อสัญญีทิฏฐิ ๘ / ความเห็นผิดกลุ่มที่ 7 มีทิฏฐิว่าอัตตาเหนือขึ้นไปจากการ ตายไม่มีสัญญา 8 ประการ คืออัตตาแบบต่างๆกัน แต่เที่ยงเหมือนกัน ตายไปไม่มีสัญญา
๓๕. (๑) อัตตาที่มีรูป ยั่งยืน ไม่มีสัญญา.
๓๖. (๒) อัตตาที่ไม่มีรูป ยั่งยืน ไม่มีสัญญา.
๓๗. (๓) อัตตาทั้งที่มีรูป ทั้งที่ไม่มีรูป ยั่งยืน ไม่มีสัญญา.
๓๘. (๔) อัตตาทั้งที่มีรูปก็มิใช่ ทั้งที่ไม่มีรูปก็มิใช่ ยั่งยืน ไม่มีสัญญา.
๓๙. (๕) อัตตาที่มีที่สุด ยั่งยืน ไม่มีสัญญา.
๔๐. (๖) อัตตาที่ไม่มีที่สุด ยั่งยืน ไม่มีสัญญา.
๔๑. (๗) อัตตาทั้งที่มีที่สุด ทั้งที่ไม่มีที่สุด ยั่งยืน ไม่มีสัญญา.
๔๒. (๘) อัตตาทั้งที่มีที่สุดก็มิใช่ ทั้งที่ไม่มีที่สุดก็มิใช่ ยั่งยืน ไม่มีสัญญา.
///
ความเห็นผิด คือ ความเห็นที่ไม่นำไปสู่ความพ้นทุกข์
พรหมชาลสูตร
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=9&A=1&Z=1071
*ความเห็นผิด 18 ประการ ที่เกิดจากการคิดคำนึงขันธ์ส่วนอดีต(มองจากแง่มุมย้อนไปในอดีต) / 5 กลุ่ม
1.สัสสตทิฏฐิ ๔ / มิจฉาทิฏฐิ ความเข้าใจผิด ความเห็นผิด กลุ่มที่ 1 เห็นว่า อัตตาและโลกเที่ยง คงที่ ตั้งอยู่มั่นดุจยอดภูเขา
https://m.ppantip.com/topic/38859229
2.เอกัจจสัสสติกทิฏฐิ ๔/มิจฉาทิฏฐิ ความเข้าใจผิด กลุ่มที่ 2 บัญญัติอัตตาและโลกว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง
https://m.ppantip.com/topic/38867630
3.อันตานันติกทิฏฐิ ๔/ความเห็นผิดกลุ่มที่ 3 มีความเห็นว่าโลกมีที่สุดขอบบ้าง หรือโลกหาที่สุดขอบไม่ได้บ้าง
https://m.ppantip.com/topic/38874497
4.อมราวิกเขปิกทิฏฐิ ๔ / ความเห็นผิดกลุ่มที่ 4 มีทิฏฐิ ดิ้นได้ไม่ตายตัว
https://m.ppantip.com/topic/38878554
5.อธิจจสมุปปันนิกทิฏฐิ ๒ /ความเห็นผิดกลุ่มที่ 5 มีทิฏฐิว่าอัตตาและโลกเกิดขึ้นลอยๆ ปราศจากสาเหตุ
https://ppantip.com/topic/38885108
*ความเห็นผิด จากการกำหนดขันธ์ส่วนอนาคต มีความเห็นตามขันธ์ส่วนอนาคต ปรารภขันธ์ส่วนอนาคต กล่าวคำแสดงทิฏฐิหลายชนิดด้วยเหตุ ๔๔ ประการ / 5 กลุ่ม
1.สัญญีทิฏฐิ ๑๖ / ความเห็นผิดกลุ่มที่ 6 มีทิฏฐิว่า เห็นว่าอัตตาหลังจากตายแล้ว 16 แบบ มีสัญญา
https://m.ppantip.com/topic/38890128
2.อสัญญีทิฏฐิ ๘ / ความเห็นผิดกลุ่มที่ 7 มีทิฏฐิว่าอัตตาเหนือขึ้นไปจากการตาย ไม่มีสัญญา 8 ประการ คืออัตตาแบบต่างๆกัน แต่เที่ยงเหมือนกัน ตายไปไม่มีสัญญา
https://ppantip.com/topic/38897154
3.เนวสัญญีนาสัญญีทิฏฐิ ๘ / ความเห็นผิดกลุ่มที่ 8
มีทิฏฐิว่า อัตตาเหนือขึ้นไปจาก
การตาย มีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่
4.อุจเฉททิฏฐิ ๗ / ความเห็นผิดกลุ่มที่ 9 มีทิฏฐิว่าขาดสูญ ย่อมบัญญัติความขาดสูญ ความพินาศ ความเลิกเกิดของสัตว์ผู้ปรากฏอยู่
5.ทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิ ๕ ความเห็นผิดกลุ่มที่ 10
มีทิฏฐิว่า นิพพานในปัจจุบัน
ย่อมบัญญัติว่า นิพพานปัจจุบันเป็นธรรมอย่างยิ่งของสัตว์ผู้ปรากฏอยู่
ความเห็นผิดทั้งหมด 62 แบบ นั้น
1. เพราะไม่รู้ไม่เห็น เป็นความแส่หา เป็นความดิ้นรนของคนมีตัณหาเท่านั้น
2. เพราะผัสสะเป็นปัจจัย
3. เขาเหล่านั้นเว้นผัสสะแล้วจะรู้สึกได้ นั่นไม่เป็นฐานที่จะมีได้
4.เหล่านั้นทุกจำพวก ถูกต้องแล้วด้วยผัสสายตนะทั้ง ๖ ย่อมเสวยเวทนาเ พราะเวทนาของสมณพราหมณ์เหล่านั้นเป็นปัจจัยจึงเกิดตัณหา เพราะตัณหาเป็นปัจจัยจึงเกิดอุปาทาน เพราะอุปาทานเป็นปัจจัยจึงเกิดภพ เพราะภพเป็นปัจจัยจึงเกิดชาติ เพราะชาติเป็นปัจจัยจึงเกิด ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ
โทมนัส อุปายาส
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อใด ภิกษุรู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งความเกิด ความดับ
คุณและโทษ แห่งผัสสายตนะทั้ง ๖ กับทั้งอุบายเป็นเครื่องออกไปจากผัสสายตนะเหล่านั้น
เมื่อนั้น ภิกษุนี้ย่อมรู้ชัดยิ่งกว่าสมณพราหมณ์เหล่านี้ทั้งหมด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะหรือ
พราหมณ์พวกใดพวกหนึ่ง กำหนดขันธ์ส่วนอดีตก็ดี กำหนดขันธ์ส่วนอนาคตก็ดี กำหนดขันธ์
ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคตก็ดี มีความเห็นตามขันธ์ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคต ปรารภขันธ์
ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคต กล่าวคำแสดงทิฏฐิหลายชนิด สมณพราหมณ์เหล่านั้นทั้งหมด
ถูกทิฏฐิ ๖๒ อย่างเหล่านี้แหละเป็นดุจข่ายปกคลุมไว้ อยู่ในข่ายนี้เอง เมื่อผุดก็ผุดอยู่ในข่ายนี้
ติดอยู่ในข่ายนี้ถูกข่ายปกคลุมไว้ เมื่อผุดก็ผุดอยู่ในข่ายนี้ เปรียบเหมือนชาวประมงหรือลูกมือ
ชาวประมงผู้ฉลาด ใช้แหตาถี่ทอดลงยังหนองน้ำอันเล็ก เขาคิดอย่างนี้ว่า บรรดาสัตว์ตัวใหญ่ๆ
ในหนองนี้ทั้งหมด ถูกแหครอบไว้ อยู่ในแห เมื่อผุดก็ผุดอยู่ในแห ติดอยู่ในแห ถูกแหครอบไว้
เมื่อผุดก็ผุดอยู่ในแห ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย. สมณะหรือพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่ง ก็ฉันนั้น
ที่กำหนดขันธ์ส่วนอดีตก็ดี กำหนดขันธ์ส่วนอนาคตก็ดี กำหนดขันธ์ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคต
ก็ดี มีความเห็นตามขันธ์ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคต ปรารภขันธ์ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคต
กล่าวคำแสดงทิฏฐิหลายชนิด สมณพราหมณ์เหล่านั้นทั้งหมด ถูกทิฏฐิ ๖๒ เหล่านี้แหละเป็น
ดุจข่ายปกคลุมไว้ อยู่ในข่ายนี้เอง เมื่อผุดก็ผุดอยู่ในข่ายนี้ ติดอยู่ในข่ายนี้ ถูกข่ายปกคลุมไว้
เมื่อผุดก็ผุดอยู่ในข่ายนี้.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคต มีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้วยังดำรงอยู่ เทวดา
และมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่ เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต เปรียบเหมือนพวงมะม่วง เมื่อขาดจากขั้วแล้ว
ผลใดผลหนึ่งติดขั้วอยู่ ย่อมติดขั้วไป ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพ
ขาดแล้ว ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ยังดำรงอยู่ เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตได้ก็ชั่วเวลา
ที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่ เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต.
เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ท่านพระอานนท์ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า
น่าอัศจรรย์ พระเจ้าข้า ไม่เคยมีมา พระเจ้าข้า ธรรมบรรยายนี้ชื่ออะไร พระเจ้าข้า.
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า เพราะฉะนั้นแหละ อานนท์ เธอจงจำธรรมบรรยายนี้ว่า อรรถชาละก็ได้
ว่าธรรมชาละก็ได้ ว่าพรหมชาละก็ได้ ว่าทิฏฐิชาละก็ได้ ว่าพิชัยสงครามอันยอดเยี่ยมก็ได้.
ครั้นพระผู้มีพระภาค ตรัสพระสูตรนี้จบแล้ว ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น มีใจชื่นชม
เพลิดเพลินภาษิตของพระผู้มีพระภาค ก็และเมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสไวยากรณ์ภาษิตนี้อยู่ หมื่น
โลกธาตุได้หวั่นไหวแล้วแล.
อสัญญีทิฏฐิ ๘ / ความเห็นผิดกลุ่มที่ 7 มีทิฏฐิว่าอัตตาเหนือขึ้นไปจากการตาย ไม่มีสัญญา 8 ประการ
๓๕. (๑) อัตตาที่มีรูป ยั่งยืน ไม่มีสัญญา.
๓๖. (๒) อัตตาที่ไม่มีรูป ยั่งยืน ไม่มีสัญญา.
๓๗. (๓) อัตตาทั้งที่มีรูป ทั้งที่ไม่มีรูป ยั่งยืน ไม่มีสัญญา.
๓๘. (๔) อัตตาทั้งที่มีรูปก็มิใช่ ทั้งที่ไม่มีรูปก็มิใช่ ยั่งยืน ไม่มีสัญญา.
๓๙. (๕) อัตตาที่มีที่สุด ยั่งยืน ไม่มีสัญญา.
๔๐. (๖) อัตตาที่ไม่มีที่สุด ยั่งยืน ไม่มีสัญญา.
๔๑. (๗) อัตตาทั้งที่มีที่สุด ทั้งที่ไม่มีที่สุด ยั่งยืน ไม่มีสัญญา.
๔๒. (๘) อัตตาทั้งที่มีที่สุดก็มิใช่ ทั้งที่ไม่มีที่สุดก็มิใช่ ยั่งยืน ไม่มีสัญญา.
///
ความเห็นผิด คือ ความเห็นที่ไม่นำไปสู่ความพ้นทุกข์
พรหมชาลสูตร
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=9&A=1&Z=1071
*ความเห็นผิด 18 ประการ ที่เกิดจากการคิดคำนึงขันธ์ส่วนอดีต(มองจากแง่มุมย้อนไปในอดีต) / 5 กลุ่ม
1.สัสสตทิฏฐิ ๔ / มิจฉาทิฏฐิ ความเข้าใจผิด ความเห็นผิด กลุ่มที่ 1 เห็นว่า อัตตาและโลกเที่ยง คงที่ ตั้งอยู่มั่นดุจยอดภูเขา
https://m.ppantip.com/topic/38859229
2.เอกัจจสัสสติกทิฏฐิ ๔/มิจฉาทิฏฐิ ความเข้าใจผิด กลุ่มที่ 2 บัญญัติอัตตาและโลกว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง
https://m.ppantip.com/topic/38867630
3.อันตานันติกทิฏฐิ ๔/ความเห็นผิดกลุ่มที่ 3 มีความเห็นว่าโลกมีที่สุดขอบบ้าง หรือโลกหาที่สุดขอบไม่ได้บ้าง
https://m.ppantip.com/topic/38874497
4.อมราวิกเขปิกทิฏฐิ ๔ / ความเห็นผิดกลุ่มที่ 4 มีทิฏฐิ ดิ้นได้ไม่ตายตัว
https://m.ppantip.com/topic/38878554
5.อธิจจสมุปปันนิกทิฏฐิ ๒ /ความเห็นผิดกลุ่มที่ 5 มีทิฏฐิว่าอัตตาและโลกเกิดขึ้นลอยๆ ปราศจากสาเหตุ
https://ppantip.com/topic/38885108
*ความเห็นผิด จากการกำหนดขันธ์ส่วนอนาคต มีความเห็นตามขันธ์ส่วนอนาคต ปรารภขันธ์ส่วนอนาคต กล่าวคำแสดงทิฏฐิหลายชนิดด้วยเหตุ ๔๔ ประการ / 5 กลุ่ม
1.สัญญีทิฏฐิ ๑๖ / ความเห็นผิดกลุ่มที่ 6 มีทิฏฐิว่า เห็นว่าอัตตาหลังจากตายแล้ว 16 แบบ มีสัญญา
https://m.ppantip.com/topic/38890128
2.อสัญญีทิฏฐิ ๘ / ความเห็นผิดกลุ่มที่ 7 มีทิฏฐิว่าอัตตาเหนือขึ้นไปจากการตาย ไม่มีสัญญา 8 ประการ คืออัตตาแบบต่างๆกัน แต่เที่ยงเหมือนกัน ตายไปไม่มีสัญญา
https://ppantip.com/topic/38897154
3.เนวสัญญีนาสัญญีทิฏฐิ ๘ / ความเห็นผิดกลุ่มที่ 8
มีทิฏฐิว่า อัตตาเหนือขึ้นไปจาก
การตาย มีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่
4.อุจเฉททิฏฐิ ๗ / ความเห็นผิดกลุ่มที่ 9 มีทิฏฐิว่าขาดสูญ ย่อมบัญญัติความขาดสูญ ความพินาศ ความเลิกเกิดของสัตว์ผู้ปรากฏอยู่
5.ทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิ ๕ ความเห็นผิดกลุ่มที่ 10
มีทิฏฐิว่า นิพพานในปัจจุบัน
ย่อมบัญญัติว่า นิพพานปัจจุบันเป็นธรรมอย่างยิ่งของสัตว์ผู้ปรากฏอยู่
ความเห็นผิดทั้งหมด 62 แบบ นั้น
1. เพราะไม่รู้ไม่เห็น เป็นความแส่หา เป็นความดิ้นรนของคนมีตัณหาเท่านั้น
2. เพราะผัสสะเป็นปัจจัย
3. เขาเหล่านั้นเว้นผัสสะแล้วจะรู้สึกได้ นั่นไม่เป็นฐานที่จะมีได้
4.เหล่านั้นทุกจำพวก ถูกต้องแล้วด้วยผัสสายตนะทั้ง ๖ ย่อมเสวยเวทนาเ พราะเวทนาของสมณพราหมณ์เหล่านั้นเป็นปัจจัยจึงเกิดตัณหา เพราะตัณหาเป็นปัจจัยจึงเกิดอุปาทาน เพราะอุปาทานเป็นปัจจัยจึงเกิดภพ เพราะภพเป็นปัจจัยจึงเกิดชาติ เพราะชาติเป็นปัจจัยจึงเกิด ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ
โทมนัส อุปายาส
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อใด ภิกษุรู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งความเกิด ความดับ
คุณและโทษ แห่งผัสสายตนะทั้ง ๖ กับทั้งอุบายเป็นเครื่องออกไปจากผัสสายตนะเหล่านั้น
เมื่อนั้น ภิกษุนี้ย่อมรู้ชัดยิ่งกว่าสมณพราหมณ์เหล่านี้ทั้งหมด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะหรือ
พราหมณ์พวกใดพวกหนึ่ง กำหนดขันธ์ส่วนอดีตก็ดี กำหนดขันธ์ส่วนอนาคตก็ดี กำหนดขันธ์
ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคตก็ดี มีความเห็นตามขันธ์ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคต ปรารภขันธ์
ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคต กล่าวคำแสดงทิฏฐิหลายชนิด สมณพราหมณ์เหล่านั้นทั้งหมด
ถูกทิฏฐิ ๖๒ อย่างเหล่านี้แหละเป็นดุจข่ายปกคลุมไว้ อยู่ในข่ายนี้เอง เมื่อผุดก็ผุดอยู่ในข่ายนี้
ติดอยู่ในข่ายนี้ถูกข่ายปกคลุมไว้ เมื่อผุดก็ผุดอยู่ในข่ายนี้ เปรียบเหมือนชาวประมงหรือลูกมือ
ชาวประมงผู้ฉลาด ใช้แหตาถี่ทอดลงยังหนองน้ำอันเล็ก เขาคิดอย่างนี้ว่า บรรดาสัตว์ตัวใหญ่ๆ
ในหนองนี้ทั้งหมด ถูกแหครอบไว้ อยู่ในแห เมื่อผุดก็ผุดอยู่ในแห ติดอยู่ในแห ถูกแหครอบไว้
เมื่อผุดก็ผุดอยู่ในแห ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย. สมณะหรือพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่ง ก็ฉันนั้น
ที่กำหนดขันธ์ส่วนอดีตก็ดี กำหนดขันธ์ส่วนอนาคตก็ดี กำหนดขันธ์ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคต
ก็ดี มีความเห็นตามขันธ์ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคต ปรารภขันธ์ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคต
กล่าวคำแสดงทิฏฐิหลายชนิด สมณพราหมณ์เหล่านั้นทั้งหมด ถูกทิฏฐิ ๖๒ เหล่านี้แหละเป็น
ดุจข่ายปกคลุมไว้ อยู่ในข่ายนี้เอง เมื่อผุดก็ผุดอยู่ในข่ายนี้ ติดอยู่ในข่ายนี้ ถูกข่ายปกคลุมไว้
เมื่อผุดก็ผุดอยู่ในข่ายนี้.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคต มีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้วยังดำรงอยู่ เทวดา
และมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่ เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต เปรียบเหมือนพวงมะม่วง เมื่อขาดจากขั้วแล้ว
ผลใดผลหนึ่งติดขั้วอยู่ ย่อมติดขั้วไป ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพ
ขาดแล้ว ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ยังดำรงอยู่ เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตได้ก็ชั่วเวลา
ที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่ เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต.
เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ท่านพระอานนท์ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า
น่าอัศจรรย์ พระเจ้าข้า ไม่เคยมีมา พระเจ้าข้า ธรรมบรรยายนี้ชื่ออะไร พระเจ้าข้า.
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า เพราะฉะนั้นแหละ อานนท์ เธอจงจำธรรมบรรยายนี้ว่า อรรถชาละก็ได้
ว่าธรรมชาละก็ได้ ว่าพรหมชาละก็ได้ ว่าทิฏฐิชาละก็ได้ ว่าพิชัยสงครามอันยอดเยี่ยมก็ได้.
ครั้นพระผู้มีพระภาค ตรัสพระสูตรนี้จบแล้ว ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น มีใจชื่นชม
เพลิดเพลินภาษิตของพระผู้มีพระภาค ก็และเมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสไวยากรณ์ภาษิตนี้อยู่ หมื่น
โลกธาตุได้หวั่นไหวแล้วแล.