ราคะ สายสนองอารมณ์ความสะใจ
สายสนองอารมณ์ความสะใจ คือ ความเบียดเบียน เอารัดเอาเปรียบ โกหกหลอกลวง ความละโมบเพ่งเล็งเอาจนเกินไป
๑.๑ อยากจะเอาของคนอื่นมาเป็นของตนเอง คือ ความเพ่งเล็งจะเอาของคนอื่นมาเป็นของตัว มีใจอยากได้ของคนอื่นแต่ยังไม่ถึงกับแสดงออก ความโลภอย่างแรงกล้าจ้องจะเอาไม่เลือกว่าควรหรือไม่ควร เช่น การลักขโมย ปล้น จี้ ข่มขืนกระทำชำเรา เป็นต้น
๑.๒ ความอยากได้ในทางไม่ชอบ เช่น การยอมรับสินบน การทุจริตเพื่อแลกกับการมีทรัพย์ ทุจริตคอรัปชั่น เป็นต้น (ปาปิจฉา)
๑.๓ ความมักมากเห็นแก่ได้ ด้วยการเอามาเป็นของตนจนเกินพอดี เอาประโยชน์ใส่ตัวโดยไม่คำนึงถึงคนอื่น (มหิจฉา) เช่น การรับประทานอาหารในวงเดียวกัน เลือกตักกินแต่ของอร่อยๆ ในจานของตนเอง โดยไม่สนใจใคร ไม่เกรงใจใคร ไม่สนใจว่าเขาจะได้กินหรือไม่ได้กิน
๑.๔ ความโลภมาก คือ ความอยากนำสิ่งของมาสนองเจตนาที่ตัวเองต้องการ, สนองความต้องการของตัวเอง
๑.๕ ทะยานอยากได้ยิ่งๆ ขึ้นไป คือ เมื่อได้สิ่งนี้แล้วก็อยากจะได้สิ่งนั้นมากๆ ขึ้นไปอีก
วิธีแก้ไขคือ
๑. จะต้องมีมุฑิตาจิต ซึ่งจะตรงข้ามกับราคะ มุฑิตาจิตจะมาลบราคะได้
๒. สันโดษ คือ จำเป็นแต่พอเหตุโดยธรรม พอเรามีตัวธรรมสันโดษ ตัวละโมบก็จะไม่ขึ้น ถ้าเราไม่มีสันโดษก็จะเกิดความละโมบ
บางคนบอกว่า อย่าไปโลภ แต่คำว่า "โลภ" เราอยู่ภูมิเช่นนี้เราต้องมีความโลภไหม? เราก็ต้องมีความโลภ แต่เราจะเอาตัวอะไรไปผสม ถ้าเราเอาตัวมิจฉามาผสมกับความโลภก็จะกลายเป็นละโมบ ก็จะก่อเรื่องเดือดร้อน แต่ถ้าเรามีความโลภผสมกับสันโดษ ก็จะไม่เดือดร้อน
๓. อกเขาอกเรา คือ
๔. พิจารณากรรม ๕ พิจารณาวิบาก ๗
^_^ ..._/\_... ^_^
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต
ราคะ สายสนองอารมณ์ความสะใจ
สายสนองอารมณ์ความสะใจ คือ ความเบียดเบียน เอารัดเอาเปรียบ โกหกหลอกลวง ความละโมบเพ่งเล็งเอาจนเกินไป
๑.๑ อยากจะเอาของคนอื่นมาเป็นของตนเอง คือ ความเพ่งเล็งจะเอาของคนอื่นมาเป็นของตัว มีใจอยากได้ของคนอื่นแต่ยังไม่ถึงกับแสดงออก ความโลภอย่างแรงกล้าจ้องจะเอาไม่เลือกว่าควรหรือไม่ควร เช่น การลักขโมย ปล้น จี้ ข่มขืนกระทำชำเรา เป็นต้น
๑.๒ ความอยากได้ในทางไม่ชอบ เช่น การยอมรับสินบน การทุจริตเพื่อแลกกับการมีทรัพย์ ทุจริตคอรัปชั่น เป็นต้น (ปาปิจฉา)
๑.๓ ความมักมากเห็นแก่ได้ ด้วยการเอามาเป็นของตนจนเกินพอดี เอาประโยชน์ใส่ตัวโดยไม่คำนึงถึงคนอื่น (มหิจฉา) เช่น การรับประทานอาหารในวงเดียวกัน เลือกตักกินแต่ของอร่อยๆ ในจานของตนเอง โดยไม่สนใจใคร ไม่เกรงใจใคร ไม่สนใจว่าเขาจะได้กินหรือไม่ได้กิน
๑.๔ ความโลภมาก คือ ความอยากนำสิ่งของมาสนองเจตนาที่ตัวเองต้องการ, สนองความต้องการของตัวเอง
๑.๕ ทะยานอยากได้ยิ่งๆ ขึ้นไป คือ เมื่อได้สิ่งนี้แล้วก็อยากจะได้สิ่งนั้นมากๆ ขึ้นไปอีก
วิธีแก้ไขคือ
๑. จะต้องมีมุฑิตาจิต ซึ่งจะตรงข้ามกับราคะ มุฑิตาจิตจะมาลบราคะได้
๒. สันโดษ คือ จำเป็นแต่พอเหตุโดยธรรม พอเรามีตัวธรรมสันโดษ ตัวละโมบก็จะไม่ขึ้น ถ้าเราไม่มีสันโดษก็จะเกิดความละโมบ
บางคนบอกว่า อย่าไปโลภ แต่คำว่า "โลภ" เราอยู่ภูมิเช่นนี้เราต้องมีความโลภไหม? เราก็ต้องมีความโลภ แต่เราจะเอาตัวอะไรไปผสม ถ้าเราเอาตัวมิจฉามาผสมกับความโลภก็จะกลายเป็นละโมบ ก็จะก่อเรื่องเดือดร้อน แต่ถ้าเรามีความโลภผสมกับสันโดษ ก็จะไม่เดือดร้อน
๓. อกเขาอกเรา คือ
๔. พิจารณากรรม ๕ พิจารณาวิบาก ๗
^_^ ..._/\_... ^_^
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต