วิธีเข้านิโรธสมาบัติ ทำยังไง?
พระพุทธเจ้าก็พิสูจน์แล้วว่า สุดท้ายไม่ได้ พระพุทธเจ้าต้องถอยออกมา ไม่อยู่ในภวังคจิต ให้ออกมาเป็นวิปัสสนาจิต ถึงจะแก้ทุกข์ได้ แต่ถ้าอยู่ในภวังคจิตแก้ทุกข์ไม่ได้ เพราะว่า "นิ่ง" ไม่เกิดปัญญา แต่การเข้าภวังคจิต เข้าไปเพื่อเป็นการพักผ่อนได้
นิโรธสมาบัติ เข้าไปแล้วพักผ่อนใช่ไหม?
ใช่ เข้าไปพักผ่อนเพื่อเตรียมกำลัง แล้วออกมาทำงาน เตรียมพละ เพื่อทำงาน ทำงานอะไร ทำงานวิปัสสนากรรมฐาน
แล้วจำเป็นไหม? ทำงานหนัก ๓-๔ วันแล้วมาพักผ่อนในนิโรธสมาบัติ
ไม่จำเป็น ไม่ใช่ว่าตายตัว บางคนไม่ต้องเลย เขาสามารถเข้าพักได้ ภายใน ๑ ชั่วโมงสามารถเข้าไปนั่งพักได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้านาน เขาเข้าใช้เวลาแป๊บเดียวก็เข้าได้ล่ะ กำหนดจิตทีเดียวก็ถึงแล้ว ทีใหม่ๆ ต้องนั่งนานๆ เพราะเราไม่ถึง เรากำหนดไม่ได้ เราไม่ชำนาญ อากงพักแป๊บเดียว เข้าปั้บพักแป๊บเดียวแล้วก็ทำงานต่อ วันหนึ่งนอน ๒ ชั่วโมง ก็สามารถทำงานได้ทั้งวัน
จนในที่เข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ เพื่อไปพักผ่อน แล้วได้พละกำลัง เอากำลังตรงนี้ไปวิปัสสนากรรมฐาน เพราะการวิปัสสนากรรมฐาน เป็นพื้นฐานแห่งความเป็นอรหันต์ แม้แต่นิพพาน ของทางพระพุทธศาสนา ถ้าเป็นของฤาษีจะดิ่งไปเรื่อย
นิโรธสัญญา คือ "นิ่ง" ให้อยู่กับกุศลตัวใดตัวหนึ่ง
สมมติว่า เรามีกุศล แล้วอยู่ในกุศล เขาเรียกว่า เข้าฝัก
"เข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ" เป็นการดับสัญญาและเวทนา นี่นะ?
ทีแรก ต้องมีกุศล สมมติว่าเรามีกุศลตรงนี้ แล้วเราอยู่กับกุศลแล้ว ก็จะค่อยๆ ดิ่งลงไป แล้วก็จะหลับไปเรื่อย เหมือนกับหนอนเข้าฝัก
สัญญาเวทยิตนิโรธ จะเหมือนกับปราโมทย์หรือไม่?
สัญญาเวทยิตนิโรธเป็นส่วนหนึ่งของปราโมทย์เท่านั้น เพราะปราโมทย์มันทั้งปวง เกี่ยวกับว่าเราสร้างกุศลแล้วดีใจที่ได้ทำกุศล
เราจะคิดกุศลอะไรก็ได้แล้วแต่ ยกตัวอย่าง กุศลที่เรารู้ธรรมของหลวงพ่อประยุทธ์ แล้วเราปราโมทย์ ท่านดีใจที่ได้เขียนหนังสือ แล้วก็จับตัวนี้เข้าสู่ปราโมทย์ เป็นการปราโมทย์กับพฤติกรรมของท่าน
แต่ถ้าหากว่าเข้านิโรธล่ะ?
เข้านิโรธไม่ต้องทำอะไร เข้าไปอยู่นิ่งๆ ก็ได้ จับตัวแรกก่อน แล้วเข้าไป อยู่นิ่งๆ แล้วก็ดิ่งลง เหมือนกับว่า เราต้องเข้าไปในบ้านก่อนแล้วค่อยนั่งลงไปได้ ต้องหาพื้นที่นั่ง นิ่งหมด ไม่ไปข้องแวะที่ไหน
พอเรานิ่ง ดิ่ง อย่างนี้ ก็ไม่มีกิเลสอะไร กิเลสจะมีตรงไหน มันหมดความอยาก ฯลฯ แม้แต่กินข้าวก็ไม่ต้องกิน แต่ถ้าออกมาแล้วไม่มีประโยชน์ เพราะพระพุทธเจ้าบอกว่าแก้ทุกข์ไม่ได้ พระพุทธเจ้าออกมากินข้าว แล้วเอากำลังแห่งสมาธินั้น เข้าสู่วิปัสสนากรรมฐาน คือ เกิดอริยสัจ ๔ ขึ้นมา เอาอริยสัจ ๔ ธรรมชาติมาใช้ จึงเกิดอุทานขึ้นว่า จึงพบว่า ทุกข์ ทุกข์เพราะเหตุอะไร? เราจะต้องแก้เหตุอะไรทุกข์นั้นถึงเปลี่ยน เห็นไหม? ถึงจะแก้ทุกข์ได้ นั่งสมาธินั่งให้ตาย ก็แก้ทุกข์ไม่ได้ ออกมาเมื่อไหร่ก็ทุกข์อีก เป็นการหนีทุกข์ เราจะต้องแก้ทุกข์ คือ ต้องรู้เหตุ นี่คือจุดเด่นของพระพุทธเจ้า
แล้วอริยสัจ มีอยู่ในธรรมชาติ แต่ว่าพระพุทธเจ้ายกออกมาให้ชาวบ้านดู
หลวงพ่อประยุทธ์ กล่าวว่า นิโรธสมาบัติ ไม่ใช่นิพพาน แต่เป็นวิธีหนึ่งที่จะเข้าสู่นิพพาน ความหมายก็คือ พระพุทธเจ้าเข้านิโรธสมาบัติ ไปเอากำลัง แล้วออกมาเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
การสิ้นอาสวะต่างหากเป็นนิพพาน คือ นิพพานไม่ถูกอาสวะครอบงำ
แต่พอเราเข้าสู่ภวังคจิต ไม่มีอาสวะ แต่ถ้าเราออกมาจากภวังคจิตก็จะมีอาสวะแล้ว แต่ถ้าเข้าสู่นิพพาน แม้ออกมาแล้วอาสวะก็ครอบงำจิตเราไม่ได้ แต่ถ้าออกมาจากภวังคจิตก็โดนครอบงำ เพราะเข้าเฝ้าอยู่นอกประตู เราออกจากบ้าน เราก็โดนตีหัว แต่ถ้าเรามีวิทยายุทธ์ดี เราออกมาเขาตีหัวเราไม่ได้ ท่องยุทธจักรได้
การเข้าสู่ภวังคจิต เป็นการหนีเข้าถ้ำ ออกจากถ้ำมาก็จะโดนตีหัว แต่ถ้าเรามีวิทยายุทธ์แล้ว เราออกมาจากถ้ำแล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะตีหัว เพราะว่าเราแก้ไขเขาได้
คำว่า มีวิทยายุทธ์ หมายความว่า ออกมาเป็นวิปัสสนากรรมฐาน เราเอาแต่ดิ่งก็จบ แต่ถ้าเราเอาพลังแห่งการดิ่งมาฝึกเป็นวิชชา เป็นวิชาวิปัสสนากรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐานก็คือรู้ต้นตอแห่งเหตุ แล้วมวยท่านี้เรารู้ท่าเหตุของเขา เรารู้เท่าของเขา แล้วเราจะไม่ชนะเหรอ? เราก็ชนะได้ ดักทางได้
มีอยู่ ๒ ท่า ท่าหลบมุมอยู่แต่ในถ้ำ ปลอดภัย แต่ถ้าออกมา ก็โวยวาย เพราะโดนเขาตีหัว เราต้องเอาเวลามาทำประโยชน์เป็นวิปัสสนากรรมฐาน ไปฝึกวิชาซะ พอเรามีวิชาออกมาแล้วเราจะไปกลัวใครจะมาตีหัวเรา? ไม่มี เพราะเราอ่านเกมส์เขา เราอ่านเกมส์ออกเราก็สู้ได้ เราก็ควบคุมได้ ท่องยุทธจักรได้ ถ้าไม่งั้นเราก็จะมุดอยู่ตรงถ้ำ
เปรียบเทียบการเข้าฌาน
ฌานที่ ๑ หนีได้ เราหลบหลีก ลี้ หนี เว้นหนี
ฌานที่ ๒ หลบซ่อน
ฌานที่ ๓ เข้าที่หาที่คุ้มครอง
ฌานที่ ๔ เข้าสู่การคุ้มครอง แอบหนีเข้าสู่การครอบครองสิ่งที่เป็นปลอดภัย เช่น เข้าถ้ำจะคุ้มครองให้เราปลอดภัย หมายความว่า ขอผู้มีบารมีคุ้มครอง หรืออาศัยสัปปายะ
แต่พวกนี้ไม่ใช่แก้ทุกข์ แก้ไม่ได้สักอย่าง แม้แต่นิโรธสัญญาก็เหมือนกัน เหมือนการหาที่คุ้มครอง เราเข้านิโรธสมาบัติ เราอาศัยอะไรคุ้มครอง ก็คือ ดิ่ง ซะ ไม่รับรู้อะไรสักอย่าง รู้แต่ตรงนี้ เป็นการปิดทวาร แต่เราออกมาเมื่อไหร่ก็โดนตีหัว เพราะเราไม่มีวิทยายุทธ์ เพราะเข้าสู่นิโรธ เป็นการดับเวทนา ดับสัญญา เหมือนกับหินก้อนหนึ่งไปเลย แต่เราลองกลิ้งหินก้อนนั้นออกมาจากถ้ำ แล้วเอาค้อนทุบก็แตกได้ มันไม่มีวิชชา ไม่มีปัญญา
^_^ ..._/\_... ^_^
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต
ประสบการณ์ วิธีเข้านิโรธสมาบัติ ทำยังไง?
พระพุทธเจ้าก็พิสูจน์แล้วว่า สุดท้ายไม่ได้ พระพุทธเจ้าต้องถอยออกมา ไม่อยู่ในภวังคจิต ให้ออกมาเป็นวิปัสสนาจิต ถึงจะแก้ทุกข์ได้ แต่ถ้าอยู่ในภวังคจิตแก้ทุกข์ไม่ได้ เพราะว่า "นิ่ง" ไม่เกิดปัญญา แต่การเข้าภวังคจิต เข้าไปเพื่อเป็นการพักผ่อนได้
นิโรธสมาบัติ เข้าไปแล้วพักผ่อนใช่ไหม?
ใช่ เข้าไปพักผ่อนเพื่อเตรียมกำลัง แล้วออกมาทำงาน เตรียมพละ เพื่อทำงาน ทำงานอะไร ทำงานวิปัสสนากรรมฐาน
แล้วจำเป็นไหม? ทำงานหนัก ๓-๔ วันแล้วมาพักผ่อนในนิโรธสมาบัติ
ไม่จำเป็น ไม่ใช่ว่าตายตัว บางคนไม่ต้องเลย เขาสามารถเข้าพักได้ ภายใน ๑ ชั่วโมงสามารถเข้าไปนั่งพักได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้านาน เขาเข้าใช้เวลาแป๊บเดียวก็เข้าได้ล่ะ กำหนดจิตทีเดียวก็ถึงแล้ว ทีใหม่ๆ ต้องนั่งนานๆ เพราะเราไม่ถึง เรากำหนดไม่ได้ เราไม่ชำนาญ อากงพักแป๊บเดียว เข้าปั้บพักแป๊บเดียวแล้วก็ทำงานต่อ วันหนึ่งนอน ๒ ชั่วโมง ก็สามารถทำงานได้ทั้งวัน
จนในที่เข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ เพื่อไปพักผ่อน แล้วได้พละกำลัง เอากำลังตรงนี้ไปวิปัสสนากรรมฐาน เพราะการวิปัสสนากรรมฐาน เป็นพื้นฐานแห่งความเป็นอรหันต์ แม้แต่นิพพาน ของทางพระพุทธศาสนา ถ้าเป็นของฤาษีจะดิ่งไปเรื่อย
นิโรธสัญญา คือ "นิ่ง" ให้อยู่กับกุศลตัวใดตัวหนึ่ง
สมมติว่า เรามีกุศล แล้วอยู่ในกุศล เขาเรียกว่า เข้าฝัก
"เข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ" เป็นการดับสัญญาและเวทนา นี่นะ?
ทีแรก ต้องมีกุศล สมมติว่าเรามีกุศลตรงนี้ แล้วเราอยู่กับกุศลแล้ว ก็จะค่อยๆ ดิ่งลงไป แล้วก็จะหลับไปเรื่อย เหมือนกับหนอนเข้าฝัก
สัญญาเวทยิตนิโรธ จะเหมือนกับปราโมทย์หรือไม่?
สัญญาเวทยิตนิโรธเป็นส่วนหนึ่งของปราโมทย์เท่านั้น เพราะปราโมทย์มันทั้งปวง เกี่ยวกับว่าเราสร้างกุศลแล้วดีใจที่ได้ทำกุศล
เราจะคิดกุศลอะไรก็ได้แล้วแต่ ยกตัวอย่าง กุศลที่เรารู้ธรรมของหลวงพ่อประยุทธ์ แล้วเราปราโมทย์ ท่านดีใจที่ได้เขียนหนังสือ แล้วก็จับตัวนี้เข้าสู่ปราโมทย์ เป็นการปราโมทย์กับพฤติกรรมของท่าน
แต่ถ้าหากว่าเข้านิโรธล่ะ?
เข้านิโรธไม่ต้องทำอะไร เข้าไปอยู่นิ่งๆ ก็ได้ จับตัวแรกก่อน แล้วเข้าไป อยู่นิ่งๆ แล้วก็ดิ่งลง เหมือนกับว่า เราต้องเข้าไปในบ้านก่อนแล้วค่อยนั่งลงไปได้ ต้องหาพื้นที่นั่ง นิ่งหมด ไม่ไปข้องแวะที่ไหน
พอเรานิ่ง ดิ่ง อย่างนี้ ก็ไม่มีกิเลสอะไร กิเลสจะมีตรงไหน มันหมดความอยาก ฯลฯ แม้แต่กินข้าวก็ไม่ต้องกิน แต่ถ้าออกมาแล้วไม่มีประโยชน์ เพราะพระพุทธเจ้าบอกว่าแก้ทุกข์ไม่ได้ พระพุทธเจ้าออกมากินข้าว แล้วเอากำลังแห่งสมาธินั้น เข้าสู่วิปัสสนากรรมฐาน คือ เกิดอริยสัจ ๔ ขึ้นมา เอาอริยสัจ ๔ ธรรมชาติมาใช้ จึงเกิดอุทานขึ้นว่า จึงพบว่า ทุกข์ ทุกข์เพราะเหตุอะไร? เราจะต้องแก้เหตุอะไรทุกข์นั้นถึงเปลี่ยน เห็นไหม? ถึงจะแก้ทุกข์ได้ นั่งสมาธินั่งให้ตาย ก็แก้ทุกข์ไม่ได้ ออกมาเมื่อไหร่ก็ทุกข์อีก เป็นการหนีทุกข์ เราจะต้องแก้ทุกข์ คือ ต้องรู้เหตุ นี่คือจุดเด่นของพระพุทธเจ้า
แล้วอริยสัจ มีอยู่ในธรรมชาติ แต่ว่าพระพุทธเจ้ายกออกมาให้ชาวบ้านดู
หลวงพ่อประยุทธ์ กล่าวว่า นิโรธสมาบัติ ไม่ใช่นิพพาน แต่เป็นวิธีหนึ่งที่จะเข้าสู่นิพพาน ความหมายก็คือ พระพุทธเจ้าเข้านิโรธสมาบัติ ไปเอากำลัง แล้วออกมาเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
การสิ้นอาสวะต่างหากเป็นนิพพาน คือ นิพพานไม่ถูกอาสวะครอบงำ
แต่พอเราเข้าสู่ภวังคจิต ไม่มีอาสวะ แต่ถ้าเราออกมาจากภวังคจิตก็จะมีอาสวะแล้ว แต่ถ้าเข้าสู่นิพพาน แม้ออกมาแล้วอาสวะก็ครอบงำจิตเราไม่ได้ แต่ถ้าออกมาจากภวังคจิตก็โดนครอบงำ เพราะเข้าเฝ้าอยู่นอกประตู เราออกจากบ้าน เราก็โดนตีหัว แต่ถ้าเรามีวิทยายุทธ์ดี เราออกมาเขาตีหัวเราไม่ได้ ท่องยุทธจักรได้
การเข้าสู่ภวังคจิต เป็นการหนีเข้าถ้ำ ออกจากถ้ำมาก็จะโดนตีหัว แต่ถ้าเรามีวิทยายุทธ์แล้ว เราออกมาจากถ้ำแล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะตีหัว เพราะว่าเราแก้ไขเขาได้
คำว่า มีวิทยายุทธ์ หมายความว่า ออกมาเป็นวิปัสสนากรรมฐาน เราเอาแต่ดิ่งก็จบ แต่ถ้าเราเอาพลังแห่งการดิ่งมาฝึกเป็นวิชชา เป็นวิชาวิปัสสนากรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐานก็คือรู้ต้นตอแห่งเหตุ แล้วมวยท่านี้เรารู้ท่าเหตุของเขา เรารู้เท่าของเขา แล้วเราจะไม่ชนะเหรอ? เราก็ชนะได้ ดักทางได้
มีอยู่ ๒ ท่า ท่าหลบมุมอยู่แต่ในถ้ำ ปลอดภัย แต่ถ้าออกมา ก็โวยวาย เพราะโดนเขาตีหัว เราต้องเอาเวลามาทำประโยชน์เป็นวิปัสสนากรรมฐาน ไปฝึกวิชาซะ พอเรามีวิชาออกมาแล้วเราจะไปกลัวใครจะมาตีหัวเรา? ไม่มี เพราะเราอ่านเกมส์เขา เราอ่านเกมส์ออกเราก็สู้ได้ เราก็ควบคุมได้ ท่องยุทธจักรได้ ถ้าไม่งั้นเราก็จะมุดอยู่ตรงถ้ำ
เปรียบเทียบการเข้าฌาน
ฌานที่ ๑ หนีได้ เราหลบหลีก ลี้ หนี เว้นหนี
ฌานที่ ๒ หลบซ่อน
ฌานที่ ๓ เข้าที่หาที่คุ้มครอง
ฌานที่ ๔ เข้าสู่การคุ้มครอง แอบหนีเข้าสู่การครอบครองสิ่งที่เป็นปลอดภัย เช่น เข้าถ้ำจะคุ้มครองให้เราปลอดภัย หมายความว่า ขอผู้มีบารมีคุ้มครอง หรืออาศัยสัปปายะ
แต่พวกนี้ไม่ใช่แก้ทุกข์ แก้ไม่ได้สักอย่าง แม้แต่นิโรธสัญญาก็เหมือนกัน เหมือนการหาที่คุ้มครอง เราเข้านิโรธสมาบัติ เราอาศัยอะไรคุ้มครอง ก็คือ ดิ่ง ซะ ไม่รับรู้อะไรสักอย่าง รู้แต่ตรงนี้ เป็นการปิดทวาร แต่เราออกมาเมื่อไหร่ก็โดนตีหัว เพราะเราไม่มีวิทยายุทธ์ เพราะเข้าสู่นิโรธ เป็นการดับเวทนา ดับสัญญา เหมือนกับหินก้อนหนึ่งไปเลย แต่เราลองกลิ้งหินก้อนนั้นออกมาจากถ้ำ แล้วเอาค้อนทุบก็แตกได้ มันไม่มีวิชชา ไม่มีปัญญา
^_^ ..._/\_... ^_^
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต