●●“หุ้นพิษ”●●
ลักษณะ “ต้องห้าม” เป็นผู้รับสมัคร ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) คือ “เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ”
เจตนารัฐธรรมนูญ เพื่อไม่ให้ผู้สมัครใช้ความเป็นเจ้าของสื่อใช้สื่อของตัวเองนำเสนอข่าวที่อาจจะเป็นการเอาเปรียบคู่แข่ง ทั้งนี้ก็เพื่อความทัดเทียมกันของการหาเสียง
สำหรับข้อห้าม
“ถือครองหุ้นสื่อมวลชน”ในรัฐธรรมนูญ 2560 นั่นถือว่าเข้มข้นยิ่งกว่า รัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 48
“ห้ามผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือผู้ถือหุ้นแทนเข้าเป็นเจ้าของกิจการหรือถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์วิทยุกระจายเสียง โทรทัศน์ หรือโทรคมนาคม”ในขณะที่รัฐธรรมนูญ 2540ไม่มีบทบัญญัติห้ามผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
“ถือหุ้นสื่อมวลชน”
ตอนแรกเข้าใจว่าลักษณะ
“ต้องห้าม” ถือหุ้น
“สื่อ” มีผลโดยตรงเฉพาะกับ
“ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แต่ปรากฏว่ามีผู้สมัคร ส.ส.อีก 32 คนจาก 6 พรรคการเมือง ที่ส่อว่าจะโดนศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง
“คัดชื่อออก” เหมือนกรณี
“ภูเบศวร์ เห็นหลอด” ผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เขต 2 สกลนคร ที่ศาลคัดชื่อออกจากผู้สมัครรับเลือกตั้งเมื่อวันที่ 19 มี.ค. เพราะขาดคุณสมบัติ
“เป็นเจ้าของสื่อ” ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 มาตรา 42
กรณี
“ธนาธร” ย่อมมีแรงกระเพื่อมภายในพรรคอนาคตใหม่ มากกว่ากรณี
“ภูเบศวร์”
กรณี
“ธนาธร” และ
“ผู้สมัครส.ส.” 32 คน จาก 6 พรรคการเมือง ย่อมมีแรงกระเพื่อมต่อการจับขั้วทางการเมืองเพื่อตั้งรัฐบาล เพราะคะแนนของทั้ง 6 พรรค หายไป 286,805 คะแนน ซึ่งจะทำให้จำนวน ส.ส.พึงมีของทั้ง 6 พรรค หายไป 9 คน และส่งผลให้คะแนนของทั้ง 6 พรรคไม่ใช่เสียงข้างมากที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้
นอกจากกรณี
“หุ้นพิษ” แล้วหัวหน้าพรรคส้มหวาน ยังมีคดีที่อยู่ในการพิจารณาของ กกต. และคดีความอาญา อีกหลายคดี
“อนาคตพรรคส้มหวาน” จึงอยู่ที่ว่าภายในวันที่ 9 พฤษภาคม นี้ กกต.จะประกาศรับรอง
“ธนาธร” เป็น ส.ส.หรือไม่ ถ้า
“รับรอง” คดีอาญามีทางให้สู้กันยาวๆ ไป เพราะจะมีเอกสิทธิ์คุ้มครองสมาชิกรัฐสภา แต่ถ้า
“ไม่รับรอง” เป็นสัญญาณเตือนให้เห็นว่า พรรคสีส้ม มีโอกาสสูงที่จะเป็น
“ผีหัวขาด” ซึ่งจะมีผลต่อการดำเนินกิจการของพรรค เพราะที่ผ่านมาคะแนนเสียงพรรคการเมืองนี้ มาจากกระแสหัวหน้าพรรคเพียงคนเดียวล้วนๆ
ที่น่าสนใจคือเมื่อขาด
“ธนาธร” ลูกพรรคส้มหวานจะเคว้งคว้าง ภายใต้สภาวะการเมืองที่ต้องการช็อปเสียงส.ส.เพื่อตั้งรัฐบาล แล้วสัตยาบัน ที่เคยลงชื่อร่วมกันก็คงสิ้นมนต์ขลัง สบช่องเกิด
“งูเห่า” ได้ง่ายๆ
“หุ้นสื่อ” จึงเป็น
“หุ้นพิษ” ชี้เป็นชี้ตายพรรคส้มหวานได้เลยทีเดียว
Cr.
http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/647089
●●“หุ้นพิษ”●●
ลักษณะ “ต้องห้าม” เป็นผู้รับสมัคร ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) คือ “เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ”
เจตนารัฐธรรมนูญ เพื่อไม่ให้ผู้สมัครใช้ความเป็นเจ้าของสื่อใช้สื่อของตัวเองนำเสนอข่าวที่อาจจะเป็นการเอาเปรียบคู่แข่ง ทั้งนี้ก็เพื่อความทัดเทียมกันของการหาเสียง
สำหรับข้อห้าม “ถือครองหุ้นสื่อมวลชน”ในรัฐธรรมนูญ 2560 นั่นถือว่าเข้มข้นยิ่งกว่า รัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 48 “ห้ามผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือผู้ถือหุ้นแทนเข้าเป็นเจ้าของกิจการหรือถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์วิทยุกระจายเสียง โทรทัศน์ หรือโทรคมนาคม”ในขณะที่รัฐธรรมนูญ 2540ไม่มีบทบัญญัติห้ามผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง “ถือหุ้นสื่อมวลชน”
ตอนแรกเข้าใจว่าลักษณะ “ต้องห้าม” ถือหุ้น “สื่อ” มีผลโดยตรงเฉพาะกับ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แต่ปรากฏว่ามีผู้สมัคร ส.ส.อีก 32 คนจาก 6 พรรคการเมือง ที่ส่อว่าจะโดนศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง “คัดชื่อออก” เหมือนกรณี “ภูเบศวร์ เห็นหลอด” ผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เขต 2 สกลนคร ที่ศาลคัดชื่อออกจากผู้สมัครรับเลือกตั้งเมื่อวันที่ 19 มี.ค. เพราะขาดคุณสมบัติ “เป็นเจ้าของสื่อ” ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 มาตรา 42
กรณี “ธนาธร” ย่อมมีแรงกระเพื่อมภายในพรรคอนาคตใหม่ มากกว่ากรณี“ภูเบศวร์”
กรณี “ธนาธร” และ “ผู้สมัครส.ส.” 32 คน จาก 6 พรรคการเมือง ย่อมมีแรงกระเพื่อมต่อการจับขั้วทางการเมืองเพื่อตั้งรัฐบาล เพราะคะแนนของทั้ง 6 พรรค หายไป 286,805 คะแนน ซึ่งจะทำให้จำนวน ส.ส.พึงมีของทั้ง 6 พรรค หายไป 9 คน และส่งผลให้คะแนนของทั้ง 6 พรรคไม่ใช่เสียงข้างมากที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้
นอกจากกรณี “หุ้นพิษ” แล้วหัวหน้าพรรคส้มหวาน ยังมีคดีที่อยู่ในการพิจารณาของ กกต. และคดีความอาญา อีกหลายคดี
“อนาคตพรรคส้มหวาน” จึงอยู่ที่ว่าภายในวันที่ 9 พฤษภาคม นี้ กกต.จะประกาศรับรอง “ธนาธร” เป็น ส.ส.หรือไม่ ถ้า “รับรอง” คดีอาญามีทางให้สู้กันยาวๆ ไป เพราะจะมีเอกสิทธิ์คุ้มครองสมาชิกรัฐสภา แต่ถ้า “ไม่รับรอง” เป็นสัญญาณเตือนให้เห็นว่า พรรคสีส้ม มีโอกาสสูงที่จะเป็น “ผีหัวขาด” ซึ่งจะมีผลต่อการดำเนินกิจการของพรรค เพราะที่ผ่านมาคะแนนเสียงพรรคการเมืองนี้ มาจากกระแสหัวหน้าพรรคเพียงคนเดียวล้วนๆ
ที่น่าสนใจคือเมื่อขาด “ธนาธร” ลูกพรรคส้มหวานจะเคว้งคว้าง ภายใต้สภาวะการเมืองที่ต้องการช็อปเสียงส.ส.เพื่อตั้งรัฐบาล แล้วสัตยาบัน ที่เคยลงชื่อร่วมกันก็คงสิ้นมนต์ขลัง สบช่องเกิด “งูเห่า” ได้ง่ายๆ
“หุ้นสื่อ” จึงเป็น “หุ้นพิษ” ชี้เป็นชี้ตายพรรคส้มหวานได้เลยทีเดียว
Cr. http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/647089