต่างๆนานา ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม่ผมยังใจเย็นอยู่ได้ ผมเต็มใจยืนนิ่งเป็นที่รองรับอารมณ์ของนุ่น จนเธอเริ่มร้องไห้ออกมา ลองคิดๆดูแล้วถ้าผมเป็นนุ่นตอนนั้นผมคงก็โกรธเหมือนกัน ที่คนที่เราไว้ใจที่สุด คนที่คอยรับฟังเราตลอดมานั้นไม่เคยเชื่อเราเลย ไม่เคยแม่แต่ใส่ใจกับสิ่งที่เราพูด มันคงเหมือนโดนหักหลังอ่ะครับ
และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นเธอ นุ่นยกมือขึ้นปาดน้ำตาแล้ววิ่งจากไป ไกลขึ้น ไกลขึ้นเรื่อยๆ ผมได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น มองแผ่นหลังหญิงสาวในชุดนักศึกษาค่อยๆหายลับไปจากสายตา ไม่กล้าแม้แต่จะวิ่งตามเธอไป ผมมันไอ้โง่ ไอ้ขี้ขลาด แม้ผมจะอดทนได้ แต่ลึกๆผมก็ยังโทษตัวเองอยู่…จนถึงตอนนี้