เครดิตข้อมูลมาจากหลายบทสัมภาษณ์ของ Chad Stahelski ผู้กำกับ ในยูทูบนะครับ ผมดึงเอาคำตอบมาร้อยต่อกัน
และมีบางส่วนสปอยล์เล็กๆถึงเนื้อหาหนัง ไม่เหมาะกับคนที่ไม่อยากรู้เรื่องหนังก่อนนะครับ ออกจากทู้ไปได้เลยคร้าบ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตัวละคร ZERO อาจารย์นักฆ่านินจา
1. ข้อมูลนี้มาจาก Mark Dacascos สัมภาษณ์ไว้ใน Vulture.com เมื่อวานนี้
มาร์คที่จริงแล้วไม่ได้ถูกวางตัวให้เล่นตัวนี้นะครับ แช้ด สตาเฮลสกี้ผู้กำกับติดต่อคุณมาร์คเพื่อมาเล่น "ตัวรอง" เพราะ Lead villain หรือตัวร้ายคนสำคัญของเรื่อง คือซีโร่ แช้ดกับคีอานูเลือกตัวไว้แล้วเรียบร้อย เขียนบทเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย รอคนๆนั้นมาแสดงเท่านั้น
คนๆนั้นคือ Hiroyuki Sanada ครับ
เพราะคีอานูกับซานาดะสนิทสนมรักใคร่กันมากตอนเล่น 47 Ronins มาด้วยกัน ซีโร่ในภาค 3 จึงเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากซานาดะ แต่แล้วฟ้าก็ผ่ากะทันหัน ซานาดะเกิดปัญหา ถ่ายทำไม่ได้ (มาร์คไม่รู้จริงๆว่าเพราะอะไร) ทั้งคีนานูก็ช็อค แช้ดก็ช็อค เสียใจมากๆ แช้ดเลยโทรหามาร์ค บอกว่า "คุณได้รับเลื่อนขึ้นมาเป็นตัวนำแล้วนะครับ"
มาร์คบอกว่าตอนได้อ่านบท ซีโร่เหมาะกับซานาดะมากๆ แต่เมื่อเขาได้โอกาสมาเล่นแทนแล้ว เขาเลยพยายามใส่ไอเดียตัวเองลงไปในตัวละครเพื่อให้มีสีสันมากขึ้น
2. ฉากที่ซีโร่เจอกับพี่วิค ในบทเขียนไว้แล้วว่าซีโร่เป็น fan วิค แต่ในใจมาร์ครู้สึกว่ามันต้องมากกว่าแฟนนะ ควรถึงขั้น fanboy เลยละ ฉากที่นั่งเก้าอี้เดียวกันเขาถึงคิดมุกขึ้นสดๆว่าให้นั่งติดกัน จอห์นวิคทำหน้างงว่าหมอนี่มันอะไรของมัน แล้วหนีไปนั่งที่อื่น ฉากนั้นคือคีอานูงงจริง หนีจริงครับ มาร์คคิดว่าอิมโพรไวส์สดๆกันขนาดนี้แช้ดคงตัดทิ้งแน่นอน ที่ไหนได้พอแช้ดสั่ง CUT! ทั้งคีอานูทั้งแช้ดฮากระจาย ชอบมุกของมาร์คมากๆ และปรับโทนตัวละครซีโร่ให้ฮาขึ้นตามที่มาร์คบุกเบิกไว้
3. บทดั้งเดิมของซีโร่ ไม่ต้องโกนหัวนะครับ และมาร์คก็ไม่ได้หัวล้าน แต่ตอนไปฟิตติ้ง (ลองเสื้อผ้า) มาร์คคิดว่าควรโกนหัวให้เกลี้ยงเพื่อสร้างแคแรคเตอร์ให้จดจำ แช้ดถามมาร์คว่าเอาจริงเหรอ แน่ใจนะ มาร์คบอก "แน่ใจ" พอช่างโกนหัวออกมา แช้ดบอกว่า "เข้าท่า จัดไป!"
ต้นกำเนิดมุกปามีด ดินสอ หนังสือ ห้องสมุด เชฟนินจา พรรคยาจก มาจากประสบการณ์จริง
1. มุกมีดรัวๆ มาจากการเล่นปาหมอนระหว่างเขากับพี่ชายสมัยเด็กๆ พอโตขึ้นเล่นขว้างมีดกัน ก็จะแกล้งปามีดใส่กัน แต่มีดมันจะไม่ปักโดนตัวหรอกนะ มันเด้งออกตลอด ตามหลักฟิสิกส์ คือปาไป 10 ครั้งจะปักแค่ 2-3 ครั้งเอง ตามหลักความจริง แช้ดเลยเอาประสบการณ์วัยเด็กมาใส่เป็นมุกปามีด แต่เพิ่มดีกรีให้ปามีดใส่กันแบบรัวๆ
แช้ดเรียกมุกนี้ว่า snowball knife fighting ครับ
2. มุก "I saw him kill 3 men with a fooling pencil!" อันโด่งดังอมตะของจอห์นวิค มาจากตอนถ่ายทำภาคแรกครับ แช้ดหมั่นไส้สตั๊นต์แมนของเขา แบบเชื่องช้าเหลือเกิน ลีลาเยอะจังหมอนี่ เขาเลยเอาดินสอในมือทำเป็นแทงแก้แค้น แล้วก็นึกได้ว่า....เฮ้ย มุกนี้ใช้ได้นี่หว่า เอาเลยๆ
3. มุกฆ่าคนด้วยหนังสือ มาจากการที่แช้ดจะมีสมุดปกหนังติดตัว 2 เล่ม ไว้คอยจดไอเดียดีๆที่ผุดขึ้นมาหรือที่เขาไปพบเห็น เขาเป็นคนชอบจดอะไรใส่สมุดมากกว่าจดลงแอป และชอบอ่านหนังสือมาก เลยมีไอเดียว่าหนังสือก็ฆ่าคนได้นะเฟ่ย
4. แช้ดอยากจะทดลองต่อสู้ในที่แคบมากๆ แต่คิดมุกไม่ออกว่าจะใช้ที่ไหนดี แต่ตอนที่เขาตระเวณหาโลเกชั่นในนิวยอร์ค เกิดฝนตกแรงมากจนเขาต้องหาที่หลบฝนอย่างไว แช้ดเลยเข้าไปหลบฝนในห้องสมุดเมืองนิวยอร์ก ถึงได้รู้ว่า-----อุต๊ะ! เราพบที่ในฝันที่จะมาสู้กันได้แล้ว เย้
5. ผมเคยเล่าไปในกระทู้ก่อนแล้วว่าคีอานูกับแช้ดสุมหัวคิดไอเดียกันอยู่ตลอดเวลาก่อนจะเริ่มเขียนบท วันหนึ่งสองหนุ่มไปกินอาหารเย็นร้านซูชิข้างถนนแห่งหนึ่ง ผมฟังแช้ดเล่าไม่ถนัดนะครับ ซับอิงมันไม่มี เหมือนเขาเล่าว่าเชฟคนนี้ที่จริงมาจากอาชีพนายแบงก์ชาวยิวมาก่อนจะเปิดร้านซูชิแบบโคเชอร์ (ทำอาหารแบบยิว คล้ายๆอาหารฮาลาลของอิสลามน่ะครับ คือทำซูชิก็จริงแต่จะปรุงตามหลักศาสนาของตนโดยเฉพาะ) คีอานูกับแช้ดมองหน้ากัน....เฮ้ย ไอเดียนี้น่าสนใจง่ะ ถ้าเราให้นักฆ่าของเราสามารถเป็นคนมาจากสาขาอาชีพต่างๆได้คงเจ๋งดี บทเชฟนินจาผู้รักแมวจึงกำเนิดขึ้นมาฉะนี้
6. พรรคกระยาจก เกิดจากการท่องหาโลเกชั่นของแช้ดนี่แหละครับ แล้วเขาไปเจอชายจรจัด แช้ดเลยลงไปนั่งคุยกับเขา ชายจรจัดเล่าให้แช้ดฟังแล้วมันติดในใจเขามาก คือประโยคว่าเป็นชายจรจัดนี่ดีจะตายนะ ผมไปไหนไม่มีใครมาสนใจผมเลย ผมจะเดินในซอยก็ได้ เข้าในซูเปอร์ก็ได้ ไปไหนก็ได้ ย้ายที่ไปได้ตลอดก็ไม่มีใครในโลกนี้จะเห็นผม
แช้ดดีดนิ้วบรรลุธรรมเลย
"พี่ไปอยู่ในฉากหนังผมได้เลยครับพี่"
เกร็ดการถ่ายทำ
1. ฉากเหล่าม้าดีด ผู้ฝึกสอนม้าบอกว่าสำหรับกองถ่ายอื่นแล้ว
มักปฏิบัติต่อม้าเหมือน prop หรือของประกอบฉาก แต่กองนี้ปฏิบัติต่อม้าอย่างถนอมดูแลมาก โดยเฉพาะคีอานู จะเข้าไปลูบม้า คุยกับม้าเสมอไม่ให้ม้าตื่น เพราะม้าไม่ได้อยู่ในคอกแต่ต้องออกวิ่งท่ามกลางถนนพลุกพล่น ผู้คน แถมมีมอเตอร์ไซค์ขี่มาประชิดด้วย ผู้ฝึกบอกว่าการที่มีคีอานูคอยลูบตัวคอยพูดกับม้า ช่วยให้ม้าหายตกใจได้ดีมากๆครับ
2. ฉากพิพิธภัณฑ์กระจกในภาค 2 การจะถ่ายทำได้เป๊ะขนาดนั้น ด้วยงบจำกัดจำเขี่ยแค่ไม่ถึง 40 ล้าน (งบง่อยมากสำหรับหนังแอ๊คชั่นฮอลลีวู้ด) พี่แช้ด
ทดลองเอากระจกสำรองมาตั้งบล็อกกิ้ง แล้วใช้ไอโฟนทดลองถ่ายก่อนครับ ว่าต้องหลบกล้องตรงไหน ทีมงานจะไปหลบหลังกระจกบานไหน ที่จริงพี่แช้ดแกอธิบายวิธีการยาวมาก แต่มันไม่มีซับ ผมฟังออกแค่นี้จ้า !!!! (แป่ว)
3. แช้ดเป็นผู้กำกับที่มีสติกับการบริหารงบดีมากๆครับ ใช้งบไม่เคยเกิน ฉากห้องกระจกใสในภาค 3 ต้องใช้เงิน 4 ล้านในการสร้าง ต่อรองกันแล้วต่อรองกันอีก จนแช้ดยุติตรงที่จะตัดจำนวนวันในการถ่ายทำลง 7 วัน เพื่อประหยัดงบ 7 วันนั้นในการเอาเงินมาสร้างห้องกระจก
แช้ดย้ำกับนักศึกษาภาพยนตร์ว่าการเป็นผู้กำกับ สิ่งสำคัญคือ management ครับ ต้องรู้จัก manage ทั้งเวลา และทั้งงบประมาณให้ได้ เป็นความรับผิดชอบของผู้กำกับเลยละ
ผู้กำกับ Chad Stahelski
1. นิสัยของแช้ดเป็นคนเป๊ะและละเอียดมาก แต่เขาจะมีลักษณะในการกำกับอยู่เรื่องนึงที่สำคัญมาก คือเขาจะไม่ตวาดใคร จะพูดดีๆ เพราะเขาเคยทำงานกองถ่ายทั้งในฐานะสตั๊นต์ และในฐานะผู้กำกับกอง 2 กอง 3 มาก่อน เจอผู้กำกับที่ตลาดคน อารมณ์เสียใส่คนแล้วรู้เลยว่าคนในกองมัน "ใจเสีย" นะ
(พูดตอนนี้ แช้ดยกมือทาบอก) ฉะนั้นการจะให้คนร่วมงานกันได้ดี ต้องทำให้คนทำงานรู้สึกว่ามั่นใจ และมั่นคงครับ
2. แช้ดเป็นคนเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมครับ เขาถึงไม่เชื่อว่าคนที่ปลิดชีวิตมนุษย์มาแล้วเป็นพันอย่างจอห์น จะสามารถหนีไปใช้ชีวิตเงียบๆมีความสุขแบบสันโดษได้ ไม่มีทาง ไม่มีวัน เพราะกฎแห่งกรรมคือคุณทำอะไรไปคุณต้องรับผลกรรมนั้น
3. แช้ดเคยมาอยู่เมืองไทยหลายเดือนด้วยนะครับ
ช่วงหนุ่มเขาเป็นครูฝึกให้กับสถาบันต่อสู้ที่มีชื่อเสียงมาก ครูที่นั่นต้องเรียน cross training จบแบบแตกฉานก่อนถึงจะสอนศิษย์ได้ เขาจึงต้องเดินทางไปเทรนศิลปะการต่อสู้ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก เช่น อยู่ญี่ปุ่น 6 เดือน อยู่ที่ไทยหลายเดือน
อยากให้ภาค 4 มีแม่ไม้มวยไทยจัง แต่คงได้แต่ฝันไป.......
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ที่จริงมีเกร็ดดีๆอีกเยอะเลยครับ แต่เอามาฝากแฟน John Wick แค่นี้ก่อนนะครับ หิวข้าวแล้ว
เบื้องหลังฝากแฟน JOHN WICK : ต้นกำเนิดมุกมีด ดินสอ หนังสือ ห้องสมุด เชฟนินจา พรรคยาจก มาจากไหน? (SPOILER)
และมีบางส่วนสปอยล์เล็กๆถึงเนื้อหาหนัง ไม่เหมาะกับคนที่ไม่อยากรู้เรื่องหนังก่อนนะครับ ออกจากทู้ไปได้เลยคร้าบ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตัวละคร ZERO อาจารย์นักฆ่านินจา
1. ข้อมูลนี้มาจาก Mark Dacascos สัมภาษณ์ไว้ใน Vulture.com เมื่อวานนี้
มาร์คที่จริงแล้วไม่ได้ถูกวางตัวให้เล่นตัวนี้นะครับ แช้ด สตาเฮลสกี้ผู้กำกับติดต่อคุณมาร์คเพื่อมาเล่น "ตัวรอง" เพราะ Lead villain หรือตัวร้ายคนสำคัญของเรื่อง คือซีโร่ แช้ดกับคีอานูเลือกตัวไว้แล้วเรียบร้อย เขียนบทเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย รอคนๆนั้นมาแสดงเท่านั้น คนๆนั้นคือ Hiroyuki Sanada ครับ
เพราะคีอานูกับซานาดะสนิทสนมรักใคร่กันมากตอนเล่น 47 Ronins มาด้วยกัน ซีโร่ในภาค 3 จึงเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากซานาดะ แต่แล้วฟ้าก็ผ่ากะทันหัน ซานาดะเกิดปัญหา ถ่ายทำไม่ได้ (มาร์คไม่รู้จริงๆว่าเพราะอะไร) ทั้งคีนานูก็ช็อค แช้ดก็ช็อค เสียใจมากๆ แช้ดเลยโทรหามาร์ค บอกว่า "คุณได้รับเลื่อนขึ้นมาเป็นตัวนำแล้วนะครับ"
มาร์คบอกว่าตอนได้อ่านบท ซีโร่เหมาะกับซานาดะมากๆ แต่เมื่อเขาได้โอกาสมาเล่นแทนแล้ว เขาเลยพยายามใส่ไอเดียตัวเองลงไปในตัวละครเพื่อให้มีสีสันมากขึ้น
2. ฉากที่ซีโร่เจอกับพี่วิค ในบทเขียนไว้แล้วว่าซีโร่เป็น fan วิค แต่ในใจมาร์ครู้สึกว่ามันต้องมากกว่าแฟนนะ ควรถึงขั้น fanboy เลยละ ฉากที่นั่งเก้าอี้เดียวกันเขาถึงคิดมุกขึ้นสดๆว่าให้นั่งติดกัน จอห์นวิคทำหน้างงว่าหมอนี่มันอะไรของมัน แล้วหนีไปนั่งที่อื่น ฉากนั้นคือคีอานูงงจริง หนีจริงครับ มาร์คคิดว่าอิมโพรไวส์สดๆกันขนาดนี้แช้ดคงตัดทิ้งแน่นอน ที่ไหนได้พอแช้ดสั่ง CUT! ทั้งคีอานูทั้งแช้ดฮากระจาย ชอบมุกของมาร์คมากๆ และปรับโทนตัวละครซีโร่ให้ฮาขึ้นตามที่มาร์คบุกเบิกไว้
3. บทดั้งเดิมของซีโร่ ไม่ต้องโกนหัวนะครับ และมาร์คก็ไม่ได้หัวล้าน แต่ตอนไปฟิตติ้ง (ลองเสื้อผ้า) มาร์คคิดว่าควรโกนหัวให้เกลี้ยงเพื่อสร้างแคแรคเตอร์ให้จดจำ แช้ดถามมาร์คว่าเอาจริงเหรอ แน่ใจนะ มาร์คบอก "แน่ใจ" พอช่างโกนหัวออกมา แช้ดบอกว่า "เข้าท่า จัดไป!"
ต้นกำเนิดมุกปามีด ดินสอ หนังสือ ห้องสมุด เชฟนินจา พรรคยาจก มาจากประสบการณ์จริง
1. มุกมีดรัวๆ มาจากการเล่นปาหมอนระหว่างเขากับพี่ชายสมัยเด็กๆ พอโตขึ้นเล่นขว้างมีดกัน ก็จะแกล้งปามีดใส่กัน แต่มีดมันจะไม่ปักโดนตัวหรอกนะ มันเด้งออกตลอด ตามหลักฟิสิกส์ คือปาไป 10 ครั้งจะปักแค่ 2-3 ครั้งเอง ตามหลักความจริง แช้ดเลยเอาประสบการณ์วัยเด็กมาใส่เป็นมุกปามีด แต่เพิ่มดีกรีให้ปามีดใส่กันแบบรัวๆ
แช้ดเรียกมุกนี้ว่า snowball knife fighting ครับ
2. มุก "I saw him kill 3 men with a fooling pencil!" อันโด่งดังอมตะของจอห์นวิค มาจากตอนถ่ายทำภาคแรกครับ แช้ดหมั่นไส้สตั๊นต์แมนของเขา แบบเชื่องช้าเหลือเกิน ลีลาเยอะจังหมอนี่ เขาเลยเอาดินสอในมือทำเป็นแทงแก้แค้น แล้วก็นึกได้ว่า....เฮ้ย มุกนี้ใช้ได้นี่หว่า เอาเลยๆ
3. มุกฆ่าคนด้วยหนังสือ มาจากการที่แช้ดจะมีสมุดปกหนังติดตัว 2 เล่ม ไว้คอยจดไอเดียดีๆที่ผุดขึ้นมาหรือที่เขาไปพบเห็น เขาเป็นคนชอบจดอะไรใส่สมุดมากกว่าจดลงแอป และชอบอ่านหนังสือมาก เลยมีไอเดียว่าหนังสือก็ฆ่าคนได้นะเฟ่ย
4. แช้ดอยากจะทดลองต่อสู้ในที่แคบมากๆ แต่คิดมุกไม่ออกว่าจะใช้ที่ไหนดี แต่ตอนที่เขาตระเวณหาโลเกชั่นในนิวยอร์ค เกิดฝนตกแรงมากจนเขาต้องหาที่หลบฝนอย่างไว แช้ดเลยเข้าไปหลบฝนในห้องสมุดเมืองนิวยอร์ก ถึงได้รู้ว่า-----อุต๊ะ! เราพบที่ในฝันที่จะมาสู้กันได้แล้ว เย้
5. ผมเคยเล่าไปในกระทู้ก่อนแล้วว่าคีอานูกับแช้ดสุมหัวคิดไอเดียกันอยู่ตลอดเวลาก่อนจะเริ่มเขียนบท วันหนึ่งสองหนุ่มไปกินอาหารเย็นร้านซูชิข้างถนนแห่งหนึ่ง ผมฟังแช้ดเล่าไม่ถนัดนะครับ ซับอิงมันไม่มี เหมือนเขาเล่าว่าเชฟคนนี้ที่จริงมาจากอาชีพนายแบงก์ชาวยิวมาก่อนจะเปิดร้านซูชิแบบโคเชอร์ (ทำอาหารแบบยิว คล้ายๆอาหารฮาลาลของอิสลามน่ะครับ คือทำซูชิก็จริงแต่จะปรุงตามหลักศาสนาของตนโดยเฉพาะ) คีอานูกับแช้ดมองหน้ากัน....เฮ้ย ไอเดียนี้น่าสนใจง่ะ ถ้าเราให้นักฆ่าของเราสามารถเป็นคนมาจากสาขาอาชีพต่างๆได้คงเจ๋งดี บทเชฟนินจาผู้รักแมวจึงกำเนิดขึ้นมาฉะนี้
6. พรรคกระยาจก เกิดจากการท่องหาโลเกชั่นของแช้ดนี่แหละครับ แล้วเขาไปเจอชายจรจัด แช้ดเลยลงไปนั่งคุยกับเขา ชายจรจัดเล่าให้แช้ดฟังแล้วมันติดในใจเขามาก คือประโยคว่าเป็นชายจรจัดนี่ดีจะตายนะ ผมไปไหนไม่มีใครมาสนใจผมเลย ผมจะเดินในซอยก็ได้ เข้าในซูเปอร์ก็ได้ ไปไหนก็ได้ ย้ายที่ไปได้ตลอดก็ไม่มีใครในโลกนี้จะเห็นผม
แช้ดดีดนิ้วบรรลุธรรมเลย "พี่ไปอยู่ในฉากหนังผมได้เลยครับพี่"
เกร็ดการถ่ายทำ
1. ฉากเหล่าม้าดีด ผู้ฝึกสอนม้าบอกว่าสำหรับกองถ่ายอื่นแล้ว มักปฏิบัติต่อม้าเหมือน prop หรือของประกอบฉาก แต่กองนี้ปฏิบัติต่อม้าอย่างถนอมดูแลมาก โดยเฉพาะคีอานู จะเข้าไปลูบม้า คุยกับม้าเสมอไม่ให้ม้าตื่น เพราะม้าไม่ได้อยู่ในคอกแต่ต้องออกวิ่งท่ามกลางถนนพลุกพล่น ผู้คน แถมมีมอเตอร์ไซค์ขี่มาประชิดด้วย ผู้ฝึกบอกว่าการที่มีคีอานูคอยลูบตัวคอยพูดกับม้า ช่วยให้ม้าหายตกใจได้ดีมากๆครับ
2. ฉากพิพิธภัณฑ์กระจกในภาค 2 การจะถ่ายทำได้เป๊ะขนาดนั้น ด้วยงบจำกัดจำเขี่ยแค่ไม่ถึง 40 ล้าน (งบง่อยมากสำหรับหนังแอ๊คชั่นฮอลลีวู้ด) พี่แช้ดทดลองเอากระจกสำรองมาตั้งบล็อกกิ้ง แล้วใช้ไอโฟนทดลองถ่ายก่อนครับ ว่าต้องหลบกล้องตรงไหน ทีมงานจะไปหลบหลังกระจกบานไหน ที่จริงพี่แช้ดแกอธิบายวิธีการยาวมาก แต่มันไม่มีซับ ผมฟังออกแค่นี้จ้า !!!! (แป่ว)
3. แช้ดเป็นผู้กำกับที่มีสติกับการบริหารงบดีมากๆครับ ใช้งบไม่เคยเกิน ฉากห้องกระจกใสในภาค 3 ต้องใช้เงิน 4 ล้านในการสร้าง ต่อรองกันแล้วต่อรองกันอีก จนแช้ดยุติตรงที่จะตัดจำนวนวันในการถ่ายทำลง 7 วัน เพื่อประหยัดงบ 7 วันนั้นในการเอาเงินมาสร้างห้องกระจก
แช้ดย้ำกับนักศึกษาภาพยนตร์ว่าการเป็นผู้กำกับ สิ่งสำคัญคือ management ครับ ต้องรู้จัก manage ทั้งเวลา และทั้งงบประมาณให้ได้ เป็นความรับผิดชอบของผู้กำกับเลยละ
ผู้กำกับ Chad Stahelski
1. นิสัยของแช้ดเป็นคนเป๊ะและละเอียดมาก แต่เขาจะมีลักษณะในการกำกับอยู่เรื่องนึงที่สำคัญมาก คือเขาจะไม่ตวาดใคร จะพูดดีๆ เพราะเขาเคยทำงานกองถ่ายทั้งในฐานะสตั๊นต์ และในฐานะผู้กำกับกอง 2 กอง 3 มาก่อน เจอผู้กำกับที่ตลาดคน อารมณ์เสียใส่คนแล้วรู้เลยว่าคนในกองมัน "ใจเสีย" นะ
(พูดตอนนี้ แช้ดยกมือทาบอก) ฉะนั้นการจะให้คนร่วมงานกันได้ดี ต้องทำให้คนทำงานรู้สึกว่ามั่นใจ และมั่นคงครับ
2. แช้ดเป็นคนเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมครับ เขาถึงไม่เชื่อว่าคนที่ปลิดชีวิตมนุษย์มาแล้วเป็นพันอย่างจอห์น จะสามารถหนีไปใช้ชีวิตเงียบๆมีความสุขแบบสันโดษได้ ไม่มีทาง ไม่มีวัน เพราะกฎแห่งกรรมคือคุณทำอะไรไปคุณต้องรับผลกรรมนั้น
3. แช้ดเคยมาอยู่เมืองไทยหลายเดือนด้วยนะครับ
ช่วงหนุ่มเขาเป็นครูฝึกให้กับสถาบันต่อสู้ที่มีชื่อเสียงมาก ครูที่นั่นต้องเรียน cross training จบแบบแตกฉานก่อนถึงจะสอนศิษย์ได้ เขาจึงต้องเดินทางไปเทรนศิลปะการต่อสู้ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก เช่น อยู่ญี่ปุ่น 6 เดือน อยู่ที่ไทยหลายเดือน
อยากให้ภาค 4 มีแม่ไม้มวยไทยจัง แต่คงได้แต่ฝันไป.......
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ที่จริงมีเกร็ดดีๆอีกเยอะเลยครับ แต่เอามาฝากแฟน John Wick แค่นี้ก่อนนะครับ หิวข้าวแล้ว