คิดเห็นอย่างไร?ฝ่ายขวาบอกว่าที่สังคมมนุษย์มีปัญหาเพราะฝ่ายซ้ายไปบิดเบือนธรรมชาติ

มีโอกาสได้เห็นแนวคิดของฝ่ายขวา ( ที่ค่อนข้างขวาจัด..คิดว่านะ ) ผมสรุปมาได้ประมาณนี้ครับ

- ความเหลื่อมล้ำและชนชั้นคือเรื่องปกติสามัญของมนุษยชาติมาตั้งแต่เริ่มสร้างอารยธรรม กระทั่งฝ่ายซ้ายก็มาบอกว่ามันคือปัญหา การบิดเบือนธรรมชาติเริ่มเกิดขึ้น ณ จุดนี้

- เมื่อคนเชื่อว่าความเหลื่อมล้ำและชนชั้นคือปัญหา ก็ไปสร้างชุดนโยบายที่ฝืนความจริงของธรรมชาติ กล่าวคือหมายถึงสวัสดิการถ้วนหน้าประเภทต่างๆ เช่น 30 บาทของไทย หรือรัฐสวัสดิการใน EU โดยไม่ตระหนักว่ามันจะก่อปัญหาตามมามากมาย

- สวัสดิการถ้วนหน้าทำให้

1.รัฐมีปัญหางบประมาณในระยะยาว เพราะกลุ่มตลาดบน ( อันหมายถึงคนชั้นกลางค่อนบนและคนชั้นสูง ) ไม่อยากจ่ายภาษี เพราะเห็นว่าเอาไปปรนเปรอประชากรกลุ่มตลาดล่าง ( อันหมายถึงคนชั้นกลางค่อนล่างและคนระดับล่าง ) ที่ประสิทธิภาพในการผลิต ( Productivity ) ต่ำกว่าพวกตน ขณะที่กลุ่มตลาดล่างก็ไม่มีแรงกดดันให้ต้องพัฒนาตัวเอง เพราะไม่ต้องดิ้นรนมากก็ยังพอมีชีวิตอยู่ได้ระดับหนึ่งจากมาตรการช่วยเหลือของรัฐ

2.คนที่ควรตายก็ไม่ตาย ทำให้เป็นภาระกับคนที่ยังอยู่ หมายถึงไม่ว่ากลุ่มตลาดบนหรือตลาดล่างที่เป็นวัยแรงงานจำนวนมากไม่สามารถสร้างผลผลิตหรือพัฒนาตัวเองได้เต็มที่ เพราะต้องสูญเสียเงิน เวลาและแรงกาย ไปกับการดูแลคนชราที่อายุยืนยาวขึ้น แต่คนชรามีคุณค่าทางการผลิตน้อยและมีภาวะพึ่งพิงสูง นอกจากนี้คนยังไม่กล้ามีลูก กลุ่มตลาดบนจะเห็นชัดว่าไม่มีเลยหรือมีก็แค่คนเดียว ส่วนกลุ่มตลาดล่างที่เห็นว่ามีลูกมาก จริงๆ ก็ไม่ได้มากเท่าในอดีต เฉลี่ยก็เพียง 1 - 3 คนเท่านั้น

- และผลกระทบได้แสดงให้เห็นแล้ว เช่น สังคมสูงวัย พบได้ในประเทศที่เรียกกันว่าโลกที่ 1 ทั้งหลาย ( รวมถึงประเทศเกือบโลกที่ 1 อย่างไทย ) เด็กเกิดน้อยลง คนวัยทำงานน้อยลง และคนวัยทำงานต้องมีภาระดูแลคนชราที่มากขึ้น แต่สิทธิมนุษยชน ( ซึ่งเป็นแนวคิดฝ่ายซ้าย ) มันค้ำคอ เราจึงปล่อยคนชราให้ตายไม่ได้ ต่างจากสมัยโบราณที่คนชรา รวมถึงคนสุขภาพอ่อนแอต่างๆ จะต้องตายไปตามกลไกธรรมชาติ ( ถ้าจะมีเหลือรอดบ้างคือพวกคนรวย ซึ่งก็ไม่เป็นไรเพราะใช้เงินตัวเองดูแล และมีไม่มากเมื่อเทียบกับประชากรทั้งหมด ) เมื่อปล่อยตายไม่ได้ คนก็ไม่อยากมีลูกเพราะไม่อยากเพิ่มภาระ นอกจากนี้พอคนที่ยังมีลูกส่วนใหญ่เป็นกลุ่มตลาดล่าง ประสิทธิภาพการผลิตก็ยิ่งต่ำลงไปอีก รัฐชาติที่ก่อนหน้านี้เคยรุ่งเรืองปัจจุบันจึงเสื่อมถอย

- รัฐควรลงทุนสวัสดิการเฉพาะในเด็กเท่านั้น เพราะเด็กโตเป็นผู้ใหญ่วัยแรงงาน ส่วนคนชราปล่อยไปตามกลไกธรรมชาติ และเด็กที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ไม่ต้องมีสวัสดิการใดๆ เพราะถ้าโตแล้วไม่มีความสามารถในการดูแลตัวเองก็ถือว่าเป็นประชากรด้อยคุณภาพ จงปล่อยให้เป็นไปตามกลไกธรรมชาติ ที่มันเกิดปัญหาเพราะฝ่ายซ้ายปั่นกระแส "ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" ซึ่งทำจริงไม่ได้ไม่ว่าที่ไหนในโลก 

- ชีวิตอิสระเสรีพ่ายแพ้ต่อการเคี่ยวกรำอย่างเข้มข้นมาตั้งแต่ยุคกรีกโบราณ เอเธนส์เมืองแม่แบบประชาธิปไตยพ่ายแพ้สปาร์ตาเมืองนิยมทหาร เพราะคนเอเธนส์สุขสบาย วันๆ เอาแต่โต้วาทีถกปรัชญา ส่วนคนสปาร์ตาถูกบังคับให้ฝึกวิชาการต่อสู้ตั้งแต่เริ่มจำความได้ ส่วนปัจจุบันโลกตะวันตกทั้ง US และ EU กำลังจะแพ้จีนเพราะวันๆ เอาแต่ถกเถียงเรื่องเสรีภาพหรือความเท่าเทียม ส่วนจีนไม่สนสิทธิมนุษยชน สร้างระบบเคี่ยวกรำประชาชนตั้งแต่เด็ก คนจีนจึงออกไปแย่งงาน แย่งธุรกิจในประเทศอื่นได้ เพราะแข็งแกร่งกว่าคนท้องถิ่นที่ไปรับความเชื่อของฝ่ายซ้ายอันทำให้คนอ่อนแอมาใช้

- US ยิ่งใหญ่เป็นเบอร์ 1 ของโลก เพราะแม้จะเป็นประชาธิปไตยแต่ไม่ปล่อยให้ความเชื่อฝ่ายซ้ายมีอิทธิพล คน US มีสวัสดิการน้อยกว่าคน EU จึงถูกกดดันให้ต้องแข็งแกร่ง มุ่งมั่น ทะเยอทะยาน ประเทศที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นแบบนี้จะมี Productivity โดยรวมสูง กระทั่งการมาของโลกาภิวัตน์ โซเวียตล่มสลาย ฝ่ายความมั่นคงอเมริกันลดความระมัดระวังลง แนวคิดฝ่ายซ้ายค่อยๆ แทรกซึมหยั่งรากในสังคมอเมริกัน แม้จะยังไม่มากเท่า EU แต่ก็ทำใหคนและชาติอ่อนแอลงกว่าในอดีต 

- ฉะนั้นถ้าอยากแก้ปัญหาชาติหรือปัญหาโลก ต้องเลิกคิดแบบฝ่ายซ้ายเสีย เพราะมันคือการฝืนธรรมชาติ นำมาซึ่งการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง

----------------------------------

ประมาณนี้นะครับที่ผมสรุปได้ ทุกท่านคิดอย่างไรกันบ้างครับ?

TonyMao_NK51 ( ใช้แทนอมยิ้มที่ถูกแบน )
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่