.....เรื่องสั้น........ เรื่อง.......ค่าของคน........@@ โดย ลุงแผน

กระทู้สนทนา
                                                                                     ..........( ค่าของคน )..........

.......ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่อง ( ช่วยตกนรกแทนข้าได้ไหม....) https://ppantip.com/topic/38914986 ของอาจารย์จี Psycho man ขอบพระคุณประกายไฟจากอาจารย์ ทำให้คิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ขอบคุณทุกความเห็นที่แสดงในเรื่องของอาจารย์ เป็นส่วนผสมผสาน จนสำเร็จลุล่วงลงด้วยดี..........

...............ฝนเพิ่งหยุดตกไม่นาน ถนนชื้นแฉะไปตลอดแนว รถติดยาวไม่มีทีท่าจะขยับไปได้ เป็นเรื่องปกติของฝนตกตอนเช้า คนที่รีบไปทำงาน กับนักเรียนที่รีบไปโรงเรียน ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน คนอยู่บนรถต่างนั่งซึม มองผ่านกระจกไปยังข้างทางที่ภาพไม่เปลี่ยนมากว่าสิบนาทีแล้ว ตึกแถวหลายห้องเริ่มเปิดประตู ใครค้าขายอะไรก็ทยอยขนออกมาวางหน้าร้าน ข้าง ๆ ห้อง ใครถูกกันก็คุยกันล้งเล้ง ล้งเล้ง หัวเราะกันสนุกสนาน ใครไม่ถูกกัน จัดไปก็วางกระแทก ปัง ๆ ๆ ขนของเข้าออกกี่ครั้งรู้ได้โดยไม่ต้องมองหน้ากัน

       สุนัขแก่ผอมโซหลบน้ำที่ขังเป็นแอ่งตามทางเท้าเข้าไปนอนใต้ชายคา เจ้าของร้านเห็นเข้าก็ไล่ออกมา ขยับไปนิดก็โดนไล่อีก มันเดินหนีจนถึงห้องที่ยังปิดอยู่ หย่อนก้นลงนั่ง ขาหน้ายันพื้นไว้ ขาหลังข้างหนึ่งยกขึ้นเกาหลังหูอย่างเมามัน หูสะบัดแกว่งไปมา มันเอียงคอตามพลางร้องครางอยู่สักครู่ จึงวางขาลงก่อนล้มตัวลงนอน ด้วยความอ่อนแรง

       ห่างไปแค่เมตรเดียว ขอทานวัยกลางคนนั่งชันเข่าข้างหนึ่ง เหยียดขาขวาที่ลีบเล็กมาข้างหน้า หลังพิงประตูเหล็กปล่อยแขนขวาที่มีลักษณะเดียวกับขาลงข้างลำตัว เมื่อคืนแกคงนอนตรงนี้ สังเกตจากกองผ้าห่มเก่า ๆ ข้างตัว

       กลิ่นสาบฟุ้งกระจายแยกไม่ออกว่าเป็นของใคร ระหว่างขอทานสกปรก กับเจ้าตัวที่นอนอยู่ คนที่เดินผ่านต่างหลบอ้อมไปนอกชายคา ยอมย่ำน้ำหรือไม่ก็ลงไปเดินริมถนนเป็นบางคน

       ใบหน้าชายขอทานมีรอยด่างกระจายอยู่ทั่ว ผมแข็งยาวรุงรัง ตามตัวขมุกขมัวเพราะฝุ่นกับผิวเนื้อผสมกลมกลืนจนแยกไม่ออก เสื้อ กางเกงขาดวิ่นเป็นริ้ว สีคล้าย ๆ ขี้โคลนตามใต้ถุนบ้าน กลิ่นตัวของคนที่ไม่ได้อาบน้ำมานาน แรงจนไม่มีแมลงชนิดอื่นเข้าใกล้นอกจากแมลงวัน หลายตัวบินวนไม่ห่าง ไม่รู้ว่าถ้าเขาย้ายไปที่อื่นพวกมันจะบินตามไปด้วยไหม

       แถวนี้เป็นแหล่งชุมชน มีสถานที่ราชการ โรงเรียน ตลาด อยู่ไม่ห่างกันนัก รถ และคนที่ผ่านไปมา จึงพลุกพล่านตั้งแต่เช้า จะเบาบางก็ต่อเมื่อค่อนคืนไปแล้ว จึงเหมาะที่ชายขอทาน จะใช้เป็นแหล่งขอเศษเงิน และอาหารประทังชีวิต

       เจ้าด่างยังคงนอนอยู่ นาน ๆ จะสะบัดหัวขึ้นมางับแมลงวันที่บินตอมน่ารำคาญซักที บางครั้งยกหัวค้างไว้มองตามด้วยความหงุดหงิด ครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่าทำอะไรไม่ได้ ก็พาดหัวลงกับพื้น นอนต่อไป

       นอกจากผ้าห่มเก่า ๆ แล้ว สมบัติมีค่าของชายขอทานก็คือขันพลาสติกใบย่อม ซึ่งตอนนี้มีเศษเหรียญ และแบงก์ยี่สิบอยู่บ้าง จากคนเดินผ่านที่เริ่มมีมากขึ้น

       ข้าวกล่องสองกล่อง และน้ำดื่มหลายขวด วางข้างขันนั้น เขามองไปทางเจ้าด่าง ท้องมันพองขึ้น และยุบลงเป็นจังหวะ ซี่โครงเรียงเป็นแถวชัด เห็นอย่างนั้น เขาเผลอยิ้มอวดฟันดำออกมา คิดในใจว่า เออ ยังไม่ตายแฮะ แล้วหันกลับมาเมื่อได้ยินเสียงเหรียญหล่นกระทบขัน พลางยกมือไหว้และให้พรเบา ๆ ด้วยความเคยชิน

       ชายขอทานหันกลับไปทางเจ้าด่าง สักพักตอนกินข้าวจะเรียกมันกินด้วย เห็นตั้งแต่วันแรกที่มานั่งนี่แล้ว แต่วันนี้เพิ่งได้ใกล้กันมากที่สุด ปกติจะอยู่ห่างอย่างน้อยสองห้อง มันคงกลัวเรา เขาคิดในใจ

       กลัวทำไม น่าสงสัยเหมือนกันนะ เรากับมันต่างกันตรงไหน เขามองดูแล้วลองคิดเล่น ๆ หรือว่ามันเป็นหมา เราเป็นคน ก็แค่ชื่อเรียก ตอนนี้นอนข้างถนนเหมือนกัน ไปทางไหนก็โดนไล่เหมือนกัน อ้อ มันดีกว่าเราอีกแน่ะ

       เขาก้มดูแขนและขาข้างที่พิการของตัวเอง นึกถึงภาพเจ้าด่างเวลาโดนเจ้าของร้านเอาน้ำสาดมันวิ่งอย่างไว โดดไม่กี่ทีเลยไปสามสี่ห้องแล้ว ตัวเขาเองเวลาจะไปไหนต้องค่อย ๆ ถัดไปทีละหน่อย ลุกเดินก็ไม่ได้ ถ้าจะเดินก็ต้องใช้ไม้ค้ำรักแร้ข้างขวา เคยลองแล้วมันไม่มีแรงประคองไม้ เลยเลิกใช้ไป ตรงนี้แหละที่แพ้มัน คิดแล้วอดหัวเราะในลำคอไม่ได้

       นอกนั้นก็เหมือนกันทุกอย่าง มีหิว มีร้อน มีหนาว ต้องการที่อยู่ และความปลอดภัย เช่นเดียวกัน นึกถึงตอนนี้ ชายขอทานก็ถอนใจออกมา นานเท่าไรแล้ว ที่เขาเป็นคนเร่ร่อน คนพิการอยู่กับใคร ก็ช่วยการงานไม่ได้ จึงตัดสินใจออกบ้านมาเงียบ ๆ และน่าแปลกหลังจากวันนั้น ไม่มีใครออกตามหาแม้แต่คนเดียว

       เริ่มสายแล้ว นักเรียนนักศึกษา คนทำงาน สวนกันไปมา มุ่งหน้าไปทางที่ตัวเองต้องการ รถบนถนนเริ่มบางตา แดดยามเช้าเปลี่ยนเป็นค่อย ๆ แรงขึ้นช้า ๆ

       หญิงสาวในชุดพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง สวมกระโปรงแค่เข่าสีน้ำเงิน เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว กลิ่นน้ำหอมกระจายรอบตัว สะพายกระเป๋าใบย่อมบนไหล่ซ้าย เดินช้า ๆ เหมือนกำลังรอบางอย่าง หรือใครบางคน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาเมื่อเธอเดินผ่านชายขอทาน  เธอรูดซิบกระเป๋าสะพายพลางล้วงโทรศัพท์ออกมาด้วยความเคยชิน โดยไม่ก้มมอง

       กระเป๋าสตางค์สีหวานใบน้อยแต่เงินอัดแน่น ติดออกมา ร่วงลงพื้น ท่ามกลางเท้าที่ก้าวผ่านไปมามากมาย เจ้าตัวไม่ได้สังเกต มัวเพลินมองสายที่เรียกเข้าว่าเป็นใคร เมื่อเป็นคนที่รอเธอยิ้มนิด ๆ ก่อนยกขึ้นกดรับ “ฮัลโหล เต้ อยู่ไหนแล้ว” หญิงสาวหยุดเดิน ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อได้ยินเสียงปลายสาย “เลยแยกเข้ามาหน่อย ตรงข้าม ซอยสาม นุ่นรอตรงนี้นะ” เธอบอกที่นัดหมายก่อนกดวางสายแล้วชะเง้อมองต้นทางด้วยใจจดจ่อ

       กระเป๋าสตางค์อยู่ตรงนั้นได้ไม่นาน ชายคนหนึ่งหยุดมองแล้วเดินรี่เข้ามาเพื่อก้มลงเก็บ แต่ยังช้ากว่ามือข้างหนึ่ง ที่ตะครุบลงมาอย่างเร็วกุมกระเป๋าไว้แน่น แล้วยกขึ้นไปแนบอกตัวเอง ชายผู้นั้นชะงัก มองตามมือ ส่ายหน้าแล้วเดินจากไป

       หญิงสาวยังยืนอยู่ที่เดิม ตามองคนที่รออย่างตั้งใจ ยกโทรศัพท์ในมือขึ้นดูเวลาเป็นครั้งคราว เริ่มกังวลนิด ๆ เมื่อเห็นตัวเลขบนหน้าจอ

       “คุณครับ คุณหนูครับ” เสียงแหบพร่า ดังมาจากข้างหลัง หญิงสาวหันกลับด้วยความสงสัย ก้มลงเห็นชายขอทาน ผมเผ้ารกรุงรัง กลิ่นตัวฉุนกึก ยิ้มฟันดำพลางยื่นกระเป๋าสตางค์ให้เธอ ใจหายแวบ ตบ ๆ กระเป๋าสะพาย แล้วล้วงมือลงไปควานหา ใช่แล้ว เป็นของเธอจริง ๆ เพราะในนั้นว่างเปล่า หญิงสาวเอื้อมมือไปรับ ยิ้มเจื่อน ๆ ด้วยความดีใจที่ได้กระเป๋าคืน ผสมกับการทำตัวไม่ถูกที่ต้องมายืนใกล้กับขอทานสกปรกโดยไม่ตั้งใจ แต่สุดท้ายเธอก็เอ่ยขอบคุณเบา ๆ พร้อมยิ้มให้ด้วยความสำนึกในบุญคุณจากใจจริง

       เปิดกระเป๋าสตางค์มองดูคร่าว ๆ เงินยังอยู่ครบ ดึงแบงก์ยี่สิบออกมาหนึ่งใบ ก้มมองชายขอทานปรากฏว่าแกกำลังถัดกลับไปที่ของแก จึงขยับเท้าเพื่อตามไป

       “นุ่น” เสียงคุ้นหูทำให้หันไปมอง ชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาสะอาด ทรงผมเรียบร้อยทันสมัย สวมสูทสีน้ำเงินรีดเรียบกริบ เดินตรงเข้ามา “เต้ มาแล้วเหรอ” เธอพูดพลางยิ้มให้เขา “ใช่ ไปเถอะ เดี๋ยวเข้างานไม่ทัน” “เดี๋ยวก่อนเต้ นุ่นเอาสตางค์ให้ลุงก่อน” เธอพูดเบา ๆ “โธ่ จะให้ทำไมนุ่น เข้าไปใกล้ ตัวเหม็นจะตาย” ชายหนุ่มพูดพลางออกเดิน พร้อมกับดึงแขนหญิงสาว เธอก้าวขาตามกำแบงก์ในมือไว้แน่น มองชายขอทานที่ค่อย ๆ ถัดไปถึงที่นั่งของแกด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

       ชายขอทานเนื้อตัวมอมแมม หยิบข้าวกล่องด้วยมือข้างเดียวมาแกะยางวงออกทั้งสองกล่อง วางตรงหน้าตัวเองหนึ่งกล่อง ส่วนอีกกล่องวางไปทางเจ้าด่าง ร้องเรียกเบา ๆ มันผงกหัวขึ้นมามอง ตัวยังคงนอนอยู่ ลังเลว่าจะลุกขึ้นมาดีหรือเปล่า คงยังกลัวอยู่ ชายขอทานคิดในใจ ยิ้มอวดฟันดำ รำพึงขึ้นมาเบา ๆ “เอ็งกับข้า มันต่างกันตรงไหนนะ”...............................@@

                                                                                                                                                             ลุงแผน

                                                                                                                                                  ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒

...................ขอบพระคุณ ทุกท่าน ที่ให้กำลังใจด้วยดี มาโดยตลอด ขอบคุณมาก ๆ ครับ..........

............................................................




เม่าออกรถ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่