Rwanda: Trekking Mountain Gorillas

ที่เอมี่กับสามีมาที่รวันดาเพราะเราตั้งใจมาเดินป่าตามหากอริลล่าที่ Virunga Volcanoes National Park (อยู่ทางตอนเหนือของประเทศ) กันค่ะ 

ตื่นเต้นมากค่ะ เคยเห็นแต่ในหนัง คราวนี้ได้เจอของจริง ได้สัมผัสแบบใกล้ชิด เหนือคำบรรยายจริงๆ ค่ะ มันเกินกว่าที่เราสองคนคาดว่าเอาไว้ พอเราเดินทางไปถึง Ruhengeri ซึ่งเป็นเมืองที่ๆ จุดลงทะเบียนของการเดินป่าตามหากอริลล่า Charles ไกด์ส่วนตัวของเราก็พาเราไปรู้จักกับไกด์เฉพาะสำหรับตามหากอริลล่า พร้อมกับทำความรู้จักนักท่องเที่ยวคนอื่นที่อยู่ในกรุ๊ปเราที่จะไปหากอริลล่ากัน (กรุ๊ปหนึ่งมีไม่เกิน 8 คน) ไกด์ของเราชื่อ Fernando นักท่องเที่ยวอีก 6 คนมาจากแคนาดา 2 คน อังกฤษ 1 คน และอีก 3 คนมาจากอเมริกา เมื่อทำความรู้จักกันเรียบร้อย Fernando บอกกับพวกเราว่ากอริลล่าอยู่กันเป็นครอบครัว ครอบครัวหนึ่งมีประมาณ 17-22 ตัว ครอบครัวที่เราจะไปหาชื่อ Hirwa (แปลว่า lucky) มีทั้งหมด 17 ตัว (ที่รวันดามีครอบครัวกอริลล่าทั้งหมด 10 ครอบครัว) ซึ่งพวกเราจะมีเวลาอยู่กับกอริลล่าประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วก็อธิบายขั้นตอนการเดินป่า บอกกฏกติกาเมื่อได้พบกับกอริลล่า เช่น ควรอยู่ห่างจากกอริลล่าประมาณ 22 ฟุต (ประมาณ 6.5 เมตร) อย่าส่งเสียงดัง ห้ามจ้องตากอริลล่า ห้ามใช้นิ้วชี้โน้นนี่ อนุญาตให้ถ่ายรูปได้ แต่ห้ามใช้ flash บางทีกอริลล่าก็อยากรู้อยากเห็นเช่นกัน บางตัวอาจเดินเข้ามาหาเรา หากกอริลล่าเดินเข้ามาหา อย่าตกใจ ให้อยู่นิ่งๆ และหมอบลง เพื่อแสดงให้รู้ว่าเรายอม (ได้ยินแล้ว ตื่นเต้นมากค่ะ เอมี่นึกในใจ อยากให้กอริลล่าเข้ามาหาจัง) และ Fernando ก็สอนการส่งเสียงแบบกอริลล่า เป็นการกล่าวทักทาย คล้ายๆ เวลาเราทำเสียง อีม ในลำคอ 

เมื่อพวกเราหมดข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับการเดินทางเข้าป่าและกอริลล่าแล้ว Fernando เตือนพวกเราให้ทำธุระ เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย เพราะไม่มีห้องน้ำระหว่างทาง มีแต่ป่า จากนั้น Fernando ก็พาพวกเรามาเจอ porter หรือลูกหาบ แต่ละคนจะต้องมึลูกหาบ (เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ เพื่อช่วยเหลือคนท้องถิ่นให้มีรายได้ สร้างอาชีพให้กับชาวบ้าน) เราจะแบกของ แบกเป้ของเราเองก็ได้ แต่เขาไม่แนะนำ เพราะเราจะได้เดินเข้าป่าได้อย่างคล่องตัว สื่งที่เราควรนำติดตัวไปคือ กระบอกน้ำ ของกินเล่น กระดาษชำระทั้งแบบแห้งและแบบเปียก เตรียมไปให้พร้อม เพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น (หากต้องการทำธุระส่วนตัว ให้บอกไกด์ก่อน เพื่อที่จะได้หาที่เหมาะสม)

จากจุดที่ลงทะเบียน พวกเรานั่งรถกันไปเพื่อให้ใกล้จุดที่เราจะเริ่มเดินป่ามากที่สุด (แต่ละกรุ๊ปจะกระจัดกระจายไปที่ต่างๆ ในบริเวณ Virunga Volcanoes National Park เพื่อไปหาครอบครัวกอริลล่า) จากนั้น พวกเราต้องเดินเรียงแถวตอน และค่อยๆ เดินตามกันไป นี่เป็นครั้งแรกที่เราสองคนได้สัมผัสกับการผจญภัยในป่าจริงๆ ค่ะ นอกจากร่างกายต้องพร้อมสำหรับการเดินป่าและปีนเขาแล้ว การแต่งกายต้องพร้อมด้วยค่ะ เราใส่การเกงขายาว เสิ้อแขนยาว รองเท้า hiking และ gaiters เพื่อปิดร่างกายให้มิดชิด ป้องกันการขูดขีดจากกิ่งไม้ และแมลงต่างๆ ขณะที่เดินกันไป ไกด์ก็อธิบายสภาพภูมิประเทศไปด้วย และคอยสอบถามพวกเราว่าโอเคกันไหม จากที่เราเดินที่ราบกันสบายๆ ผ่านสวน ผ่านไร่ของชาวบ้าน ชื่นชมต้นไม้ใบหญ้ารอบๆ ตัว หนทางก็เริ่มแคบลง และชันขึ้นเรื่อยๆ เอมี่ต้องขอไม้เท้าสำหรับเดินป่า จากลูกหาบ เพื่อช่วยในการเดิน โดยเฉพาะเวลาที่ต้องปีนขึ้นเนินหรือที่สูง ไกด์ให้พวกเราหยุดพักและดื่มน้ำเรื่อยๆ คงกลัวว่าพวกเราจะหมดแรงเสียก่อนจะเจอกอริลล่า ตลอดทางที่พวกเราเดินกัน จะได้ยินไกด์คุยโทรศัพท์กับ tracker  (คือคนที่ตามหากอริลล่าและติดต่อกับไกด์ เพื่อบอกตำแหน่งแห่งหนที่พวกกอริลล่าอยู่ เนื่องจากพวกกอริลล่าอยู่ไม่เป็นที่ จะเดินทางกันไปเรื่อยๆ ในป่า จึงต้องมี tracker คอยตามหา) เป็นระยะๆ เพื่อบอกทางให้พวกเราได้ไปเจอกับครอบครัว Hirwa เอมี่แอบคิดอยู่เหมือนกันว่าจะได้เจอกอริลล่าจริงๆ หรือเปล่า และจะต้องเดินอีกนานแค่ไหน จะเสียเงินเสียเวลาฟรีๆ ไหมหนอ 

พอเดินมาได้สักประมาณชั่วโมงนึง เราก็เจอกับ tracker มีกันสองคนได้ ซึ่งรอเราอยู่ คนนึงมีวอกกี้ทอกกี้อยู่ในมือและมีมีดพร้าอยู่ข้างๆ ตัว อีกคนมีมีดพร้าอยู่ในมือ พร้อมปืน rifle สะพายอยู่ที่ไหล่ อันนี้ของจริงมาแล้ว เรากำลังจะบุกป่าฝ่าดงกันจริงๆ แล้ว Fernando บอกกับเราว่าเราจะได้เจอกอริลล่าแน่นอนเพราะ tracker อีกกลุ่มโทรมาแจ้งว่าเจอกอริลล่าแล้ว ให้พวกเราเดินกันต่อ โดย tracker พร้อมมีดพร้าออกเดินนำ คอยถางทางที่รกเต็มไปด้วยกิ่งไม้จากต้นไม้นานาชนิดๆ นี่พวกเราเดินเข้ามาอยู่กันในป่าดงดิบจริงๆ แล้ว เอมี่ต้องกางแขนสองข้างออก เพื่อกันไม่ให้กิ่งไม้มาโดนหน้า หรือทิ้มตา ต้องคอยมองรอบๆ ตัวด้วยว่าจะมีอันตรายอย่างอื่นหรือไม่ ต้องมีสติตลอดเวลา พวกเราเดินฝ่าดงป่ากันมาได้สักพัก ไกด์ก็ร้องบอกว่าเจอแล้ว เอมี่มองหา ตอนนั้นตื่นเต้นมาก มองไปเห็นตัวดำๆ ใหญ่ๆ โอ้แม่เจ้า Silverback จ่าฝูง ตัวเบอเร่อเลย กำลังนอนใชว์หลังที่มีขนสีขาวพาดอยู่กลางหลัง ขนสีขาวตัดกับขนสีดำที่ดำสนิทและมันเงา สวยงามมากค่ะ อยากจะเอามือไปสัมผัส ลูบขนที่ดูนุ่มๆ และหนามันเงาจัง เอมี่รีบคว้าโทรศัพท์มาถ่ายรูป ยิ้ม แอบกลัวอยู่เหมือนกันค่ะ เพราะมันตัวใหญ่เหลือเกิน 

Fernando ส่งสัญญาณให้พวกเรา นั่งลง ตรงบริเวณนั้น ซึ่งไม่รกมาก มีที่ว่างให้พวกเราแปดคนได้นั่งชมความงามตามธรรมชาติได้อย่างสบายๆ แต่มีต้นไผ่ปกคลุมอยู่ รอบๆ ตัวเรามีลูกๆ กอริลล่า เดินเล่น กลิ้งไปมาที่พื้น บางตัวก็โหนกิ่งไม้ไปมา โชว์พวกเราอย่างสนุกสนาน น่ารักมาก บางตัวที่โตแล้ว ก็นั่งเฉยๆ หรือเดินไปมา ตามปกติธรรมชาติของมัน บางตัวก็นั่งเคี้ยวกิ่งไผ่เล่นเป็นอาหาร เห็นเหงือกพร้อมฟันสีขาวจั๊ว บรรดาตัวเมียก็คอยดูลูกๆ ไม่ให้ออกนอกสายตา เอมี่ไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวเองจะได้มาสัมผัสอะไรแบบนี้ ความกลัวในตอนแรกค่อยๆ หายไป เพราะเห็นว่าพวกกอริลล่าอยู่ของมันตามปกติ ไม่ได้น่ากลัวอะไรเลย เราเองต่างหากที่กลัวไปเอง และกลับกลายเป็นว่าอยากให้กอริลล่าเดินเข้ามาหา มาอยู่ใกล้ๆ (ได้ยินจากนักท่องเที่ยวคนอื่น เล่าให้ฟังว่ามีกอริลล่าเดินเข้ามาและนั่งลงข้างๆ ขนของมันติดกับตัวเลย ฟังแล้วก็พลอยตื่นเต้นไปกับเขาด้วย) เราจะโชคดีไหมหนอ แอบคิดอยู่ในใจ คนที่โชคดีคือสามีเอมี่เองค่ะ ขณะที่สามีกำลังยืนชื่นชมและถ่ายรูปอยู่ มีกอริลล่าหนุ่มตัวหนึ่งเดินเข้ามาหาและจับที่ขา เหมือนว่าจะชวนให้ไปเล่นด้วย สามีตกใจผสมผสานไปกับความดึใจ ทุกวันนี้ยังเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนๆ ฟังอยู่เลย 

ที่ประทับใจเอมี่และสามีมากคือ แววตาของกอริลล่า แม้ว่าเขาจะห้ามจ้องตากอริลล่าก็ตาม แต่เราสามารถแอบชำเรืองมองได้ค่ะ แววตาเหมือนคนมาก มีมิติที่บอกความรู้สึกได้ อธิบายไม่ถูกค่ะ ต้องมาเห็นด้วยตัวเอง (กอริลล่ามี DNA 98% ที่เหมือนคน)

ก่อนที่พวกเราจะจากกัน Fernando ไกด์ของพวกเรากล่าวขอบคุณที่พวกเรามาเยี่ยมประเทศของเขา ให้พวกเขาได้มีงาน มีเงินเลี้ยงดูครอบครัว และบอกว่าเงินค่าธรรมเนียมที่รัฐบาลเก็บนั้น นำไปใช้ในการพัฒนาประเทศ สร้างโรงเรียน ถนนหนทาง และสาธารนูปโภคอื่นๆ ที่จำเป็น 

อ่านมาถึงตอนนี้แล้ว ทุกคนคงมีคำถามอยู่ในใจ เหมือนอย่างที่เอมี่เคยมี

ถามว่าค่าธรรมเนียมเท่าไหร่ มีค่าใช้จ่ายมากน้อยขนาดไหน รัฐบาลรวันดาเก็บค่าธรรมเนียมคนละ 1,500 USD และต้องเตรียมเงินสดสำหรับทิปไกด์ ลูกหาบ และ tracker ด้วย
ถามว่าใช้เวลาเดินป่านานแค่ไหน โดยปกติแล้วใช้เวลาในการเดินป่าประมาณ 1-2 ชั่วโมง ก่อนที่จะได้เจอกับกอริลล่า แต่บางครั้งอาจจะนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการของนักท่องเที่ยว บางคนชอบเดินป่า ไกด์ก็จะพาเดินป่านานหน่อย 
ถามว่าได้เจอกอริลล่าแน่นอนไหม ได้เจอแน่นอนค่ะ เพราะจ่ายราคาขนาดนี้ ยังไง tracker ก็ต้องหากอริลล่าให้เจอค่ะ 
ถามว่าปลอดภัยไหม ปลอดภัยค่ะ ถ้าเราทำตามกฏและคำแนะนำของไกด์
ถามว่าไปช่วงเวลาไหนของปีเหมาะที่สุด ช่วงหน้าแล้ง หรือ dry season ค่ะ มีสองช่วง คือ กลางธันวาคมถึงกุมภาพันธุ์ กับช่วงมิถุนายนถึงกันยายน ไม่แนะนำช่วงหน้าฝนค่ะ เพราะเดินทางลำบากมาก
ถามว่าต้องไปที่รวันดาเท่านั้นหรือ มีที่ Uganda และ the Democratic Republic of Congo ด้วยค่ะ แต่ที่รวันดาไปง่าย และสะดวกกว่า
ถามว่าคุ้มไหม คุ้มมากค่ะ มัน amazing มาก ขอแนะนำ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่