เราไม่ได้คุยกับพ่อมาประมาณ2ปีแล้ว เนื่องจากทางบ้านมีปัญหากัน ก่อนที่พ่อจะออกจากบ้านเราโกรธเค้ามาก เพราะสาเหตุที่ทำให้บ้านแตกมากจากเขา แถมเหตุการณ์ในวันที่แตกหักกันพ่อก็ทำลายข้าวของหมดบ้าน เราต้องมาซื้ของเข้าบ้านใหม่เกือบหมด(พังทุกอย่างจริงๆ ทีวีมีกี่เครื่องทุบหมด) ตอนที่อยู่ด้วยกันพ่อเป็นคนอารมณ์ร้ายมากแล้วก็ขึ้นๆลงๆ เหมือนระเบิดเวลา ตั้งแต่เด็กจนโตเราจะค่อนข้างผวาตลอดจนบางครั้งก็มีอาการหูแว่วเกิดขึ้นบ่อยๆ แล้วแม่เราก็รู้สึกโกรธเขามากเหมือนกัน ถึงขนาดที่เหตุการณ์ผ่านมาหลายปีแล้วก็ยังด่าไม่จบ แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทุกคืนเราจะนึกถึงพ่อทุกวันว่าตอนนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง แต่ก็ได้แต่เก็บไว้คนเดียวไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง
ตอนนี้มีปัญหากันเราเพิ่งเรียนจบใหม่ๆยังไม่มีงานทำ จนเมื่อเราทำงานได้แล้วเราก็ส่งเงินให้พ่อทุกเดือน ตามกำลังที่ไหวจริงๆก็อยากจะให้ได้มากกว่านี้เพราะเรารู้สึกว่ามันเป็นอย่างเดียวที่เราสามารถทำให้เขาได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยคุยหรือเจอกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ใจเราแอบหวังว่าอยากให้เขามีครอบครัวใหม่เพื่อที่จะได้มีคนดูแลเขา เพราะถ้ากลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมก็เป็นไปไม่ได้แล้ว แล้วเราก็ไม่อยากด้วย แต่เราก็ยังเป็นห่วงอยู่ตลอดอยากทำอะไรให้เขาบ้างโดยการให้เป็นเงินทุกเดือนโอนเข้าธนาคารเขาแบบเงียบๆ แล้วเราก็ขยันทำงานมากๆเพราะอยากจะซื้อบ้านให้เขาอยู่ตอนแก่ๆ(ตอนนี้เขาอยู่บ้านญาติ) เรากลัวมากถ้าพ่อจะกลับเข้ามาอยู่ที่บ้านเลยกลายเป็นว่า เราไม่อยากสุงสิงอะไรกับญาติทางพ่อเลยเพราะกลัวว่าจะมีเหตุให้ต้องกลับมาอยู่ด้วยกันอีก
จนเมื่อวานเราได้เจอญาติคนนึง เราก็เลยลองเอ่ยปากถามเรื่องพ่อเป็นครั้งแรก จึงทำให้รู้ว่าตอนนี้พ่อกำลังคิดว่าตัวเองอาจจะเป็นมะเร็ง กำลังรอตรวจอยู่ มันทำให้เราคิดมากนอนร้องไห้ตลอดคืนเลย เรารู้สึกสงสารเขาที่ต้องอยู่แบบไม่มีครอบครัวแล้วถ้ายิ่งป่วยขึ้นมาอีก เราอยากจะทำอะไรสักอย่างแต่เราก็กลัวเหตุการณ์เดิมๆจะเกิดขึ้นอีก
ไม่ได้คุยกับพ่อมาหลายปี แต่พ่ออาจจะป่วยอยู่
ตอนนี้มีปัญหากันเราเพิ่งเรียนจบใหม่ๆยังไม่มีงานทำ จนเมื่อเราทำงานได้แล้วเราก็ส่งเงินให้พ่อทุกเดือน ตามกำลังที่ไหวจริงๆก็อยากจะให้ได้มากกว่านี้เพราะเรารู้สึกว่ามันเป็นอย่างเดียวที่เราสามารถทำให้เขาได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยคุยหรือเจอกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ใจเราแอบหวังว่าอยากให้เขามีครอบครัวใหม่เพื่อที่จะได้มีคนดูแลเขา เพราะถ้ากลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมก็เป็นไปไม่ได้แล้ว แล้วเราก็ไม่อยากด้วย แต่เราก็ยังเป็นห่วงอยู่ตลอดอยากทำอะไรให้เขาบ้างโดยการให้เป็นเงินทุกเดือนโอนเข้าธนาคารเขาแบบเงียบๆ แล้วเราก็ขยันทำงานมากๆเพราะอยากจะซื้อบ้านให้เขาอยู่ตอนแก่ๆ(ตอนนี้เขาอยู่บ้านญาติ) เรากลัวมากถ้าพ่อจะกลับเข้ามาอยู่ที่บ้านเลยกลายเป็นว่า เราไม่อยากสุงสิงอะไรกับญาติทางพ่อเลยเพราะกลัวว่าจะมีเหตุให้ต้องกลับมาอยู่ด้วยกันอีก
จนเมื่อวานเราได้เจอญาติคนนึง เราก็เลยลองเอ่ยปากถามเรื่องพ่อเป็นครั้งแรก จึงทำให้รู้ว่าตอนนี้พ่อกำลังคิดว่าตัวเองอาจจะเป็นมะเร็ง กำลังรอตรวจอยู่ มันทำให้เราคิดมากนอนร้องไห้ตลอดคืนเลย เรารู้สึกสงสารเขาที่ต้องอยู่แบบไม่มีครอบครัวแล้วถ้ายิ่งป่วยขึ้นมาอีก เราอยากจะทำอะไรสักอย่างแต่เราก็กลัวเหตุการณ์เดิมๆจะเกิดขึ้นอีก