[CR] รีวิว เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง คันไซ โอซาก้า ช่วงซากุระ EP.2

มาแล้วจ้า มาต่อ Day 3 กันน้า วันนี้เป็นวันแรกที่จะเที่ยวแบบเต็มๆ วัน เราจะเริ่มซอฟ ๆ กันที่โอซาก้า ก่อน เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัว เพราะปกติอยู่เมืองไทยบ้านเรา ก็ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย หรือ เดินอะไรเยอะๆ เดี๋ยวขาจะเดี้ยงซะก่อน แล้วเดี๋ยววันที่เหลือจะไม่ไหว แฮร่
ติดตาม EP.1 ได้ตรงนี้ค่า https://ppantip.com/topic/38726394
ติดตาม EP.3 ได้ตรงนี้ค่า https://ppantip.com/topic/38753792
ติดตาม EP.4 ได้ตรงนี้ค่า https://ppantip.com/topic/38782078
ติดตาม EP.5 ได้ที่นี่ค่า https://ppantip.com/topic/38872891
 
อ่ะมาเริ่มกัน ด้วยการตื่นสาย นิดหน่อย วันนี้ที่แรกที่เราจะไปกันก็คือ วัดชิเทนโนจิ ซึ่งเป็นวัดพุทธแห่งแรกของญี่ปุ่นมีอายุกว่า1400 ปี เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นอีกด้วย เราออกจากที่พักย่านชินไซบาชิ ตอนประมาณ 9:00เดินไปที่สถานีShinsaibashi Station ขึ้นรถไฟสายสีเขียวอ่อน นั่งไป 3 สถานี แล้วลงที่ สถานี Tanimachi 6-chome แล้วสลับภายในสถานี ไปขึ้นสายสีม่วง นั่งไป 2 ป้าย ลงที่สถานี Shitennoji-mae Yuhigaoka โดยเราจะใช้เวลาเดินทางประมาณ25 นาที (ถ้าเราไม่งง ไม่หลงซะก่อน 55)
วันนี้เราจะใช้บัตร One Day Pass ที่เราได้มากับแพคเกจของ Yokoso Osaka Ticket บัตรนี้สามารถใช้นั่งรถไฟในโอซาก้า ได้ตลอด 1 วัน จะกี่รอบก็ได้ ยกเว้น JR และ รถไฟขบวนพิเศษ  หรือ ที่เป็น Limited Express
ตอนนี้เราก็มาถึงที่สถานีปลายทางแล้วนะคะ เดี๋ยวเราจะออกที่ ทางออก4 แล้วเดินต่ออีกประมาณ850 เมตร ค่า (มาเที่ยวก็ต้องเดินเป็นปกติเนอะ ^^’)
ออกมาจากทางออก 4 เราก็เปิด Google Map เดิน ตรงอย่างเดียวเลยค่า จะมีเลี้ยวครั้งเดียวตอนถึงหน้าวัด คือเลี้ยวแล้วเดินเข้าหน้าวัดเลยค่ะ
ประวัติของวัดชิเทนโนจิ ที่เราอ่านมาและจะสรุปประมาณนี้นะคะ เริ่มจากที่เจ้าชายโชโทคุ ท่านเคยอธิฐานขอไว้ตอนที่ไปออกรบ ว่าถ้าท่านรบชนะ จะนำศาสนาพุทธเข้ามาเผยแผ่ ที่ญี่ปุ่น ซึ่งในครั้งนั้นท่านก็รบชนะจริง ๆ ท่านจึงได้สร้างวัดพุทธแห่งนี้ขึ้นมา ซึ่งเจ้าชายโชโทคุ ท่านไม่ได้เพียงแค่สร้างวัดพุทธแห่งแรกนี้เท่านั้น แต่ท่านยังได้เป็นคนวางรากฐานระบบสังคมสงเคราะห์ทั้ง4 คือ 1.สถาบันศาสนาและการศึกษา 2.โรงพยาบาล 3.สวัสดิการสังคม 4.เภสัชสถาน ซึ่งในปัจจุบัน ที่ญี่ปุ่นเค้าก็ยังคงใช้ระบบนี้สืบทอดต่อกันมาค่ะ
พอถึงที่วัดเราก็ซื้อตั๋ว ราคา300 เยน เพื่อเข้าไปชมบริเวณวัด และ จะมีบริเวณภายในอาคารที่เป็นที่เก็บรักษาสมบัติของเจ้าชายโชโทคุ ด้วย
อาคารที่เก็บรักษาสมบัติของเจ้าชายโชโทคุ ด้านในสวยมาก มีพระพุทธรูปองใหญ่ และ บนพนังรอบ ๆ มีภาพการประสูติ ตรัสรู้ และ ปริณิพาน ของพระพุทธเจ้าอยู่ด้วย ซึ่งสวยงามมากค่ะ ถ้าใครมีโอกาสไปลองแวะไปเยี่ยมชมได้น้า (เค้าห้ามถ่ายภาพ ค่ะ )
แล้วก็ถ้าใครมาจังหวะในช่วงวันที่ 21 และ 22 ของทุกเดือนที่บริเวณวัดจะมีตลาดนัดด้วยนะคะ มีทั้งสินค้า มือ1 มือ 2 ก็ได้ไปอีกบรรยากาศนึง
ดูบรรยากาศรอบ ๆ บริเวณวัดกัน
เดี๋ยวเราจะพาออกไปด้านข้าง ๆ วัดนะคะ(แต่ก็ยังอยู่ในบริเวณวัด) ตรงจุดนี้มีต้นซากุระ อยู่หลายสิบต้นค่ะ และ มีเป็นที่นั่งพัก ในนั้นจะมีอาหารขายกรุบกริบ และ ตู้กดน้ำหลายตู้ ให้นั่งพักหย่อนใจสบาย ๆ แถมได้นั่งชมซากุระ สวย ๆ ได้อีกด้วย
ซากุระมีหลายต้นให้เราชื่นชมค่า คนไม่ได้เยอะมาก จึงทำให้เราได้ถ่ายรูปกันแบบจุใจไปเลย ^^
วันนั้นจำได้ว่ามีคู่บ่าวสาว ชาวญี่ปุ่น มาถ่ายพรีเวดดิ้งด้วย 
หลังจากเต็มอิ่มกับการชมวัดพุทธแห่งแรก และ ซากุระ สวย ๆ แล้ว ท้องก็เริ่มร้องแล้วจ้า มื้อกลางวันของช้าน เดี๋ยวจะพาไปกินซูชิ ร้านเอนโดซูชิ สาขาที่อยู่ในห้างKeihan Mall ชั้น 5 ขอบอกว่ากว่าจะมาถึงมีหลงลงสถานีผิดไป1 รอบ ><’ เอาเป็นว่าเดี๋ยวเรามาบอกวิธีเดินทางที่ถูกต้องกันเนอะ ของเราเริ่มต้นที่สถานี Shitennoji-mae(สายสีม่วง)นั่งไป 4ป้าย ลงที่สถานี Temmabashi แล้ว สลับไปนั่งสายสีแดงนั่งไป 1 ป้าย แล้วลงที่สถานี Kyobashiจากนั้นให้เดินตามป้ายเข้าห้างKeihan Mall
 ร้านจะอยู่ที่ชั้น 5 โซนนั้น ก็จะมีร้านอาหารอยู่หลายร้านเหมือนกันค่ะ จำได้ว่าก่อนถึงชั้นที่ 5 ก็จะต้องเดินผ่านชั้นเสื้อผ้าก่อนด้วย หาไม่ยากค่ะ
พอมาถึงด้วยความหิว และ เวลาที่ล่วงเลยมื้อกลางวันมาแล้วเกือบ 2 ชั่วโมง พอเจอร้านเราก็รีบพุ่งเข้าไป สั่งกันรัว ๆ เลยค่า มีเมนูรูปภาพ และ ภาษาอังกฤษกำกับให้ด้วย สั่งไม่ยากค่ะ ที่สาขานี้ ที่นั่งๆ สบายๆ มีโต๊ะเยอะพอสมควร และที่สั่งเกตุเห็นก็คือส่วนใหญ่ 90% เป็นชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาทานค่ะ ว่าแล้วเราก็มาดูหน้าตาซูชิที่เราสั่งมาทานกันดีกว่า มา ๆ
ขอบอกว่าปลาสดมาก ไม่มีกลิ่นคาวเลย อุนิ ก็หวาน สดมากๆ ที่ร้านนี้ปั้นซูชิให้ปลาให้ชิ้นใหญ่กว่าข้าวทุกคำ ชอบมากตรงที่โชยุ เค้ามีแปรงเล็กๆ มาให้เราไว้ป้ายที่ปลา ไม่นั้นเราคีบจิ้มทีไรข้าวแตกตลอด555
ที่สั่งรอบแรกหมดไปแล้ว แต่รู้สึกว่ายังไม่อิ่ม ขออีกซัก 2 เซท ละกัน แฮร่ ๆ
อิ่มละไปต่อได้ สรุปมื้อนี้เราทานกันไปทั้งหมด 6 เซท ซุป 2 ถ้วย และ ชาร้อน 2 ที่ หมดไปประมาณ 8,000 เยน นิด ๆ ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนไม่สะดวกตื่นเข้าไปที่ตลาดปลา หรือ อยากมาทานเป็นมื้อกลางวัน แนะนำเลยค่ะ นั่งทานสบาย ๆ แอร์เย็น ๆ ไปอี๊ก
กินอิ่ม จ่ายตังเรียบร้อย พร้อมไปอีกจุดหมายปลายทางนึง ก็คือ เดน เดน ทาวน์ สวรรค์ของคนรักอนิเมะ แห่งภูมิภาคคันไซ มาค่ะ ไปกัน เริ่มที่สถานี Kyobashi (นั่งสายสีเขียวอ่อน) นั่งไป 6 ป้าย ลงที่ สถานี Nagahoribashiแล้วสลับสายรถไฟในสถานี มานั่งสายสีน้ำตาล นั่งไป 1 ป้าย ลงที่สถานี Nippombashi ทางออก 10 
จริง ๆ แล้ว เดน เดน ทาวน์ เป็นย่านที่กว้าง ถ้าไม่ปักหมุดว่าจะไปร้านไหนบ้าง อาจจะทำให้เดินวกไปวนมา เราก็เลยปักหมุดเดินตามร้านที่เราอยากจะไปดูก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยเดินวนเล่นไปเรื่อย ๆ
และ สำหรับใครที่จะมาตลาดคุโรมง แนะนำให้มาลงที่สถานี Nipombashi ออกทางออก 10เดินขึ้นมานิดเดียวก็เจอทางเดินเข้าตลาดเลยค่ะ กินเสร็จก็เดินเล่นเดน เดน ต่อได้เลย
ร้านแรกที่เราจะไปกันก็คือ ร้าน A-Too ค่ะ ร้านนี้จะมีพวกแผ่นเกมส์ขาย ทั้งเก่าใหม่ มือ1มือ2 เครื่องเกมส์เก่า ๆ ก็มี ราคาก็ตามสภาพของ หรือ ความนิยม ของนักสะสม ในร้านเค้าไม่อนุญาตให้เราถ่ายรูป นะคะ แต่ของมีเยอะพอสมควรเลยค่ะ สาวกเกมส์เก่า หรือ อยากหาแผ่นเก่า สะสม ลองไปเดินดูได้จ้า
อีกร้านที่ไม่ได้อยู่ในList แต่เราเดินเจอโดยบังเอิญชื่อร้าน Vloks Inc อยู่ใกล้ ๆ ร้าน A-too นั้นแหละค่า ใครที่เป็นสาวก One-Pieceไม่ควรพลาดเลย เพราะมีด๋อย ฟิกเกอร์ เยอะมาก ๆ 
จริง ๆ มีทั้ง นารูโตะ,ดราก้อนบอล,Attack on Titan และ อีกหลายเรื่อง แต่ที่ดูจากสายตาแล้ว One-Piece เยอะที่สุด วิธีการซื้อ ก็คือทางร้านเค้าจะมีกระดาษ กับดินสอ ให้เราหยิบ และที่ตัวฟิกเกอร์ หรือ ด๋อย จะมีรหัสติดอยู่ ให้เราจดรหัส มาให้พนักงาน แล้วเค้าจะไปเอาของจากตู้ มาให้เราเช็คสินค้าอีกที ถ้าเราโอเค ก็ไปจ่ายตังที่แคชเชียร์ ได้เลย ค่า ^^(เค้าห้ามถ่ายภาพจ้า)
ต่อไปเราอยากจะไป ที่ร้าน Naniwa ที่มีตู้กาชาปองเยอะ ๆ แต่. . . . . ระหว่างทางนั้น สายตาเราก็ไปตกกระทบที่ร้านแพนเค้กยอดนิยม ของโอซาก้า ก็คือ “Gram” เรากินคาวมาแล้วแต่ยังได้กินหวานซะด้วย ขอลองหน่อยละกันเนอะ อิอิ
จากป้ายร้านที่เราเห็น ก็เดินขึ้นมาชั้น 2 พนักงานก็พาเราไปนั่ง ร้านตกแต่งน่ารักๆ จุ่มจิ๋ม ๆ ที่นั่งมีเยอะพอสมควร ไม่อึดอัด แต่เป็นที่น่าเสียดายนิดนึง แพนเค้ก ตัวนุ่มฟู ซูเฟล่ นั้นหมดแล้ว เพราะเค้าจำกัดการเสิร์ฟ ในแต่ละรอบ แค่ 20 จานเท่านั้น วันนึงมี 3 รอบ 11:00 , 15:00 , 18:00 ถ้าใครสนใจลองวางแผนให้ไปตรงตามรอบดูน้า
แพนเค้กที่เราสั่งมามี2 จาน เป็นแพนเค้ก ครีมทีรามิสุ และ ออริจินอล  แล้วเราก็สั่งชาเออเกรย์ร้อน มาทานด้วย ได้มาเป็นกาเลยค่า
เราชอบแบบ ออริจินอล มากกว่า เพราะทีรามิสุ มีครีมด้วยเราว่ามันเลี่ยนไปนิดนึง สรุปค่าเสียหายทั้งหมด 2,100 เยน 
อิ่มของหวานแล้ว ไปต่อค่ะ เดินออกกำลังกายกัน ไปหาร้าน Naniwaกันต่อ เราเปิด Google Map เดินต่อมากอีกไม่ไกล ก็เจอร้านที่เราตามหา 
สังเกตง่าย ๆ หน้าร้านมีตู้กาชาปองเยอะ ๆ เป็นแผง ๆ เลย
ส่วนด้านในร้าน (ห้ามถ่ายรูปจ้า) ถ้าใครไม่อยากลุ้นหมุนเอง เค้าก็มีแบบตัวที่แกะแล้ว ให้เราเลือกซื้อด้วย แต่ตัวที่เป็นซีเคร็ด หายาก ราคาอยากจะสูงกว่าที่เราจะต้องไปหมุนลุ้นเอาเอง หรือ พวกตัวเก่า ๆ ที่เค้านิยมกัน ก็มีน้า แต่ราคาก็จะสูงกว่าราคาปกตินิดหน่อย แต่เราเชื่อว่าสำหรับสาวกที่อยากได้จริง ๆ ไม่หวั่นอยู่แล้ว อิอิ
เดี๋ยวต่อด้านล่างนะคะ ^^
ชื่อสินค้า:   ญี่ปุ่น , Japan , kyoto , kansai , osaka , mie , kobe , hiroshima , okayama , ise
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่