สวัสดีค่ะ
นี่เป็นกระทู้แรกของเราค่ะ ถ้าผิดพลาดประการใดต้องขออภัย และ ขอคำชี้แนะ ด้วยนะคะ ^^
โดยกระทู้นี้เราจะมาแบ่งปันประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง2018 ช่วงซากุระบาน ใช่ค่ะ เกือบ 1 ปี พอดีเลย 555
โดยเป็นการเที่ยวญี่ปุ่นรอบที่ 2 ของเรา ในช่วงซากุระ เราวางแผนเที่ยวในแถบคันไซ และ ชูโกกุ เป็นเวลา 12 วัน 11 คืน
เมืองที่เราไป คือ Osaka,Kyoto,Kobe,Himeji,Mie, Okayama,Hiroshima
การเที่ยวของเราทั้งหมดจะเป็น One Day Trip นะคะ เราพักที่Osaka ทั้ง 11 คืน โดยสถานที่ ๆ เราจะไปเที่ยวนั้น เราจะเช็คข้อมูลการเดินทางแล้วว่า
ถ้าเที่ยวแบบ One Day Trip จะไม่เหนื่อยจนเกินไป แล้วก็ ไม่ชะโงกทัวร์ ^^’
สำหรับพาสที่เราใช้ จะมี 1. Jr Kansai Hiroshima 5 Day เราใช้เดินทางไป Himaji,Okayama,Hiroshima ,Kyoto
2. Kintestu Rail Pass 5 Day เราใช้เดินทางไปเที่ยวIse (จ.Mie)
3. Yokoso Osaka Ticket ใช้เดินทางจากสนามบินคันไซเข้าเมือง และ ได้ One Day Pass 1 ใบ ไว้ใช้เดินทางในOsaka
ติดตามอ่าน EP.2 ได้ที่นี่ค่า
https://ppantip.com/topic/38741874
ติดตามอ่าน EP.3 ได้ที่นี่ค่า
https://ppantip.com/topic/38753792
ติดตามอ่าน EP.4 ได้ที่นี่ค่า
https://ppantip.com/topic/38782078
ติดตามอ่าน EP.5 ได้ที่นี่ค่า
https://ppantip.com/topic/38872891
เรามาเริ่มเดินทางกันเลยดีกว่าค่า เราบินกับ Japan Airlines บินดึก ถึงญี่ปุ่นตอนเช้า โหลดกระเป๋าได้ 2 ใบ แต่น้ำหนักต่อใบ ต้องไม่เกิน 23 กิโลกรัม น้า
ขากลับเราเลยใช้วิธีพกกระเป๋างอก ไปแบ่งทอน น้ำหนัก ออกมาอีกใบจ้า
ได้เวลาเช็คอินแล้ว มายืนรอต่อแถวกันเลย
เช็คอินเรียบร้อย ก็ เข้ามาด้านใน มาหาอะไรรองท้องมื้อเย็นกันที่ King Power Lounge ของกินมีให้พอรองท้องกรุบกริบๆ ก๋วยเตี๋ยวไก่ ซาลาเปา เค้ก สลัด ชา กาแฟ น้ำอัดลม
กินเสร็จก็เดินเล่นนิดหน่อย แล้วก็มานั่งรอขึ้นเครื่อง พร้อมนอน อิอิ
เรามาถึงญี่ปุ่นสนามบินคันไซ ประมาณ 6:30 ผ่าน ต.ม. รับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว มาถึงเช้าขนาดนี้ขอเติมความสดชื่นด้วยการอาบน้ำที่ Lounge สนามบินกันหน่อย ราคาอยู่ที่คนละ 510 เยน จ่ายตอนใช้บริการเรียบร้อยค่ะ
ตอนที่เราไปติดต่อก็แจ้งว่าเราจะใช้บริการอาบน้ำ เค้าก็จะให้เหรีญเรามา 1 เหรียญ เอาไว้หยอดที่ตู้อาบน้ำ ในห้องของเรา (หน้าตาคล้ายๆ เหรียญ 10 บ้านเราเลย)
จะใช้เวลาในห้องน้ำ+ห้องแต่งตัว ได้ 1 ชั่วโมง แต่ในส่วนของน้ำที่ใช้อาบ จะไหลให้เราใช้ได้ 15 นาที
แต่เราสามารถกดหยุด และกดเปิดใช้ต่อได้ แต่ก็อยู่ในเวลา 15 นาที ที่ตรงฝักบัว จะมีเวลาโชว์ให้ดูด้วย ตามภาพคือเวลาที่เหลือที่น้ำฝักบัวจะไหลอาบเสร็จแล้วออกมาจ่ายตังตรง เคาน์เตอร์ ค่ะ
สดชื่นพร้อมเที่ยวละ ก่อนเข้าเมือง เห็นเคาน์เตอร์JR คน ไม่เยอะ เลยไปแลกพาสไว้ก่อน โดยตอนแลกเจ้าหน้าที่จะถามเราเลยว่าจะเริ่มใช้พาสวันไหน เค้าก็จะระบุวันที่จะเริ่มใช้ ลงไปที่พาสของเรา หลังจากนั้นเสร็จแล้วเราก็เดินไปทางฝั่งของNankaiเพื่อแลกตั๋วเข้าเมือง ที่เราซื้อมาจากไทย ใช้เวลาแป๊บเดียว ก็เสร็จเรียบร้อย
ลงมารอรถเตรียมเข้าเมืองแล้ว ขบวนที่เรานั่งจะเป็น Limited Express ค่ะ ใช้เวลาเดินทางจากสนามบิน ถึงNamba แค่ 38 นาทีเท่านั้น
เช็คตารางรถล่วงหน้าได้ที่นี่เลยค่า
https://www.howto-osaka.com/en/traffic/train/timetable.html
บรรยากาศในรถจ้า
ถึงแล้ว สถานี Namba สถานีนี้ถือว่าเป็นสถานนีที่ใหญ่มาก และ มีสายรถไฟให้บริการหลายสายมาก ซึ่งเราก็หลงมาแล้วจ้า ประเดิมวันแรกนี่เลย 555
มาถึงแล้วก็ขอฝากกระเป๋าใบอวบของเรา 2 ใบก่อนน้า ตู้ล็อคเกอร์มีเยอะพอสมควรเลยค่ะ เดี๋ยวแปะรูปFloor Plan ไว้ให้น้า ตู้จะรับแค่เหรียญ 100 เยน เท่านั้นนะคะ แต่ไม่ต้องห่วงค่าเค้ามี เคาน์เตอร์ ให้แลกเหรียญได้ อยู่บริเวณใกล้ๆ กัน
ฝากประเป๋าเรียบร้อยสบายใจละ ไปเที่ยวกันเลย ประเดิมทีแรก ขอเอาฤกษ์เอาชัย ไปขอพรที่ศาลเจ้าสุมิโยชิ ไทฉะ กันก่อน ศาลเจ้านี้มีอายุ 1800 กว่าปี
ซึ่งในช่วงปีใหม่ จะมีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาขอพร สักการะเป็นจำนวนมากเกือบๆ 2 ล้านคน ต่อปี เป็นศาลเจ้าที่สมัยก่อนนักเดินทาง เดินเรือ จะมาขอพรให้แคล้วคลาดปลอดภัย
การเดินทางจากสถานี Namba ไม่ยากค่ะ นั่งต่อเดียวถึงเลย นั่ง Nankai Line ที่ Platform 7 นั่ง ไป 5 ป้าย ลงที่สถานี Sumiyoshitaisha Station เดินออกจากสถานี เลี้ยวซ้ายมองตรงไปก็จะเห็นศาลเจ้าเลย สังเกตเห็นสะพานสีแดงๆ แต่ไกลนู้น ไม่หลงแน่นอนค่ะ
จุดเด่นของศาลเจ้านี้อยู่ที่สะพานโค้งสีแดง ที่มีความโค้งมากถึง 180 องศา จึงทำให้เวลาเห็นภาพเงาสะท้อนในน้ำ เหมือนกับว่าสะพานเป็นรูปวงกลม แบบในภาพ แต่ว่า ภาพของเรามันไม่ค่อยกลมซักเท่าไหร่ 555 สงสัยแสงตกกระทบในมุมที่ไม่เหมาะ^^’
ที่ศาลเจ้าแห่งนี้มีความพิเศษคือ ปกติศาลเจ้าชินโตจะมีศาลเจ้าเอกเพียงศาลเดียว แต่สำหรับที่นี่มีถึง 4 ศาลเจ้าเอก
โดยจะสักการะตามลำดับตามในภาพนะคะ
ด้านในสุดยังมีศาลเจ้าย่อย ที่มีคนเข้ามาสักการะขอพรเกี่ยวกับการค้าขาย ชื่อศาลเจ้านันกุนฉะ มีเครื่องรางให้เราบูชากลับไปที่บ้านได้ด้วยค่ะ
ขอพรเป็นที่สบายใจเรียบร้อยแล้ว ต่อไปเราก็ขอประเดิม Trip ของเรา ด้วยอาหารการกินกันเลยละกัน อิอิ ที่ Kuromon Ichiba Market
เริ่มการเดินทางจากศาลเจ้า นั่งสาย Nankaiย้อนกลับมา 1 ป้าย ลงที่ Namba แล้วออกจากสถานี เปิด Google Map เดินต่ออีก ประมาณ 600เมตร ก็ถึงแล้วค่า
ถึงแล้วครัวแห่งโอซาก้า ไม่มาได้ไง อย่าแรกที่เราประเดิมก็คือขนม Shiroi Koibito555อยากกินมากตั้งแต่ปีที่แล้ว เจอร้านขายของฝากในตลาดคุโรมง
ก็เลยซื้อก่อนเลย 18 ชิ้น 1,xxx เยน ไม่แน่ใจ แต่รู้สึกว่าเค้าจะบวกราคาจากราคาปกติขึ้นมาหน่อย น้า
หอยเชลล์เสียบไม้ย่าง ราคาไม้ละ 850 เยน เราเลือกแบบที่ไม่มีเครื่องใน หอยตัวใหญ่มาก ทาซอสบาง ๆ ที่เราเลือกร้านนี้แบบไม่ต้องคิดมาก
เพราะปีที่แล้วเราก็มาทานที่ร้านคุณป้าค่ะ หอยสดมาก คุณป้าย่างสุกกำลังดี แกบอกเราว่าหอยมาจากฮอกไกโด เกรดเดียวกับที่ใช้ทำซาซิมิ เลย
จากร้านคุณป้าหอยเชลล์ เราก็มาต่อกันที่ เมลอน ขอผลไม้ล้างปากหน่อยอิอิ เมลอนสีเขียวราคาชิ้นละ 400 เยน จริง ๆ ซื้อ 2 ชิ้นคุ้มกว่า แต่ด้วยความงก
อยากเผื่อท้องไว้กินหลายๆ อย่าง เลยซื้อไม้เดียว แล้วก็ไม่ผิดหวังเลย เมล่อนหวาน หอม นุ่ม ฉ่ำ มาก ๆ จ้า
มาต่อ ๆ เดินมาเจอร้านขายสตรอว์เบอรี่ (ช่วงที่เราไปเป็นหน้าสตรอว์เบอรี่) เลยจัดมาอีก 2 แพค 1,900 เยน กะว่าเอาไปแช่ตู้เย็นไว้กินที่ ๆพัก ได้มาแบบสีแดง และสีขาวๆ ชมพูๆ เราชอบสีแดงมากกว่ารสชาติจะจัดกว่าสีขาว แต่สีขาวจะมีควาหอมละมุนๆ กว่า แต่ถ้าใครไปแล้วเจอช่วงหน้าสตรอว์เบอรี่ พอดี ก็จัดเลยค่า
เพราะถ้าลูกไซส์นี้ พันธ์แบบนี้ ยังไงราคาก็ถูกกว่าบ้านเราค่ะ
ต่อมาก็ร้านเนื้อเลยค่า ร้านนี้เค้าขายเนื้อสด ขายเป็นขีด มีหลายเกรด ราคาตามเกรดเนื้อเลย เค้าจะมีบริการย่างให้ด้วยนะคะ แต่จะต้องเป็นเนื้อ Kobeหรือ
เกรดแบบ A4 ขึ้นไป พนักงานหน้าร้านเค้าจะแจ้งเราอีกทีค่ะ ว่า อันไหนที่เค้าทำให้ได้บ้าง ตัวที่เราเลือกคือ Kobe A4 ขีดละ 1,700เยน ชิ้นที่เลือกมาประมาณ 2.7 ขีด คิดเป็นเงินรวมภาษี ก็เกือบๆ 5,000 เยน ค่ะ พอคิดตังเสร็จ เค้าก็จะทำการเอาเนื้อของเราไปย่างให้แบบ Steakขอบอกว่าความนุ่ม ชุ่มฉ่ำ มันคุ้มกับราคาอยู่น้า เพราะปีที่แล้วเราไปกินที่ Steak Land ที่ Kobeชุดอาหารเย็น เนื้อA3 200กรัม มีเครื่องเคียงเป็นผัก พร้อมน้ำเปล่า ชา กาแฟ ไอศกรีม ก็อยู่ที่คนละประมาณ เกือบๆ 6,000 เยน เราว่าราคานี้ก็ทานได้กรุบกริบ ให้ชื่นใจ
ตอนนี้เราก็จบกับมื้อแรกในญี่ปุ่นกับเดินกินที่ตลาดคุโรมง กันไปแล้วน้า ค่าเสียหายที่โดนไปมื้อแรก คือ 10,475 เยน ปาดเหงื่อเบาๆ เอาน่า เราก็มาเพื่อกิน
อยู่แล้วนี่เนอะ อิอิ
ตอนนี้ได้เวลาเช็คอินที่พักแล้ว เดี๋ยวเราจะไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่สถานี Nambaและ เราจะเดินจากสถานีNambaไป ที่ที่พักของเรา ที่อยู่ย่านชินไซบาชิ กันจ้า ดูจาก Google map เดินประมาณ 900เมตร แต่ทางเดินเป็นเส้นตรง เดินเรื่อย ๆ แถมจุดที่เดินก็มีหลังคาตลอด เราเลยเลือกที่จะเดินไป เพราะขึ้นรถไฟถึงจะแค่ป้ายเดียว แต่ต้องยกกระเป๋าขึ้นๆ ลงๆ เราเลยคิดว่าเดินเอาน่าจะสะดวกกว่า ว่าแล้วก็ไปกันเถอะ ที่พักของเราอยู่ห่างจากกุลิโกะแมน เพียง 700 เมตร เท่านั้น
วันนี้ก็ขอจบ Day1,2 ไว้เท่านี้ก่อนน้า เดี๋ยว Day 3 เราจะพาไปเที่ยววัดพุทธ แห่งแรกของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเราเซอร์ไพรส์ มาก ๆ เราได้เจอซากุระหลายสิบต้นที่วัดกำลังFull Bloomสวยมาก ๆ ต่อกันด้วยช่วงบ่ายไปทานเอนโดซูชิ เจ้าดังของโอซาก้า แต่ไม่ต้องไปยืนต่อคิวที่ตลาดปลา เราจะพาไปสาขาที่อยู่ในห้าง สำหรับใครที่ไม่อยากตื่นเช้า แนะนำมาที่สาขานี้เลยค่า ต่อด้วยไปเดินเล่น เดน เดน ทาวน์ สวรรค์ของคนรักอนิเมะ แห่งภูมิภาคคันไซ
แล้วเจอกัน Day 3น้า
เพื่อนๆ สามารถเข้าไปดูรีวิวแบบ VDO ได้ที่นี่เลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[CR] รีวิว เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง คันไซ โอซาก้า ช่วงซากุระ
นี่เป็นกระทู้แรกของเราค่ะ ถ้าผิดพลาดประการใดต้องขออภัย และ ขอคำชี้แนะ ด้วยนะคะ ^^
โดยกระทู้นี้เราจะมาแบ่งปันประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง2018 ช่วงซากุระบาน ใช่ค่ะ เกือบ 1 ปี พอดีเลย 555
โดยเป็นการเที่ยวญี่ปุ่นรอบที่ 2 ของเรา ในช่วงซากุระ เราวางแผนเที่ยวในแถบคันไซ และ ชูโกกุ เป็นเวลา 12 วัน 11 คืน
เมืองที่เราไป คือ Osaka,Kyoto,Kobe,Himeji,Mie, Okayama,Hiroshima
การเที่ยวของเราทั้งหมดจะเป็น One Day Trip นะคะ เราพักที่Osaka ทั้ง 11 คืน โดยสถานที่ ๆ เราจะไปเที่ยวนั้น เราจะเช็คข้อมูลการเดินทางแล้วว่า
ถ้าเที่ยวแบบ One Day Trip จะไม่เหนื่อยจนเกินไป แล้วก็ ไม่ชะโงกทัวร์ ^^’
สำหรับพาสที่เราใช้ จะมี 1. Jr Kansai Hiroshima 5 Day เราใช้เดินทางไป Himaji,Okayama,Hiroshima ,Kyoto
2. Kintestu Rail Pass 5 Day เราใช้เดินทางไปเที่ยวIse (จ.Mie)
3. Yokoso Osaka Ticket ใช้เดินทางจากสนามบินคันไซเข้าเมือง และ ได้ One Day Pass 1 ใบ ไว้ใช้เดินทางในOsaka
ติดตามอ่าน EP.2 ได้ที่นี่ค่า https://ppantip.com/topic/38741874
ติดตามอ่าน EP.3 ได้ที่นี่ค่า https://ppantip.com/topic/38753792
ติดตามอ่าน EP.4 ได้ที่นี่ค่า https://ppantip.com/topic/38782078
ติดตามอ่าน EP.5 ได้ที่นี่ค่า https://ppantip.com/topic/38872891
เรามาเริ่มเดินทางกันเลยดีกว่าค่า เราบินกับ Japan Airlines บินดึก ถึงญี่ปุ่นตอนเช้า โหลดกระเป๋าได้ 2 ใบ แต่น้ำหนักต่อใบ ต้องไม่เกิน 23 กิโลกรัม น้า
ขากลับเราเลยใช้วิธีพกกระเป๋างอก ไปแบ่งทอน น้ำหนัก ออกมาอีกใบจ้า
ได้เวลาเช็คอินแล้ว มายืนรอต่อแถวกันเลย
เช็คอินเรียบร้อย ก็ เข้ามาด้านใน มาหาอะไรรองท้องมื้อเย็นกันที่ King Power Lounge ของกินมีให้พอรองท้องกรุบกริบๆ ก๋วยเตี๋ยวไก่ ซาลาเปา เค้ก สลัด ชา กาแฟ น้ำอัดลม
กินเสร็จก็เดินเล่นนิดหน่อย แล้วก็มานั่งรอขึ้นเครื่อง พร้อมนอน อิอิ
เรามาถึงญี่ปุ่นสนามบินคันไซ ประมาณ 6:30 ผ่าน ต.ม. รับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว มาถึงเช้าขนาดนี้ขอเติมความสดชื่นด้วยการอาบน้ำที่ Lounge สนามบินกันหน่อย ราคาอยู่ที่คนละ 510 เยน จ่ายตอนใช้บริการเรียบร้อยค่ะ
ตอนที่เราไปติดต่อก็แจ้งว่าเราจะใช้บริการอาบน้ำ เค้าก็จะให้เหรีญเรามา 1 เหรียญ เอาไว้หยอดที่ตู้อาบน้ำ ในห้องของเรา (หน้าตาคล้ายๆ เหรียญ 10 บ้านเราเลย)
จะใช้เวลาในห้องน้ำ+ห้องแต่งตัว ได้ 1 ชั่วโมง แต่ในส่วนของน้ำที่ใช้อาบ จะไหลให้เราใช้ได้ 15 นาที
แต่เราสามารถกดหยุด และกดเปิดใช้ต่อได้ แต่ก็อยู่ในเวลา 15 นาที ที่ตรงฝักบัว จะมีเวลาโชว์ให้ดูด้วย ตามภาพคือเวลาที่เหลือที่น้ำฝักบัวจะไหลอาบเสร็จแล้วออกมาจ่ายตังตรง เคาน์เตอร์ ค่ะ
สดชื่นพร้อมเที่ยวละ ก่อนเข้าเมือง เห็นเคาน์เตอร์JR คน ไม่เยอะ เลยไปแลกพาสไว้ก่อน โดยตอนแลกเจ้าหน้าที่จะถามเราเลยว่าจะเริ่มใช้พาสวันไหน เค้าก็จะระบุวันที่จะเริ่มใช้ ลงไปที่พาสของเรา หลังจากนั้นเสร็จแล้วเราก็เดินไปทางฝั่งของNankaiเพื่อแลกตั๋วเข้าเมือง ที่เราซื้อมาจากไทย ใช้เวลาแป๊บเดียว ก็เสร็จเรียบร้อย
ลงมารอรถเตรียมเข้าเมืองแล้ว ขบวนที่เรานั่งจะเป็น Limited Express ค่ะ ใช้เวลาเดินทางจากสนามบิน ถึงNamba แค่ 38 นาทีเท่านั้น
เช็คตารางรถล่วงหน้าได้ที่นี่เลยค่า https://www.howto-osaka.com/en/traffic/train/timetable.html
บรรยากาศในรถจ้า
ถึงแล้ว สถานี Namba สถานีนี้ถือว่าเป็นสถานนีที่ใหญ่มาก และ มีสายรถไฟให้บริการหลายสายมาก ซึ่งเราก็หลงมาแล้วจ้า ประเดิมวันแรกนี่เลย 555
มาถึงแล้วก็ขอฝากกระเป๋าใบอวบของเรา 2 ใบก่อนน้า ตู้ล็อคเกอร์มีเยอะพอสมควรเลยค่ะ เดี๋ยวแปะรูปFloor Plan ไว้ให้น้า ตู้จะรับแค่เหรียญ 100 เยน เท่านั้นนะคะ แต่ไม่ต้องห่วงค่าเค้ามี เคาน์เตอร์ ให้แลกเหรียญได้ อยู่บริเวณใกล้ๆ กัน
ฝากประเป๋าเรียบร้อยสบายใจละ ไปเที่ยวกันเลย ประเดิมทีแรก ขอเอาฤกษ์เอาชัย ไปขอพรที่ศาลเจ้าสุมิโยชิ ไทฉะ กันก่อน ศาลเจ้านี้มีอายุ 1800 กว่าปี
ซึ่งในช่วงปีใหม่ จะมีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาขอพร สักการะเป็นจำนวนมากเกือบๆ 2 ล้านคน ต่อปี เป็นศาลเจ้าที่สมัยก่อนนักเดินทาง เดินเรือ จะมาขอพรให้แคล้วคลาดปลอดภัย
การเดินทางจากสถานี Namba ไม่ยากค่ะ นั่งต่อเดียวถึงเลย นั่ง Nankai Line ที่ Platform 7 นั่ง ไป 5 ป้าย ลงที่สถานี Sumiyoshitaisha Station เดินออกจากสถานี เลี้ยวซ้ายมองตรงไปก็จะเห็นศาลเจ้าเลย สังเกตเห็นสะพานสีแดงๆ แต่ไกลนู้น ไม่หลงแน่นอนค่ะ
จุดเด่นของศาลเจ้านี้อยู่ที่สะพานโค้งสีแดง ที่มีความโค้งมากถึง 180 องศา จึงทำให้เวลาเห็นภาพเงาสะท้อนในน้ำ เหมือนกับว่าสะพานเป็นรูปวงกลม แบบในภาพ แต่ว่า ภาพของเรามันไม่ค่อยกลมซักเท่าไหร่ 555 สงสัยแสงตกกระทบในมุมที่ไม่เหมาะ^^’
ที่ศาลเจ้าแห่งนี้มีความพิเศษคือ ปกติศาลเจ้าชินโตจะมีศาลเจ้าเอกเพียงศาลเดียว แต่สำหรับที่นี่มีถึง 4 ศาลเจ้าเอก
โดยจะสักการะตามลำดับตามในภาพนะคะ
ด้านในสุดยังมีศาลเจ้าย่อย ที่มีคนเข้ามาสักการะขอพรเกี่ยวกับการค้าขาย ชื่อศาลเจ้านันกุนฉะ มีเครื่องรางให้เราบูชากลับไปที่บ้านได้ด้วยค่ะ
ขอพรเป็นที่สบายใจเรียบร้อยแล้ว ต่อไปเราก็ขอประเดิม Trip ของเรา ด้วยอาหารการกินกันเลยละกัน อิอิ ที่ Kuromon Ichiba Market
เริ่มการเดินทางจากศาลเจ้า นั่งสาย Nankaiย้อนกลับมา 1 ป้าย ลงที่ Namba แล้วออกจากสถานี เปิด Google Map เดินต่ออีก ประมาณ 600เมตร ก็ถึงแล้วค่า
ถึงแล้วครัวแห่งโอซาก้า ไม่มาได้ไง อย่าแรกที่เราประเดิมก็คือขนม Shiroi Koibito555อยากกินมากตั้งแต่ปีที่แล้ว เจอร้านขายของฝากในตลาดคุโรมง
ก็เลยซื้อก่อนเลย 18 ชิ้น 1,xxx เยน ไม่แน่ใจ แต่รู้สึกว่าเค้าจะบวกราคาจากราคาปกติขึ้นมาหน่อย น้า
หอยเชลล์เสียบไม้ย่าง ราคาไม้ละ 850 เยน เราเลือกแบบที่ไม่มีเครื่องใน หอยตัวใหญ่มาก ทาซอสบาง ๆ ที่เราเลือกร้านนี้แบบไม่ต้องคิดมาก
เพราะปีที่แล้วเราก็มาทานที่ร้านคุณป้าค่ะ หอยสดมาก คุณป้าย่างสุกกำลังดี แกบอกเราว่าหอยมาจากฮอกไกโด เกรดเดียวกับที่ใช้ทำซาซิมิ เลย
จากร้านคุณป้าหอยเชลล์ เราก็มาต่อกันที่ เมลอน ขอผลไม้ล้างปากหน่อยอิอิ เมลอนสีเขียวราคาชิ้นละ 400 เยน จริง ๆ ซื้อ 2 ชิ้นคุ้มกว่า แต่ด้วยความงก
อยากเผื่อท้องไว้กินหลายๆ อย่าง เลยซื้อไม้เดียว แล้วก็ไม่ผิดหวังเลย เมล่อนหวาน หอม นุ่ม ฉ่ำ มาก ๆ จ้า
มาต่อ ๆ เดินมาเจอร้านขายสตรอว์เบอรี่ (ช่วงที่เราไปเป็นหน้าสตรอว์เบอรี่) เลยจัดมาอีก 2 แพค 1,900 เยน กะว่าเอาไปแช่ตู้เย็นไว้กินที่ ๆพัก ได้มาแบบสีแดง และสีขาวๆ ชมพูๆ เราชอบสีแดงมากกว่ารสชาติจะจัดกว่าสีขาว แต่สีขาวจะมีควาหอมละมุนๆ กว่า แต่ถ้าใครไปแล้วเจอช่วงหน้าสตรอว์เบอรี่ พอดี ก็จัดเลยค่า
เพราะถ้าลูกไซส์นี้ พันธ์แบบนี้ ยังไงราคาก็ถูกกว่าบ้านเราค่ะ
ต่อมาก็ร้านเนื้อเลยค่า ร้านนี้เค้าขายเนื้อสด ขายเป็นขีด มีหลายเกรด ราคาตามเกรดเนื้อเลย เค้าจะมีบริการย่างให้ด้วยนะคะ แต่จะต้องเป็นเนื้อ Kobeหรือ
เกรดแบบ A4 ขึ้นไป พนักงานหน้าร้านเค้าจะแจ้งเราอีกทีค่ะ ว่า อันไหนที่เค้าทำให้ได้บ้าง ตัวที่เราเลือกคือ Kobe A4 ขีดละ 1,700เยน ชิ้นที่เลือกมาประมาณ 2.7 ขีด คิดเป็นเงินรวมภาษี ก็เกือบๆ 5,000 เยน ค่ะ พอคิดตังเสร็จ เค้าก็จะทำการเอาเนื้อของเราไปย่างให้แบบ Steakขอบอกว่าความนุ่ม ชุ่มฉ่ำ มันคุ้มกับราคาอยู่น้า เพราะปีที่แล้วเราไปกินที่ Steak Land ที่ Kobeชุดอาหารเย็น เนื้อA3 200กรัม มีเครื่องเคียงเป็นผัก พร้อมน้ำเปล่า ชา กาแฟ ไอศกรีม ก็อยู่ที่คนละประมาณ เกือบๆ 6,000 เยน เราว่าราคานี้ก็ทานได้กรุบกริบ ให้ชื่นใจ
ตอนนี้เราก็จบกับมื้อแรกในญี่ปุ่นกับเดินกินที่ตลาดคุโรมง กันไปแล้วน้า ค่าเสียหายที่โดนไปมื้อแรก คือ 10,475 เยน ปาดเหงื่อเบาๆ เอาน่า เราก็มาเพื่อกิน
อยู่แล้วนี่เนอะ อิอิ
ตอนนี้ได้เวลาเช็คอินที่พักแล้ว เดี๋ยวเราจะไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่สถานี Nambaและ เราจะเดินจากสถานีNambaไป ที่ที่พักของเรา ที่อยู่ย่านชินไซบาชิ กันจ้า ดูจาก Google map เดินประมาณ 900เมตร แต่ทางเดินเป็นเส้นตรง เดินเรื่อย ๆ แถมจุดที่เดินก็มีหลังคาตลอด เราเลยเลือกที่จะเดินไป เพราะขึ้นรถไฟถึงจะแค่ป้ายเดียว แต่ต้องยกกระเป๋าขึ้นๆ ลงๆ เราเลยคิดว่าเดินเอาน่าจะสะดวกกว่า ว่าแล้วก็ไปกันเถอะ ที่พักของเราอยู่ห่างจากกุลิโกะแมน เพียง 700 เมตร เท่านั้น
วันนี้ก็ขอจบ Day1,2 ไว้เท่านี้ก่อนน้า เดี๋ยว Day 3 เราจะพาไปเที่ยววัดพุทธ แห่งแรกของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเราเซอร์ไพรส์ มาก ๆ เราได้เจอซากุระหลายสิบต้นที่วัดกำลังFull Bloomสวยมาก ๆ ต่อกันด้วยช่วงบ่ายไปทานเอนโดซูชิ เจ้าดังของโอซาก้า แต่ไม่ต้องไปยืนต่อคิวที่ตลาดปลา เราจะพาไปสาขาที่อยู่ในห้าง สำหรับใครที่ไม่อยากตื่นเช้า แนะนำมาที่สาขานี้เลยค่า ต่อด้วยไปเดินเล่น เดน เดน ทาวน์ สวรรค์ของคนรักอนิเมะ แห่งภูมิภาคคันไซ
แล้วเจอกัน Day 3น้า
เพื่อนๆ สามารถเข้าไปดูรีวิวแบบ VDO ได้ที่นี่เลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้