Ankylosing spondylitis (AS)

สวัสดีครับ เพื่อนๆ ที่เป็น AS ทุกท่าน  ผมจะมาเล่า ประวัติ ของผมที่คิดว่าน่าจะเกี่ยวกับการเป็นโรคนี้ นะครับ (คิดเอาเองนะ55+)
นี้เป็นเรื่องราวที่พอจะจำได้และสรุปมาให้คร่าวๆนะครับ (ผมเป็นมา 10ปีครับ จากอาการหนัก จนทำงานไม่ได้ สู่ ปัจจุบันพอ ใช้ชีวิตได้ แต่ตอนนี้ยังไม่พิการครับ)

เริ่มมาจากก่อนเกิด แม่กับพ่อทะเลาะกันตลอด แม่เครียดมาก ส่งผลถึงลูกในท้อง

เกิดมาอายุ 1-10 ครอบครัวยากจน พ่อกินเหล้า แม่ก็ลำบาก
ผมเป็นเด็กเก็บกด และ เครียด มาตลอด เป็น เด็กมีปัญหา ชอบเรียกร้องความสนใจ  และโดนเพื่อนแกล้งตลอด พ่อแม่ตีกันตลอด
และชอบตีระบายอารมณ์ที่ผม ผมชอบกินหวานมาก ผมกินน้ำน้อยมากวันละ 1-2 แก้ว

อายุ 10-15 ผมเป็นเด็กเก็บตัว ไม่คุยกับใคร อยู่ในโลกส่วนตัว
มีความเศร้าและเครียดเรื่องครอบครัวตลอด และตอนนั้นเริ่มมีแฟน และ เป็นคน ที่
ขี้หึงเลยเครียดเรื่องแฟนตลอด ครอบครัวก็ไม้เคยเข้าใจ ดูถูกตลอด ผมชอบกินหวานมาก กินน้ำน้อยมากวันละ1-2 แก้ว

อายุ15-19 เริ่มมีสังคมบ้างแต่ เข้าสังคมไม่ได้ มีแต่แฟน
ทุกสิ่งทุกอย่าง จิตใจพึ่งพาแต่แฟน เพราะพึ่งพาครอบครัวหรือเพื่อนไม่ได้
แต่ก็เครียดตลอดเวลา ชอบเพลงเศร้าอกหัก ชอบกินหวานมาก เครียดเรื่อง สังคม
และความรักตลอด ทุกวัน เรื่อง นอนดึก กินน้ำน้อยมากวันละ 1-2 แก้ว

อายุ19-26 ทำงาน เครียดตลอด ถูกสัมคมเอาเปรียบ ฟันผุแต่ไม่ได้สนใจ
ไม่หาหมอไม่ถอน ทนปวด 3 ปี จนเริ่มมีอาการต่างๆ เช่นเหนื่อยง่าย  กินเหล้าทุกอาทิตย์ ดูบุหรี่เดือนละ 2 ซอง
กินหมูกระทะอาทิตละ 2 ครั้ง ไม่เคยออกกำลังกาย กินกาแฟทุกวันวันละ 1 แก้ว เครียดเรื่อง
สังคม และความรักตลอดทุกวันทุกเรื่อง นอนดึก กินน้ำน้อยมากวันละ 1-2 แก้ว 

อายุ26-30 มีอาการปวดก้น คิดว่า เป็น piriformis syndrome เริ่มออกกำลังกาย
บ้าง ปีละ 2-3 เดือน และงดบุหรี่ลงบ้างเหลือเดือนละ 1 ซอง กินเหล้าเหลือเดือนละ 1
ครั้ง กินกาแฟทุกวันวันละ 1 แก้ว ทำงานหนักมาก ชอบกินหวานมาก เข้าสังคมได้บ้างแต่
ชอบเครียด  เครียดเรื่อง สังคมและความรักตลอด ทุกวัน เรื่องเล็กๆ นอนดึก เริ่มหาหมอทางกายภาพ และ นวดบ้าง   กินน้ำน้อยมากวันละ1-2 แก้ว

อายุ30-33 มาเตรวจเจอว่าเป็น ankylosing spondylitis และ หัวใจตีบ มีอาการปวดข้อสะโพก
ปวดหลัง ไหล่คอ เหนื่อย ปวดหัวใจ ปวดหัวไมเกรน ปวดข้อใหญ่ๆ ทุกข้อเป็นหนักระดับ9/10  เริ่มกินยา แต่ยังทำงานหนักมาก ออกกำลังกายเพิ่มขึ้น
ปีละ 4-5 เดือน ลดหวาน งดบุหรี่ เหล้า นอนดึก เริ่มทำสมาธิแต่ก็เครียดเรื่องสังคม
ความรัก  เริ่มลดน้ำหนัก บ้างกินกาแฟทุกวัน เริ่มกินน้ำวันละ 1 ลิตร

อายุ33-34 ลาออกจากงานเพื่อรักษาตัวเอง  อาการ ปวดข้อสะโพก ทรงตัว ระดับ 6-8/10
ไม่ปวดข้ออื่นๆ ไม่ค่อยเหนื่อยง่ายแต่มีปัญหา จะอาเจียนเวลา แน่น หรือ
ออกซิเจนน้อย ฉี่ขุ่น มีฟอง ปวดหลังบ้าง อาทิตละ 2 วันไม่ค่อย เป็น ไข้
ออกกำลังกาย ปีละ 8 เดือน งดหวาน งดเค็ม งดบุหรี่ เหล้า ไม่กินยา เริ่มนอนไม่ดึก
ทำสมาธิบ้าง เริ่มจัดการความเครียดในด้านต่างๆได้ แต่ไม่เข้าสัมคม
และหลีกหนี้ปัญหาและความเครียด ควบคุมน้ำตาลและ น้ำหนักไขมัน ไม่กินกาแฟ เริ่มกินน้ำวันละ1.5 ลิตร

นี่ละครับ ประวัติ คร่าวๆ ที่ผ่านมาในชีวิต ผม เลยเอามามโนเองว่า โรค ankylosing spondylitis นี้อาจจะเกิด จาก 2 ปัจจัยหลัก คือ 
1.เรื่องทางพันธุกรรม และ      2.จากการใช้ชีวิตประจำวัน

สำหรับตัวผม ผมคิดว่าผมเกิดจากข้อ2 เพราะผมตรวจ HLA-B27 แล้ว
ผลคือไม่ได้เป็น นั้นคือไม่ได้เกิดจากพันธุกรรม

สรุป ผมคิดว่าสาเหตุที่ผมเป็นโรคนี้น่าจะมาจากการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งเรียง ตามลำดับมากไปหาน้อย
ดังนี้นะครับ

1.      ผมเครียด และ นอนดึก สะสมไม่ว่าจะเป็นด้านครอบครัวคนรัก สังคม งาน หรืออื่นๆ มากเป็นระยะเวลา 33 ปี 

2.      ผมกินหวาน ตลอดเวลา และกินกาแฟตลอดและไม่ดูแลเรื่องอาหาร กินหมูกระทะ กินน้ำน้อยมาก 30ปี

3.      ผมกินเหล้าดูบุหรี่และ ไม่ดูแลสุขภาพไม่ออกกำลังกาย13 ปี

อาการก่อนที่ จะรู้ตัวว่าเป็นเริ่มตั้งแต่ อายุ 24-26มีอาการปวดหลังและก้นนิดๆ แต่ไม่กระทบการใช้ชีวิต ความปวดระดับ 3/10

26-30 ปวดก้นหนักขึ้น แต่พอนั่งได้ นั่งทำงานหน้าคอมเขียนโปรแกรมวันนึง 9-16 ชม ทุกวัน ความปวดระดับ 6/10

30-32 เหนื่อยง่าย มีอาการตัวเหลือง ปวดข้อเข่า ข้อเท้า ข้อไหล่ หลังข้อสะโพก สลักเพรช มาก นั่งไม่ได้ นั่งไม่ถึง 5 นาที ยืนก็ปวดหลัง ปวดจนนอนไม่หลับความปวดระดับ 8-9/10

33-34 นอนมากไม่ได้ปวดหลัง นั่งไม่ได้เลย ปวดก้นและหลังจนชา อาการดีขึ้นมากถ้าออกกำลังกกาย  ปวดระดับ 6-7/10

วิธีการดูแลตัวเองปัจจุบัน ที่ขาดไม่ได้เลย ตอนนี้ผมไม่กินยาเพราะกลัวเรื่องโรคต่างๆที่เป็นผลข้างเคียง และ อีกอย่างเคยกินแล้ว มันไม่ได้ช่วยอะไรมากนักตอนนั้นที่กิน ก็ไม่ได้ออกกำลังกาย และไม่ได้คุมอะไรเลย แต่ตอนนี้ผมดูแลตัวเองด้วยวิธีที่ แก้จาก ที่เล่ามาครับ ใน 3 ข้อนั้นที่ผมคิดว่าเป็นสาเหตุของ
โรคที่เกิด  อันนี้เป็นสิ่งที่ผม ทดลองทำมาแล้ว ซึ่งแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน

สิ่งที่ไม่ทำคือ
1 ไม่กินกาแฟ วันไหนผมกินผมอ้วกเลยครับ  พะอืดพะอม แน่น  หายใจไม่อิ่ม ไม่สบายตัวเลย 

2 ไม่กินหวานหรือเค็ม ผม คุมเรื่องแป้งน้ำตาลเหมือนนักเพาะกายเลยครับวันไหนกินข้าวเย็นเยอะหรือกินของหวานมาก นี่รู้เรื่องเลย ฉี่จะขุ่นเป็นตะกอน
ตื่นเช้ามาจะปวดมากกว่าปกติ อาการในรอบวัน เห็นชัดเจนอักเสบ มากขึ้น

3.พยายามทำสมาธิและไม่เครียด และพยายามไม่นอนดึกวันไหนนอนดึงนี้รู้เรื่องเลย ปวดมาก ทรมาก ตอนเช้า และอาการในรอบวันมันเห็นได้ชัดเจน เรื่องการอักเสบ 

4.ไม่ค่อยกินหมูกระทะหรือควบคุมเรื่องอาหาร วันไหน กิน อาการเหมือนข้อ2 เลยครับ

5.กินหน่อไม่ได้เลยหรืออาหารที่มียูริกสูงอาการเหมือนข้อ 2 เลยครับ

6 งด เหล้า บุหรี่ถาวร  เพราะเคยลองแล้ว สูบแค่มวนเดียว ตื่นมา เหนื่อยปวดข้อมาก ไม่มีแรง หายใจไม่อิ่มทันที

7.ห้ามอยู่นิ่งนาน ห้ามนั่งนาน ห้ามนอนนาน ห้ามเล่นโทรศัพย์นานทำเมื่อไหร่ ขาชา ปวดข้อ ปวดก้น ปวดหลังทันที

สิ่งที่ทำ
คืออันนี้สำคัญครับขาดไม่ได้เลย ตอนแรก ผมกินยาแต่แค่ควบคุมเรื่องสิ่งที่ไม่ทำ แต่มันก็ไม่ได้ผลเท่าไหร่ระดับการปวดก็อยู่ที่7-8/10 แต่พอทำสิ่งนี้
ทำให้ผมใช้ชีวิตโดยไม่กินยา ไม่ไปหาหมอ และระดับความปวดอยู่ที่ 5-6/10 ได้บางวัน  2-4/10 ด้วยซ้ำ

1.ออกกำลังกาย แบบนักเพาะกาย เพื่อสร้างกล้ามเนื้อ และ ที่ขาดไม่ได้ผมคาดิโอด้วยการเดินและวิ่งทุกวันวันละ 45 นาที
ย้ำว่าทุกวันนะครับ เพราะผม เคยหยุดเล่น  2  วัน อาการปวดและอักเสบ กลับมาทันที แต่ถ้า ทำแล้วผลคือระดับความปวดลดลงอยู่ที่ 4-5/10 ทันทีหายใจดีขึ้นมากและเมื่อออกกำลังกาย ก็กินน้ำเยอะขึ้น ผมกินได้ถึงวันละ 1.5-3 ลิตรในแต่ละวัน
สิ่งสำคัญคือ เมื่อได้ไปออกกำลังกาย ผมรุ้สึกจิตใจมันดีขึ้นได้เห็นคนอื่นๆ แม้ไม่ได้พูดคุย แต่มันเหมือน ได้ปลดปล่อยความเครียด  ไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่อง การออกกำลังกาย หรือการได้เห็นสังคม มันรู้สึกดีขึ้นมาก

2.ผมไม่นอนดึกเด็ดขาด และทำสมาธิก่อนนอนอันนี้ช่วยได้ ดีมากๆ 

3.ผมกินแบบนักเพาะกาย ผมไม่กิน ข้าวกินผมเน้นแต่โปรตีนในรูปแบบต่างๆและแป้งจากขนมปังนิดหน่อยกินน้ำผลไม้ที่โซเดียมและน้ำตาลน้อย คือ น้ำ มะเขือเทศน้ำมะนาว กิน ผักที่ ลดการอักเสบ และไม่กินข้าวเย็น

ใน 3 ข้อที่ทำนี้ถ้าสำหรับตัวผม ผมให้คะแนน จากเต็ม 100 ผมจะแบ่ง
ระดับได้ดังนี้ครับ

1.ออกกำลังกายได้ผล 60%        2.ไม่นอนดึกได้ผล 30%   3.คุมอาหารได้ผล 10% แต่ทั้งหมดนี้แนะนำ

ให้ทำควบคู่กันไปทั้งหมดครับ  ให้พยายามทำครับ เพราะสำหรับตัวผมเอง มันเห็นผล

ทั้งหมดนี้คือความคิดเห็นและการปฏิบัติส่วนตัวนะครับ หลายท่าน
อาจจะไม่เหมือนทั้งอาการ และวิธีการ สำหรับตัวผม มันได้ผล เลยลองเอาข้อมูลในชีวิต
มาให้ท่านลองวิเคราะห์ หรือลอง เป็นทางเลือกดู ผมอาจจะคิดผิดหรือปฏิบัติผิดก็ได้
แต่หาก ถ้าช่วยได้ หรือมีงานวิจัยไหน ได้ข้อสรุป ต้นเหตุของโรคและ
สามารถแก้ไขที่ต้นเหตุของโรคนี้ได้คงจะดีมากๆ เลย สำหรับ คนที่ต้องสู้กับความทรมานทุกวันอย่างพวกเรา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่