สวัสดีค่ะ เราชื่อ ปุ้มปุ้ย ปัจจุบันอายุ 26 ปี
เป็นนักศึกษาปริญญาโท อยู่ที่ประเทศอังกฤษค่ะ
ปกติแล้วเราเป็นคนที่ไม่ได้อ้วนอยู่แล้ว และค่อนข้างสูง แต่จะมีปัญหาคือดูโครงใหญ่ตัวใหญ่และไม่มีเอว
บางทีบวมน้ำหน่อยช่วงพุงก็บวมมากๆ ยิ่งตอนเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่อาหารอร่อย
กินอะไรก็ถูกปากถูกใจ ทำให้หยุดกินไม่ได้
ตอนแรกก็ไม่ได้เครียดอะไร จนกระทั่งเสื้อผ้าที่มีอยู่เริ่มจะคับ
จนในที่สุดกางเกงยีนส์ใส่ไม่ได้ มาเช็คสัดส่วนอีกทีเรานี่ช็อคเลยค่ะ
เพราะว่าสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาก รอบเอวจาก26 ขึ้นมาเป้น 27 .5 นิ้ว ต้นขาจาก 19 ขึ้นมาเป็น 21 นิ้ว!!!!!!
น้ำหนักก่อนมาอยู่ที่ 50 kgs แต่ตอนนี้ขึ้นมา 55 kgs !!!!! เรารับสภาพตัวเองไม่ได้เลยค่ะ
เลยตัดสินใจที่จะเริ่มเปลี่ยนแปลง อาหารการกิน
เพราะว่าเรียนหนักมาก ไหนจะทำการบ้านในคลาส ไหนจะทำวิจัยอีก หาเวลาออกกำลังกายลำบาก
คิดว่าถ้ามาเปลี่ยนที่อาหารแทน น่าจะได้ผลดีที่สุด
เริ่มแรกเลย ปุ้ยหาข้อมูลจากหลายๆที่แล้วเจอมาว่า คนเราควรกินอาหารต่อวันไม่เกิน 2000 kcal
และน้ำหนักตัวของคนเรา 1 กิโลกรัม จะคิดเป็น 7700 kcal
ถ้าอยากลดน้ำหนัก เฉลี่ยแล้วควรจะได้รับพลังงานไม่เกินวันละ 1500 kcal
หากมากกว่านั้นจะถูกสะสมในรูปของไขมัน ทีนี้ก็มาที่ส่วนของการเลือกทานอาหารยังไงให้แคลอรี่น้อย
แต่ยังรู้สึกอิ่มเหมือนเดิม โดยส่วนตัว จะจำกัดปริมาณโซเดียมที่กินลง อาจจะไม่ได้ทานคลีน 100%
แต่จะพยายามเลือกมากกว่า ของหวาน ขนม ไอศกรีมเอย ปุ้มปุ้ยจะงด
แล้วเปลี่ยนมาทานเป็นผลไม้สด แช่เย็นเอา แคลอรี่จากไขมันและน้ำตาลน้ำเชื่อมก็จะหายไป
ด้วยความที่เป็นคนที่ติดการกินอยู่แทบจะตลอดเวลา เลยเลือกทำกล้วยต้ม และ กล้วยอบลมร้อนมาทาน
อาจจะใช้เวลาในการทำนิดนึง แต่ว่าทานเล่นเป็น สแน๊คระหว่างวันได้เลย
เฉลี่ยแล้วแคลอรี่ของกินเล่นต่อวันจะยู่ที่ 315 kcal กับกล้วยต้มขนาดกลาง 3-4 ผลก็อิ่มพอแล้ว
ของทอดของมัน ปุ้มปุ้ยจะทานน้อยมาก อย่างมากเวลาทำอาหารจะใช้สเปรย์น้ำมันมะกอกมาฉีดที่กระทะบางๆแทน
จะลดแคลไปได้ประมาณ120 kcal อาหารที่ขาดไม่ได้ในแต่ละมื้อก็หนีไม่พ้น ไข่ต้ม
ซึ่งปุ้มปุ้ยเองกำหนดไว้ว่ามื้อนึงจะกินไข่แดงไม่เกิน2ฟอง
แต่ไข่ขาวถ้าไม่อิ่มก็ทานเพิ่ม เพราะไข่ต้ม 1 ฟองให้พลังงานแค่ 70 kcalเท่านั้น
หรือถ้ามื้อไหนเบื่อๆไข่ต้ม ก็จะทำเป็นไข่เจียวอกไก่สับ ไม่ใส่น้ำมันแทน รสชาติก็ใช้ได้อยู่ทีเดียว
ถ้ามื้อไหนหรือช่วงไหนมีฟีลอยากกินอะไรนมๆ ก็จะซื้อนมอัลมอนด์มาก็ช่วยดับความอยากได้เยอะเหมือนกัน
เพราะในนมวัวมีไขมันเยอะ และค่อนข้างย่อยยาก
วันไหนมีเวลาหน่อย จะทำเป็นแกงจืดเต้าหู้หมูสับใส่ผักกาดใส่แครอทตุนเอาไว้
ก็ทานง่ายดี แถมอร่อยด้วย แคลอรี่ก็แค่80-90 kcal ต่อถ้วยเท่านั้นเอง
โดยเฉลี่ยแล้วพอปรับการกินมาคลีนแบบนี้ ปริมาณแคลอรี่ต่อวันของปุ้มปุ้ยอยู่ที่ 1100-1300 kcal เท่านั้น
แถมยังไม่ได้รู้สึกว่าอดด้วย ช่วงหลังๆก็จะยึดหลักกินอาหารธรรมชาติ แปรรูปน้อยที่สุด ไม่ได้เครียดจนเกินไป
ถ้าอยากกินของหวานก็จะให้กินได้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ลดแบบสบายๆ
ไม่ให้ตัวเองรู้สึกเครียดกับการจำกัดการกินมากจนเกินไป
มีปรุงบ้าง จิ้มบ้าง ในปริมาณที่พอเหมาะ บังคับตัวเองให้กินครบ5หมู่ กิน3มื้อหลัก
จนมารู้ตัวอีกที เอวที่เคยตรงกลับมีส่วนเคิร์ฟเอวs
และลดไป 2.5 นิ้ว ต้นขา ลด2นิ้ว น้ำหนักลดไปทั้งสิ้น 3 กิโล แต่กางเกงที่เคยฟิตกลับมาใส่ได้และหลวม
ซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จและปลื้มใจมากเลย และคิดว่าน่าจะกินแบบนี้ไปเรื่อยๆ
เพราะว่าที่กินอยู่ก็มีความสุขดี แถมประหยัดเงินในการซื้ออาหารทานนอกบ้านอีกด้วย
สุดท้ายนี้ปุ้มปุ้ยอยากจะบอกว่า วิธีลดน้ำหนักนั้นมีหลากหลายวิธี อยู่ที่ว่าแต่ละคนจะสะดวก และมีความสุขกับแบบไหนมากกว่า <3
เล่าประสบกาณ์ทวงคืนเอวคอดในเวลา 30 วัน
เป็นนักศึกษาปริญญาโท อยู่ที่ประเทศอังกฤษค่ะ
ปกติแล้วเราเป็นคนที่ไม่ได้อ้วนอยู่แล้ว และค่อนข้างสูง แต่จะมีปัญหาคือดูโครงใหญ่ตัวใหญ่และไม่มีเอว
บางทีบวมน้ำหน่อยช่วงพุงก็บวมมากๆ ยิ่งตอนเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่อาหารอร่อย
กินอะไรก็ถูกปากถูกใจ ทำให้หยุดกินไม่ได้
ตอนแรกก็ไม่ได้เครียดอะไร จนกระทั่งเสื้อผ้าที่มีอยู่เริ่มจะคับ
จนในที่สุดกางเกงยีนส์ใส่ไม่ได้ มาเช็คสัดส่วนอีกทีเรานี่ช็อคเลยค่ะ
เพราะว่าสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาก รอบเอวจาก26 ขึ้นมาเป้น 27 .5 นิ้ว ต้นขาจาก 19 ขึ้นมาเป็น 21 นิ้ว!!!!!!
น้ำหนักก่อนมาอยู่ที่ 50 kgs แต่ตอนนี้ขึ้นมา 55 kgs !!!!! เรารับสภาพตัวเองไม่ได้เลยค่ะ
เลยตัดสินใจที่จะเริ่มเปลี่ยนแปลง อาหารการกิน
เพราะว่าเรียนหนักมาก ไหนจะทำการบ้านในคลาส ไหนจะทำวิจัยอีก หาเวลาออกกำลังกายลำบาก
คิดว่าถ้ามาเปลี่ยนที่อาหารแทน น่าจะได้ผลดีที่สุด
เริ่มแรกเลย ปุ้ยหาข้อมูลจากหลายๆที่แล้วเจอมาว่า คนเราควรกินอาหารต่อวันไม่เกิน 2000 kcal
และน้ำหนักตัวของคนเรา 1 กิโลกรัม จะคิดเป็น 7700 kcal
ถ้าอยากลดน้ำหนัก เฉลี่ยแล้วควรจะได้รับพลังงานไม่เกินวันละ 1500 kcal
หากมากกว่านั้นจะถูกสะสมในรูปของไขมัน ทีนี้ก็มาที่ส่วนของการเลือกทานอาหารยังไงให้แคลอรี่น้อย
แต่ยังรู้สึกอิ่มเหมือนเดิม โดยส่วนตัว จะจำกัดปริมาณโซเดียมที่กินลง อาจจะไม่ได้ทานคลีน 100%
แต่จะพยายามเลือกมากกว่า ของหวาน ขนม ไอศกรีมเอย ปุ้มปุ้ยจะงด
แล้วเปลี่ยนมาทานเป็นผลไม้สด แช่เย็นเอา แคลอรี่จากไขมันและน้ำตาลน้ำเชื่อมก็จะหายไป
ด้วยความที่เป็นคนที่ติดการกินอยู่แทบจะตลอดเวลา เลยเลือกทำกล้วยต้ม และ กล้วยอบลมร้อนมาทาน
อาจจะใช้เวลาในการทำนิดนึง แต่ว่าทานเล่นเป็น สแน๊คระหว่างวันได้เลย
เฉลี่ยแล้วแคลอรี่ของกินเล่นต่อวันจะยู่ที่ 315 kcal กับกล้วยต้มขนาดกลาง 3-4 ผลก็อิ่มพอแล้ว
ของทอดของมัน ปุ้มปุ้ยจะทานน้อยมาก อย่างมากเวลาทำอาหารจะใช้สเปรย์น้ำมันมะกอกมาฉีดที่กระทะบางๆแทน
จะลดแคลไปได้ประมาณ120 kcal อาหารที่ขาดไม่ได้ในแต่ละมื้อก็หนีไม่พ้น ไข่ต้ม
ซึ่งปุ้มปุ้ยเองกำหนดไว้ว่ามื้อนึงจะกินไข่แดงไม่เกิน2ฟอง
แต่ไข่ขาวถ้าไม่อิ่มก็ทานเพิ่ม เพราะไข่ต้ม 1 ฟองให้พลังงานแค่ 70 kcalเท่านั้น
หรือถ้ามื้อไหนเบื่อๆไข่ต้ม ก็จะทำเป็นไข่เจียวอกไก่สับ ไม่ใส่น้ำมันแทน รสชาติก็ใช้ได้อยู่ทีเดียว
ถ้ามื้อไหนหรือช่วงไหนมีฟีลอยากกินอะไรนมๆ ก็จะซื้อนมอัลมอนด์มาก็ช่วยดับความอยากได้เยอะเหมือนกัน
เพราะในนมวัวมีไขมันเยอะ และค่อนข้างย่อยยาก
วันไหนมีเวลาหน่อย จะทำเป็นแกงจืดเต้าหู้หมูสับใส่ผักกาดใส่แครอทตุนเอาไว้
ก็ทานง่ายดี แถมอร่อยด้วย แคลอรี่ก็แค่80-90 kcal ต่อถ้วยเท่านั้นเอง
โดยเฉลี่ยแล้วพอปรับการกินมาคลีนแบบนี้ ปริมาณแคลอรี่ต่อวันของปุ้มปุ้ยอยู่ที่ 1100-1300 kcal เท่านั้น
แถมยังไม่ได้รู้สึกว่าอดด้วย ช่วงหลังๆก็จะยึดหลักกินอาหารธรรมชาติ แปรรูปน้อยที่สุด ไม่ได้เครียดจนเกินไป
ถ้าอยากกินของหวานก็จะให้กินได้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ลดแบบสบายๆ
ไม่ให้ตัวเองรู้สึกเครียดกับการจำกัดการกินมากจนเกินไป
มีปรุงบ้าง จิ้มบ้าง ในปริมาณที่พอเหมาะ บังคับตัวเองให้กินครบ5หมู่ กิน3มื้อหลัก
จนมารู้ตัวอีกที เอวที่เคยตรงกลับมีส่วนเคิร์ฟเอวs
และลดไป 2.5 นิ้ว ต้นขา ลด2นิ้ว น้ำหนักลดไปทั้งสิ้น 3 กิโล แต่กางเกงที่เคยฟิตกลับมาใส่ได้และหลวม
ซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จและปลื้มใจมากเลย และคิดว่าน่าจะกินแบบนี้ไปเรื่อยๆ
เพราะว่าที่กินอยู่ก็มีความสุขดี แถมประหยัดเงินในการซื้ออาหารทานนอกบ้านอีกด้วย
สุดท้ายนี้ปุ้มปุ้ยอยากจะบอกว่า วิธีลดน้ำหนักนั้นมีหลากหลายวิธี อยู่ที่ว่าแต่ละคนจะสะดวก และมีความสุขกับแบบไหนมากกว่า <3