Torm Adventure: บุกป่าดงดิบภูเขาไฟในรวันดาและยูกันดา ตอน การผจญภัยแกะรอยกอริลล่าภูเขาเป็นครั้งที่ 2

เช้านี้ฟ้าใสแดดอ่อนส่องลงมากระทบกับละอองน้ำค้างเป็นหมอกจาง เราออกเดินทางตอน 6 โมงครึ่งไปสำนักงานอุทยานแห่งชาติภูเขาไฟ ซึ่งเป็นกระท่อมหินหลายหลัง ต้องแสดงใบอนุญาตดูกอริลล่าพร้อมพาสปอร์ตเพื่อลงทะเบียน ระหว่างรอเจ้าหน้าที่จัดสรรกลุ่มกอริลล่า 10 กลุ่ม กลุ่มละ 8 คน รวม 80 คนตามระเบียบ ก็มีการแสดงโดยชาวพื้นเมืองในสนามหญ้า นักท่องเที่ยวส่วนมากเป็นฝรั่ง แทบจะไม่มีชาวเอเชียเลย

วันนี้เราได้ครอบครัวกอริลล่า Agashya แปลว่าพิเศษ มีสมาชิกถึง 25 ตัว ถือเป็นครอบครัวใหญ่อันดับ 2 มีประวัติเรื่องราวที่น่าสนใจ ครอบครัวนี้เดิมมี silverback จ่าฝูงและลูกเมียรวม 13 ตัว แต่เมื่อหลายปีก่อน จ่าฝูงตายก่อนวัยอันควร เมื่อครอบครัว 13 ขาดจ่าฝูง ก็เกิดระส่ำระสาย ตัวผู้ที่อายุมากที่สุดในครอบครัวยังเด็กเป็น blackback อยู่ ยังไม่มีอิทธิพลหรือวุฒิภาวะพอในการเป็นผู้นำ จึงไม่ได้รับการยอมรับจากกอริลล่าอื่นในฝูง ระหว่างนั้น มี silverback อีกตัวหนึ่ง ซึ่งตัดสินใจแยกตัวออกจากครอบครัวเดิมเมื่อโตเนื่องจากไม่ต้องการยอมตกอยู่ใต้อำนาจพ่อ จึงอยู่ตัวเดียวเร่ร่อนในป่า เคยมาเจอกับครอบครัว 13 นี้ตั้งแต่ silverback จ่าฝูงยังไม่ตาย และดูจะมาตกหลุมรักตัวเมียบ้านนี้อยู่ เลยวนเวียนมาดูครอบครัว 13 นี้เรื่อยมา แอบดูพฤติกรรมจนวันที่จ่าฝูงตาย จึงเข้ามาจีบตัวเมียที่เล็งอยู่ ด้วยความที่เคยศึกษาพฤติกรรมจ่าฝูงเดิมอยู่แล้ว เลยสามารถครองใจตัวเมียครอบครัวนี้ได้ 2 ตัว ทำให้กอริลล่าตัวอื่นในครอบครัวยอมรับ silverback ตัวใหม่ให้มาเป็นจ่าฝูง

ด้วยความกำยำและฉลาดปราดเปรื่องของ silverback ตัวนี้ ทำให้เสน่ห์แรง ไปจีบตัวเมียจากฝูงอื่นสำเร็จนำมารวมในครอบครัวได้อีก 8 ตัว ส่วนตัวเมีย 2 ตัวแรกเมื่อเห็น silverback จ่าฝูงใหม่ไปมีหญิงอื่นอีกมากมาย ก็ตัดสินใจหนีจากไป ครอบครัว Agashya ได้ตั้งรกรากใหม่ โดยมีทั้งสมาชิกครอบครัว 13 เดิมและสมาชิกที่หามาเพิ่ม สถานะล่าสุดของครอบครัว Agashya คือเมื่อสองวันก่อนมี silverback จากครอบครัวอื่นบุกมาแย่งเอาตัวเมีย 2 ตัวของครอบครัวนี้ เกิดการต่อสู้รุนแรง แต่จ่าฝูง Agashya พ่ายแพ้ ถูกกัดที่แขนเป็นแผลใหญ่ และที่หน้าก็โดนตัดเป็นทางยาว เสียตัวเมียไป 2 ตัว ทำให้วันนี้ สมาชิกครอบครัว Agashya ลดเหลือ 23 ตัว

ฟังเรื่องราวอันแสนพิเศษของการก่อตั้งครอบครัว Agashya เราก็ออกเดินทางด้วยรถไปที่เชิงภูเขาไฟ Sabyinyo ซึ่งอยู่ใกล้กับโรงแรมที่พัก รับลูกหาบและไม้เท้าเดินป่าสลักเป็นรูปหัวกอริลล่า และเริ่มออกเดินทางด้วยความตื่นเต้น ผ่านไร่ยูคาลิปตัส เดินตัดบนคันไร่ของชาวบ้าน เพื่อเลาะไปที่ชายป่า ใช้เวลาจากที่จอดรถจนถึงกำแพงหินกั้นเขตอุทยานและเขตชาวบ้านประมาณครึ่งชั่วโมง


ป่าแถบนี้โปร่งและแห้งกว่าวันแรก มีต้นไม้สูงสลับกับต้นเฟิร์นใบใหญ่และต้นไผ่ลำโต กล้วยไม้ป่าสวยงาม ทางเดินชันขึ้นไปสู่ยอดภูเขาไฟ ประมาณ 45 นาทีก็ถึงด้านบน เป็นปากปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่มาก แต่ดับแล้วหลายล้านปีก่อน ในปล่องภูเขาไฟเบื้องล่างปกคลุมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่เขียวแน่นไปหมด เราเดินรอบปากปล่องเพียงครู่ ก็พบกับนายพรานแกะรอยถืออาวุธปืนยาว 2 คน ครอบครัวกอริลล่าอยู่ใกล้แล้ว


กอริลล่าตัวแรกที่พบเป็นกอริลล่าตัวผู้ blackback ที่ตัวใหญ่มาก คงอายุใกล้จะได้เป็น silverback แล้ว น้ำหนักน่าจะใกล้ 180 กิโล นั่งอยู่บนเนินในป่าโปร่ง เคี้ยวใบไผ่ตากแดดสบายอารมณ์ แต่ไม่เห็นตัวอื่น เราอยู่กับ blackback ตัวนี้เพียง 5 นาที เค้าก็วิ่งฝ่าเราลงจากบริเวณปากปล่องภูเขาไฟลงไปในปล่องข้างล่างที่ทางลงเป็นกึ่งหน้าผา กอริลล่าแม้จะตัวใหญ่แต่เคลื่อนตัวเร็วมาก เรารีบสาวเท้าตามไปที่ขอบปล่อง มองตามว่าจะลงไปดีมั้ย แต่ทางที่กอริลล่าลงไปเป็นทางดินที่ชันเกือบ 80 องศา คนคงไม่สามารถลงที่ชันได้ปราดเปรียวเท่ากอริลล่า ระหว่างที่ไกด์นายพรานตัดสินใจอยู่ว่าจะเอายังไงต่อ ก็มีกอริลล่าตัวเมียอีก 2 ตัววิ่งผ่านหน้าเราตาม blackback ตัวนั้นไป และมีกอริลล่าตัวเมียอีก 2 ตัว พร้อมลูกเล็กเกาะอยู่บนหลังอีกคู่ วิ่งเกือบชนขาเราลงไปในปล่อง ไกด์นายพรานผู้มากประสบการณ์แจ้งว่า ฝูงกอริลล่าจะต้องตามจ่าฝูง ดังนั้นเราควรหาก่อนว่า silverback อยู่ไหน ถ้าอยู่ในปล่องภูเขาไฟในหุบเบื้องล่าง แม้ทางลงจะสูงชันและรกชัฏ เราก็คงต้องตามไปด้วย ทีแรกเราหัวเราะนึกว่าพูดเล่น เพราะทางลงไปในปล่องที่ทั้งชันและลึกอย่างนั้น เบื้องล่างมีต้นไม้เป็นป่าทึบขนาดนั้น คนอย่างเราจะลงไปได้ยังไงกัน

ไกด์นายพรานพาเดินเลาะปากปล่องภูเขาไฟต่อไปอีกครู่ เพื่อหา silverback ของครอบครัวนี้ จุดที่เราสังเกตการณ์บนปากปล่องภูเขาไฟ สามารถมองลงไปด้านล่างได้ชัดเจน เห็นการเคลื่อนไหวของต้นไม้กิ่งไม้ที่กอริลล่าอยู่ มีกอริลล่าเต็มปล่องภูเขาไฟไปหมดเหมือนในหนังไม่มีผิด แต่เป็นการเห็นแบบระยะไกล พรานแกะรอยอีก 2 คนจึงปีนลงไปสำรวจข้างล่าง จากจุดที่เห็นกอริลล่าตัวแรกบนปากปล่องถึงตอนนี้ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง แต่ไกด์นายพรานบอกว่า จะยังไม่เริ่มจับเวลาว่าได้เจอกอริลล่า ครู่นึงพรานที่ลงไปข้างในปล่องภูเขาไฟพบ silverback แล้ว เราจะตามลงไป หา! เราจะลงไปในหุบเหวนี้! เค้าไม่ได้พูดเล่น สิ่งที่ผุดอยู่ในหัวไม่ใช่แค่ชั้นจะลงไปยังไงอีท่าไหน แต่เมื่อลงถึงก้นแล้ว จะกลับขึ้นมาได้ยังไง แต่เมื่อพรานเดินนำลงไปเบื้องล่างแล้ว ไม่ใช่เวลาลังเล เราใส่ถุงมือพร้อมเผชิญขวากหนามและก้าวเท้าตามไป เหตุการณ์ข้างหน้าเป็นเรื่องของอนาคต เป็นไงเป็นกัน

หนทางลงไปนั้น Indiana Jones เรียกพี่ เพราะนอกจากทางจะชันและลึกแล้ว พื้นยังเป็นดินโคลนที่ลื่นมาก ทางลงปกคลุมด้วยต้นไม้หนาทึบ มีช่องเพียงเท่าคนเดินที่พรานฟันทางและเดินกรุยนำแล้วเท่านั้น กิ่งก้านต้นไม้มีลักษณะคล้ายเถาวัลย์ แม้จะเป็นอุปสรรคกับการเดินแต่ก็เป็นที่เกาะเกี่ยวให้เราเป็นอย่างดี ยามลื่นเวลาปีนลงจะได้ไม่รูดยาวไปถึงข้างล่าง
ใช้เวลาลงประมาณ 15 นาที ยังไม่ถึงก้นปล่อง มีทางราบแคบให้ยืนได้ถนัด ไกด์นายพรานส่งสัญญาณให้เงียบ มีกอริลล่าขนาดเขื่องอยู่หลังพุ่มไม้ห่างเราไปเพียงไม่ถึง 2 เมตร พรานฟันกิ่งเถาวัลย์ที่ขวางออกอย่างระมัดระวัง เผยโฉมหน้ากอริลล่าตัวผู้ blackback ที่ไม่ได้สนใจเราเท่าไหร่ ถัดไปอีกไม่กี่ก้าว พรานฟันทางให้เปิดออก มีตัวผู้อีกตัวนั่งกินใบไม้อยู่ มันดูไม่ตกใจ แต่ไม่ได้ชอบใจนักที่ไปขัดจังหวะกิน

ฟันทางต่อไปอีกนิด เจอ silverback แล้ว ตัวสูงใหญ่ เห็นด้านซ้ายของเค้า นั่งท่าอาสนะเด็ดใบไม้กิน ยังไม่เห็นแผลที่แขนขวาและหน้า

วันนี้เป็นวันที่นับกอริลล่าที่เห็นไม่ถ้วน ระหว่างที่เรากำลังตั้งใจดูเจ้า silverback ตัวนี้อยู่ ก็มีตัวเมียอีกตัวลงจากเขาโผล่มาจากด้านหลังเรา แต่ไม่เข้าใกล้เกิน 2 เมตร ตัวเมียอีกตัวพร้อมลูกอายุซัก 3 ขวบเดินออกจากพุ่มไม้ด้านขวาของเรา แล้วตัวเมียก็เดินผ่านเราและ silverback ลงไปข้างล่าง ลูกจะตามแม่ไปแต่ยังตัวเล็ก โดนพุ่มไม้เถาวัลย์เกี่ยวขา ลงไม่ถนัด เลยตัดสินใจกลิ้งตามลงไป เป็นภาพที่สร้างความฮาเป็นอย่างมาก ซักพัก ตัวเมียที่มีลูกเล็กน่าจะซัก 6 เดือนเกาะหลังก็โผล่ออกมา เป็นคู่ที่เราเห็นจากด้านบนปากปล่องภูเขาไฟก่อนจะวิ่งลงมาในปล่องข้างล่าง
img]http://f.ptcdn.info/693/035/000/1442898255-IMG9224-o.jpg[/img]
กอริลล่าพวกนี้กินไปผายลมไปตลอดเวลา เสียงดังสนั่นและยาวเป็นที่น่าหัวเราะ บางตัวกินจนอิ่มก็หาวหวอด ทำให้เห็นฟันดำของกอริลล่าซึ่งเป็นทรงเหลี่ยมแบนคล้ายฟันมนุษย์ทั่วไป ไว้เคี้ยวพืชผักแต่มีเขี้ยวบางจุดที่แหลมคม เอาไว้เพื่อต่อสู้ ไม่ใช่ไว้ล่าสัตว์ เพราะกอริลล่ากินมังสวิรัติ ไม่กินเนื้อสัตว์ ต่างจากลิงอื่น พรานบอกว่ากอริลล่าฟันดีมาก ไม่ค่อยผุ ดูกอริลล่านั่งกินใบไม้อยู่ตรงนี้ หมดแล้วก็ย้ายไปกินตรงนั้น เวลาเดินเค้าจะเดิน 4 ขา ช่วงแขนยาวกว่าช่วงขา เวลาเดิน ด้านหน้าเลยสูงกว่าด้านหลัง

พรานเดินนำเพื่อตัดทางลงด้านล่างต่อไปอีก ทางชันมากเหมือนตอนแรก ตรงหน้าพบ silverback กอริลล่าจ่าฝูงนอนหงายท้องขาวปราศจากขน เอาแขนขวาก่ายหน้าผาก ขากางแบะแฉะ ท่าเหมือนคนอ้วนที่ตัวใหญ่มาก นอนหมดสภาพอยู่ ไม่แน่ใจว่ากินอิ่มแล้วนอนอาบแดด หรือเจ็บปวดเพราะพิษบาดแผลที่ข้อศอก ที่ดูลึกและเหวอะหวะมาก มีเลือดกรังอยู่ คงเจ็บสุดๆ พอเค้าเปลี่ยนท่านอน ก็เห็นแผลแห้งยาวบนหน้าแต่ไม่มีเลือดแล้ว

บัดนี้ไกด์นายพรานชี้นาฬิกาข้อมือส่งสัญญาณว่าเวลา 1 ชั่วโมงหมดลงแล้ว รู้สึกว่าวันนี้ได้อยู่ในป่ากับกอริลล่านานมาก ตั้งแต่ปากปล่องยันก้นปล่องภูเขาไฟ เรียกว่าเป็นการบุกป่าแกะรอยหากอริลล่าจริงๆ ขากลับพรานเลือกขึ้นจากอีกด้านที่สูงน้อยกว่า เกาะรากเถาวัลย์ปีนสี่ขาขึ้นไปจนถึงขอบปล่อง ไกด์นายพรานปีนขึ้นไปก่อน ให้ลูกหาบช่วยเอามือเป็นบันไดให้เราเหยียบเพื่อยกตัวขึ้นแล้วดึงเราขึ้นไป เป็นอันว่าไม่ต้องคิดว่าจะกลับขึ้นไปยังไง แต่ก็ขึ้นมาบนปากปล่องได้แล้ว

ขาเดินลงจากป่า ผ่านไร่มันชาวบ้าน ไกด์นายพรานเห็นฝูงลิงทอง Golden Monkeys ที่ถือเป็นสัตว์หายากใกล้สูญพันธุ์อีกชนิด ถ้าจะไปเดินแกะรอยตามหามีค่าใช้จ่ายซื้อใบอนุญาตอีกคนละ 200 ดอลล่าสหรัฐ แต่เราโชคดี ฝูงลิงทองร่วมโหลกำลังขโมยขุดมันกินอย่างเอร็ดอร่อย ตัวมันแปลกไม่เหมือนลิงทั่วไป คือนอกจากจะมีขนาดใหญ่ ขนยังฟูฟ่องสีน้ำตาลทองดูสะอาดสวยงาม หน้าขาวปากแดง ตาเหมือนมีอายแชโดและอายไลน์เนอร์ เราดีใจเจอลิงทอง แต่ชาวบ้านผู้ปลูกมันคงไม่ชอบใจที่ถูกขโมย ทำให้เข้าใจหนึ่งในสาเหตุที่มีการฆ่าสัตว์เหล่านี้ของชาวบ้านกันมากขึ้น และดีใจที่เค้ามีนโยบายอนุรักษ์สัตว์ที่ได้ผล จะได้ไม่ต้องสูญพันธุ์อีกต่อไป

แม้เนื้อตัวจะมอม กางเกงเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล รองเท้าเคลือบโคลน เสื้อมีรอยหนามเกี่ยวไปหมด ขาอ่อนล้าไปบ้าง แต่จิตใจพองโตปลื้มปิติ วันนี้เป็นการเดินทางที่บรรลุจุดมุ่งหมายในตัวเอง คือกอริลล่าก็เรื่องนึง การปีนขึ้นมาที่ปากปล่องภูเขาไฟแล้วปีนลงไปในปล่องก็อีกเรื่องนึง พอสองเรื่องมารวมกัน เราคือ Lala Croft นอกจอ กลับถึงที่พักบ่ายโมงครึ่ง เป็นวันที่เหนื่อยแต่เต็มไปด้วยความสุข รักเลยรวันดา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่