คร่าวๆ นะคะ เราเป็นมนุษย์เงินเดือน แต่ก็อยากมีกิจการเป็นของตัวเอง เพราะสุดท้าย เราก็ไม่อยากทำงาน office เลยลองดูว่าจะทำอะไร จะขายอะไร เมื่อดูแล้วว่าเราพอทำได้ ดูแล้วคู่แข่งไม่มาก (แต่เราคิดผิด และสายป่านสั้น) เราก็เลยกู้เงินมาก้อนนึง แล้วก็วางแผนคร่าวๆ แล้วทำเลยค่ะ

หาข้อมูลคู่แข่ง เทียบคู่แข่ง ดูวิธีการโปรโมทหรือการทำตลาดของคู่แข่ง ดูสูตรสินค้า ติดต่อโรงงาน พอคุยแล้วโรงงานน่าเชื่อถือ ก็เซ็นสัญญา ขอจด อย. ขอข้อมูลผู้บริโภค ทำให้ถูกกฎหมายทุกอย่าง แต่เราว่า เราพลาดตรง Packaging ตอนเราทำ เราว่ามันก็ดูตรงสินค้า และไม่มีการ overclaim หรือผิดกฎ อย. ใดๆ แต่พอออกมาสักพัก เรารู้สึกว่ามันไม่ดึงดูด ดูเชย ถึงแม้สูตรสินค้าเราดีแค่ไหน แต่ Packaging ไม่สวยก็จบได้นะคะ

เมื่อสินค้าออกมา เราทำการตลาดออนไลน์เป็นหลัก ทำเหมือนที่คู่แข่งทำ มีรีวิว ถ่ายรูปสินค้าสวยๆ  ราคาก็ตั้งใกล้เคียงกัน ถูกกว่านิดหน่อย ไปซื้อคอร์สเรียนออนไลน์ เรียนเอง ไปเรียนแบบวันเดียว ซื้อ Ads FB เอง ไปจ้างคนอื่นดูแเพจ แต่มันก็ขายได้น้อยมาก อ่ะ ลดราคาก็แล้ว

จนตอนนี้เงินที่เราคิดว่า มันควรเป็นเงินสุดท้ายแล้ว เราก็ไปจ้างเพจอื่นๆ ให้ทำลักษณะเพิ่มการเข้าถึง แต่มันก็ยังน้อยเหมือนเดิม แถมน้อยกว่าเดิม พอเราถามเขาไปว่าทำไมคนเข้าดู content น้อยลง เขาบอกว่า ช่วงนี้ FB ปรับการมองเห็น เลยทำให้เห็นน้อยลง แต่นั่นคือเงินที่เราคิดว่าสุดท้ายแล้ว คงไม่ทำต่อแล้ว

วิเคราะห์เอาเอง

1. เราศึกษาธุรกิจนี้ไม่ดีพอ ตอนเราออกสินค้า เฮ้ย ทำไมตอนวางแผน คู่แข่งน้อย แต่พอออกมาแล้ว เริ่มโปรโมท โอโห ทีนี้ FB มันก็ถือว่าเราเป็น Target ทำให้เราเห็นว่า คู่แข่งมีเยอะมาก
2. ต้องมีเงินโปรโมทสูงมาก ทำรีวิวเยอะมาก มันถึงจะมีกาาต่อยอด หรือมีตัวแทนจำหน่ายเพื่อกระจายสินค้า
3. แพ็คเก็จสินค้าเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าไม่สวยก็จบ (แล้วเราก็ไม่มีเงินไปทำแบบใหม่ เพราะแบบเดิมยังคงสต๊อกอยู่)

สินค้าเราเป็นของกิน มีอายุสินค้า นี่หมดไปแล้วปีนึง เราเลยคิดว่า ไม่ต่อดีกว่าค่ะ

1. เรายังเป็นหนี้ธนาคารอยู่ และคิดว่าจะใช้หนี้ไป แล้วเก็บไว้เป็นบทเรียนของชีวิต
2. ปกติคนอื่นๆ ที่สินค้าเหลือสต๊อกมาก ทำยังไงกับสินค้านั้นค่ะ เราหาคนซื้ออยู่ ขายถูกมาก แต่ถ้าไม่ได้อาจจะไปบริจาค

รบกวนขอความคิดเห็นหน่อยค่ะ ว่าเราควรเอาสินค้าไปทำอะไรต่อดี