💫🕛💫🚀 แดนศิวิไลซ์ ( หลงกาล ภาค 2 ) ตอนที่ 5 🚀💫🕛💫

กระทู้คำถาม
ไม่กี่วินาที หลังจากขึ้นบินจากโรงเก็บบนตึกพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ยาน THE FUGITIVE ก็มาถึงและลงจอดหน้าบ้านพักของสถาพร ณ จุดหนึ่งบนเทือกเขาสันติคีรี จ.เชียงราย

กัปตันวันชนะและชาวคณะทุกคน กลับเข้าไปในบ้านของด็อกเตอร์หนุ่มอีกครั้ง และทันทีที่กัปตันเดินนำหน้าทุกคนเข้าไปในบ้านก็ได้รับคำต้อนรับจากระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมทุกอย่างภายในบ้าน

"สวัสดีค่ะ กัปตันวันชนะ ยินดีต้อนรับการกลับมาอีกครั้งค่ะ"

"สวัสดี คริสติน่า" กัปตันตอบ แล้วต่อด้วยการซักถาม "มีการติดต่ออะไรจากใครๆ เข้ามาไหม หลังจากที่ฉันจากไปครั้งล่าสุด ?"

"ไม่มีค่ะกัปตัน ต้องการติดต่อกับใครบ้างไหมคะ ?"

"อ๋อไม่ต้องหรอกคริสติน่า ฉันแค่ถามเพื่อเช็คดูเฉยๆ...อ้อ คริสติน่า ช่วยฉายวีดิโอเหตุการณ์วันที่ 12 กันยายน 2705 เวลา ตั้งแต่ บ่ายสองโมงครึ่ง จนถึงบ่ายสองโมงสี่สิบนาที ให้ฉันกับเพื่อนๆ ดูกันอีกทีซิ"

"ได้ค่ะกัปตัน สักครู่ค่ะ"

สามวินาทีเท่านั้น คริสติน่าก็สามารถเสิร์ชหาข้อมูลพบและฉายภาพวีดิโอขึ้นจอยักษ์บนฝาผนังห้องซึ่งติดตั้งเหนือแผงควบคุม

"ทำสำเนาไฟล์เฉพาะเหตุการณ์ช่วงนี้ไว้ด้วย คริสติน่า เดี๋ยวฉันจะให้แอนดี้มาเอา"

"ได้ค่ะกัปตัน" และหลังจากเวลาผ่านไป 5 วินาที คริสติน่าก็ทำสำเนาไฟล์วีดิโอเฉพาะช่วงนั้นเสร็จเรียบร้อย กัปตันวันชนะสั่งให้แอนดี้เข้าไปดาวน์โหลดไฟล์เก็บไว้ในตัวของเขา จากนั้นจึงชวนทุกคนออกจากบ้านและกลับขึ้นยาน

"เราจะย้อนเวลาไปแอตแลนติสกันเลยไหมครับ กัปตัน ?" ยูไลเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น

"ยังก่อน ยูไล" กัปตันปฏิเสธ

"แล้ว...พวกเราจะไปไหนก่อนครับตอนนี้ ?" หนุ่มแซมถามบ้าง

"กลับไปบ่ายสองโมงสามสิบสามนาที ของวันที่ 12 กันยายนครับ แซม"

"หมายความว่า พวกเราจะไล่หลังติดตามพวกเขาไปหรือคะ ?" สาวจอยถามบ้าง

"เปล่าครับ" กัปตันปฏิเสธอีกครั้ง สร้างความงุนงงสงสัยแก่ทุกคน แต่พวกเขาก็ถึงบางอ้อเมื่อเขาเฉลย "ผมเพียงแต่ต้องการศึกษาสภาพอากาศ ณ บริเวณที่มีการเปิดพอร์ตว่าเป็นอย่างไรบ้าง และมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่เราจะตามหลังยานของสถาพรไปได้จากจุดนั้น ถ้าสามารถมุดพอร์ตตามเข้าไปได้เราก็จะมุดตามเข้าไป ถ้าไม่ได้ ก็คิดหาทางอื่นอีกที งานนี้ต้องละเอียดรอบคอบหน่อยครับ"

จากนั้น กัปตันและแอนดี้ ก็ขับยาน THE FUGITIVE ย้อนเวลาไป ณ เวลา 14:33 ของวันที่ 12 กันยายน ซึ่งเป็นเวลาสุดท้ายที่สถาพรปรากฏให้เห็นในวีดิโอที่ถูกบันทึกไว้ในขณะที่เขาซึ่งอยู่ภายใต้เกราะเหล็กอัจฉริยะอุ้มเอาบรรจงเหาะขึ้นฟ้าหายไปจากจอภาพ

ณ เวลานั้น กัปตันและทุกคนในยานยังทันเห็นยาน SAVIOR FALCON กำลังถูกดูดกลับเข้าไปในพอร์ต ส่วนหน้าของยานโผล่ออกมาเล็กน้อยเท่านั้น และสภาวะอากาศก็ปั่นป่วนแปรปรวนหนัก สายฟ้าแลบแปลบปลาบภายในวงกลมของพอร์ตอยู่ไม่ขาดสาย มากมายยิบยับไปหมด

"แคทเธอรีน!" กัปตันเรียกหาคอมพิวเตอร์ผู้ช่วย "ถ้าเราลอดเข้าไปในพอร์ตนั่น จะตามยานลำที่เข้าไปก่อนทันไหม หรือว่าจะช้ากว่าแค่ไหน ??"

"กระแสพลังงานภายในพอร์ตไม่เสถียรและรุนแรงจนถึงรุนแรงมาก เต็มไปด้วยประจุไฟฟ้า ไม่แนะนำให้เข้าไปค่ะกัปตัน อันตราย และแม้ว่าจะตามเข้าไปได้ แต่การจั๊มป์ อาจจะส่งยานไปคนละที่คนละเวลากับยานลำแรกที่เข้าไปก่อนแล้ว"

"คำนวณได้ไหม ว่ายานลำนั้นไปที่ไหน เวลาไหน ??"

"สักครู่ค่ะ กัปตัน"

แคทเธอรีนพยายามคำนวณหาเส้นทางและจุดเวลาที่ยาน SAVIOR FALCON ถูกส่งไป...และเมื่อเวลาผ่านไปถึง 5 นาที เธอจึงตอบ

"เสียใจด้วยค่ะกัปตัน ไม่สามารถแกะรอยได้ค่ะ !!"

"ก็นึกอยู่แล้ว..." กัปตันกล่าวตอบและส่ายหน้า "ขอบใจมาก แคทเธอรีน"

"ยินดีรับใช้เสมอค่ะ กัปตัน"

"แล้วแบบนี้ จะทำไงต่อไปครับ ?" ยูไล เกลเลอร์ ถาม

"ก็คงต้องเดาเอาเองแล้วหละ กะเวลาเอาเอง" กัปตันตอบ และมีสีหน้าหนักใจ

"ที่รัก ฉันว่า คุณยูไล อาจจะช่วยได้นะคะ" เอ็มม่านึกอะไรขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง จึงเสนอความเห็น

"ยังไงครับที่รัก ?"

"ตอนที่เราคุยกันวันก่อนในบ้านของคุณสถาพร แล้วคุณยูไลติดต่อเข้ามา บอกเรื่องการค้นพบแท่นหินซึ่งมีข้อความจารึกไว้เป็นชื่อของคุณสถาพรน่ะค่ะ"

"ครับ...แล้วไงต่อ ?" กัปตันถามต่อ เพราะตามความคิดของภรรยาต่างดาวไม่ทัน

"คุณยูไล สามารถตรวจสอบหาอายุของแท่นหินนั้นได้ ใช่ไหมคะ ?" เอ็มม่าหันมาถามหนุ่มพลังจิตเป็นภาษาอังกฤษ

"Yes, Ma'm" เขาพยักหน้าตอบยิ้มๆ

"งั้นคุณสามารถตรวจสอบ เฉพาะรอยอักษรซึ่งถูกจารึกนั่น โดยละเอียด ได้ไหมคะ ว่า มันผ่านมา กี่ปี กี่เดือน กี่วัน กี่ชั่วโมง และกี่นาทีแล้ว !!!"

"โอ้ว์...!!!" ยอดนักพลังจิตร้องจ๊าก "ยากเหมือนกันนะครับนั่น!!"

"แต่...นายทำได้ ใช่ไหม ?" กัปตันถามอย่างมีความหวัง

"เอิ่ม....พอทำได้ครับผม แต่มันต้องทำในห้องแล็ปครับ และอุปกรณ์ต้องครบ ที่สำคัญคือ เศษชิ้นส่วนของวัตถุ และ คาร์บอน 14 คือสิ่งที่ต้องมี ขาดไม่ได้ครับผม"

"แล้วนายมีติดตัวมาด้วยไหม ?"

"ก็มีครับ เพราะผมเป็นคนอาสาตรวจสอบด้วยตนเองตอนอยู่ในพิพิธภัณฑ์ แต่กัปตัน มีห้องแล็ปให้ผมทำงานไหม ?"

"ลองดู ใช้ห้องทำงานของฉัน นายต้องการอะไรบ้างก็ไปคุยกันในห้องนั้น ไปกันเลย!"

"โอเคครับผม"

กัปตันวันชนะพายูไลเข้าไปในห้องทำงานในยาน THE FUGITIVE หนุ่มยอดนักพลังจิตซึ่งมีความรอบคอบ หิ้วกระเป๋าทำงานของตัวเองขึ้นยานมาด้วยเพราะคิดว่าอาจมีความจำเป็นต้องใช้และมันก็จำเป็นจริงๆ เดินตามหลังกัปตันไปพร้อมกับคนอื่นๆ ซึ่งสนใจในเรื่องนี้กันทุกคน เพราะหากยูไลสามารถคำนวณได้โดยละเอียด พวกเขาหวังว่าจะสามารถติดตามสถาพรและคณะของเขาได้ในเวลาไล่หลังไม่ห่างกันมากนัก!

ในห้องทำงาน กัปตันจัดหากล้องจุลทรรศน์ซึ่งสามารถขยายให้เห็นลึกลงไปจนถึงอะตอมและนิวเคลียสของธาตุต่างๆ ได้เลยทีเดียวให้ยูไลใช้ ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ ก็ไม่เป็นปัญหา เขาจัดหาให้ได้ครบ

ยูไลนำชิ้นส่วนของแท่นหินชิ้นเล็กนิดเดียวซึ่งตนกระเทาะออกมาจากร่องรอยการแกะสลักเป็นตัวอักษรฟีนิเชียนใส่ลงไปในหลอดแก้วทดลองชนิดพิเศษทนทานต่อความร้อนสูงมากๆ ถึงขนาดที่ว่าจะใส่เพชรลงไปในมันแล้วเผาเพชรให้ป่นเป็นผุยผงเลยก็ยังได้!  เขาเผาเศษหินนั้นจนป่นหมดในหลอดตามกรรมวิธี "คาร์บอน 14" ต่อด้วยการหาปริมาณของ C-14 ที่เหลือ นำไปเทียบสัดส่วนกับธาตุ C-12 และคำนวณหาอายุอย่างละเอียดมากที่สุดเท่าที่ตนเองจะทำได้

ช่วงเวลาขณะที่ยูไลกำลังมีสมาธิทำงานด้วยความละเอียดพิถีพิถันอยู่ กัปตันวันชนะชวนทุกคนออกจากห้องทำงานของตน ปล่อยให้ยูไลทำงานคนเดียวเพื่อจะได้ไม่รบกวนสมาธิของเขา ทุกคนจึงออกมา แล้วกัปตันจึงเริ่มปรึกษาเรื่องการเดินทางเพิ่มเติม

"ทุกๆคนครับ เราใกล้จะได้เวลาที่เป็นจุดหมายปลายทางจากยูไลแล้ว คิดว่าคงอีกไม่นาน ตอนนี้ผมมีไอเดียอีกอย่างหนึ่งที่จะบอก หลายคนที่เคยเดินทางท่องกาลเวลาไปด้วยกันก่อนจะได้พบกับสถาพร อาจจะรู้สึกตื่นเต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณจอยกับคุณแซมอาจจะดีใจหรือตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ"

"ทำไมหรือคะ กัปตัน ?" สาวจอยถามทันที และแซมก็ทำหน้าตาตื่น

"เพราะว่า พวกเรา...จะกลับไปเยี่ยม ฟาโรห์คูฟู และ เจ้าหญิงออเรร่า ที่อียิปต์กันครับ !!"

สาวจอยกรี๊ดลั่นทันทีด้วยความดีอกดีใจ ! แล้วจึงถามเหตุผล

"ทำไมกัปตันจึงคิดจะกลับไปหาพวกเค้าคะ ? อ๊ายยย!! ดีใจๆ จะได้เจอน้องออเรร่า !!" เธอแสดงอาการลิงโลดอย่างสุดๆ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอคิดถึงดินแดนไอยคุปต์สมัยนั้นบ่อยครั้ง แต่ที่คิดถึงมากที่สุดก็คือ ออเรร่า สาวชาวอียิปต์ผู้เคราะห์ร้ายตกเป็นทาสสวาทหฤโหดของเร็ปไทเลี่ยนผู้ปลอมตัวเป็นฟาโรห์ และเคราะห์ดีที่มีชีวิตรอดไปพบกับชาวคณะ THE FUGITIVE กลางป่า จนในที่สุดพวกเขาและชาวเนโอโซรอสช่วยกันปราบพวกเร็ปไทเลี่ยน คืนบัลลังก์ให้ฟาโรห์ และตนกับสาวจอยได้กลายเป็นพระขนิษฐาองค์ใหญ่และองค์เล็กของฟาโรห์ในที่สุด นั่นเอง!

"คืออย่างนี้ครับ..." กัปตันเริ่มอธิบาย "ผมคิดว่า การที่พวกเรา กำลังจะเดินทางย้อนเวลาไปในอดีตซึ่งไกลถึงหมื่นสองพันปี มากกว่าทุกครั้งที่เราเคยเดินทาง ตอนที่เราไปเมืองโซดอม ก็ประมาณห้าหกพันปีเท่านั้น แต่นี่มันหมื่นสองพันปี !! อันนี้เนี่ย...เราควรมีคนที่พูดภาษาโบราณเพิ่ม ออเรร่า อาจช่วยเราได้ แม้ว่านางจะพูดภาษาอียิปต์โบราณ แต่นางอาจพูดภาษาอื่นๆ ได้อีกก็เป็นได้ ตอนนี้ ในหมู่พวกเรา ผู้ที่สามารถพูดภาษาโบราณได้ ก็มีแต่ เอ็มม่า แอนดี้ และคุณจอย ถ้ายังจำได้นะครับ"

"หูยยย...มันผ่านมาหลายปีแล้ว จำไม่ได้แล้วละค่ะ! คงต้องไปยืนดูรูปเขียนของตัวเองบนผนังกำแพงที่ฟาโรห์ถูกจับไปแช่แข็งนั่น แล้วให้ตัวเองจมดิ่งลงไปในภวังค์อีกรอบมั้งคะกัปตัน !! ฮะๆๆ" พระพี่นางของออเรร่าพูดแล้วก็หัวเราะร่วน

"อาจจะไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นก็ได้นะครับ คุณจอย" มหาเอกกล่าวสอดแทรกเข้ามา

"หืมม ??? คุณเอก มีวิธีช่วยจอยหรือคะ ?" เธอหันมาถามเขา

"ครับ! ผมคิดว่า ผมช่วยคุณจอยได้ครับ"

"ทำไงคะ ??" เธอถามและทำตาโตด้วยความทึ่ง

"ก็ สอนคุณจอยทำสมาธิน่ะสิครับ มันจะช่วยรื้อฟื้นความทรงจำเก่าๆ ที่ผ่านมาได้ครับผม"

"พี่จอยให้พี่เอกสอนการทำสมาธิเถอะค่ะ มันยอดเยี่ยมมากเลยนะคะ" สาวแอนนาช่วยแนะนำอีกคน

"อื้มม!! เอาก็เอาค่ะ !!" พระขนิษฐาฟาโรห์ตอบตกลง

"แอนนาจะช่วยพี่จอยอีกคนนึงค่ะ จะได้สำเร็จไวขึ้น!"

"โอ้!  ได้น้องแอนนาช่วยอีกคนก็เยี่ยมเลย!!" สาวจอยกล่าวแล้วยิ้มแป้น หันมาถามอดีตมหาเปรียญต่อ "แล้ว จะสอนกันตอนไหนดีคะ คุณเอก ?"

"ก็เอาตอนนี้เลยครับ !! ขณะที่กำลังรอผลการตรวจคาร์บอน 14 จากยูไลเนี่ยครับ" มหาเอกชวนทันที

"เดี๋ยวแป๊บนึงครับ ผมยังพูดไม่จบเลย! ใจร้อนกันจริงพวกเรา !!" กัปตันพูดเบรคลูกน้องแล้วก็หัวเราะ

"อ้อ ค่ะๆ กัปตัน แล้วไงต่อคะ จะไปชวนออเรร่าเดินทางด้วย ใช่ไหมคะ ?" สาวจอยถามต่อแบบต้องการคำตอบสรุป

"ใช่ครับ"

"อืมม....จอยว่า ฟาโรห์คงจะเหงาแน่เลยเมื่อออเรร่าไม่อยู่ สงสารอะ"

"ไม่เป็นไรหรอกน่า จอย" หนุ่มแซมพูดแย้งแกมปลอบ "นางสนมนางในมีตั้งเยอะ คงไม่เหงาหรอก เผลอๆ เราไปถึงแล้ว พระองค์อาจจะได้อภิเษกสมรสมีราชินีไปแล้วก็เป็นได้นา"

"เราก็ต้องค่อยๆ พูดหว่านล้อมพระองค์ เพื่อขอยืมตัวออเรร่า ผมคิดว่าพระองค์คงไม่ทรงปฏิเสธพวกเราหรอกครับ" กัปตันกล่าว จากนั้นจึงบอกกับสาวจอย มหาเอก และแอนนา "เอาละ ตอนนี้ มีเวลาอยู่ก็พากันไปนั่งสมาธิกันเถอะครับ มีแอนนาช่วยอีกคน น่าจะง่ายขึ้น เร็วขึ้นครับคุณจอย"

"ค่ะ กัปตัน"/ "ครับ กัปตัน" / "ค่ะ คุณพ่อ"

ทั้งสามคนรับคำของกัปตัน จากนั้น มหาเอกจึงพาสาวจอยและแอนนาไปที่ห้องของตนเพื่อถ่ายทอดวิชาทำสมาธิเรียกความทรงจำของพระขนิษฐาฟาโรห์ให้กลับคืนมาต่อไป...

"ช่วงแรก คุณจอย นั่งสมาธิภาวนาแบบธรรมดาๆ ก่อนนะครับ" มหาเอกเริ่มสอนทันทีที่ทั้งสามได้เข้ามาในห้องและสาวจอยนั่งลงกับพื้นแล้ว 

"นั่งกำหนดลมหายใจเข้าออก ภาวนา หายใจเข้า พุท หายใจออก โธ ใช่ไหมคะ ?"

"ใช่ครับผม ทำเพื่อปูพื้นฐานก่อน สักสิบนาที หลังจากนั้น รอคำสั่งจากผม หลับตาตลอดนะครับ"

"ค่ะ!"

"แอนช่วยด้วยคนค่ะ พี่จอยนั่งไปเรื่อยๆ นะคะ" แอนนากล่าวแล้วนั่งลงข้างๆ ยื่นฝ่ามือข้างขวาแตะที่ศีรษะของสาวจอย ทำจิตสงบนิ่ง

ด้วยความช่วยเหลือจากสาวพลังจิต ทำให้จิตของพระขนิษฐาองค์ใหญ่ของฟาโรห์คูฟูเป็นสมาธิแน่วแน่และนิ่งอย่างรวดเร็ว รอจนถึงครบกำหนดเวลาสิบนาทีตามที่มหาเอกบอกไว้แล้ว เธอจึงได้ยินเสียงเขาสั่งมาเบาๆ

"นึกย้อนกลับไป ในวันที่พวกเราเข้าไปในสุสานที่ฟาโรห์ถูกเก็บซ่อนตัวไว้นะครับ นึกให้เห็นภาพ"

"เห็นแล้วค่ะ....เข้าไปข้างในแล้ว..."  เธอตอบอย่างแผ่วเบา

"ไปให้ถึงภาพของตัวเองตอนเป็น อามุนต้า บนผนังกำแพงครับ"

"ถึงแล้ว....เห็นแล้วค่ะ ภาพวาดบนกำแพง หน้าเหมือนจอยไม่มีผิดเลย"

"ดีมากครับ....ต่อไป นึกถึงคำพูดต่างๆ ของตัวเอง และขององค์ฟาโรห์ ที่เคยพูดคุยกันครับ..."

"ค่ะ..." และไม่กี่นาทีหลังจากนั้น เธอก็พูดภาษาอียิปต์โบราณออกมา กลายเป็น "อามุนต้า" อย่างเต็มตัว อีกครั้ง !!

"เพคะ ฝ่าบาท.........หามิได้เพคะ  หากแต่ หม่อมฉันกำลังตามหา.......ท่านหัวหน้านักบวช.........เขากลับมาแล้ว ใช่ไหมเพคะ ฝ่าบาท......."
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่