ความสับสนนิพพานและอนัตตา

ความสับสนนิพพานและอนัตตา

อนัตตา คือ มีตัวตน แต่เรายึดมั่นถือมั่นตรงนั้นจริงแท้ตลอดไม่ได้ มันจะต้องแปรเปลี่ยน

อัตตา ก็คือ ยึดมั่นถือมั่นให้มั่นคง

มีอัตตา ก็ต้องมีอนัตตา ถ้ามีอนัตตาก็ต้องมีอัตตา

เพราะอัตตา คือ จริง (จริงโดยสมมติ) แต่อนัตตา คือ แท้จริง (จริงโดยปรมัตถ์)

เพราะอัตตาย่อมเสื่อมสลายไปตามพระไตรลักษณ์ จริงแท้

"อนัตตา" แปลว่า "ความเสื่อมของอัตตา เป็นความเสื่อม ความเปลี่ยนแปลง"

อัตตา มีความคงอยู่ประจำ และอนัตตาตัวเสื่อมก็คงอยู่ประจำ

เราตายก็ต้องมีอัตตา ก็คือ กลายเป็นผี เป็นพลังก็ต้องเป็นอัตตาต่ออะไรๆ แม้ว่าความเสื่อม ก็ต้องมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

ฉะนั้น ความเสื่อมของอัตตา ก็คือ อนัตตา แปลอย่างนี้คนจะเข้าใจง่าย จะเห็นชัดๆ

"ความไม่มีตัวตน" อย่างนี้ใช้กันผิด ต้องใช้คำว่า "ความเสื่อมของตัวตน" "ความเปลี่ยนแปลงของตัวตน" จึงจะถูก เพราะเป็นอนัตตา เพราะว่าเป็นไปตามภาวะแห่งพระไตรลักษณ์

"ไม่เห็นแก่ตัว" แสดงว่าต้องมีตัวตน ถ้าเห็นแก่ตัว ก็ต้องมีตัว

การสอนไม่เห็นแก่ตัวไม่ได้ เราต้องสอนว่าเราต้องเห็นแก่ตัว แต่เราจะยึดมั่นถือมั่นคงอย่างนี้ไม่ได้ มันจะต้องเสื่อมไป ถ้าไม่เห็นแก่ตัว มันยากมาก คนทั่วไปทำแล้วทำไม่ได้ บางคนทำบุญแล้วก็ทำไม่ได้ เราทำบุญก็ต้องเอาบุญ

ในเมื่อเราเข้าใจอนัตตา เมื่อเกิดการสูญเสียไปแล้วเราจึงไม่เศร้าใจ เพราะเป็นไปตามภาวะธรรม

^_^ ..._/\_... ^_^

ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา

อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์

เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่