เพื่อน...ร้าย

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

_____________________

                  พักกลางวัน นักเรียนส่วนใหญ่จับกลุ่มสนทนากันอย่างออกรส เกิดเสียงจอแจดังระงมไปทั่วห้องเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖/๑๔ ส่วนนักเรียนที่เหลือบ้างก็อ่านหนังสือ บ้างเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือ บ้างนั่งลอกการบ้านเพื่อนเพื่อรอเวลาเรียนวิชาถัดไปในช่วงบ่าย มุมหนึ่งหลังห้องเรียน เด็กชายวัยสิบเจ็ดกำลังง่วนอยู่กับการใช้มีดคัตเตอร์แกะสลักชื่อตนและเด็กสาวข้างห้องที่เพิ่งคบหาดูใจกันได้ไม่นานนักลงบนโต๊ะเรียนเก่าคร่ำคร่าตามประสาคู่รักวัยรุ่น ที่ใครต่อใครต่างเรียก ‘ปั๊บปี้เลิฟ’ด้วยเพิ่งจะมีความรักกับเขาเป็นครั้งแรก จึงอดแสดงความรักเสียไม่ได้ อนุสรณ์สถานความรักก็หนีไม่พ้นโต๊ะเรียนตรงหน้าที่นั่งเรียนนอนเรียนอยู่ทุกวันนี่แหละ โต๊ะตัวนี้เก่าเสียเต็มประดา ทั้งยังมีร่องรอยขูดขีดบอกให้ทราบว่าผ่านการใช้งานมาหลายต่อหลายรุ่น จนแทบไม่มีพื้นที่เหลือพอให้เขาได้สลักรอยรักเพิ่มลงไปอีก
                  ‘สระเอ... ปอปลา... ไม้โท้...’
                  เด็กหนุ่มสลักไปยิ้มไปอย่างตั้งหน้า ไม่ทันได้เอะใจว่าเสียงอื้ออึงของเพื่อนรอบกายค่อย ๆ แผ่วลงเป็นสัญญาณว่าครูประจำวิชาสังคมศึกษาที่สอนชั่วโมงถัดไปกำลังเดินเข้ามาใกล้ห้องเรียนมากขึ้นทุกขณะ ด้วยย่ามใจว่าตัวได้ไหว้วาน ‘โจ๊ก’ เพื่อนรักให้คอยดูต้นทางไว้ให้อย่างดิบดี อย่างไรเสียครูเพ็ญจันทร์ก็ไม่มีทางจับได้ คอยดูเถิด สลักเสร็จเมื่อไหร่จะไปพาหวานใจข้างห้องมาชม งานนี้ไม่ใครก็ใครคงได้อายม้วนต้วนกันบ้าง
                  ขวับ!
                  เสียงไม้เรียวหวดอากาศฟาดลงบนโต๊ะข้าง ๆ ทำเอาเด็กหนุ่มสลัดยิ้มแทบไม่ทัน สายตาสอดส่ายหาเพื่อนรักตัวดี ปากได้แต่ยิ้มแหยมองครูที่ยืนกอดอกถือไม้เรียวอยู่ตรงหน้า คัตเตอร์ในมือจรดค้างอยู่ที่ไม้โทตัวสุดท้ายที่ยังสลักไม่ทันเสร็จดี ในขณะที่เพื่อนร่วมชั้นทั้งห้องนั่งเงียบเป็นเป่าสากจ้องเขาเป็นตาเดียว
                  “นายเป้ ไหนบอกครูมาซิว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่”
                  “ปะ...เปล่านี่ครับครู” 
                  เป้หน้าเจื่อนลงไปถนัดตา ใบหน้าที่เคยเปื้อนยิ้มเมื่อสักครู่บัดนี้ไม่มีหลงเหลืออยู่อีกแล้ว ตายละวา... เขาจะเอาตัวรอดอย่างไรดี เพื่อนนะเพื่อน ตกปากรับคำกันเสียดิบดี  
                  “เปล่าอะไร ก็เห็นอยู่คาตาว่าเธอกำลังเอาคัตเตอร์กรีดโต๊ะ โต๊ะตัวนี้เป็นสมบัติส่วนตัวของเธอเหรอ พ่อเธอสร้างเองหรือเปล่า ทำไมไม่รู้จักรักษาสมบัติส่วนรวม ครูจะทำยังไงกับเด็กอย่างเธอดี นายเป้”
                  ครูเพ็ญจันทร์ถามเสียงเย็น หากแต่ไร้ซึ่งเสียงตอบรับจากเป้ที่อยู่ตรงหน้า ก็หลักฐานคามือขนาดนี้ เขาจะมีหน้าไปแก้ตัวอย่างไรได้อีกเล่า 
                  “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ในเมื่อมีโต๊ะไว้ให้นั่งเรียนดี ๆ กลับไม่รู้จักรักษา งั้นชั่วโมงนี้เธอยืนเรียนก็แล้วกัน”
                  จบประโยค ครูรุ่นใหญ่วัยใกล้เกษียณก็สะบัดหน้าเดินไปยังหน้าชั้นเรียนอย่างไม่แยแสเป้อีกต่อไป ทิ้งให้เด็กชายยืนเกาหัวแกรก ๆ ได้แต่ส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้เพื่อนร่วมชั้น ไม่วายหันไปส่งสายตาคาดโทษโจ๊กเพื่อนรัก โกรธเพื่อนก็โกรธ อายครูก็อาย ...เวรกรรมอะไรหนอเป้
 
                  ...

                  หลังเลิกเรียน เป้แอบหลบมายืนสูบบุหรี่คนเดียวเงียบ ๆ อยู่ในห้องน้ำเก่าหลังโรงเรียน หลังจากที่โรงเรียนสร้างห้องน้ำแห่งใหม่ใกล้อาคารเรียนมากขึ้น ประกอบบริเวณโดยรอบที่มีเพียงแปลงเกษตรและตึกเรียนวิชาคหกรรม ไม่มีผู้คนพลุกพล่าน ห้องน้ำแห่งนี้จึงกลายสภาพเป็นแหล่งมั่วสุมชั้นดีของนักเรียนที่ไม่ใคร่จะรักในการเรียนอย่างเขา
                  สูบบุหรี่หลังพิงกำแพงห้องน้ำพลางเงยหน้าพ่นควันกลุ่มใหญ่ออกจากปอดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ครั้นนึกถึงเรื่องเมื่อพักกลางวันก็ได้แต่รู้สึกโกรธในใจไม่หาย เพื่อนรักทำให้เขาต้องอับอายต่อหน้าเพื่อนทั้งชั้น เห็นทีงานนี้ต้องเอาคืนเสียให้เข็ด! เป้ใช้เวลาเรียนตลอดทั้งบ่ายไปกับการวางแผนเอาคืนเจ้าโจ๊ก เพื่อนรักตัวแสบ แต่จะทำอย่างไรดีหนอ... ขอเพียงให้ได้เอาคืนสักนิดสักหน่อย พอหอมปากหอมคอ เท่านี้เขาก็พอใจแล้ว แผนการแก้เผ็ดที่คนหัวทื่ออย่างเขาพอจะนึกได้กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในอีกไม่กี่อึดใจ เป้แสยะยิ้มอย่างพึงใจพลางดูดบุหรี่เฮือกใหญ่เข้าไปเต็มปอด ก่อนจะเริ่มลงเริ่มลงมือเตรียมอุปกรณ์ จัดสถานที่ตามแผนที่วางไว้ 
                  เวลาผ่านไปไม่นานนัก เป้ยกข้อมือขึ้นมองนาฬิกาเรือนหรู เข็มนาฬิกาบอกเวลาจวนจะห้าโมงครึ่ง หากแต่ยังไร้วี่แววของโจ๊กเพื่อนรัก เป้ชักกระวนกระวาย เห็นทีแผนการแก้แค้นของเขาต้องล้มไม่เป็นท่าเสียแล้วกระมัง 
                  “มาแล้ว ๆ” 
                  เสียงโจ๊กร้องระคนหอบดังมาก่อนตัว มือโบกลูกชิ้นถุงใหญ่ไปมาต่อหน้าเพื่อน 
                  “ทำไมมาช้านักวะ” เป้เอ็ด              
                  “ก็ลูกชิ้นเจ้าที่ใช้ให้กูไปซื้อมาง้อ ไกลก็ไกล คนก็เยอะ ต่อคิวโคตรนาน นี่ถ้าไม่ติดว่างอน กูถอดใจไม่ซื้อแล้วจริง ๆ นะเว้ย”​ โจ๊กโอดพลางยื่นส่งถุงลูกชิ้นเจ้าดังให้เพื่อนชายตรงหน้า “กูซื้อมาให้แล้ว หายกัน กูขอโทษแล้วกันเว้ยเรื่องเมื่อตอนเที่ยง ครูสั่งไม่ให้กูพูดอะไร” 
                  “เออ ๆ”​ เป้ตอบปัดพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย “หายก็หายวะ คราวหน้าอย่าให้มีอีกก็แล้วกัน ไม่งั้นเจอกูแน่”
                  “ไม่มีแล้วคราวน่งคราวหน้า กูไม่ดูต้นทางให้แล้ว พอ กูเกือบซวยไปกับแล้วด้วยรู้มั้ยวะ แต่หายงอนแล้วก็รีบกลับเหอะว่ะ กูว่าบรรยากาศวังเวงพิกล”
                  โจ๊กเหลียวซ้ายแลขวาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก บรรยากาศโดยรอบช่างเงียบสงัดจนเด็กชายสองคนต่างสัมผัสได้ถึงความไม่ปกติ เสียงหรีดหริ่งเรไรที่เคยมีกลับนิ่งสนิทไม่เหมือนเคย ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยก้อนเมฆสีดำทะมึนบ่งบอกว่าฝนกำลังตั้งเค้าจะตกในอีกไม่ช้า มีเพียงเสียงลมพัดใบไม้หวีดหวิวอยู่เป็นระลอก แหม บรรยากาศมันช่างเหมาะเจาะเสียนี่กระไร... เป้นึกในใจพลางอมยิ้มอย่างมีเลศนัย จิ้มลูกชิ้นในถุงกินอย่างเอร็ดอร่อย เดินทอดน่องตามโจ๊กที่กลัวจ้ำอ้าวทิ้งห่างไปก่อนแล้ว 
                  “เดินเร็ว ๆ หน่อยสิวะ” 
                  เสียงโจ๊กตะโกนลอยมาแต่ไกลดังแข่งกับสายลม แต่ยังคงไม่ยี่หระ ...การแก้แค้นของเขากำลังจะเริ่มต้นขึ้นในอีกอึดใจเดียวเท่านั้น โจ๊กจะต้องจำบทเรียนนี้ไปจนวันตายเลยทีเดียวเชียว เชื่อหัวไอ้เป้เถอะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่