ขอ Review ร้าน The Pastale พาส-เทล ,homemade our day
เป็นการรีวิวครั้งแรกของผมเลย
เป็นร้านอาหารเล็กๆห้องแถวเดียวอยู่บริเวณถนนเฟื่องนคร หลังกระทรวงมหาดไทยพอดี เปิดเวลา 10.00 - 16.00 น วันพุธ-วันเสาร์ ร้านนี้มีพนักงานคนเดียว เป็นทั้งเจ้าของร้าน แม่ครัว พนักงานเสิร์ฟ และพนักงานเก็บโต๊ะด้วย
บริเวณหน้าร้าน ถ้าร้านปิดจะมีสัญลักษณ์ที่ประตูเหล้กหน้าร้าน สังเกตุกันได้ นี่คือสภาพร้านตอนที่ยังปิดอยู่ จะดึงประตูเหล็กมาปิดไว้
ถ้าร้านเปิดแล้วประตูเหล็กจะถูกเปิดออก ร้านไม่ได้มีป้ายหน้าร้าน แต่จะมีคำว่า ยฟหะำส ตัวเล็กๆติดอยู่ที่ที่ผนังหลังประตูเหล้ก
ร้านนี้บรรยากาศแบบสบายๆ เป็นกันเอง จะเปิดเพลงสากลเบาคลออยู่ตลอดเวลา มีโต๊ะใหญ่อยู่ 1 โต๊ะ (ประมาณ 6 ที่นั่ง) กลางร้านที่เหลือเป็นแบบเคาเตอร์นั่งหน้าครัว
ปล. พอดีไม่ได้ถ่ายโต๊ะใหญ่กลางร้านมาเพราะมีคนอื่นนั่งอยู่กลัวเสียมารยาท เลยถ่ายรอบๆส่วนอื่นมาแทน จะมี 1-2 ที่นั่งริมกระจกที่นั่งทานอาหารไปมองวิวข้างนอกออกไปได้แบบสบายๆ
ปล. ร้านนี้เสิร์ฟอาหารแบบไม่มีเครื่องปรุงใดให้เติมนะครับ คือแม่ครัวเขาปรุงรสชาติมาดีแล้ว กลัวว่าถ้ามีเครื่องปรงให้อีกกลัวว่าจะเสียรสชาติให้ลองทานดูก่อน
เริ่มที่จ้านที่ 1 เลยแล้วกัน สปาเก็ตตี้ผัดซอสสตูว์โฮมเมด ผมสั่งเป็นแฮมเบิร์กหมู จานนี้เผ็ดแบบพริกไทยอ่อนๆรสออกหวานนำ เนื้อหมูแฮมเบิร์กชุ่มฉ่ำมาก
จานที่ 2 :ข้าวหน้าแซลมอนย่างและคาคูนิ ในจานจะมีข้าวแซลมอนย่างมาให้ 1 ชิ้น หมูสามชั้นตุ๋นให้ประมาณ4 ชิ้นซึ่งเนื้อหมูสามชั้นตุ๋นมีรสชาติหวานอ่อน และเค็มตามนิดหน่อย และไข่ออนเซ็น 1ฟอง ตอนทานให้จิ้มไข่ออนเซ็นให้แตกแล้วกินคู่กับปลาแซลมอนย่างหรือหมูสามชั้นตุ๋น จะเข้ากันมาก ข้าวเป็นแบบเพื่อสุขภาพ และสลัดผักที่ให้มาน้ำสลัดจะมีรสชาติเปรี้ยวนิดๆซึ่งแก้เลี่ยนได้ดีกับการทานเนื้อหมูสามชั้นตุ๋น
จานที่ 3 : ข้าวอบสมุนไพรและพริกสด แฮมเบิร์กหมู ตัวข้าวเหมือนข้าวผัดคลุกกระเพราะมีกลิ่นหอมใบกระเพราและกระเทียม และรสชาติเผ็ดพอสมควร ถึงขั้นเหงื่อตกได้เล็กๆเลย ซึ่งเข้าได้ดีกับแฮมเบิร์กหมู จริงแค่ตัวข้าวอย่างเดียวก็อร่อยแล้วไม่ต้องมีเนื้อสัตว์เลยก็ยังได้ คือกินข้าวอบสมุนไพรกับพริกน้ำปลา(ถ้ามีนะ) ก็ฟินแล้วจริงๆ แฮมเบิร์กหมูชุ่มฉ่ำ ตามแบบฉบับของทางร้านข้างในสุกกำลังดีเลย
จานที่ 4 : ข้าวแฮมเบิร์กแซบ ถ้าให้เปรียบเทียบก็จะคล้ายลาบหมูแฮมเบิร์ก กินกับข้าวสวยร้อนๆ รสชาติออกเปรี้ยวนิดๆ เผ็ดอ่อนๆ คือคนไม่ทานเผ็ดก็ยังสามารถทานได้สบายๆ
จานที่ 5 : ข้าวหน้าแฮมเบิร์ก เป็นแฮมเบิร์กกับไข่ออนเซ็น ราดด้วยน้ำสลัดงาคั่วญี่ปุ่น หอมอ่อนๆ และมีสลัดผักมาให้ เป็นสลัดที่มีรสชาติเปรี้ยวนำและหวานตามนิดๆ ซึ่งช่วยตัดอาการเลี่ยนได้ดีเลยทีเดียว
จานที่ 6 : ข้าวหน้าซอสสตูว์โฮมเมดเบคอน เป็นจานที่ให้เนื้อเบคอนเยอะมาก เยอะแบบที่ว่าข้าวหมดก่อนตัวเบคอนซะอีก รสชาติหวานนำมีกลิ่นหอมพริกไทยอ่อนๆ ในตัวซอสสตูวว์มีข้าวโพด เม็ดถั่วลันเตา และรากบัวจีนด้วย ซึ่งเข้ากันดีกับซอสสตูว์มากๆ
จานที่ 7 : สปาเก็ตตี้ผัดกระเทียมกับซอสญี่ปุ่น ตอนยกมาเสิร์ฟนี่ตกในนิดหน่อยเหมือนสปาเก็ตตี้เปล่าๆ แต่ที่จริงแล้วไข่ปลาที่ทางร้านให้มาเยอะมากแต่ถูกคลุกเคล้าไว้กับเส้นเรียบร้อยแล้วเสร์ฟพร้อมไข่ออนเซน และสาหร่ายญี่ปุ่น ซึ่งหอมกลิ่นสาหร่ายมากเลยตอนยกมาเสิร์ฟ มีกลิ่นพริกไทยอ่อนๆและเผ็ดพริกไทยนิดๆที่ปลายลิ้น เป็นจานที่ท่าทางจะเลี่ยนแต่เอาจริงๆกลับไม่เลี่ยนเลยและทานง่ายมาก
ส่วนตัวผมไม่ชอบทานแซลมอนเท่าไหร่เลยเน้นสั่งเป็นพวกแฮมเบิร์กหรือเบคอนซะมากกว่า เคยถามเจ้าของร้านว่าน่าจะมีเนื้อปลากระพงเพิ่มอีกอย่างนึงนะ แต่เจ้าของร้านบอกยังไม่มีในตอนนี้เพราะถ้ามีเนื้อปลากระพงเพิ่ม ก็ต้องทำอาหารเพิ่ม ซึ่งตอนนี้ก็ทำไม่ค่อยทันอยู่แล้วก็ทำตั้งแต่ประมาณ 11 โมงยาวจนเกือบบ่าย 2 ลูกค้าถึงจะหมด แค่นี้ก็เหนือ่ยแล้วเพราะทำเองคนเดียวทุกอย่างในร้าน
ที่จริงร้านมีอาหารอีกหลายเมนูเลยพวก พาสต้า คาโบนาร่าและสลัดต่างๆด้วย แต่ตัวผมยังไม่ได้ลองนะเลยไม่รู้ว่ารสชาติเป็นแบบไหน ร้านมีบริการกาแฟสดด้วยนะ แต่ก็ยังไม่เคยลองเหมือนกัน
เพระาปกติไปทานจะมีน้ำเปล่าให้ทานฟรี น้ำเปล่าจริงๆไม่แช่เย็นนะไม่มีน้ำแข็งให้เดินไปรินได้ตรงที่เขาจัดมุมไว้ให้เป็นแบบบริการตัวเอง
เป็นร้านเล็กๆที่น่ารักเสียดายถ้าเปิดขายถึงตอนเย็นหรือค่ำด้วยคงจะมีเหมาะแก่การพาคนรู้ใจมานั่งทานข้าวแบบสบายๆด้วยจริงๆแต่พี่เขาไม่ได้เปิดถึงช่วงนั้น เคยนั่งรอนานสุด 45 นาที ไปตอน 11.45 กว่าจะได้ทาน 12.30 พอดี เพราะมีคนสั่งอยู่ก่อนหน้าประมาณ 6 จาน คือไปร้านนี้ไม่เหมาะสำหรับคนหิวๆหรือเวลาน้อยๆ ต้องอารมณืแบบสบายๆไม่เร่งรีบ เหมาะอย่างยิ่งจะได้ค่อยนั่งทานและซึมซับบรรยากาศไปด้วยในตัว
ร้านนี้เส้นสปาเก็ตตี้ที่ลวกจะออกแข็งนิดๆคล้ายจะดิบแต่ไม่ดิบนะ คือตั้งใจลวกมาให้เป็นแบบนั้นใครชอบแบบเส้นนิ่มๆบอกเขาได้ แและรสชาติความเผ็ดนี่ก็บอกทางร้านได้สำหรับคนที่ทานเผ็ดมาก หรือไม่ทานเผ็ดเลย เจ้าของร้านเขายินดีที่จะปรับให้ครับ แต่ไม่ต้องมองหาเถาเครื่องปรุงในร้านนะครับเพราะไม่มีให้เลยซักอย่าง คือทำออกมายังไงก็ต้องทานรสชาติแบบนั้นเลยไม่มีเครื่องปรุงมาให้เติม
ร้าน The Pastale พาส-เทล ,homemade our day By Ben'Tale ร้านเล็กๆน่ารักๆ และอบอุ่น ใครผ่านไปแถวเฟื่องนคร ลองแวะเข้าไปชิมอาหารกันได้ครับ
[CR] Review ร้าน The Pastale พาส-เทล ,homemade our day
เป็นการรีวิวครั้งแรกของผมเลย
เป็นร้านอาหารเล็กๆห้องแถวเดียวอยู่บริเวณถนนเฟื่องนคร หลังกระทรวงมหาดไทยพอดี เปิดเวลา 10.00 - 16.00 น วันพุธ-วันเสาร์ ร้านนี้มีพนักงานคนเดียว เป็นทั้งเจ้าของร้าน แม่ครัว พนักงานเสิร์ฟ และพนักงานเก็บโต๊ะด้วย
บริเวณหน้าร้าน ถ้าร้านปิดจะมีสัญลักษณ์ที่ประตูเหล้กหน้าร้าน สังเกตุกันได้ นี่คือสภาพร้านตอนที่ยังปิดอยู่ จะดึงประตูเหล็กมาปิดไว้
ถ้าร้านเปิดแล้วประตูเหล็กจะถูกเปิดออก ร้านไม่ได้มีป้ายหน้าร้าน แต่จะมีคำว่า ยฟหะำส ตัวเล็กๆติดอยู่ที่ที่ผนังหลังประตูเหล้ก
ร้านนี้บรรยากาศแบบสบายๆ เป็นกันเอง จะเปิดเพลงสากลเบาคลออยู่ตลอดเวลา มีโต๊ะใหญ่อยู่ 1 โต๊ะ (ประมาณ 6 ที่นั่ง) กลางร้านที่เหลือเป็นแบบเคาเตอร์นั่งหน้าครัว
ปล. พอดีไม่ได้ถ่ายโต๊ะใหญ่กลางร้านมาเพราะมีคนอื่นนั่งอยู่กลัวเสียมารยาท เลยถ่ายรอบๆส่วนอื่นมาแทน จะมี 1-2 ที่นั่งริมกระจกที่นั่งทานอาหารไปมองวิวข้างนอกออกไปได้แบบสบายๆ
ปล. ร้านนี้เสิร์ฟอาหารแบบไม่มีเครื่องปรุงใดให้เติมนะครับ คือแม่ครัวเขาปรุงรสชาติมาดีแล้ว กลัวว่าถ้ามีเครื่องปรงให้อีกกลัวว่าจะเสียรสชาติให้ลองทานดูก่อน
เริ่มที่จ้านที่ 1 เลยแล้วกัน สปาเก็ตตี้ผัดซอสสตูว์โฮมเมด ผมสั่งเป็นแฮมเบิร์กหมู จานนี้เผ็ดแบบพริกไทยอ่อนๆรสออกหวานนำ เนื้อหมูแฮมเบิร์กชุ่มฉ่ำมาก
จานที่ 2 :ข้าวหน้าแซลมอนย่างและคาคูนิ ในจานจะมีข้าวแซลมอนย่างมาให้ 1 ชิ้น หมูสามชั้นตุ๋นให้ประมาณ4 ชิ้นซึ่งเนื้อหมูสามชั้นตุ๋นมีรสชาติหวานอ่อน และเค็มตามนิดหน่อย และไข่ออนเซ็น 1ฟอง ตอนทานให้จิ้มไข่ออนเซ็นให้แตกแล้วกินคู่กับปลาแซลมอนย่างหรือหมูสามชั้นตุ๋น จะเข้ากันมาก ข้าวเป็นแบบเพื่อสุขภาพ และสลัดผักที่ให้มาน้ำสลัดจะมีรสชาติเปรี้ยวนิดๆซึ่งแก้เลี่ยนได้ดีกับการทานเนื้อหมูสามชั้นตุ๋น
จานที่ 3 : ข้าวอบสมุนไพรและพริกสด แฮมเบิร์กหมู ตัวข้าวเหมือนข้าวผัดคลุกกระเพราะมีกลิ่นหอมใบกระเพราและกระเทียม และรสชาติเผ็ดพอสมควร ถึงขั้นเหงื่อตกได้เล็กๆเลย ซึ่งเข้าได้ดีกับแฮมเบิร์กหมู จริงแค่ตัวข้าวอย่างเดียวก็อร่อยแล้วไม่ต้องมีเนื้อสัตว์เลยก็ยังได้ คือกินข้าวอบสมุนไพรกับพริกน้ำปลา(ถ้ามีนะ) ก็ฟินแล้วจริงๆ แฮมเบิร์กหมูชุ่มฉ่ำ ตามแบบฉบับของทางร้านข้างในสุกกำลังดีเลย
จานที่ 4 : ข้าวแฮมเบิร์กแซบ ถ้าให้เปรียบเทียบก็จะคล้ายลาบหมูแฮมเบิร์ก กินกับข้าวสวยร้อนๆ รสชาติออกเปรี้ยวนิดๆ เผ็ดอ่อนๆ คือคนไม่ทานเผ็ดก็ยังสามารถทานได้สบายๆ
จานที่ 5 : ข้าวหน้าแฮมเบิร์ก เป็นแฮมเบิร์กกับไข่ออนเซ็น ราดด้วยน้ำสลัดงาคั่วญี่ปุ่น หอมอ่อนๆ และมีสลัดผักมาให้ เป็นสลัดที่มีรสชาติเปรี้ยวนำและหวานตามนิดๆ ซึ่งช่วยตัดอาการเลี่ยนได้ดีเลยทีเดียว
จานที่ 6 : ข้าวหน้าซอสสตูว์โฮมเมดเบคอน เป็นจานที่ให้เนื้อเบคอนเยอะมาก เยอะแบบที่ว่าข้าวหมดก่อนตัวเบคอนซะอีก รสชาติหวานนำมีกลิ่นหอมพริกไทยอ่อนๆ ในตัวซอสสตูวว์มีข้าวโพด เม็ดถั่วลันเตา และรากบัวจีนด้วย ซึ่งเข้ากันดีกับซอสสตูว์มากๆ
จานที่ 7 : สปาเก็ตตี้ผัดกระเทียมกับซอสญี่ปุ่น ตอนยกมาเสิร์ฟนี่ตกในนิดหน่อยเหมือนสปาเก็ตตี้เปล่าๆ แต่ที่จริงแล้วไข่ปลาที่ทางร้านให้มาเยอะมากแต่ถูกคลุกเคล้าไว้กับเส้นเรียบร้อยแล้วเสร์ฟพร้อมไข่ออนเซน และสาหร่ายญี่ปุ่น ซึ่งหอมกลิ่นสาหร่ายมากเลยตอนยกมาเสิร์ฟ มีกลิ่นพริกไทยอ่อนๆและเผ็ดพริกไทยนิดๆที่ปลายลิ้น เป็นจานที่ท่าทางจะเลี่ยนแต่เอาจริงๆกลับไม่เลี่ยนเลยและทานง่ายมาก
ส่วนตัวผมไม่ชอบทานแซลมอนเท่าไหร่เลยเน้นสั่งเป็นพวกแฮมเบิร์กหรือเบคอนซะมากกว่า เคยถามเจ้าของร้านว่าน่าจะมีเนื้อปลากระพงเพิ่มอีกอย่างนึงนะ แต่เจ้าของร้านบอกยังไม่มีในตอนนี้เพราะถ้ามีเนื้อปลากระพงเพิ่ม ก็ต้องทำอาหารเพิ่ม ซึ่งตอนนี้ก็ทำไม่ค่อยทันอยู่แล้วก็ทำตั้งแต่ประมาณ 11 โมงยาวจนเกือบบ่าย 2 ลูกค้าถึงจะหมด แค่นี้ก็เหนือ่ยแล้วเพราะทำเองคนเดียวทุกอย่างในร้าน
ที่จริงร้านมีอาหารอีกหลายเมนูเลยพวก พาสต้า คาโบนาร่าและสลัดต่างๆด้วย แต่ตัวผมยังไม่ได้ลองนะเลยไม่รู้ว่ารสชาติเป็นแบบไหน ร้านมีบริการกาแฟสดด้วยนะ แต่ก็ยังไม่เคยลองเหมือนกัน
เพระาปกติไปทานจะมีน้ำเปล่าให้ทานฟรี น้ำเปล่าจริงๆไม่แช่เย็นนะไม่มีน้ำแข็งให้เดินไปรินได้ตรงที่เขาจัดมุมไว้ให้เป็นแบบบริการตัวเอง
เป็นร้านเล็กๆที่น่ารักเสียดายถ้าเปิดขายถึงตอนเย็นหรือค่ำด้วยคงจะมีเหมาะแก่การพาคนรู้ใจมานั่งทานข้าวแบบสบายๆด้วยจริงๆแต่พี่เขาไม่ได้เปิดถึงช่วงนั้น เคยนั่งรอนานสุด 45 นาที ไปตอน 11.45 กว่าจะได้ทาน 12.30 พอดี เพราะมีคนสั่งอยู่ก่อนหน้าประมาณ 6 จาน คือไปร้านนี้ไม่เหมาะสำหรับคนหิวๆหรือเวลาน้อยๆ ต้องอารมณืแบบสบายๆไม่เร่งรีบ เหมาะอย่างยิ่งจะได้ค่อยนั่งทานและซึมซับบรรยากาศไปด้วยในตัว
ร้านนี้เส้นสปาเก็ตตี้ที่ลวกจะออกแข็งนิดๆคล้ายจะดิบแต่ไม่ดิบนะ คือตั้งใจลวกมาให้เป็นแบบนั้นใครชอบแบบเส้นนิ่มๆบอกเขาได้ แและรสชาติความเผ็ดนี่ก็บอกทางร้านได้สำหรับคนที่ทานเผ็ดมาก หรือไม่ทานเผ็ดเลย เจ้าของร้านเขายินดีที่จะปรับให้ครับ แต่ไม่ต้องมองหาเถาเครื่องปรุงในร้านนะครับเพราะไม่มีให้เลยซักอย่าง คือทำออกมายังไงก็ต้องทานรสชาติแบบนั้นเลยไม่มีเครื่องปรุงมาให้เติม
ร้าน The Pastale พาส-เทล ,homemade our day By Ben'Tale ร้านเล็กๆน่ารักๆ และอบอุ่น ใครผ่านไปแถวเฟื่องนคร ลองแวะเข้าไปชิมอาหารกันได้ครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น