ก่อนที่วันลาพักฟื้นจะสิ้นสุดลงเพื่อกลับไปเป็นมนุษย์เงินเดือนและทำงานตามปกติ วันนี้ก็จะมาแชร์บทสรุปของการรักษาหลังจากที่ตรวจพบถุงน้ำในรังไข่ด้านขวา และเลือดคั่งในช่องท้องเนื่องจากอาการโพรงมดลูกตีบ
หลังจากที่ได้ตรวจกับอาจารย์หมออรัณถึงแนวทางการรักษา ซึ่งต้องทำ MRI ก่อนทำการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด อาจารย์หมอได้กรอกรายละเอียดเพื่อให้เราไปยื่นที่ศูนย์ทำ MRI ของเอกชน เราโทรติดต่อวันเวลานัดหมายในการทำ MRI ที่ ประชาชื่น อิมเมจจิ้งเซ็นเตอร์ ในวันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม 2562 โดยมีรุ่นพี่ป.ตรี และเพื่อนเมทสมัยเรียน ป.ตรี ของเราพาไป เราไปกันแต่เช้าก่อนเวลานัดหมาย 1 ชั่วโมง เพื่อทำ MRI ในเวลา 9.30 น. เมื่อไปถึงก็มีการซักประวัติเล็กน้อย รวมไปถึงค่าใช้จ่าย จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อรอเข้าเครื่องตรวจ ซึ่งวันนั้นก็มีคนมาใช้บริการค่อนข้างเยอะพอสมควร เมื่อได้คิว เราก็ไปเจาะเลือด จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พาไปเข้าเครื่องทำ MRI เจ้าหน้าที่เยอะมาก มาติดเครื่องมือพร้อมอธิบายว่าเราต้องทำตัวอย่างไรตอนเข้าเครื่องตรวจ โดยเจ้าหน้าที่กำชับว่าห้ามหลับโดยเด็ดขาด จากนั้นจะได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่คอยบอกว่าให้สูดลมหายใจเข้าไปให้ลึกๆ กลั้นหายใจ อย่าเกร็ง อย่ากลั้นหายใจ หรือกระชากลมหายใจ จากนั้นก็ได้ยินเสียงเครื่องตรวจวิ่งวนผ่านไปมาค่อนข้างดัง บางครั้งก็ตกใจ ><” ทำแบบนี้วนไปหลายครั้งจนนับจำนวนครั้งไม่ได้ ประมาณ 45 นาที จากนั้นก็ไปตรวจ x-ray อีกตึกนึง แล้วกลับมาตรวจอีกรอบ โดยรอบนี้จะมีการฉีดแร่เข้าไป ต้องบอกว่าการฉีดแร่เข้าไปในร่างกายทำให้รู้สึกขมปาก ขมคอมากกกกกกกกกก จากนั้นก็เข้าเครื่องตรวจอีกครั้งประมาณ 15 นาที หลังจากตรวจเสร็จเจ้าหน้าที่แนะนำว่าให้ดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อให้แร่ได้ขับออกมาจากร่างกายให้หมด หลังจากตรวจ MRI เสร็จจะค่อนข้างเพลียนิดนึงค่ะ อาการขมปากขมคอทำให้กินข้าวไม่อร่อยไปหลายวันเลยค่ะ
- วันที่ 5 พฤษภาคม 2562 เรามีอาการปวดท้องหน่วงๆมาก มันปวดแบบทนได้แต่เป็นอาการปวดแบบรำคาญ เราขับรถจากกรุงเทพเพื่อกลับบ้าน โชคดีที่ยังมียาจากการไป รพ รอบที่แล้วเหลืออยู่ แต่เราเริ่มคิดว่าถ้าเกิดต้องรอจนกว่าจะได้ไปพบอาจารย์หมอตามนัด แล้วเรามีอาการปวดท้องอีกเราจะทำอย่างไร T_______T
- วันที่ 6 พฤษภาคม 2562 เราขอให้น้องที่ออฟฟิศ พาไปหาหมอที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด (เราไม่ได้ไปโรงพยาบาลที่เราทำประกันสังคมไว้) เนื่องจากวันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม เป็นวันหยุดชดเชยทำให้ไม่มีหมอเฉพาะทาง จะมีแต่หมออายุรกรรม พยาบาลที่ รพ. น่ารักมาก แนะนำว่าให้ไปตรวจกับหมอที่คลีนิค เพราะหมอสูติหลายท่านเปิดคลีนิควันนี้ เราเลยให้น้องขับรถพาไปตามที่พยาบาลแนะนำ น้องที่ออฟฟิศเราเลยพาเราไปคลีนิคที่น้องเคยไปตรวจ โชคดีที่หมอยังเปิดคลีนิคอยู่ เราไปถึงพบว่าไม่มีคิวคนไข้แล้ว เพราะหมอมีนัดผ่าตัดคนไข้ที่ รพ. เราเล่าอาการคร่าวๆให้หมอทราบถึงอาการ หมอที่คลีนิคให้เราขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วหมอก็ตรวจที่ท้อง ลองใช้มือกดๆดู แล้วหมอบอกว่าขนาดของถุงน้ำไม่ได้ใหญ่มาก ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวหมอจะให้ยา Visanne 2 mg tablets กลับไปทานเพื่อระงับอาการไม่ให้กำเริบช่วงระหว่างที่รอไปพบหมอที่รักษาเราที่ รพ ตำรวจ แต่ถ้าไม่ดีขึ้นให้รีบมาที่คลีนิค ถ้าเกิดโชคร้ายอาจจะต้องฉีดยาแก้ปวดเพื่อกดอาการรอเวลาผ่าตัด โดยยาเข็มนี้ราคา 1x,xxx บาท จะระงับอาการได้ประมาณ 1 เดือน หมอท่านนี้น่ารักมากแม้จะแอบดุเล็กๆ ท่านแนะนำให้เราไปเจารจาต่อรองกับประกันสังคมเพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพราะเราจ่ายเงินทุกเดือนเค้าควรจะดูแลเรามากกว่านี้ ไม่ใช่เราไม่เข้า รพ. ที่เราเลือกประกันสังคมไว้ ก็จะถือเป็นภาระค่าใช้จ่ายของเราที่ต้องออกค่าใช้จ่ายเอง หมอบอกว่าการที่จะไปเจรจาต่อรองกับ รพ. ประกันสังคมเพื่อให้เค้าส่งตัวไปรักษาที่ รพ. ที่เราอยากไปรักษานั้นยาก เพราะ รพ. ประกันสังคมเราจะแย้งว่าเค้าสามารถรักษาได้เช่นกัน ส่วนหนึ่งเพราะถ้ามีเคสส่งตัว รพ.ประกันสังคมจะต้องเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด
- วันที่ 13 พฤษภาคม 2562 เราก็ไปพบอาจารย์หมออรัณอีกครั้งตามกำหนดนัดหมาย (ยาที่ได้มาจากหมอสูติอีกท่านได้ผล สามารถประคองอาการปวดได้ เราไม่ต้องจ่ายเงิน 1x,xxx บาทเพื่อฉีดยาระงับปวดราคาแพงเข็มนั้น) วันนี้เราเอาฟิล์มที่ได้จากการตรวจ MRI และปริ้นท์ผลของการตรวจ MRI ที่ทางศูนย์ส่งให้ทางอีเมลล์ตั้งแต่วันที่เข้าตรวจ อาจารย์หมอสอบถามอาการ พร้อมบอกว่าขอเอาฟิล์มนี้กลับไปอ่านผลที่บ้านเพราะแฟนอาจารย์หมอเป็นรังสีแพทย์จะเป็นคนช่วยอ่านผลให้เพื่อเป็นแนวทางการรักษา หมอแอบกระซิบว่านี่คือกิจการภายในครอบครัว ^^ จากการอ่านผลคร่าวๆ ทั้งเราอ่านเองและให้เพื่อนช่วยส่งต่อไปให้น้องของที่พี่ทำงานที่เป็นหมอช่วยอ่านผล และอาจารย์หมออรัณอ่านผลเอง พบว่ามีถุงน้ำรังไข่ด้านขวา และพบว่ามีโปรตีนค่อนข้างสูง อาจารย์หมอเลยสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเลือดประจำเดือนที่สร้างทุกเดือน แต่เกิดการคั่งอยู่ในช่องท้องเนื่องจากไม่สามารถไหลออกมาได้ด้วยอาการของโพรงมดลูกตีบ อาจารย์หมอจึงนัดวันเพื่อทำการผ่าตัด ได้ฤกษ์ดีคือวันที่ 19 มิถุนายน 2562 โดยหมอจะนัดผ่าตัดเราเคสเดียว เพราะเป็นเคสยากที่น่าจะใช้เวลาค่อนข้างนาน อาจารย์หมอประเมินไว้ว่าการผ่าตัดน่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 3 ชั่วโมง และอาจารย์หมอได้สั่งยาแก้ปวด ถ้าเกิดระหว่างที่รอผ่าตัดมีอาการปวดท้องเกิดขึ้น พร้อมยาบำรุงเลือดให้เรากลับมากินเพื่อเตรียมตัวก่อนผ่าตัด หรือถ้ามีอะไรผิดปกติให้รีบโทรหาอาจารย์หมอทันที จากนั้นเราก็ลงไปตรวจเลือด ตรวจฉี่ แล้วก็ดำเนินการจองห้องพักฟื้นหลังผ่าตัดซึ่งมีห้องหลายแบบและเรทราคาให้เลือก ปล.ก่อนทำการผ่าตัดต้องมาแอดมิทก่อนล่วงหน้า 1 วัน นั่นหมายถึงเราต้องมานอนค้างตั้งแต่วัน 18 มิถุนายน เพราะกำหนดการผ่าตัดคือ 9 โมงเช้า
- เหตุการณ์หลังจากไปพบหมอในวันที่ 13 พฤษภาคม ดำเนินไปตามปกติ อาจจะมีบางวันที่ปวดท้องแต่ไม่ได้มากนัก และเราก็ไปออกกำลังกายเบาๆโดยการเดินลู่ทุกวัน เป็นการเตรียมความพร้อมของร่างกาย ซึ่งเราคิดแค่ว่าถ้าร่างกายเราแข็งแรงน่าจะเป็นผลดีกับเรา หลังจากผ่าตัดเสร็จ
- วันที่ 18 มิถุนายน 2562 เราเช็คกระเป๋าเสื้อผ้า ว่าเอาของไปครบ ตรวจความเรียบร้อยของบ้าน จากนั้นออกเดินทางเวลาตีห้า โดยเจ้ตุ้มคนดีคนเดิมมารับพาไปใจกลางพระนครแอดมิท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง ก็ไปถึง รพ.ตำรวจ ซึ่งเราก็พลาดที่ไม่รู้ว่าต้องมีการจองที่จอดรถล่วงหน้า -*- เพราะปกติเราเดินทางมา รพ.ตำรวจด้วย BTS เจ้ตุ้มเลือกส่งเราที่หน้าอาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา โรงพยาบาลตำรวจ จากนั้นเราก็ไปที่ชั้น 6 แผนกสูตินารีเวชเพื่อติดต่อเรื่องแอดมิท จากนั้นก็ไปวัดความดัน ชั่งน้ำหนัก ลงมาตรวจเลือดที่ชั้น 4 ลงไปติดต่อห้องพักฟื้นที่ชั้น 2 จากนั้นกลับไปที่ชั้น 6 เพื่อฟังผลตรวจเลือดแล้วก็ได้เวลาเดินทางไปห้องพักฟื้นที่ชั้น 17 พยาบาลที่วอร์ดก็อธิบายเรื่องแพคเกจค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด (เป็นแพคเกจรวมทั้งหมดเป็นระยะเวลา 3-4 วัน ที่นอน รพ.) จากนั้นพยาบาลก็พาไปที่ห้องพักฟื้นเอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยน เจ้าหน้าที่ก็นำอาหารกลางวันมาเสิร์ฟ แต่เราเพิ่งทานอาหารมา -*- เลยไม่ได้แตะอาหารที่เจ้าหน้าที่นำมาให้ อาจารย์หมอก็ส่งข้อความมาถามว่าถึงห้องพักฟื้นเรียบร้อยแล้วหรือยัง พร้อมบอกว่าเจอกันพรุ่งนี้ จากนั้นพยาบาลก็เอายาระบายแบบผงจำนวน 2 ซองเพื่อให้ชงน้ำกินให้หมดภายใน 2 ชั่วโมง ( 1 ซองต่อน้ำ 1 ลิตร) เป็นการกินน้ำที่เหนื่อยมากกกกก เพราะต้องพยายามทานให้หมดจริงๆกับน้ำ 2 ลิตรภายในเวลา 2 ชั่วโมง จากนั้นเพื่อนเมทเราก็มาแตะมือกับเจ้ตุ้ม เพื่อให้เจ้ตุ้มเดินทางกลับ โดยเพื่อนเมทเราจะเป็นคนเฝ้าคืนนี้เพื่อรอที่บ้านเราเดินทางมา หลังจากทานยาระบายไปไม่นานเราก็เริ่มเดินเข้าห้องน้ำเป็นระยะๆ โดยพยาบาลกำชับว่าให้ถ่ายออกให้หมด อาหารมื้อเย็นของ รพ.จัดมาให้เป็นน้ำทั้งหมดได้แก่ ซุปผัก น้ำชาดอกคำฝอย น้ำตะไคร้ และเริ่มงดน้ำงดอาหารตั้งแต่เที่ยงคืนเป็นต้นไปเพื่อไม่ให้มีอะไรหลงเหลืออยู่ในกระเพาะ เพื่อลดความเสี่ยงในตอนผ่าตัด ตอนเย็นพยาบาลเอาสบู่และเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยนอีกรอบ โดยพยาบาลแนะนำว่าให้ใช้สบู่ที่เตรียมให้อาบน้ำและถูที่บริเวณท้องเพื่อจะได้คลีนๆเคลียร์ๆตอนที่ผ่าตัด จากนั้นก็นั่งคุยกับเพื่อนจนถึงเวลา 4 ทุ่มก็หลับไป แต่นอนแบบหลับๆตื่นๆ อาจจะเพราะแปลกที่ด้วย
- วันที่ 19 มิถุนายน 2562 ตอนเช้าประมาณ 6 โมงเช้าเราก็ตื่น ซักพักนายแม่ พี่ชายแล้วก็พี่สะใภ้ก็มาถึง ทำให้ห้องพักฟื้นที่จองไว้เริ่มครึ้กครื้น จากนั้นเราก็ไปอาบน้ำสระผม ต้องบอกก่อนว่าที่ รพ.ตำรวจ คนไข้ต้องเตรียมผ้าเช็ดตัวมาเองนะคะ เพราะที่ รพ.ตำรวจนั้นแม้จะเป็นห้องพิเศษแต่ไม่ได้มีไว้บริการ โชคดีที่เราเป็นคนเตรียมของใช้พวกนี้ไปเองเสมอเวลาที่เดินทาง (เวลาที่ไปวิ่งแล้วต้องพักรีสอร์ทหรือโรงแรม เราก็เตรียมไปเอง สะดวกและสบายใจกว่า แต่โชคร้ายรอบนี้ลืมเอาไดร์เป่าผมมาด้วย) เราอาบน้ำให้สะอาดที่สุด สระผมให้สะอาดที่สุดเท่าที่ทำได้ตามที่อาจารย์หมออรัณบอก เนื่องจากหลังผ่าตัดเราจะไม่ได้อาบน้ำอย่างน้อยอีก 1-2 วันเลย ใส่ชุดแบบสวมด้านหน้าแล้วผูกเอวจากด้านหลังเพื่อผ่าตัด เวลาประมาณ 8.30 น. พยาบาลก็มาต่อสายน้ำเกลือ จากนั้นหมออีกท่านก็เข้ามามาร์คจุดตำแหน่งที่ขอบบิกินี่ก่อนเข้าห้องผ่าตัด เวลา 8.45 น. บุรุษพยาบาลก็เข็นรถพาเราไปยังห้องผ่าตัด จากนั้นพยาบาลก็ให้เราขึ้นเตียงแล้วพยาบาลก็ถอดเชือผูกเอวแล้วก็รูดชุดผ่าตัดออกไปแต่ยังมีผ้าห่มคลุมอยู่ จากนั้นบุรุษพยาบาลก็เข็นเตียงที่เรานอนเข้าไปที่ห้องผ่าตัด แล้วพยาบาลที่อยู่ในห้องประมาณ 10 คน ก็เริ่มทำหน้าที่ของแต่ละคน ติดเครื่องมือต่างๆตามร่างกาย เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า พร้อมเช็คว่าเรามีฟันปลอมหรือใส่คอนแทค รวมถึงอุปกรณ์แปลกปลอมใดๆในร่างกายหรือไม่ จากนั้นวิสัญญีแพทย์ก็เข้ามาคุยและเหมือนเดิมมีที่ครอบหายใจลงมาให้เราสูดลงหายใจเข้าไปลึกๆ ไม่ถึง 5 วินาทีเราก็คงเข้าเฝ้าพระอินทร์ไปแบบไม่รู้เรื่องะไรอีก (-___-)zzzZ รู้แค่ว่าตอนนั้นความรู้สึกคือ นอนหลับสบาย หลับลึกมากจริงๆ จนเวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้ เราเดาว่าคงประมาณเที่ยงแล้วเพราะสิ้นเสียงที่บอกว่า “การผ่าตัดเรียบร้อยแล้วค่ะ”
อ่านต่อใน comment นะคะ ^^
วันที่ฉันป่วยด้วยอาการมีประจำเดือนนานผิดปกติ ตอนที่ 5 : เราจะผ่านพรุ่งนี้ไปได้เสมอ
หลังจากที่ได้ตรวจกับอาจารย์หมออรัณถึงแนวทางการรักษา ซึ่งต้องทำ MRI ก่อนทำการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด อาจารย์หมอได้กรอกรายละเอียดเพื่อให้เราไปยื่นที่ศูนย์ทำ MRI ของเอกชน เราโทรติดต่อวันเวลานัดหมายในการทำ MRI ที่ ประชาชื่น อิมเมจจิ้งเซ็นเตอร์ ในวันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม 2562 โดยมีรุ่นพี่ป.ตรี และเพื่อนเมทสมัยเรียน ป.ตรี ของเราพาไป เราไปกันแต่เช้าก่อนเวลานัดหมาย 1 ชั่วโมง เพื่อทำ MRI ในเวลา 9.30 น. เมื่อไปถึงก็มีการซักประวัติเล็กน้อย รวมไปถึงค่าใช้จ่าย จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อรอเข้าเครื่องตรวจ ซึ่งวันนั้นก็มีคนมาใช้บริการค่อนข้างเยอะพอสมควร เมื่อได้คิว เราก็ไปเจาะเลือด จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พาไปเข้าเครื่องทำ MRI เจ้าหน้าที่เยอะมาก มาติดเครื่องมือพร้อมอธิบายว่าเราต้องทำตัวอย่างไรตอนเข้าเครื่องตรวจ โดยเจ้าหน้าที่กำชับว่าห้ามหลับโดยเด็ดขาด จากนั้นจะได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่คอยบอกว่าให้สูดลมหายใจเข้าไปให้ลึกๆ กลั้นหายใจ อย่าเกร็ง อย่ากลั้นหายใจ หรือกระชากลมหายใจ จากนั้นก็ได้ยินเสียงเครื่องตรวจวิ่งวนผ่านไปมาค่อนข้างดัง บางครั้งก็ตกใจ ><” ทำแบบนี้วนไปหลายครั้งจนนับจำนวนครั้งไม่ได้ ประมาณ 45 นาที จากนั้นก็ไปตรวจ x-ray อีกตึกนึง แล้วกลับมาตรวจอีกรอบ โดยรอบนี้จะมีการฉีดแร่เข้าไป ต้องบอกว่าการฉีดแร่เข้าไปในร่างกายทำให้รู้สึกขมปาก ขมคอมากกกกกกกกกก จากนั้นก็เข้าเครื่องตรวจอีกครั้งประมาณ 15 นาที หลังจากตรวจเสร็จเจ้าหน้าที่แนะนำว่าให้ดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อให้แร่ได้ขับออกมาจากร่างกายให้หมด หลังจากตรวจ MRI เสร็จจะค่อนข้างเพลียนิดนึงค่ะ อาการขมปากขมคอทำให้กินข้าวไม่อร่อยไปหลายวันเลยค่ะ
- วันที่ 5 พฤษภาคม 2562 เรามีอาการปวดท้องหน่วงๆมาก มันปวดแบบทนได้แต่เป็นอาการปวดแบบรำคาญ เราขับรถจากกรุงเทพเพื่อกลับบ้าน โชคดีที่ยังมียาจากการไป รพ รอบที่แล้วเหลืออยู่ แต่เราเริ่มคิดว่าถ้าเกิดต้องรอจนกว่าจะได้ไปพบอาจารย์หมอตามนัด แล้วเรามีอาการปวดท้องอีกเราจะทำอย่างไร T_______T
- วันที่ 6 พฤษภาคม 2562 เราขอให้น้องที่ออฟฟิศ พาไปหาหมอที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด (เราไม่ได้ไปโรงพยาบาลที่เราทำประกันสังคมไว้) เนื่องจากวันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม เป็นวันหยุดชดเชยทำให้ไม่มีหมอเฉพาะทาง จะมีแต่หมออายุรกรรม พยาบาลที่ รพ. น่ารักมาก แนะนำว่าให้ไปตรวจกับหมอที่คลีนิค เพราะหมอสูติหลายท่านเปิดคลีนิควันนี้ เราเลยให้น้องขับรถพาไปตามที่พยาบาลแนะนำ น้องที่ออฟฟิศเราเลยพาเราไปคลีนิคที่น้องเคยไปตรวจ โชคดีที่หมอยังเปิดคลีนิคอยู่ เราไปถึงพบว่าไม่มีคิวคนไข้แล้ว เพราะหมอมีนัดผ่าตัดคนไข้ที่ รพ. เราเล่าอาการคร่าวๆให้หมอทราบถึงอาการ หมอที่คลีนิคให้เราขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วหมอก็ตรวจที่ท้อง ลองใช้มือกดๆดู แล้วหมอบอกว่าขนาดของถุงน้ำไม่ได้ใหญ่มาก ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวหมอจะให้ยา Visanne 2 mg tablets กลับไปทานเพื่อระงับอาการไม่ให้กำเริบช่วงระหว่างที่รอไปพบหมอที่รักษาเราที่ รพ ตำรวจ แต่ถ้าไม่ดีขึ้นให้รีบมาที่คลีนิค ถ้าเกิดโชคร้ายอาจจะต้องฉีดยาแก้ปวดเพื่อกดอาการรอเวลาผ่าตัด โดยยาเข็มนี้ราคา 1x,xxx บาท จะระงับอาการได้ประมาณ 1 เดือน หมอท่านนี้น่ารักมากแม้จะแอบดุเล็กๆ ท่านแนะนำให้เราไปเจารจาต่อรองกับประกันสังคมเพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพราะเราจ่ายเงินทุกเดือนเค้าควรจะดูแลเรามากกว่านี้ ไม่ใช่เราไม่เข้า รพ. ที่เราเลือกประกันสังคมไว้ ก็จะถือเป็นภาระค่าใช้จ่ายของเราที่ต้องออกค่าใช้จ่ายเอง หมอบอกว่าการที่จะไปเจรจาต่อรองกับ รพ. ประกันสังคมเพื่อให้เค้าส่งตัวไปรักษาที่ รพ. ที่เราอยากไปรักษานั้นยาก เพราะ รพ. ประกันสังคมเราจะแย้งว่าเค้าสามารถรักษาได้เช่นกัน ส่วนหนึ่งเพราะถ้ามีเคสส่งตัว รพ.ประกันสังคมจะต้องเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด
- วันที่ 13 พฤษภาคม 2562 เราก็ไปพบอาจารย์หมออรัณอีกครั้งตามกำหนดนัดหมาย (ยาที่ได้มาจากหมอสูติอีกท่านได้ผล สามารถประคองอาการปวดได้ เราไม่ต้องจ่ายเงิน 1x,xxx บาทเพื่อฉีดยาระงับปวดราคาแพงเข็มนั้น) วันนี้เราเอาฟิล์มที่ได้จากการตรวจ MRI และปริ้นท์ผลของการตรวจ MRI ที่ทางศูนย์ส่งให้ทางอีเมลล์ตั้งแต่วันที่เข้าตรวจ อาจารย์หมอสอบถามอาการ พร้อมบอกว่าขอเอาฟิล์มนี้กลับไปอ่านผลที่บ้านเพราะแฟนอาจารย์หมอเป็นรังสีแพทย์จะเป็นคนช่วยอ่านผลให้เพื่อเป็นแนวทางการรักษา หมอแอบกระซิบว่านี่คือกิจการภายในครอบครัว ^^ จากการอ่านผลคร่าวๆ ทั้งเราอ่านเองและให้เพื่อนช่วยส่งต่อไปให้น้องของที่พี่ทำงานที่เป็นหมอช่วยอ่านผล และอาจารย์หมออรัณอ่านผลเอง พบว่ามีถุงน้ำรังไข่ด้านขวา และพบว่ามีโปรตีนค่อนข้างสูง อาจารย์หมอเลยสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเลือดประจำเดือนที่สร้างทุกเดือน แต่เกิดการคั่งอยู่ในช่องท้องเนื่องจากไม่สามารถไหลออกมาได้ด้วยอาการของโพรงมดลูกตีบ อาจารย์หมอจึงนัดวันเพื่อทำการผ่าตัด ได้ฤกษ์ดีคือวันที่ 19 มิถุนายน 2562 โดยหมอจะนัดผ่าตัดเราเคสเดียว เพราะเป็นเคสยากที่น่าจะใช้เวลาค่อนข้างนาน อาจารย์หมอประเมินไว้ว่าการผ่าตัดน่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 3 ชั่วโมง และอาจารย์หมอได้สั่งยาแก้ปวด ถ้าเกิดระหว่างที่รอผ่าตัดมีอาการปวดท้องเกิดขึ้น พร้อมยาบำรุงเลือดให้เรากลับมากินเพื่อเตรียมตัวก่อนผ่าตัด หรือถ้ามีอะไรผิดปกติให้รีบโทรหาอาจารย์หมอทันที จากนั้นเราก็ลงไปตรวจเลือด ตรวจฉี่ แล้วก็ดำเนินการจองห้องพักฟื้นหลังผ่าตัดซึ่งมีห้องหลายแบบและเรทราคาให้เลือก ปล.ก่อนทำการผ่าตัดต้องมาแอดมิทก่อนล่วงหน้า 1 วัน นั่นหมายถึงเราต้องมานอนค้างตั้งแต่วัน 18 มิถุนายน เพราะกำหนดการผ่าตัดคือ 9 โมงเช้า
- เหตุการณ์หลังจากไปพบหมอในวันที่ 13 พฤษภาคม ดำเนินไปตามปกติ อาจจะมีบางวันที่ปวดท้องแต่ไม่ได้มากนัก และเราก็ไปออกกำลังกายเบาๆโดยการเดินลู่ทุกวัน เป็นการเตรียมความพร้อมของร่างกาย ซึ่งเราคิดแค่ว่าถ้าร่างกายเราแข็งแรงน่าจะเป็นผลดีกับเรา หลังจากผ่าตัดเสร็จ
- วันที่ 18 มิถุนายน 2562 เราเช็คกระเป๋าเสื้อผ้า ว่าเอาของไปครบ ตรวจความเรียบร้อยของบ้าน จากนั้นออกเดินทางเวลาตีห้า โดยเจ้ตุ้มคนดีคนเดิมมารับพาไปใจกลางพระนครแอดมิท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง ก็ไปถึง รพ.ตำรวจ ซึ่งเราก็พลาดที่ไม่รู้ว่าต้องมีการจองที่จอดรถล่วงหน้า -*- เพราะปกติเราเดินทางมา รพ.ตำรวจด้วย BTS เจ้ตุ้มเลือกส่งเราที่หน้าอาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา โรงพยาบาลตำรวจ จากนั้นเราก็ไปที่ชั้น 6 แผนกสูตินารีเวชเพื่อติดต่อเรื่องแอดมิท จากนั้นก็ไปวัดความดัน ชั่งน้ำหนัก ลงมาตรวจเลือดที่ชั้น 4 ลงไปติดต่อห้องพักฟื้นที่ชั้น 2 จากนั้นกลับไปที่ชั้น 6 เพื่อฟังผลตรวจเลือดแล้วก็ได้เวลาเดินทางไปห้องพักฟื้นที่ชั้น 17 พยาบาลที่วอร์ดก็อธิบายเรื่องแพคเกจค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด (เป็นแพคเกจรวมทั้งหมดเป็นระยะเวลา 3-4 วัน ที่นอน รพ.) จากนั้นพยาบาลก็พาไปที่ห้องพักฟื้นเอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยน เจ้าหน้าที่ก็นำอาหารกลางวันมาเสิร์ฟ แต่เราเพิ่งทานอาหารมา -*- เลยไม่ได้แตะอาหารที่เจ้าหน้าที่นำมาให้ อาจารย์หมอก็ส่งข้อความมาถามว่าถึงห้องพักฟื้นเรียบร้อยแล้วหรือยัง พร้อมบอกว่าเจอกันพรุ่งนี้ จากนั้นพยาบาลก็เอายาระบายแบบผงจำนวน 2 ซองเพื่อให้ชงน้ำกินให้หมดภายใน 2 ชั่วโมง ( 1 ซองต่อน้ำ 1 ลิตร) เป็นการกินน้ำที่เหนื่อยมากกกกก เพราะต้องพยายามทานให้หมดจริงๆกับน้ำ 2 ลิตรภายในเวลา 2 ชั่วโมง จากนั้นเพื่อนเมทเราก็มาแตะมือกับเจ้ตุ้ม เพื่อให้เจ้ตุ้มเดินทางกลับ โดยเพื่อนเมทเราจะเป็นคนเฝ้าคืนนี้เพื่อรอที่บ้านเราเดินทางมา หลังจากทานยาระบายไปไม่นานเราก็เริ่มเดินเข้าห้องน้ำเป็นระยะๆ โดยพยาบาลกำชับว่าให้ถ่ายออกให้หมด อาหารมื้อเย็นของ รพ.จัดมาให้เป็นน้ำทั้งหมดได้แก่ ซุปผัก น้ำชาดอกคำฝอย น้ำตะไคร้ และเริ่มงดน้ำงดอาหารตั้งแต่เที่ยงคืนเป็นต้นไปเพื่อไม่ให้มีอะไรหลงเหลืออยู่ในกระเพาะ เพื่อลดความเสี่ยงในตอนผ่าตัด ตอนเย็นพยาบาลเอาสบู่และเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยนอีกรอบ โดยพยาบาลแนะนำว่าให้ใช้สบู่ที่เตรียมให้อาบน้ำและถูที่บริเวณท้องเพื่อจะได้คลีนๆเคลียร์ๆตอนที่ผ่าตัด จากนั้นก็นั่งคุยกับเพื่อนจนถึงเวลา 4 ทุ่มก็หลับไป แต่นอนแบบหลับๆตื่นๆ อาจจะเพราะแปลกที่ด้วย
- วันที่ 19 มิถุนายน 2562 ตอนเช้าประมาณ 6 โมงเช้าเราก็ตื่น ซักพักนายแม่ พี่ชายแล้วก็พี่สะใภ้ก็มาถึง ทำให้ห้องพักฟื้นที่จองไว้เริ่มครึ้กครื้น จากนั้นเราก็ไปอาบน้ำสระผม ต้องบอกก่อนว่าที่ รพ.ตำรวจ คนไข้ต้องเตรียมผ้าเช็ดตัวมาเองนะคะ เพราะที่ รพ.ตำรวจนั้นแม้จะเป็นห้องพิเศษแต่ไม่ได้มีไว้บริการ โชคดีที่เราเป็นคนเตรียมของใช้พวกนี้ไปเองเสมอเวลาที่เดินทาง (เวลาที่ไปวิ่งแล้วต้องพักรีสอร์ทหรือโรงแรม เราก็เตรียมไปเอง สะดวกและสบายใจกว่า แต่โชคร้ายรอบนี้ลืมเอาไดร์เป่าผมมาด้วย) เราอาบน้ำให้สะอาดที่สุด สระผมให้สะอาดที่สุดเท่าที่ทำได้ตามที่อาจารย์หมออรัณบอก เนื่องจากหลังผ่าตัดเราจะไม่ได้อาบน้ำอย่างน้อยอีก 1-2 วันเลย ใส่ชุดแบบสวมด้านหน้าแล้วผูกเอวจากด้านหลังเพื่อผ่าตัด เวลาประมาณ 8.30 น. พยาบาลก็มาต่อสายน้ำเกลือ จากนั้นหมออีกท่านก็เข้ามามาร์คจุดตำแหน่งที่ขอบบิกินี่ก่อนเข้าห้องผ่าตัด เวลา 8.45 น. บุรุษพยาบาลก็เข็นรถพาเราไปยังห้องผ่าตัด จากนั้นพยาบาลก็ให้เราขึ้นเตียงแล้วพยาบาลก็ถอดเชือผูกเอวแล้วก็รูดชุดผ่าตัดออกไปแต่ยังมีผ้าห่มคลุมอยู่ จากนั้นบุรุษพยาบาลก็เข็นเตียงที่เรานอนเข้าไปที่ห้องผ่าตัด แล้วพยาบาลที่อยู่ในห้องประมาณ 10 คน ก็เริ่มทำหน้าที่ของแต่ละคน ติดเครื่องมือต่างๆตามร่างกาย เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า พร้อมเช็คว่าเรามีฟันปลอมหรือใส่คอนแทค รวมถึงอุปกรณ์แปลกปลอมใดๆในร่างกายหรือไม่ จากนั้นวิสัญญีแพทย์ก็เข้ามาคุยและเหมือนเดิมมีที่ครอบหายใจลงมาให้เราสูดลงหายใจเข้าไปลึกๆ ไม่ถึง 5 วินาทีเราก็คงเข้าเฝ้าพระอินทร์ไปแบบไม่รู้เรื่องะไรอีก (-___-)zzzZ รู้แค่ว่าตอนนั้นความรู้สึกคือ นอนหลับสบาย หลับลึกมากจริงๆ จนเวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้ เราเดาว่าคงประมาณเที่ยงแล้วเพราะสิ้นเสียงที่บอกว่า “การผ่าตัดเรียบร้อยแล้วค่ะ”
อ่านต่อใน comment นะคะ ^^