อานนท์ ! วิญญาณฐิติ เจ็ด เหล่านี้ และ อายตนะสอง มีอยู่.
วิญญาณฐิติเจ็ดเหล่าไหนเล่า ? วิญญาณฐิติเจ็ดคือ :-
๑. อานนท์ ! สัตว์ทั้งหลาย มีกายต่างกัน มีสัญญาต่างกัน มีอยู่ ;
ได้แก่มนุษย์ทั้งหลาย, เทวดาบางพวก และวินิบาตบางพวก :
นี้คือ วิญญาณฐิติ ประเภทที่หนึ่ง.
๒. อานนท์ ! สัตว์ทั้งหลาย มีกายต่างกัน มีสัญญาอย่างเดียวกันมีอยู่ ;
ได้แก่พวกเทพผู้นับเนื่องอยู่ในหมู่พรหมที่บังเกิดโดยปฐมภูมิ
และสัตว์ทั้งหลายในอบายทั้งสี่ : นี้คือ วิญญาณฐิติ ประเภทที่สอง.
๓. อานนท์ ! สัตว์ทั้งหลาย มีกายอย่างเดียวกัน มีสัญญาต่างกันมีอยู่ ;
ได้แก่พวกเทพอาภัสสระ (มีปีติเป็นภักษารัศมีแผ่ซ่าน. . ในอากาศ .๓.)
: นี้คือ วิญญาณฐิติ ประเภทที่สาม. (ชั้นที่ 4. ปริตรตาภาภูมิ,
ชั้นที่ 5 อัปปมาณาภาภูมิ, ชั้นที่ 6 อาภัสราภูมิ:-เป็นต้นไป)
๔. อานนท์ ! สัตว์ทั้งหลาย มีกายอย่างเดียวกัน มีสัญญาอย่างเดียวกัน มีอยู่ ; ได้แก่ พวกเทพสุภกิณหะ : นี้คือ วิญญาณฐิติ ประเภทที่สี่.
๕. อานนท์ ! สัตว์ทั้งหลาย, เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งรูปสัญญา
โดยประการทั้งปวง เพราะความดับไปแห่งปฏิฆสัญญา
เพราะไม่ใส่ใจนานัตตสัญญา จึงเข้าถึง
อากาสานัญจายตนะ มีการทำในใจว่า”อากาศไม่มีที่สุด” ดังนี้ มีอยู่ :
นี้คือ วิญญาณฐิติ ประเภทที่ห้า.
๖. อานนท์ ! สัตว์ทั้งหลาย, เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งอากาสานัญจายตนะ
โดยประการทั้งปวง จึงเข้าถึง วิญญาณัญจายตนะ มีการทำในใจว่า
“วิญญาณไม่มีที่สุด” ดังนี้ มีอยู่ : นี้คือ วิญญาณฐิติ ประเภทที่หก.
๗. อานนท์ ! สัตว์ทั้งหลาย, เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งวิญญาณัญจายตนะโดยประการทั้งปวง
จึงเข้าถึง อากิญจัญญายตนะ มีการทำในใจว่า “อะไร ๆ ไม่มี” ดังนี้ มีอยู่ :
นี้คือ วิญญาณฐิติ ประเภทที่เจ็ด.
ส่วน อายตนะอีกสอง นั้น คือ อสัญญีสัตตายตนะ ที่หนึ่ง เนวสัญญานาสัญญายตนะ ที่สอง.
อานนท์ ! ในบรรดาวิญญาณฐิติเจ็ด และอายตนะสองนั้น : วิญญาณฐิติประเภทที่
หนึ่ง อันใด มีอยู่, คือ สัตว์ทั้งหลาย มีกายต่างกัน มีสัญญาต่างกัน
ได้แก่มนุษย์ทั้งหลาย, เทวดาบางพวก และวินิบาตบางพวก.
อานนท์ ! ผู้ใดรู้ชัดวิญญาณฐิติที่หนึ่งนั้น รู้ชัดการเกิด (สมุทัย) แห่งสิ่งนั้น
รู้ชัดความดับ (อัตถังคมะ) แห่งสิ่งนั้น รู้ชัดรสอร่อย (อัสสาทะ) แห่งสิ่งนั้น
รู้ชัดโทษต่ำทราม (อาทีนวะ) แห่งสิ่งนั้น และรู้ชัดอุบายเป็นเครื่องออก (นิสสรณะ)
แห่งสิ่งนั้น ดังนี้แล้ว
ควรหรือหนอที่ผู้นั้น จะเพลิดเพลินยิ่งซึ่งวิญญาณฐิติที่หนึ่ง นั้น ?
“ข้อนั้น เป็นไปไม่ได้. พระเจ้าข้า !”
(ในกรณีแห่ง วิญญาณฐิติที่สอง วิญญาณฐิติที่สาม วิญญานฐิติที่สี่ วิญญาณฐิติที่ห้า
วิญญาณฐิติที่หก วิญญาณฐิติที่เจ็ด และ อสัญญีสัตตายตนะที่หนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเฉพาะ
อย่างดังที่กล่าวแล้วข้างต้น ก็ได้มีการอธิบาย ตรัสถาม และทูลตอบ
โดยข้อความทำนองเดียวกันกับในกรณีแห่งวิญญาณฐิติที่หนึ่งนั้น
ทุกประการ ต่างกันแต่ชื่อแห่งสภาพธรรมนั้นๆเท่านั้น.)
ว่าด้วย วิญญาณฐิติ 7 ประการ.......
วิญญาณฐิติเจ็ดเหล่าไหนเล่า ? วิญญาณฐิติเจ็ดคือ :-
๑. อานนท์ ! สัตว์ทั้งหลาย มีกายต่างกัน มีสัญญาต่างกัน มีอยู่ ;
ได้แก่มนุษย์ทั้งหลาย, เทวดาบางพวก และวินิบาตบางพวก :
นี้คือ วิญญาณฐิติ ประเภทที่หนึ่ง.
๒. อานนท์ ! สัตว์ทั้งหลาย มีกายต่างกัน มีสัญญาอย่างเดียวกันมีอยู่ ;
ได้แก่พวกเทพผู้นับเนื่องอยู่ในหมู่พรหมที่บังเกิดโดยปฐมภูมิ
และสัตว์ทั้งหลายในอบายทั้งสี่ : นี้คือ วิญญาณฐิติ ประเภทที่สอง.
๓. อานนท์ ! สัตว์ทั้งหลาย มีกายอย่างเดียวกัน มีสัญญาต่างกันมีอยู่ ;
ได้แก่พวกเทพอาภัสสระ (มีปีติเป็นภักษารัศมีแผ่ซ่าน. . ในอากาศ .๓.)
: นี้คือ วิญญาณฐิติ ประเภทที่สาม. (ชั้นที่ 4. ปริตรตาภาภูมิ,
ชั้นที่ 5 อัปปมาณาภาภูมิ, ชั้นที่ 6 อาภัสราภูมิ:-เป็นต้นไป)
๔. อานนท์ ! สัตว์ทั้งหลาย มีกายอย่างเดียวกัน มีสัญญาอย่างเดียวกัน มีอยู่ ; ได้แก่ พวกเทพสุภกิณหะ : นี้คือ วิญญาณฐิติ ประเภทที่สี่.
๕. อานนท์ ! สัตว์ทั้งหลาย, เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งรูปสัญญา
โดยประการทั้งปวง เพราะความดับไปแห่งปฏิฆสัญญา
เพราะไม่ใส่ใจนานัตตสัญญา จึงเข้าถึง
อากาสานัญจายตนะ มีการทำในใจว่า”อากาศไม่มีที่สุด” ดังนี้ มีอยู่ :
นี้คือ วิญญาณฐิติ ประเภทที่ห้า.
๖. อานนท์ ! สัตว์ทั้งหลาย, เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งอากาสานัญจายตนะ
โดยประการทั้งปวง จึงเข้าถึง วิญญาณัญจายตนะ มีการทำในใจว่า
“วิญญาณไม่มีที่สุด” ดังนี้ มีอยู่ : นี้คือ วิญญาณฐิติ ประเภทที่หก.
๗. อานนท์ ! สัตว์ทั้งหลาย, เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งวิญญาณัญจายตนะโดยประการทั้งปวง
จึงเข้าถึง อากิญจัญญายตนะ มีการทำในใจว่า “อะไร ๆ ไม่มี” ดังนี้ มีอยู่ :
นี้คือ วิญญาณฐิติ ประเภทที่เจ็ด.
ส่วน อายตนะอีกสอง นั้น คือ อสัญญีสัตตายตนะ ที่หนึ่ง เนวสัญญานาสัญญายตนะ ที่สอง.
อานนท์ ! ในบรรดาวิญญาณฐิติเจ็ด และอายตนะสองนั้น : วิญญาณฐิติประเภทที่
หนึ่ง อันใด มีอยู่, คือ สัตว์ทั้งหลาย มีกายต่างกัน มีสัญญาต่างกัน
ได้แก่มนุษย์ทั้งหลาย, เทวดาบางพวก และวินิบาตบางพวก.
อานนท์ ! ผู้ใดรู้ชัดวิญญาณฐิติที่หนึ่งนั้น รู้ชัดการเกิด (สมุทัย) แห่งสิ่งนั้น
รู้ชัดความดับ (อัตถังคมะ) แห่งสิ่งนั้น รู้ชัดรสอร่อย (อัสสาทะ) แห่งสิ่งนั้น
รู้ชัดโทษต่ำทราม (อาทีนวะ) แห่งสิ่งนั้น และรู้ชัดอุบายเป็นเครื่องออก (นิสสรณะ)
แห่งสิ่งนั้น ดังนี้แล้ว
ควรหรือหนอที่ผู้นั้น จะเพลิดเพลินยิ่งซึ่งวิญญาณฐิติที่หนึ่ง นั้น ?
“ข้อนั้น เป็นไปไม่ได้. พระเจ้าข้า !”
(ในกรณีแห่ง วิญญาณฐิติที่สอง วิญญาณฐิติที่สาม วิญญานฐิติที่สี่ วิญญาณฐิติที่ห้า
วิญญาณฐิติที่หก วิญญาณฐิติที่เจ็ด และ อสัญญีสัตตายตนะที่หนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเฉพาะ
อย่างดังที่กล่าวแล้วข้างต้น ก็ได้มีการอธิบาย ตรัสถาม และทูลตอบ
โดยข้อความทำนองเดียวกันกับในกรณีแห่งวิญญาณฐิติที่หนึ่งนั้น
ทุกประการ ต่างกันแต่ชื่อแห่งสภาพธรรมนั้นๆเท่านั้น.)