▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ
เดินป่า
เที่ยวภูเขา
โรงแรมรีสอร์ท
Torm Adventure: จากกอริลล่าภูเขาในรวันดา สิงโตปีนต้นไม้ในซาวันน่ายูกันดา สู่อุทยานป่าดิบ Kibale ตอนที่ 9 แกะรอยชิมแปนซี
เราเดินทางขึ้นเหนือต่อ จากซีกโลกทางใต้ผ่านเส้นศูนย์สูตรไปยังซีกโลกทางเหนือ ระยะทาง 135 กิโล แวะโรงแรม Kyaninga ตั้งบนปากปล่องภูเขาไฟมีทะเลสาบในปล่อง สร้างเป็นกระท่อมหลายหลัง เชื่อมต่อกันด้วยทางเดินไม้บนโครงสร้างสูงลอยอยู่บนฟ้า มีบันไดไม้ซิกแซกขึ้นไปที่ล้อบบี้ด้านบน มีห้องอาหารด้านซ้ายห้องนั่งเล่นด้านขวา สระว่ายน้ำลอยอยู่เหนือทะเลสาบ กินอาหารกลางวันอร่อยและชมวิว แต่ที่พักเต็ม จึงเดินทางอีก 45 นาที (33 กิโล) ไป Bunyaruguru Crater Lake Region แหล่งรวมของทะเลสาบในปากปล่องภูเขาไฟอีกกว่าสิบทะเลสาบ
ถึง Ndali Lodge ที่พักของเราในอีก 2 คืนข้างหน้า เพื่อบุกป่าตามหาลิงชิมแพนซี โรงแรมตั้งบนปากปล่องภูเขาไฟ มีทะเลสาบ Nyinambuga ในปากปล่อง สร้างเป็นกระท่อมหินมุงหลังคาด้วยจากอย่างหนา (thatched roof) บนเนื้อที่กว่า 2500 ไร่
ส่วนกลางมีห้องอาหาร ระเบียงด้านหลังมองเห็นทะเลสาบ Nyinambuga มีทางเชื่อมไปยังห้องนั่งเล่นและบาร์ ด้านหน้าสนามมีสระว่ายน้ำเห็นวิวทะเลสาบ Rukwanzi หากฟ้าใสจะเห็นเทือกเขา Zwenzori หรือ Mountains of the Moon ซึ่งเป็นเขตอุทยานแห่งชาติที่เลื่องชื่อว่ามีความสวยงามอีกแห่ง กินอาณาเขตของทั้งยูกันดาและคองโก ด้วยความสูงถึง 5109 เมตรจึงมีหิมะและธารน้ำแข็งปกคลุมตลอดปี และเป็นแหล่งที่มาของน้ำที่เป็นต้นกำเนิดแม่น้ำไนล์
เราได้ห้องพักกระท่อมที่ 7 ด้านหน้ามีระเบียงและชุดเก้าอี้ไว้นั่งเล่นชมวิวทะเลสาบ Rukwanzi ด้านในมีเตียงสี่เสาคลุมด้วยมุ้งกันยุง ด้านซ้ายของเตียงมีโต๊ะวางน้ำดื่ม ด้านขวามีโต๊ะเครื่องแป้งไม้โบราณ ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำและส่วนฝักบัวแยกกัน ที่กดชักโครกเป็นไม้แกะสลักรูปจระเข้ เมื่อดึงตัวจระเข้ขึ้น เชือกที่ผูกอยู่จะดึงให้น้ำไหลลงไปในโถ กลอนประตูเป็นสลักไม้รูปฮิปโปน่ารัก ทั้งห้องนอนมีไฟดวงเดียวในห้องน้ำ ที่นี่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์เท่านั้น จึงมีเชิงเทียนทั้งตั้งโต๊ะและติดผนังพร้อมไม้ขีดอยู่ทั่วไป
เก็บข้าวของอาบน้ำกำจัดฝุ่นแล้วออกสำรวจทะเลสาบ Nyinambuga ในปากปล่องภูเขาไฟ เลาะแนวปากปล่องลงริมน้ำด้านล่าง มีชาวบ้านปิ้งปลาที่ตกจากทะเลสาบกินกัน อากาศที่นี่ตอนกลางวันร้อนพอควรเพราะแดดออกจ้า อุณหภูมิประมาณ 25 องศา แต่ด้วยความที่ยังเป็นที่สูง 1400 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล พอแดดร่มลมแรงปุ๊บ อุณหภูมิก็ลดฮวบลงเหลือ 18 องศาอย่างรวดเร็ว
ช่วงพลบค่ำ เห็นกลุ่มเมฆฝนวิ่งไล่แสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ ฟ้ากลายเป็นสีส้มจัดก่อนพายุเข้า ระหว่างเวลาอาหารเย็น ฝนก็ตกลงมาอย่างหนักพร้อมฟ้าร้องฟ้าผ่าชนิดฟ้าพิโรธ ห้องอาหารจุดเทียนเป็นโคมแขวนจากเพดานแบบแชนเดอร์เลีย เลยไม่ต้องกลัวไฟฟ้าดับ อาหารเย็นเสริฟสไตล์ฝรั่งเศส รสชาติอร่อยเป็นพิเศษฝีมือภรรยาเจ้าของโรงแรมเรียนที่เรียนทำอาหารมาจากปารีส เมนูวันนี้มีตับห่านบดกับขนมปังทำเองกรอบนอกนุ่มใน ปลาในทะเลสาบอบและราดซอสหอมกรุ่นกินคู่กับข้าวเม็ดยาว ผักอบ และมันฝรั่งแบบหวาน ตามด้วยขนมพานาค้อตตานมสดราดซอสเสาวรส คืนนี้เสียงฝนขับกล่อมสบาย
วันรุ่งขึ้นเป็นอีกวันที่ต้องตื่นแต่เช้า เพื่อไปเดินป่าดิบชื้นศูนย์สูตรตามหาฝูงลิงชิมแปนซี ซึ่งเป็นลิงพันธุ์ที่มีความคล้ายมนุษย์มากที่สุด อาหารเช้ามีผลไม้ เครปราดน้ำผึ้ง ไข่ แฮม เบคอน ทำเสริฟอุ่นๆ แล้วออกเดินทางตอน 7 โมง ทัศนียภาพสองข้างทางสวยงาม ถนนลูกรังไต่ไปตามสันเขาเขียวชอุ่ม ฝนที่ตกหนักเมื่อคืนทำให้หมอกลงหนาปกคลุมยอดไม้ขาว อากาศชื้นเย็นจัด ผ่านไร่ชาและไร่กล้วยที่แต้มหุบเขาจนเขียวไปทั่ว แถบนี้อุดมสมบูรณ์มากด้วยเป็นเขตที่สูงเชิงภูเขาไฟ แม้ห่างจากเขตทุ่งหญ้าซาวันน่าที่แห้งแล้งด้านล่างเพียงร้อยกว่ากิโล เป็นอีกภาพหนึ่งที่สวยสดในความทรงจำ
ใช้เวลาเดินทางจากโรงแรม Ndali ไต่ไปตามสันเขามุ่งลงใต้ 40 นาทีก็มาถึงสำนักงานอุทยานแห่งชาติป่าดิบชื้น Kibale Forest ทางเข้าเป็นทางลูกรังแดง ต้นไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้า ลำต้นโตขนาดหลายคนโอบ ใบหนาทึบทำให้แสงแดดที่พยายามสาดส่องไม่สามารถลงถึงพื้นได้เต็มที่ ตัวสำนักงานอุทยานเป็นอาคารไม้ ค่าใบอนุญาตดูชิมแปนซีราคาต่ำกว่าดูกอริลล่ามาก เพียงคนละ 75 ดอลล่าร์สหรัฐ
ป่าดิบชื้น Kibale เป็นป่าที่มีความพิเศษกว่าป่าอื่นในโลก เนื่องจากเป็นที่อยู่อาศัยของลิง primate ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีมันสมองใหญ่และพัฒนาทักษะการมองสูงกว่าการดมกลิ่น ถึง 13 สายพันธุ์ อาทิ ลิงสีน้ำเงิน ลิง colobus ลิงบาบูน ลิง vervet และรวมถึงเจ้าชิมแปนซี ญาติใกล้ชิดของมนุษย์เราด้วย (เคยมีเจ้าคุณทวดเดียวกับมนุษย์เมื่อ 4-8 ล้านปีที่แล้ว) จากการสำรวจล่าสุดพบว่าในป่าดิบชื้น Kibale มีลิงชิมพ์ (ชื่อเล่นที่ฝรั่งเรียกกัน) อาศัยอยู่ถึง 1450 ตัว โดยแบ่งเป็นหลายครอบครัว มีสมาชิกประมาณ 100 ตัว กินผลไม้พืชผักเป็นอาหาร และกินเนื้อสัตว์เล็กด้วย
เจ้าหน้าที่แบ่งนักท่องเที่ยวเป็นกลุ่มละ 7 คน เราได้ครอบครัวลิงชิมพ์ชื่อ Kanyantale ซึ่งมีสมาชิกถึง 120 ตัว โดยมีนายพรานหญิงเป็นไกด์นำทาง เดินจากสำนักงานอุทยานตัดเข้าไปในป่าชื้นแฉะ ต้นไม้ใหญ่ปกคลุมด้านบน ต้นไม้เล็กรวมทั้งมอสตะไคร่เขียวปกคลุมพื้นดินข้างล่าง ต้นไม้ในอุทยานป่าดิบชื้น Kibale มีลักษณะแตกต่างจากอุทยานแห่งชาติภูเขาไฟในรวันดาและอุทยานแห่งชาติป่าดงดิบ Bwindi Impenetrable ในยูกันดา ซึ่งเป็นที่สูง 2000-4000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลอย่างเห็นได้ชัด ที่ป่าดิบชื้น Kibale มีต้นไม้ใหญ่ใบหนาเยอะกว่ามาก ทำให้ต้นไม้เล็กด้านล่างไม่สามารถแย่งแสงอาทิตย์เพื่อเติบโตสูงได้ คงมีแต่ต้นไม้ต้นเล็กและไม้เลื้อยที่สามารถโตอยู่ใต้ร่มเงาของไม้ใหญ่ ทำให้พื้นดินด้านล่างไม่รกทึบเหมือนในป่าดงดิบภูเขาไฟในที่สูง แต่มีความเปียกชื้นและแสงสลัวกว่า เพราะแสงอาทิตย์ส่องลงมาไม่ค่อยถึง
เราใช้เวลาเดินป่าแกะรอยประมาณ 40 นาที ก็รู้ทันทีว่าเจอฝูงลิงชิมพ์เข้าแล้ว จากป่าที่สงัด ได้ยินแต่เสียงลมหายใจและฝีเท้าย่ำกับพงไม้ที่แฉะ มีเสียงนกร้องเบาๆ กลับกลายเป็นเวทีคอนเสิร์ต อยู่ดีๆ ก็มีเสียงลิงฝูงใหญ่กรีดร้องสนั่นป่า พร้อมรุมกันโยนผลไม้สีเหลืองลงมาจากต้นใส่หัวเรา ตรงที่ฝูงลิงครอบครัวนี้อยู่คือป่าอินทผาลัม ลูกสุกงอมเต็มต้น พวกมันปีนเก็บกินอย่างสนุกสนาน พอเห็นพวกเรามา ก็ร้องเรียกบอกกัน ไกด์บอกว่าเป็นเสียงเตือนภัย พอเราเข้าใกล้ก็โยนผลไม้ในมือใส่หัวเราซะงั้น ยังมองไม่เห็นตัวมันชัด เพราะอยู่บนต้นไม้สูง แต่รู้แน่ๆ ว่ามันอยู่ตรงนี้แหละ ทั้งเสียงระงม ทั้งโยนของใส่ เจ็บใจไอ้ลิงชิมพ์ตัวแสบ
ไกด์นายพรานพยายามชี้ให้เราดูลิงชิมพ์ตัวโน้นตัวนี้จนคอเคล็ดไปหมด มันอยู่สูงแถมโดดจากกิ่งนี้ไปกิ่งนั้นไปมา รู้สึกได้แต่ว่าลิงอยู่รอบตัวเต็มหัวไปหมด แต่มองไม่ถนัด เดินเลาะป่าตามดูพวกมันไปเรื่อยๆ มีทางน้ำก็ต้องก้าวบนขอนไม้ข้ามไปอีกฝั่งเพื่อตามมันไป รองเท้าบูทบัดนี้เคลือบช็อคโกแลตหนา เจ้าพวกลิงมันก็เคลื่อนตัวเร็วชะมัด เผลอแผลบเดียวมันพาเราออกจากป่าทึบมาที่ทุ่งเล็กระหว่างป่า คราวนี้แสงแดดส่องได้ถนัด ดูพวกมันชอบไอแดด นั่งสบายบนกิ่งไม้ ริดใบไม้ผลไม้รอบตัวเด็ดมาเข้าปาก บางตัวเริ่มเอนหลังเอกเขนก มีตัวแม่ลูกอ่อนที่ลูกเล็ก 3-4 เดือนนั่งตักแม่คอยลอบมองเราอย่างสนใจ มีแม่ลูกอีกคู่ที่ลูกโตหน่อยน่าจะประมาณขวบ แม่จับลูกห้อยจากกิ่งไม้แล้วแกว่งลูกที่อ้าปากชอบใจเหมือนได้เล่นชิงช้า ดูๆ แล้วมันคล้ายคนจริงๆ ด้วย
เราอยู่กับลิงชิมพ์ครอบครัวใหญ่นี้กว่า 2 ชั่วโมง ปกติลิงชิมพ์จะอยู่บนต้นไม้เป็นส่วนใหญ่ แต่จะลงมาหาของกินบนพื้นดินบ้าง ตัวนี้อยู่ดีๆ ก็เดินมาหยุดตรงหน้าเราแล้วมองหน้า เหมือนอยากมาดูเราใกล้ๆ เลยได้เห็นว่าลิงชิมพ์นี่ตัวใหญ่เหมือนกัน เวลานั่งอยู่ก็สูงประมาณเกือบเอวคน เวลายืนสองขาคงตัวเท่าคนตัวเล็กๆ แววตาดูฉลาดแกมโกง จากนั้นมันก็เดินหายไปในป่า เราตามไปอีกนิด สบตากันอีกรอบ ก่อนที่มันจะเดินลับไปในความมืดของเงาป่า
ถึงโรงแรม Ndali ทางโรงแรมจัดโต๊ะอาหารกลางวันน่ารักสไตล์ชนบทอังกฤษให้ที่ระเบียงด้านนอก เห็นน้ำในทะเลสาบส่องประกายเมื่อกระทบแสงอาทิตย์ อาหารกลางวันวันนี้เสิร์ฟผักสลัดพร้อมด้วยมะเขือเทศและอโวคาโดลูกโตมากที่ปลูกเองในสวนของโรงแรม น้ำสลัดแบบใสทำเองรสชาติเยี่ยม อาหารจานหลักคือคิชชีสและเบคอนร้อนๆ เพิ่มพลังงาน ชีวิตดี๊ดี
ช่วงบ่ายไปเดินในสวน เจ้าหมาสองตัวของโรงแรมวิ่งตามไปด้วยอย่างรู้งาน ทางเดินมีร่มเงาของต้นอโวคาโดและอินทผาลัม หมาสองตัววิ่งพล่านปากคาบผลอโวคาโดลูกโต มีผีเสื้อนับร้อยนกหลากพันธุ์บินวนทุกหนทุกแห่ง เหมือนภาพสรวงสวรรค์ในหนังจีน
ตกเย็นมานั่งที่ระเบียงชมวิวทะเลสาบอ่านหนังสือและจิบชาคาโมมายล์จากสวน อาหารค่ำใต้แสงเทียนวันนี้สุดอร่อยไม่น่าเชื่อ เริ่มด้วยไวน์ขาวจากแอฟริกาใต้ เสิร์ฟต่อด้วยขนมปังเพิ่งอบใหม่กินคู่กับเนยตีกับเครื่องเทศเป็นฟองแบบซูเฟร ตามด้วยซุปครีมเห็ดเข้มข้นหอมกรุ่น จานหลักเป็นไก่บ้านเนื้อแน่นย่างหนังกรอบ ราดซอสสต๊อกไก่หอมกรุ่น กินกับมันบดรสชาติอร่อยล้ำ และแม้อิ่มมากแล้วยังชิมเค้กช็อคโกแลตได้หมดเกลี้ยง กลางคืนอากาศหนาว เหมาะกับการนอนซุกบนเตียงอุ่น เป่าเทียนดับหลับฝันดี